Jump to content

nutnano

CCTH Member
  • Posts

    56
  • Joined

  • Last visited

About nutnano

  • Birthday 30/11/2532

Profile Information

  • Civic Model
    FD
  • Gender
    Male
  • Location
    ปทุมวัน - ราชเทวี - พญาไท - บางหว้า
  • Interests
    Civic FD Sport Pearl

nutnano's Achievements

Newbie

Newbie (1/14)

20

Reputation

  1. จาก FD 1.8 E A/T (AS) Sport Pearl สู่ FB 1.8 E A/T Navi ครับ >>> Civic FB MY2014 ... ความเหมือนที่แตกต่าง FD กลายเป็นรถสำรองของที่บ้านไปเรียบร้อยแล้ว รอน้องสาวมารับช่วงต่อครับ
  2. การขับขี่ ทัศนวิสัย ด้านหน้า ดีกว่า FD เนื่องจากเสา A Pillar ไม่ได้ยื่นไปด้านหน้ามากเหมือน FD ทำให้การกะระยะทำได้ง่ายกว่า ด้านข้าง FD ดีกว่า เนื่องจาก FB ได้ย้ายตำแหน่งของกระจกมองข้างมาใกล้ตัวผู้ขับขี่มากเกินไป มุมมองในกระจกมองข้างยังไม่ดีเท่าที่ควร อัตราเร่ง ดีกว่า FD นิดเดียว แต่หากใช้ Econ Mode จะหน่วงนิดๆ ครับ แต่การเปลี่ยนเกียร์ Smooth ขึ้น ไม่มีการกระชากให้เห็น พวงมาลัยไฟฟ้า ไวกว่าคมกว่า พวงมาลัยไฮดรอลิคที่ผมเคยใช้ใน FD ครับ ไม่ต้องใช้แรงมากก็สามารถควบคุมการเลี้ยวได้ ทำให้สามารถมุดในเมืองได้ดียิ่งขึ้น ระบบเบรค เบรคยังแข็งไปนิดนึง ไม่นุ่มเหมือนกับ FD ที่เคยขับ คงต้องใช้เวลาปรับตัวซักพักครับ คันเร่ง อันนี้ขอติเลยครับ คันเร่งแบบ Organ Type ใน FD ก็ดีอยู่แล้ว ขับแล้วไม่ต้องเกร็งข้อเท้ามากนัก พอมารุ่นนี้ดันเอาออกซะงั้น อัตราสิ้นเปลือง ออกจาก 0 มา น้ำมันเหลือให้วิ่งได้ประมาณ 70 km เหลือ 3 เม็ด ผมเติม E85 ของ ปตท. เต็มถัง ประมาณ 1,200 บาท ... วิ่งมา 54.7 km น้ำมันยังไม่ลงซักเม็ดเลยครับ วิ่งได้อีกประมาณ 500 km (จากจอ iMID) ... ถ้าเป็น FD คันเก่า ออกจากปั้มมาประมาณ 5 km เม็ดแรกอาจจะลดได้ทันทีครับ (กินฝุดๆ) ซึ่งสมัยใช้ FD ผมจะเติม E20 ที่ปั้ม Shell ตรงสามย่านประจำ พอออกจากปั้ม เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพญาไท ไฟน้ำมันเม็ดแรก มักจะดับบริเวณสี่แยกประตูใหญ่ จุฬาฯ ประจำ ห่างจากปั้มเพียง 900 เมตรเท่านั้น!!! อะไรจะกินจุขนาดนั้น สรุป หลายอย่างดีขึ้นใน FB แต่บางอย่างก็แย่ลงจาก FD ครับ เบรคมือ FB อาจจะไม่สวยเท่า FD แต่การใช้งานง่ายกว่า ไม่ต้องออกแรงเยอะ (ของ FD นี่ดึงยากมากๆ ต้องใช้แรงพอสมควร โดยเฉพาะผู้หญิง อาจจะมีปัญหาในการดึงเบรคมือของ FD ได้ครับ) แต่เรื่องความประหยัดในยุคน้ำมันแพง ยกให้ FB เลยครับ ประหยัดมากมาย
  3. ส่วนของ 1.8 E ทุกรุ่นย่อย (1.8E / 1.8 ES / 1.8 E Navi) จะมีการเพิ่มปุ่ม Push Start เข้ามา ทำงานร่วมกับ Smart Key แต่ Option ของ 1.8 E ที่ถูกตัดคือไป Cruise Control ครับ โดยจุดนี้ ทำให้ผมต้องมาซื้อตัว Navi เพราะผมติดการใช้ Cruise Control เวลาเดินทางไกล และไม่อยากรื้อคอนโซลเพื่อติดตั้ง Cruise Control เพิ่มเติมภายหลัง ประกอบกับคันเร่งที่เปลี่ยนจาก Organ Type ใน FD มาเป็นแบบ Suspended Type ใน FB ทำให้เมื่อยเท่ามากขึ้นเวลาขับทางไกล โดย Cruise Control จะช่วยเรื่องนี้ได้ครับ (แต่ไม่อยากได้ชุดแต่งของ 1.8 ES หวยเลยมาออกที่ Navi ซึ่งมีทุกอย่างครบตามที่ต้องการใช้ครับ) และอีกอย่างที่ถูกตัดออกไปใน 1.8 E คือระบบปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลาได้ ส่วน 1.8 ES ขึ้นไป จะมีระบบเครื่องเสียงแบบ Advance Touch Audio หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รุ่นใหม่ล่าสุด มี USB ให้ถึง 2 ช่อง ไม่ต้องแย่งกันชาร์จไฟละ พร้อมกับ Port HDMI รองรับการเชื่อมต่อ Smart Phone และ Honda Link Application โดย USB จะมีในกล่องเก็บของตรงกลาง 1 จุด และใต้ที่ปรับแอร์อีก 1 จุดพร้อมกับ HDMI ครับ โดยเครื่องเสียงนี้สามารถใช้งานโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth รวมถึงฟังก์ชั่น AD2P เล่นเพลงผ่าน Bluetooth ได้ครับ เล่น DVD ได้ 1 แผ่น แต่ยังไม่มีใครปลดล๊อคให้ดูตอนขับรถได้ เห็นในคู่มือบอกว่า สามารถ Set Wallpaper ที่หน้าจอเครื่องเสียงได้ แต่ยังไม่ได้ลองครับ แต่ตอนนี้อยากหาฟิล์มกันรอยมาติดมากๆ เล่นไปเล่นมา รอยนิ้วมือเต็มจอ หน้าจอสำหรับเลือกการทำงานครับ ทำให้ Civic เข้าใกล้ความเป็น Accord เพิ่มมากขึ้น หน้าจอเครื่องเสียงในขณะที่มช้ Mode USB iPod ครับ แสดงชื่อเพลงเป็นภาษาอังกฤษ ไทย จีน ญี่ปุ่น ได้ครับ รองรับการเล่นไฟล์เสียงผ่าน Bluetooth ครับ แต่ส่วนตัวคิดว่า คุณภาพเสียงที่ออกมาจากการต่อ USB จะดีที่สุดครับ (ไม่นับการเล่นจากแผ่นโดยตรง) ตรงนี้ผมชอบมาก เพราะหลังจากตำรวจจราจรเริ่มเอาจริงกับการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ การมี Bluetooth Telephone เข้ามาในรถ ทำให้การรับโทรศัพท์ขณะขับรถง่ายยิ่งขึ้นครับ โดยเฉพาะสายเรื่องงาน ซึ่งไม่รับก็ไม่ได้ ไม่งั้นงานจะงอก (ส่วนตัวไม่ชอบใช้หูฟัง) และสำหรับ 1.8 E Navi ขึ้นไป จะมีระบบนำทาง Navigator รุ่นใหม่ ไม่แน่ใจว่าใช้ Software ของบริษัทใด แต่ไม่ใช่ Garmin เจ้าเดิมนะครับ การใช้งานค่อนข้างเร็ว ไม่หน่วงเท่าไหร่ และพร้อมทั้งระบบ TMC รายงานสภาพการจราจรผ่านคลื่นวิทยุ โดยจะมีแถบสีแสดงบนแผนที่เหมือนกับ Google Map เลยครับ เท่าที่กดดูเหมือนใช้คลื่น 88.5 MHz ในการส่งข้อมูลครับ
  4. ภายใน คอนโซลขนาดใหญ่ (แต่ยังเล็กเมื่อเทียบกับ FD) โดยความยาวจากขอบกระจกบังลม มาถึงขอบคอนโซลด้านใน มีความลึกน้อยกว่าคอนโซลของ FD แต่คอนโซลฝั่งผู้โดยสาร ของ FB ออกแบบได้มีประโยชน์กว่าของ FD ซึ่งมีความโค้งมากกว่า ทำให้คอนโซลของ FB สามารถใช้วางของได้ครับ แต่ชุดมาตรวัด เป็นอะไรที่ขัดความรู้สึกผมมาก เพราะจากเดิมที่ใช้ FD จะคุ้นหน้าคุ้นตากับคอนโซลหน้าตาแบบนี้ครับ ถึงแม้จะดูเรียบๆ ไม่หวือหวาเท่ากับมาตรวัดของ FB แต่ต้องยอมรับว่า มาตรวัด FD ให้ความหรูหรามากกว่า โดยเฉพาะตรงมาตรวัดรอบ รวมถึงช่องแอร์ที่ดูมีความสมมาตรมากกว่า และการใช้เส้นสายโค้งมนทำให้เพิ่มความหรูหราขึ้นมาอีกครับ แต่พอมาขับ FB ปั๊ป คนรอบตัวลงความเห็นว่า ถึง FB จะเป็นรุ่นใหม่กว่า แต่มาตรวัดของ FD สวยกว่าครับ ซึ่งอันนี้ผมยอมรับว่าจริง แต่ความรู้สึกผม ถ้าได้มาตรวัดรอบของ FD มาใส่ใน FB ส่วนข้างบนของ FB ก็ใช้ของ FB เหมือนเดิม จะเป็นอะไรที่ Perfect มาก ได้ทั้งความไฮเทคของมาตรวัดชั้นบน กับความหรูหราของมาตรวัดชั้นล่าง ภายในของตัว MC2014 นี้ จะมีความแตกต่างจากตัวก่อน MC อยู่หลายจุดเช่นเดียวกัน ส่วนที่แตกต่างทุกรุ่นย่อย ตั้งแต่ 1.8 S M/T ไปจนถึง 2.0 ES A/T Navi คือพลาสติกคอนโซล ส่วนที่ครอบเรือนไมล์ มีการเปลี่ยนสีจากสีเทา เป็นสีดำ มีประกายมุก (คล้ายๆ ของ FD) และที่คนใช้รุ่นก่อน MC เรียกร้องกับทาง Honda TH กันอยู่ คือ หน้าจอ iMID รองรับภาษาไทยครับ (แต่ยังไงผมก็ตั้งไว้ที่ภาษาอังกฤษอยู่ดี) มีการแสดงชื่อเพลงภาษาไทยด้วย การตกแต่งภายใน จะมีการใช้วัสดุสีดำเงาแบบ Piano Black ซึ่งเป็นเทรนด์การตกแต่งในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ แทนการใช้ลายไม้ เพื่อเพิ่มความหรูหราให้กับรถครับ โดยวัสดุสี Piano Black จะมีทั้งหมด 8 ชิ้นดังนี้ 1.ฝาครอบสวิตซ์ควบคุมกระจกไฟฟ้าที่ประตูทั้ง 4 บาน (4 จุด) 2.แผงควบคุมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (1 จุด) 3.บริเวณแผงบอกตำแหน่งเกียร์อัตโนมัติ (1 จุด) 4.ฝาครอบปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย (2 จุด) โดยการตกแต่งภายวนด้วยวัสดุสี Piano Black จะมีเฉพาะในรุ่น 1.8 E A/T Navi และ 2.0 ES A/T Navi เท่านั้นครับ
  5. Civic FB MY2014 1.8 E A/T Navi เพิ่งรับรถมาครับ ใช้ฤกษ์ออกรถวันที่ 4 สิงหาคม 9.19น. จากเดิมผมขับ FD 1.8 E A/T (AS) Sport Pearl อยู่ครับ ตัวพิเศษรุ่นสุดท้ายก่อนเปิดตัว FB ใช้งานมาจวนจะครบ 3 ปีแล้ว อาการประจำตัวของ FD เริ่มออก เช่นยางรองแท่นเครื่องทรุด ผ่านลูกระนาดแล้วมีเสียงดัง แร๊คพวงมาลัยเพาเวอร์รั่ว (สงสัยจะเป็นผลมาจากตอนที่ไปไหว้หลวงพ่อโสธร ถนนเส้นบางปะกง สภาพ...มาก) และสุดท้าย อาการยอดฮิตของ FD ที่มาโผล่ในรถคันเก่าของผมคือ "ต๊อกๆ" จากเดิมไม่ค่อยได้ยินเสียง แต่เริ่มจับอาการกินน้ำมันได้ ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก่อนใช้ในเมืองที่รถติดมากๆ ก็จับระยะทาง โดยน้ำมัน 1 ถัง จะวิ่งได้ประมาณ 250 km +/- 50 km แล้วแต่สภาพการจราจร (ค่อนข้างกินจุ) แต่ล่าสุด E20 1 ถัง ผมวิ่งได้เพียง 80 km เท่านั้น !!! (โดนบ่นจนหูชา) เนื่องจาก เครื่องเริ่มมีอาการอืด เร่งไม่ออก ต้องกดคันเร่งหนักขึ้น เกินครึ่งคันเร่ง ซึ่งแต่เดิมแต่แตะๆ รถก็พุ่งแล้ว พอไปเช็คก็เจอแจ๊คพ็อตจริงๆ ครับ ช่างที่ 0 บอกในสิ่งที่ไม่อยากได้ยิน และภาวนามาตลอดว่าขอให้ไม่เจอ "รถมีเสียงต๊อกๆ ที่เครื่องครับ" และราคาน้ำมันสูงขึ้น เอาคันนี้มาขับในเมืองไม่ดีแน่ๆ เติมน้ำมันทุกๆ 4 วัน ครั้งละ 1,000 บาท (เติมตอนเหลือ 6 จุดโดยประมาณ) เล่นกันขนาดนี้ รถมีน้ำมันกิน แต่คนขับไม่มีข้าวกินแน่นอน เลยลงความเห็นกันว่า ซ่อมเรื่องต๊อกๆ แล้ว เก็บไว้เป็นรถสำรองของที่บ้านดีกว่า จึงเป็นที่มาของ เจ้า FB MY2014 1.8E A/T Navi สีเงินอลาบาสเดอร์คันนี้ครับ FD คันเก่าที่รับใช้ผมมาเกือบๆ 3 ปีครับ ถ่ายตอนที่ถอดสเกิร์ตหน้าไปทำสีใหม่ครับ วันนี้เอาเขาไปรักษาอาการต๊อกๆ ที่ 0 สาทร พร้อมกับรับ FB ออกมาเลยครับ ... ของแถมคันนี้ไม่เอาครับ ผมอยากขับรถเดิมๆ มากกว่า ตอนจองได้ส่วนลดเงินสด 20,000 บาท ของแถมดังนี้ครับ - ประกันชั้น 1 คุ้มภัย เคลมได้ทุกศูนย์ (คันเก่าใช้ไทยวิวัฒน์ หาศูนย์ดีๆ เคลมยากครับ แต่ดีตรงที่ เวลาเคลม เขาเคลมอะไหล่ใหม่ให้เลย ไม่ต้องซ่อมครับ ผมเคลมสเกิร์ต FD ไป 3 รอบ กันชนหน้า 1 รอบ แก้มขวา 1 รอบ ได้ของใหม่ทุกรอบครับ) - ฟิล์มรอบคันบานหน้าเต็ม 40 รอบคัน 60 - ผ้ายาง (ฝั่งคนขับถูกเอาออกอยู่ดี เพราะมันลื่นเวลาขับครับ) - กรอบป้าย - ฟรีค่าจดทะเบียน หลังจากส่งเจ้า FD ไปรักษาแล้ว ก็เดินไปรับกุญแจ FB จากเซลล์ ตรวจสอบรถให้เรียบร้อย แล้วก็ขับ FB ออกมาเลยครับ ถึงแม้ว่า Civic FB Minorchange 2014 จะไม่เหมือนกับตัว US (ตัว FD MC ก็ไม่ใช่ตัว US ครับ FB ก็คงตามรอย FD เช่นเดียวกัน และ Honda TH ก็ไม่เคยบอกว่า FB MC จะเป็น US Version ครับ) หลายคนบ่นว่า ไม่ค่อยแตกต่างจากตัวก่อน MC เพราะดูเผินความแตกต่างจากตัวก่อน MC มีหลักๆ ที่เห็นชัดแค่ไม่กี่จุด แต่จริงๆ มีเยอะอยู่นะครับ อย่างแรก คือกระจังหน้า เป็นรูปตัว U ชุบโครเมียม โดดเด่นเป็นสง่า ดูคล้ายๆ กับตัว US Version อันนี้ตัวก่อน MC สามารถเปลี่ยนมาใช้ได้เหมือนกัน คล้ายๆ FD ที่ตัวก่อน MC มาใช้กระจังหน้าของตัวหลัง MC ได้เหมือนกัน แต่การเปลี่ยน ต้องเปลี่ยนกันชนหน้า MC ด้วย อย่างที่สอง กันชนหน้า สังเกตตรงหลังป้ายทะเบียน จะมีแถบโครเมียมเพิ่มขึ้นมา อย่างที่สาม ล้ออัลลอย ลายใหม่ เหมือนกับตัว MC US Version ครับ (MC 2014 นี้ เอาตัว US Version มาครับ มาแต่ล้อ 55+) มาพร้อมกับยาง Bridgestone Turanza ER30 แต่เดี๋ยวขับถึง 250 km จะเอาไปสลับกับ FD คันเก่า ที่ใส่ BS GR100 อยู่ครับ ชอบ GR100 จริงๆ เสียงเงียบมาก (เงียบจนทำให้ตรวจเจออาการต๊อกๆ) อย่างที่สี่ เพิ่มมาเฉพาะตัว 1.8E ทุกรุ่นย่อย คือ มือจับประตูโครเมียม พร้อมกับระบบ Smart Entry System อย่างที่ห้า อันนี้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าครับ ตอนแรกคิดว่าโบร์ชัวร์ลงผิด แต่ผมเช็คกับเพื่อนที่อยู่ Honda R&D แล้ว เขา Confirm ว่า ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า ในตัว MC จะเพิ่มขึ้นจากตัวก่อน MC เป็นระยะ 4 มิลลิเมตรครับ โดยจะมีระยะอยู่ที่ 1,499 มิลลิเมตร เกือบๆ เท่าๆ ตัว Hybrid (1,500 มิลลิเมตร) โดยตัวก่อน MC ระยะห่างระหว่างล้อคู่หน้า จะอยู่ที่ 1,495 มิลลิเมตรครับ ซึ่งส่งผลให้การขับขี่ การเข้าโค้งทำได้ดีขึ้น อย่างที่หก สำหรับรุ่น 1.8E ทุกรุ่นย่อยเช่นเดียวกัน คือ ฝากระโปรงหลัง นอกจากจะด้วยสวิตซ์บนรีโมตคอนโทรล หรือคันชักใต้เบาะคนขับแล้ว ยังสามารถเปิดด้วยสวิตซ์ไฟฟ้า เหนือป้ายทะเบียน เหมือนกับรถยุโรป เช่น BMW หรือ Mercedes Benz ทำงานร่วมกับ Smart Key
  6. ผมใช้ GR100 เงียบมากครับ แต่ใส่แล้วก็เครียดมาก เพราะได้ยินเสียงที่ไม่พึงประสงค์เต็มรถ อาทิเช่น เสียงต๊อกๆ TT แต่ก่อนใช้ NCT5 เสียงยางดังมาก จนไม่ได้ยินเสียงช่วงล่างหรือเสียงเครื่องเลย
  7. วันนี้ไปให้เพื่อนที่เคยขับ FD ที่เคยเจออาการต๊อกๆ มาช่วยเช็คครับ เช็คทั้งเสียง อัตราเร่ง เพื่อนผมบอกว่า มั่นใจว่าต๊อก 100% รถเร่งอืดขี้น ช่วงแรก รอบมาแต่ความเร็วไม่ใ่า เหยียบบนวงแหวนกาญจนา เมื่อยเท้ามากกว่าปกติ ยังไงเดี๋ยววันจันทร์ที่ 4 ฤกษ์ดี ไปรับ FB 2014 ออกจากศูนย์ ก็ได้ฤกษ์ส่ง FD ไปตรวจสอบอาการต๊อกๆ ไปด้วยเลย อดทนใช้รถไฟฟ้าไปซัก 2 วัน ...
  8. เดี๋ยววันจันทร์จะลองไปให้ 0 เช็คดูครับ ยังไงจะมาอัพเดทอาการครับ แต่เมื่อเช้าลองขับ มั่นใจว่าโดนแจ๊คพ็อตแน่นอน เพราะเข้าเกียร์ D ปล่อยไหล รถไปอย่างช้ากว่าปกติ (ความเร็วไม่เกิน 4 km/h) บางจังหวะหนักหน่อยก็ไม่ไปเลยครับ เหมือนขนข้าวสารหนักเป็นตันอยู่ท้ายรถอย่างนั้น (อุ๊ปส์)
  9. รถผมปี 2011 (Sport Pearl รุ่นพิเศษก่อนน้ำท่วม) คงเป็นล๊อตสุดท้ายที่ประกัน 3 ปี 100,000 โล ยังเหลืออยู่ และจะหมดประกันปลายปีนี้นะครับ แต่ตอนนี้ใช้มา 2 ปี 7 เดือน วิ่งไป 3X,XXX km ตอนนี้รถผมเวลาจอดในที่เงียบๆ รอบเครื่องเดินเบา เริ่มได้ยินเสียงต๊อกๆ รัวๆ มาจากเครื่อง ไม่ว่าจะเข้าเกียร์ R N หรือ D จะได้ยินตลอด ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็น เครื่องเงียบจนถึงขั้นทีว่าไม่รู้ว่ารถสตาร์ทอยู่ ตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าใช่เสียงต๊อกๆ ที่ร่ำลือกันหรือเปล่านะครับ เพราะผมเองก็ไม่ชัวร์ เช็คไม่เป็นเหมือนกัน ตอนที่เริ่มเป็นแรกๆ ผมรู้สึกแค่ว่า รถมันเร่งอืดขึ้น จากเดินที่ออกตัวแค่ประมาณ 1,500 รอบ รถก็พุ่งออกไปแล้ว แต่ตอนนี้เหมือนมีอาการรอรอบ หากติดไฟแดง จอดนิ่ง พอกดคันเร่งช่วง 1,000 - 2,000 รอบ รถจะไม่พุ่งออกไป จะมีแค่ไหลเรื่อยๆ ตามเกียร์ 1 เท่านั้น แต่ถ้ากดคันเร่งไปถึงประมานเกิน 2,000 รอบ รถจะพุ่งออก แต่ไม่ได้พุ่งแบบก่อนหน้านี้ มันจะพุ่งแบบกระชากเลยครับ แต่เมื่อตอนค่ำ ผมไปกินข้าวที่ห้าง ตอนลงจากที่จอดรถ หักพวงมาลัยสุด เหยียบเบรคไว้ ได้ยินเสียงค่อนค้างชัดเจน เหมือนมี ฮ. บินตามข้างหลัง (เปิดแอร์ไว้ เปิดวิทยุไว้ ยังได้ยิน) แต่อัตราการกินน้ำมันผมไม่เคยลองเช็คอะครับ เพราะปกติวิ่งในเมือง กทม. ชั้นในที่เจอรถติดตลอด E20 1 ถัง จะวิ่งได้ประมาณ 200 - 250 km เท่านั้น ที่เหลือ หมดไปกับการจอดแช่เพราะรถติด ส่วนหากวิ่งทางไกล E20 1 ถัง จะวิ่งได้ประมาณ 400+ km ครับ เลยอยากสอบถามพี่ๆ ที่ใช้รถรุ่นปี 2007 - 2010 รวมถึง 2011 ด้วยนะครับ ว่าอาการนี้ 1.ใช่ ต๊อกๆ ที่ร่ำลือกันหรือเปล่าครับ 2.ถ้าเคลมตอนนี้ ได้เปลี่ยนเครื่อง หรือผ่าเครื่องอะครับ ถ้าผ่าเครื่องเปลี่ยนแค่ท่อนล่าง ทางบ้านคงไม่ยอมให้ผ่าให้รถช้ำ 3.Final Claim ก่อนหมดประกัน ต้องให้ตรวจสอบตรงไหนบ้างอะครับ อยากเคลียร์ให้หมดก่อนหมดประกันปลายปีนี้ ตอนนี้กลัวว่าจะได้เข้า อะคาเดมี่ ต๊อกๆ เทเชีย รุ่นสุดท้ายสินะครับนี่ ถ้าได้เข้าคลับต๊อกๆ จริง ผมคงได้เอา FB 2014 มาใช้ถาวร ...
  10. สวัสดีครัช ไม่ได้เข้ามานาน ตอนนี้ไม่ทราบว่า ชาว SP มีใครเรียบร้อยโรงเรียนต๊อกๆ แล้วบ้างครับ ของผม จวนจะ 3 ปี 3x,xxx โล ต๊อกๆ เรียบร้อยละครับ เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เวลาเร่ง กินน้ำมันเยอะขึ้น รุ่นสั่งลา ว่าจะไปเจอแล้ว ดันมาเจอจนได้ อย่างเซ็ง
  11. เงียบเหงาจัง ตอนนี้สงสัยผมคงต้องออกจากกลุ่ม Pearl แล้วสิครับ เปลี่ยนสีเป็นขาวออร์คิด (สีของ Accord G9) เรียบร้อย เพราะรับไม่ไหวกับความเหลืองของสี NH-636P อะครับ ไปจอดเทียบกับ MB E300 BLUETEC Hybrid AMG/ BMW Z4 E89/ Mitsubishi Space Wagon ทั้ง 4 คันที่บ้าน สีขาวหมด ปรากฏว่า FD ผมกลายเป็นสีครีมเลย เหมือนไอศครีม วานิลลา ของ SwensenS กันเลยทีเดียว ...
  12. ผมใช้อยู่ครับ ขอให้ 0 ใส่ตัวนี้ให้เลย ตอนเช็ค 30,000 โล 0 ใส่ 5W40 มาให้ เร่งไม่อกเลยครับ ใช้ไป 120 โล ทนไม่ไหว ให้ 0 ถ่ายทิ้ง แล้วเอา 0W20 ใส่แทนครับ ออกตัวไวปรู้ดปราดเลย
  13. เห็นแต่ละคน 200+ ทั้งนั้น ผมแค่ 165 บนทางด่วนศรีรัช ระหว่างรอยต่อมอเตอร์เวย์ - ด่านศรีนครินทร์ ผมก็ซีดแล้วค้าบ กวาดตาลงไปมองเลขที ถอนแทบไม่ทัน กลับไปบ้าน อีก 3 วันมี จม.ส่งมา โดนปรับไปตามระเบียบ!!!
  14. อยากถามว่าปกติเติม นมค. ตัวไหนกันอะครับ ตั้งแต่ออกรถมา ใช้ 0W20 ของ 0 มาตลอด มาเมื่อวันเสาร์เอาเข้าเช็ค 30,000 โล ที่ 0 เปลี่ยนเป็น 5W40 มาให้ ขับไปแค่ 100 km ผมเริ่มอยากจะเปลี่ยนกลับเป็นตัวเดิมเลย รถอืดกว่าเดินมาเลยครับ
  15. สลับกันไปครับ ตามอารมณ์ ระหว่าง V-Power Nitro+ 95 กับ Shell E20
×
×
  • Create New...