Jump to content

dikiboyz

CCTH Member
  • Posts

    285
  • Joined

  • Last visited

  • Days Won

    2

Everything posted by dikiboyz

  1. สงสัยผมต้องลองโทรถามหลายๆ ศูนย์ดูล่ะ เผื่อได้
  2. งานเข้าล่ะ สงสัยต้องเสียตังเองแล้วครับงานนี้
  3. เท่าที่จำไม่ผิด เหมือนเคยได้ยินว่า Honda ประเทศไทย ขยายระยะรับประกันยางแท่นเครื่องของ Civic FD เป็น 6 ปี 1xx,xxx กิโล หรือป่าวครับ หา Post ไม่เจอ แล้วต้องเป็นรถปีไหนขึ้นไป พอดีเหมือนอาการยางแท่นเครื่องจะทรุด รถสั่นสะท้านทั้งคัน ยิ่งเวลาเครื่องเย็น สตาร์ทตอนเช้าๆ ใส่เกียร์ R แล้วสั่นมาก ว่าจะเอาไปเครม ไม่รู้ยังได้อยู่ไหม รถ Civic 1.8 MC ปี 2011
  4. เท่าที่ลองมา และหลายๆ คนลองมา หาอ่าน comment ดู บอกว่า muspec เบรคดีกว่า ดูดเท้ากว่าเดิม ระยะเบรคสั้นลง ดีกว่า ผ้าเบรคเดิมติดรถ มันคือเหตุผลที่เขา เปลี่ยน muspec แทนผ้าเบรคเดิม กัน แต่เสียงดังกว่าเดิม เพราะมันผสมโลหะทองแดง แต่ คุณ koko_power บอก การเบรคสู้ผ้าเบรคเดิมไม่ได้ ขอคำขยายความเพิ่มเติมหน่อยครับ อยากเห็นมุมมองอื่นบ้าง เผื่อเปลี่ยนกลับไปใช้ของเดิมศูนย์
  5. เอามันได้ ขายต่ออีกเรื่อง ปล.เห็นเกียร์ขายอยู่ 18,000 บา เกียร์เก่า (มือสองมั้ง)
  6. New SR มันเป็นอารมณ์รถบ้านอยากได้อารมณ์สปอร์ตอะครับ ถ้านึกไม่ออก ลองนึกภาพ Civic Modulo ดู อารมร์คล้ายๆ กัน - ถ้าใส่กับ สปริงเดิม มันจะมีอาการเด้งๆ นิดหน่อย เพราะค่า K ของสปริง เริ่มไม่ค่อยเหมาะกับความหนืดของ new SR (ใส่ได้ แต่ก็จะเจออาการดังกล่าว) แล้วเวลาจั้มแรงๆ มันจะสะเทือนกว่าโช้คเดิม แน่ให้ความรู้สึกแน่นกว่า - ถ้าใส่กับ สปริงแต่ง/สปริงซิง จะออกประมาณ สตั้ทปรับเกรียวเลย บางเจ้า แต่ปั้มนุ่ม หนึบ ไม่ได้ เพราะ ความหนืดของ new SR มันมากกว่า โช้คเดิม หรือ excel G (ผมเคยใส่กับ H-TECH กำลังพอดี สำหรับผม แต่ตอนนี้กลับเดิมแล้ว) คหสต. น่ะ
  7. ถ้าผ้าเบรคศูนย์ แล้วดัง กึ๊กๆ น่าจะผิดปกติ ลองตรวจสอบดูพวกสลัก หรือ หาจารบีทาที่หลังผ้าเบรคดูครับ แต่ถ้า ผ้าเบรค นอกศูนย์ ดังกึ๊กๆ อาจจะเป็นอาการปกติ ปล. ผ้าเบรค muspec ดังกึ๊กๆ แค่ช่วงผ้าเบรคเย็นครับ พอร้อนแล้ว เสียงหายนะครับ
  8. ต้องถอดเองเลยเหรอพี่ทอมมี่ หรือให้ร้านถอดให้ เข้าใจว่า ถอดไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย(ถ้าไม่เคยทำ)
  9. เมื่อรถเข้าปีที่ 6 ก็คงเข้าสู period ที่ต้องมีอาการ โน่น นี่ นั้น แล้วซิน่ะ ตั้งแต่ใช้รถมา เข้าปีที่ 6 เพิ่งมีอาการ กระจกมองข้างไฟฟ้าด้านคนขับ(ขวา) คือ พับบ้างไม่พับบ้าง ซึ่ง เมื่อผมกดเปิด-ปิดๆๆ ซ้ำ ก็หายเอง อยากสอบถาม เพื่อนๆ พี่ๆ CCTH ว่าอาการนี้ ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไรครับ ข้อสังเกตุ 1. ผมเคยเจอในบอร์ดเรานี่ละบอกว่า อาการนี้เป็นที่เฟืองเล็กๆ ที่อยู่ในกระจก ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ สำหรับพับกระจก = ถ้ามันแตก หรือ รูด ต้องเป็นตลอด จริงไหมครับ 2. ตอนที่มันไม่ยอมพับ ไม่ได้ยินเสียงมอเตอร์เลย เงียบกริ๊ป(ถ้าเฟืองรูดหรือแตก จะได้ยินแต่เสียงมอตเตอร์หมุน แต่ กระจกไม่พับ) 3. ผมเลยเดาว่า มันเป็นที่ตัวมอเตอร์เอง หรือ ระบบสายไฟ หรือป่าว เพิ่มเติม ที่ไม่ยอมพับ จำได้ว่าประมาณ 3 ครั้ง ช่วงอาทิตย์ที่แล้ว ผมเลยรอดูอาการ แต่ตอนนี้พับได้ปกติ เลยไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร ขอบคุณล่วงหน้า สำหรับแนะนำครับ
  10. อัพเดท เปลี่ยนมาแล้วครับ สรุป ลูกปืนล้อหลังดัง แต่ดังข้างเดียว(ข้างขวา) แต่ตัดสินใจเปลี่ยนทั้ง 2 ข้าง เอาสบายใจ และเพื่อจะได้ต้องเข้ามาเปลี่ยนบ่อยๆ ถือว่า นับ 0 พร้อมๆ กันทั้ง 2 ข้าง ค่าใช้จ่าย 4,200 รวมติดตั้ง ปล. ของนับตั้งแต่ที่ดัง รวมระยะทางวิ่งไประมาณ 1 พันโล เพราะดังตอนกลับ ตจว. ช่วงปีใหม่ ขาออกต่างจังหวัด(สังเกตุว่าได้ยินเสียงตอนนั้นเลย) แล้ววิ่งกลับประมาณ 550 โล แล้ว วิ่งใช้งานในกรุงเทพฯ อีกประมาณ 500 โลได้ เพิ่งเปลี่ยน ณ วันนี้
  11. อ้อครับ ผมเพิ่งรู้ว่าลูกปืนล้อหลังเกี่ยวกับ ABS ด้วย งั้นผมคงต้องให้ร้านหาให้แล้วครับ กลัวซื้อไปผิด รถผมรุ่น 1.8E AT(AS) ครับ ส่วนยี่ห้อลูกปืน ผมก็คงเน้นของยุ่น เพราะของยุโรปไม่ค่อยรู้จัก กลัวโดนของไม่ค่อยมีคุณภาพ ส่วน เปลี่ยน ถ้า ณ ตอนนี้ คงต้องเปลี่ยนเลยครับ เพราะหลวมๆ ไม่หลวมไม่รู้ แต่หนวกหูมาก พอดีผมลองเช็คราคาในบอร์ดดู ยี่ห้อเดียวกัน บางเจ้า ขายหลักพันกว่าๆ ต่อ ข้าง (2 พันกว่าๆ ต่อคู่ล้อหลัง) แต่บางเจ้าก็ ข้างล่ะ 2 พันกว่า (4 พันกว่าๆ ต่อคู่ล้อหลัง) เลยไม่รู้ว่า ราคาประมาณไหน ยังไง
  12. พอแนะนำ ยี่ห้อ ลูกปีนล้อหลัง ได้ไหม เห็นๆ ขายในบอร์ดเรา เห็นมีอยู่ 2 ยี่ห้อ ราคาก็แตกต่างกัน (ขนาดยี่ห้อเดียวกัน ราคายังต่างกันเลย) จะสั่งซื้อไปเอง หรือว่า ไปที่ร้านซื้อพร้อมเปลี่ยนเลย
  13. อ้อ เพิ่งรู้ว่าอายุลูกปืนล้อหลัง ประมาณ 1 แสนโล แล้วล้อหน้าละครับพี่ตี อายุมันประมาณนี้ด้วยหรือป่าว มันจำเป็นต้องเปลี่ยนพร้อมไหม
  14. ถ้าเป็นเช่นนั้น คงได้เปลี่ยนลูกปีนล้อใหม่แล้วใช่ไหมครับพี่ตี และต้องรีบเปลี่ยนด่วนไหม เพราะถ้าขับในกรุงเทพฯ ไม่มีเสียงเลยนะครับ งานเข้าอีกละซิ วิ่งมา 65,XXX โล ปกติเขาเปลี่ยนกันช่วงระยะเท่าไหร่ครับ ลูกปืนล้อเนี๊ยะ
  15. อ้อ ใช่ครับ ผมเข้าใจผิดเอง ทีแรกนึกว่าเป็นครัชคู่ แนว Ford แต่พอดูมา เป็นเกียร์ 6 Speed แบบ Torque Converter
  16. สืบเนื่องจากช่วงปีใหม่ กลับ ตจว. ปกติใช้รถอยู่ กรุงเทพฯ ขับความเร็วเฉลี่ยประมาณ 100 km/h แต่พอออกต่างจังหวัด ก็ใช้ความเร็วหน่อย ประมาณ 100-140 km/h ปรากฏว่า มี "เสียง" สังเกตุได้ดังนี้ 1. เสียงจะเริ่มได้ยินชัด ช่วง 80 km/h ขึ้นไป ยิ่งเกิน 130 km/h จะได้ยินชัดมาก ดังพอสมควร 2. เสียงดังเหมือน รถใส่ท่อซิ่ง หรือ เสียงเหมือน มอเตอร์ไซต์ 4 จังหวะ เกียร์ออโต้พวก Click/Fino วิ่งข้างๆ ตลอดเวลา ดัง "วื๊อ-------------" ดังยาวต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน 3. เสียงจะดังขึ้น ดังขึ้น ตามความเร็วรถ ยิ่งขับเร็ว ยิ่งดัง 4. เสียง tone จะกลางๆ ไม่ทุ้ม ไม่แหลม ไม่ใช่เสียงเสียดสี 5. เสียงน่าจะมาจากส่วนท้าย(ครึ่งกลางรถไปทางด้านท้าย) ไม่แน่ใจว่าเป็นยางหอน ลูกปืนล้อ ท่อไอเสียรั่ว(ท่อพัก ท่อเส้นกลาง) หรืออื่นๆ ที่เป็นไปได้
  17. CX3 , Mazda3 , CX5 ตัวเบนซิน ถ้าเข้าใจไม่ผิด จะเป็นเกียร์ตัวเดียวกันหมดครับ ต่างกันที่อัตราทด แต่จะต่างกันอีกทีคือ เบนซิน กับ ดีเซล
  18. ถ้ามีอะไหร่ หรือแจ้งก่อน น่าจะไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง ครับ(ถ้าไม่มีคิว) พอดีผมเอาไปเครมตอนเช็คระยะ 1 แสนโล เลย เข้าไปเช้า เสร็จเย็นๆ ครับ
  19. มองในแง่ดี ตัวหลักน่าจะเป็นฮอนด้าประเทศไทย ผมไม่อยากโทษศูนย์บริการ ผมก็เข้าไปตรวจสอบเอง ถามเอง สุดท้ายรถผมปี 2010 (ออก 30 ธ.ค. 2010 จดทะเบียน 2011) ก็ได้เครมเหมือนท่านเลยครับ 2 รายการ ด้านคนขับ
  20. 1. ยางเป็นไงบ้างครับ ตอนเปลี่ยนยางมาใหม่ๆ 2-3 เดือนแรก วิ่งเจอรอยต่อทางด่วนแทบไม่มีเสียงหรือสะเทือนเลย(นิ่ม เงียบ) แต่พอเลยปีไปแล้ว เสียงดัง "ตั๊บๆ" แล้วความสะเทือน สะท้าน ก็ตามมา 2. ติดแก๊สไหมครับ เช็คดูสภาพโช้คหลังด้วย อาการท้ายโยน ท้ายเป๋ อาจจะมาจากโช็คหลังทำงานไม่ปกติ 3. ตรวจสอบลมยางด้วยครับ ไม่ใช่เฉพาะยางอ่อน หรือแข็ง นะครับ ล้อซ้าย-ขวา(ทั้งคู่หน้า หรือคู่หลัง) ต้องให้แรงดันเท่ากันหรือไกล้เคียงกันให้มากที่สุด อาการโยน หรือ กระแทกไป-มา ก็เกิดขึ้นได้ 4. อื่นๆ รถผมเข้าปีที่ 6 ละ ยังไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ แค่ 3 ปี ผมว่าเรื่องอายุการใช้งานของพวกบูช น่าจะยังไม่ถึงกับต้องเปลี่ยน (ยกเว้นมีปัญหาเป็นรายชื้น) ปล. ลองทำตามคำแนะนำพี่ตีกับพี่ทอมมี่ดูครับ ปัญหาแบบนี้ มันเกิดได้จากหลายปัญหาจริงๆ ต้องค่อยๆ จับทีละจัด +1 +1
  21. ถามในบอร์ด Honda คุณก็จะได้คำตอบส่วนใหญ่ที่ค่อนไปทางฮอนด้าหมดละครับ แต่ คหสต. วัดกันที่ตัว TOP เครื่องเบนซินละกัน (HR-V ไม่มี Diesel) ณ เวลาปัจจุบัน - เครื่องยนต์ HR-V เป็น 1.8 (น่าจะเครื่องเดียวกับ FB 1.8) ส่วน CX-3 เป็น 2.0 ฉีดตรง(น่าเครื่องเดียวกับ Mazda 3 แต่จูนแรงม้าน้อยกว่า) ---> ส่วนตัว ผมเลือก CX-3 - เกียร์ HR-V เป็น CVT ส่วน CX-3 เป็น 6 สปีด ครัชคู่ ---> ส่วนตัว ผมเลือก CX-3 แบบไม่ต้องสงสัย ไม่ได้รังเกียจ CVT นะ แต่ชอบเกียร์ 6 สปีดครัชคู่มากกว่า - ช่วงล่าง HR-V เป็นปีกนกหน้า-หลัง ส่วน CX-3 ปีนกหน้า แต่หลังเป็นคาน ---> ส่วนตัว ต้องไปนั่ง ไปขับดูก่อนว่า ชอบแบบไหนมากกว่ากัน - ภายนอก ---> ส่วนตัว ผมให้เสมอ (ถ้าวัดกันจริงๆ ณ วันนี้ ผมถือว่า HR-V ชนะ เพราะออกมานานกว่า แต่ยังให้เสมอ แสดงว่า ยังไม่ตกรุ่น) - ภายใน ---> ส่วนตัว ชอบภายในของ HR-V มากกว่า (ไม่ชอบตรงจอของ CX-3 มันเหมือนเอา Tablet มาแปะไว้ๆ คล้ายๆ CLA ซึ่งส่วนตัวไม่ชอบ และพับเก็บไม่ได้ด้วย) - ความปลอดภัย HR-V มีแต่พวกถุงลม ส่วน CX-3 มีกว่านั้นคือ มีช่วยเบรค เตือนออกนอกเลน เตือนจัดอับสายตา ---> ส่วนตัว ผมเลือก CX-3 - ระบบช่วยเหลือ จำพวก traction control , stability control , hill asist บลาๆ ---> พอๆ กัน กินกันไม่ลง - Infotainment ---> อันนี้แล้วแต่ชอบเลย - ราคา ---> เลือก model ที่ชอบ แล้วตัดสินใจเอง - อัตรการกินน้ำมัน ---> ต้องวัดเป็นตัวเลข อันนี้หาดูรีวิวตามเว็ปต่างๆ เอาได้ (ถ้าชอบที่รถ ข้อนี้ส่วนมาก คนจะไม่สนใจแล้ว) สรุป 1. เลือกคันที่ชอบ (สำคัญสุด 100 คนบอก ถ้าไม่ชอบ ก็คงไม่มีประโยชน์) 2. เลือกคันที่ตอบโจทย์การใช้งาน (แต่ต้องผ่านข้อ 1. ด้วย จริงปะ) 3. เลือก model เทียบกับราคา และเงินในกระเป๋า(ไฟแนนท์) ปล. ถ้าให้เลือก ณ วันนี้ ผมเลือก CX-3 ครับ (คหสต)
  22. เหมือนหลายๆ ท่านว่ามาครับ อะไหร่เก่าต้องคืน เขาจะใส่ถุงใส่กล่องให้มา ยิ่งถ้าเป็นกรณี ลูกค้า ซื้อหรือนำอะไหร่ดังกล่าไปเอง ถ้าไม่ใช่อะไหร่ยี่ห้อเดี่ยวกับของศูนย์ เช่น พวกกรอง หัวเทียน ผ้าเบรค หรืออะไหร่อื่นที่สังเกตุได้ด้วยตา(ยกเว้นพวกของเหลว) เขาไม่กล้าทำหรอกครับ
  23. สงสัยคงต้องสั่งเหมือนคุณ ppopp ว่านั้นละครับ ดูจะสะดวกสุด จริงๆ มันก็ได้หมดนะครับ แล้วแต่สะดวก แต่พอดีผมจะเข้าเช็ค 1 แสนโลที่ศูนย์ แล้วมันถึงระยะที่ต้องเปลี่ยน(ไมล์จริง 6X,XXX โล) หรือถ้าไม่เข้าศูนย์แล้ว เขาอู่ข้างนอก ยังไม่ได้ต้องเปลี่ยนก็ได้นะผมว่า คหสต.
  24. กรณีแบบนี้ละ น่าเกรียจ ครับผมว่า อันนี้ผมเห็นนานแล้วครับ แต่ไ่ได้สนใจเพราะคิดรถผมเองจะไม่โดน สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนด้านคนขับ แต่คงเข้าไปเปลี่ยนเดือนหน้า แค่ที่อยากจะสื่อว่า ขนาดศูนย์ฮอนด้า ยังไม่รู้เลย ประกาศตั้งแต่ 10/07/22015 (4 เดือนที่แล้ว) แล้วคนทั่วไปจะไปรู้ได้ไงครับ ประกาศ recall แบบนี้ ข่าวหรือประกาศ ต้องไปฝ่ายวิ่งเข้าไปถึงผู้บริโภคเองครับ เช่น ออกข่าว หนังสื้อพิมพ์ หรือช่องทางอื่นๆ ไปเลย (หรือผมว่ากั๊กมากกว่า หรือกลัวเสียหน้า) ไม่ใช่ให้ผู้บริโภค หาทางหรือเข้าหาประกาศด่างกล่าว อย่างที่ผมบอก ถ้าคนใช้รถทั่วไป ไม่ได้เล่นเน็ตหรือเล่นแต่ไม่อยู่ใน car club หรือสนใจเรื่องรถมาก เขาต้องไปนั่ง monitor ว่าวันไหน ค่ายรถ หรือ web site ค่ายรถ จะประกาศ recall เกี่ยวกับปัญหารถคันที่เขาใช้งาน ผมว่าแย่มาก
×
×
  • Create New...