-
Posts
381 -
Joined
-
Last visited
-
Days Won
2
Content Type
Profiles
Forums
Events
Everything posted by ken_style
-
ใช่ครับผม
-
บังเอิญขับรถกลับจากพม่า ผ่านมาแถววัดท่าขนุน ทองผาภูมิ เห็นมีงานทอดกฐินเลยแวะไปร่วมทำบุญ เจอรถใน club คงเป็นรถที่มาร่วม งานทอดกฐิน รถสวยเงาวับสะดุดตาจนต้องเดินเข้าไปดู ยินดีที่ได้รู้จักครับ
-
เรายืนกลางรุ่มถ่ายภาพกันไม่นาน ฝนเริ่มลงเม็ดหนาขึ้นเลย รีบเดินทางกลับมายังหน่วย ช่วงขากลับต้องเดินผ่านป่าทึบ และข้ามลำธารเล็กๆอีกเป็น 10 สายสภาพป่าก็เริ่มมืดลงเรื่อยๆทั้งๆที่เพื่งจะเป็นเวลาบ่าย พวกเราเดินกันไวมาก เจ้าหน้าที่เร่งเดินแทบไม่ได้หยุดพักเลย เพิ่งมาเฉลยทีหลังตอนหลุดมาจากป่าทึบช่วงนั้น เจ้าหน้าที่เขาเห็นสภาพป่าแล้วรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก เขาเลยเร่งพวกเรา อย่างว่าคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าเขาอาจจะมี six sense เกี่ยวกับรหัสของป่าที่คนเมืองอย่างเราไม่อาจรู้ได้ เราเก็บภาพเป็นที่ระลึกตรงชายป่า ก่อนกลับไปถึงหน่วย ขากลับเราเดินกลับผ่านไปทางเส้นน้ำตกตะคร้อ น้ำตกวังเหว เหวอีอ่ำ และตาดหินยาว และยังมีอีกหลายน้ำตกที่อยู่บริเวณนั้น ซึ่งเป็นต้นน้ำของแก่งหินเพิง เราอำลาหน่วยตอนประมาณ 6 โมงแวะกินข้าวเย็นแถวตัวเมืองปราจีน ก่อนเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่คอยติดตามชมน่ะครับ เจอกันใหม่ทริปหน้า ซึ่งเป็นทริปเล็กทริปน้อยที่ยังไม่ได้เอาลง และทริปใหญ่ปลายปีนี้ครับ
-
จุดหมายต่อไปคือน้ำตกตาขนดำ จัดแจงเก็บสัมภาระเพื่อเดินทางต่อ โดยการเดินย้อนกลับไปทางเก่า และข้ามลำธารกลับไปเหมือนเดิม หลังจากนั้นเลาะสำธารไปเรื่อยๆ หลังจากข้ามลำธารมาได้สักพัก check จำนวนดูปรากฎว่าหายไปคนนึง เจ้าหน้าที่เลยออกตามหาเสียเวลาอยู่ เกือบชม.พลัดหลงกันตอนขึ้นจากลำธาร เพื่อนผม "พรานดำ" เดินอยู่กลุ่มแรก เลาะลำธารไป ส่วนกลุ่มผมเดินกลุ่ม 2 เดินตัดทางขึ้นป่าไผ่ แล้วทีนี้ มันเดินอยู่ท้ายสุดกลุ่มแรก ดันทะลึ่งนั่งพัก เพื่อรอกลุ่ม 2 แต่กลุ่ม 2 เดินตัดทางใหม่ทำให้ไม่เจอกัน พอไปตามตัวกลับมาได้ ยังคุยโม้ว่าไม่หลง เพื่อนผู้หญิงแทบอยากโดดถีบ เดินทางกันต่อไป เรื่อยๆ ฝนก็ตกตลอดทั้งวันเป็นอุปสรรคในการเก็บภาพมาก แต่ในที่สุดก็มาถึงจนได้ น้ำตกตาขนดำ เป็นน้ำตกขนาดไม่เล็กมาก เกิดจากการทรุดตัวของแผ่นหิน สูงประมาณ 4 เมตร สภาพน้ำไหลแรงมาก ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำ
-
..เช้าตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข เสียงนกขับขานดังก้องไพร จนไม่อยากลุกจากเปลเลย ช่วงแรกอาจจะร้อนอยู่บ้างแต่พอตกดึกอากาศเริ่มเย็น น้ำตกฟองสบู่ กว้างประมาณ 30 เมตร สูงประมาณ 10 เมตร เล่นน้ำได้แต่ชายขอบเท่านั้น น้ำแรง ตกลงไปมีหวังเรียบร้อย เดินไปชมวิวน้ำตกที่น้อยคนจะได้เข้ามาสัมผัสกันซักหน่อย ซักหน่อย จากการสำรวจจังหวัดปราจีนเป็นจังหวัดที่มีน้ำตกมากที่สุดในประเทศไทย เฉพาะที่ตัวอำเภอประจันตคามมีน้ำตกถึง 17 แห่ง
-
ถึงจุดตั้งแคมป์แล้ว ตอนแรกจะตั้งใกล้ริมน้ำ แต่กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะฝนตกตลอดมีโอกาศเกิดน้ำป่าได้ จึงเขยิบขึ้นมาตั้งไกลจากริมน้ำหน่อย ทำเลไม่ค่อยดีนักเพราะเต้มไปด้วยฝูงมด ที่ขึ้นมาคอยหาเศษอาหารตลอดเวลา แต่ก็ต้องจำใจ เพราะหาทำเลไม่ได้แล้ว จัดแจงอาหารเย็นเรียบร้อย หาถ่ายภาพพันธ์ไม้รอบๆแค้มป์ที่พัก ไปก่อน เพราะใกล้ค่ำแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยมาถ่ายน้ำตกกันใหม่
-
ตลอดเส้นทางเดินส่วนใหญ่จะอยู่ในดงทึบและชื้นแฉะ เพราะมีฝนตกอยู่ตลอดทาง ซึ่งเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าเราต้องการเที่ยวป่าหน้าฝน ส่วนตัวแล้วชอบเดินป่าในขณะฝนตกมากกว่าเพราะมันช่วยคลายร้อนได้มาก ช่วงนี้เริ่มลงไปสู่ลำธารข้างล่างแล้ว เดินเลียบลำธารไปสักระยะเพื่อมองหาบริเวณที่กระแสน้ำไม่เชี่ยวมาก เพื่อที่เราจะข้ามไปอีกฝั่ง ไปได้อย่างปลอดภัย เจ้าหน้าที่จัดการโรยเชือกขึงข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง แล้วให้เพวกเราเดินเกาะเชือกไปเรื่อยๆ
-
ครั้งนี้เราจะไปเดินป่าหน้าฝนที่เขาใหญ่กัน ด้านบนเขาจะมีน้ำ และป่าเขียวขจี น้ำตกหลากหลาย ครั้งนี้ผมเลือกที่จะไปเดินป่าเขาใหญ่ เส้นทางน้ำตกฟองสบู่ น้ำตกตาขนดำ โดยขึ้นทางด้าน จ.ปราจีนบุรี หน่วย ขญ.10 ตั้งใจจะแอบไปคนเดียวแต่เพื่อนรู้ข่าวซะก่อน เลยขอติดตามมาด้วยอีก 3 คน รวมกับคนอื่นทที่มาแจมอีก 2 เป็น 6 คนนำทริปให้พี่ปอง ใบสน 2 ใบเป็นคนนำทริป เช่นเคย ออกเดินทางเช้าวันเสาร์ แวะซื้อเสบียงทานข้าวแถวเส้นรังสิต-นครนายก ถึงหน่วย ขญ.10 ก็ประมาณสัก 10 โมงกว่า ถึงหน่วยก็จัดแจงแพคของ จัดเป้ ได้พี่เจ้าหน้าที่ 1 คน น้ำทาง พร้อมลูกหาบอีก 2 คน สำหรับคอยดูแล พวกเรา 6 คน เริ่มเดินหลังหน่วย จุดหมายแรกนอนที่น้ำตกฟองสบู่ ระยะทางประมาณ 8 กม. คาดว่าใช้เวลาสัก สี่โมงเย็น น่าะถึงจุดตั้ังแคมป์ หลังจากเดินไปตั้งต้นที่หลังหน่วยไต่ขึ้นเนินไปเล็กน้อยจะเป็นทางราบ เส้นทางส่วนใหญ่ของทริปนี้จะเป็นทางราบและเดินตัดลำธารซะส่วนใหญ่ เลยทำเวลากันได้ดี สภาพป่าช่วงแรกเป็นป่าค่อนข้างรกทึบ เนื่องจากไม่ค่อยมีคนเดินเท่าไหร่ เจ้าหน้าที่นำทางพาเราหลงอยู่หลายครั้ง เพราะไปเดินตามทางช้าง ดีที่มีลูกหาบชาวบ้านที่จำภูมิประเทศได้ดีกว่าเจ้าหน้าที่อุทยานคอยเปิดเส้นทางใหม่ๆให้ เพราะป่าไม้มันขึ้นบังเส้นทางไปหมด หลังจากเดินดงที่ไม่เห็นแสงตะวันมาพักใหญ่ก็ตัดลง ดงหญ้าคาค่อยเห็นท้องผ้าขึ้นมาหน่อย ช่วงดงหญ้าคาจะเป็นทางตัดลงสู่ลำห้วยเบื้องล่าง เมื่อลงมาแล้วจะเป็นดงไม้ไผ่ขึ้นเต็มไปหมด
-
น้ำตกฟองสบู่ - น้ำตกตาขนดำ การเดินทาง จากตัวเมืองปราจีนบุรีไปตามทางถนนปราจีนบุรี-ประจันตคาม เส้นทางหลวงหมายเลข 3452 ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 33 จนถึงสี่แยกประจันตคาม แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนน รพช. หรือจะใช้เส้นทางสี่แยกเนินหอมแล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 33 จนถึงสี่แยกประจันตคาม ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนน รพช. ประมาณ 16 กิโลเมตร และเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร จนถึงตัวน้ำตกตะคร้อ ตรงน้ำตกตะคร้อ จะเป็นที่ทำการของ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หน่วยความรับผิดชอบที่ 10 (ขญ. 10) ระยะทางเดินเท้าไปกลับ 16 กิโล ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน
-
ทุ่งดอกหงอนนาค เป็นสิ่งที่ทุกคนนึกถึงเมื่อคิดจะมาเยือนภูสอยดาว และจำเป็นต้องมาหน้าฝนเท่านั้น ดอกหงอนนาคจะเริ่มบานเต็มทุ่งตั้งแต่ต้นเดือนสิงหา ไปจนถึงปลายกันยา ดอกหงอนนาค จะมีชื่ออีกชื่อทีเพราะมาก คือ น้ำค้างกลางแดด เพราะว่าดอกนี้จะเริ่มบานตอนเที่ยงๆไปถึงเย็น เราเดินชื่นชมดอกหงอนนาคและทัศนีย์ภาพบนลานสนไปเรื่อยๆเป็นวงรอบใหญ่ ถึงแม้ว่าช่วงที่เราไปดอกหงอนนาคจะยังบานไม่เต็มที่ก็เถอะ ดอกหงอนนาคตอนบานเต็มที่ ดอกหงอนนาคตอนหุบ ดอกเอนอ้า หรือ โคลงเคลง กระดุมเงิน หรือ มณีเทวา
-
ตัดมาเช้าวันที่ 2 หลังจากซัดดาวลอยแก้หนาวไปค่อนคืน หลับเป็นตาย ฝนสาดเข้าเต้นท์ยังไม่รู้สึก ตื่นเช้ามาหลังจากได้ยินเสียงตะโกนเรียก กินข้าวได้แล้วจร้า จากนู่จิ๊บ แม่ครัวคนเก่งของเรา เลยลุกมาล้างหน้า แปรงฟันทำกิจวัตรเสร็จ (การใช้น้ำบนภูสอยดาว จะมีกฎว่าให้เดินไปตักน้ำที่ลำธารมาใช้อาบน้ำ หรือทำธุระส่วนตัว ในห้องอาบน้ำที่ทาง อช.ทำไว้ให้ ห้ามลงไปอาบน้ำในลำธารเด็ดขาด ) ก็มาล้อมวงกินมื้อแรกกัน สภาพที่พักบริเวณ camp
-
กว่าจะมาถึง camp เดินอยุ่ 8 ชม ขึ้นมาเป็นคนท้ายๆของ คณะเลย วันนั้นมีคนขึ้นกันประมาณ ไม่ต่ำกว่า 300 คน สภาพบนลานสนเหมือนค่ายอพยพดีๆนี่เอง ใครถึงก่อนก็จับจองที่ หุงหาอาหารกัน แต่วันนั้นเกิดความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่อุทยานขับรถนำลูกหาบพร้อมสัมภาระมาส่งอีกเขาลูกหนึ่งเพื่อย่นระยะทางกลายเป็นว่า ช้ากว่าเดิมมากแต่ละทัวร์รอลูกหาบกันนานมาก กลุ่มของพวกผมดีที่เต้นท์มาถึงก่อน และอาหารบางส่วนก็พอมีบ้าง เลยทำกินเท่าที่มีมา คืนนั้นกว่าลูกหาบจะขนสัมภาระขึ้นมาถึงก็ตี 3 แทบทุกคนไม่มีชุดเปลี่ยนยืนหนาวกัน ฝนก็ตกทั้งคืน ถุงนอนก้อยุ่ที่ลูกหาบนอนในเต้นท์ก็นอนไม่ได้ พื้นเย็นและเจิ่งนองไปด้วยน้ำ แต่เห็นลูกหาบแล้วสภาพน่าสงสารมากไม่ใส่เสื้อเดินแบกของกลางป่าค่ำๆมืด ลุยฝนขึ้นมา ตัวสั่นปากซีดกันเป็นแถว บางกลุ่มลูกหาบมาถึงเช้าวันถัดไป ทรมานกันแทบทุกคณะ คณะไหนมีอะไรก็ช่วยแบ่งๆกันทั้งของกินของใช้ นี่แหละน้ำใจของคนเดินป่าด้วยกัน
-
เส้นทางขึ้นภูสอยดาวจะเป็นดังภาพข้างล่าง เริ่มออกเดินประมาณ 10.00 น. เส้นทาง 1,200 เมตรแรก จะเดินสบายๆ ผ่านน้ำตกสอยดาว เดินเลียบน้ำ ระหว่างทางอาจจะเห็นดอกบัวผุด ขนาดเล็ก เส้นทางจะเริ่มชัน เป็นขั้นบันไดจาก เนินส่งญาติ ถึง เนินปราบเซียน จากนั้นก็ชันน้อยลงบ้าง เมื่อเดินถึง เนินป่าก่อ ก็ได้ระยะทาง 3,700 เมตร กว่าครึ่งระยะทางแล้ว จากนั้น ก็ถึง เนินเสือโคร่ง ณ จุดนี้ ปกติก็ใกล้เวลาพักกินอาหารเที่ยง ชมวิว ดูหมู่เมฆได้ชัดเจน จากนั้นเริ่มเดินขึ้น เนินมรณะ ที่ชันค่อนข้างมาก และจะถึงจุดชมวิว ที่ระยะ 6,200 เมตร จากนี้ก็ไม่มีที่ชันอีกแล้ว เริ่มเห็นดอกหงอนนาค และดอกไม้อื่นๆกระจายทั่วพื้นที่ ท่ามกลางสายหมอกและหมู่สนสามใบ เดินอีกเพียง 300 เมตร ถึงลานสน ช่วงนี้จะไม่ค่อยได้ถ่ายภาพ เพราะฝนตกไปตลอดทาง เดี๋ยวตก เดี๋ยวหยุดจนขี้เกียจใส่เสื้อกันฝน ช่วงเนินส่งญาติเนินแรกจะเป็นอะไรที่หนักสุดสำหรับผมแล้ว เพราะมันทั้งชันและเมื่อยมากๆ และดันกินเหล้าก่อนมาเลยเกิดอาการหน้ามืดตั้งแต่เนินแรก เกือบจะถอดใจแล้ว ยาดมก็ไม่มี ควักนีโอติก้าบาล์ม ยานวดมาดมแก้ขัดจนค่อยยังชั่วเลยเริ่มเดินต่อ
-
ทริปเดินป่าแบบลุยๆกลับมาอีกแล้ว คราวนี้จะพาไปเที่ยวป่าหน้าฝนกันดูบ้าง มีวันหยุดยาวช่วงวันแม่ เลยจัดไป 3 วัน 2 คืน ออกเดินทาง 3 ทุ่มใช้เวลา 7 ชม ถึงตลาดชาติตระการ พิษณุโลกแวะซื้ออาหารขึ้นไปทำกินกันข้างบน แล้วเดินทางต่ออีก 2 ชม. ไปถึงศูนย์บริการ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว นำของฝากไปชั่งน้ำหนัก ให้ลูกหาบแบกขึ้นไปตอนนี้ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 30 บาทแล้วน่ะครับ หลังจากทานอาหารเช้าที่ร้านค้า รอบๆ ที่ทำการ รับอาหารกลางวันคนละ 1 ห่อ น้ำดื่มคนละ 2 ขวด เสื้อกันฝนบาง 1 ตัว ก็ทะยอยกันเดินขึ้นได้เลย ไม่ต้องกลัวหลง เพื่อนร่วมทางเพียบวันนั้น ลูกหาบตัวกระเปี๊ยกแต่ใจเกิน 100 กับน้ำหนักบนหลังที่หนักอึ้งเพื่อแลกเป็นค่าเทอม สิ่งที่ชาวบ้านได้จากป่าคือรายได้จากการต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยการทำหน้าที่ลูกหาบแบกสัมภาระขึ้นยอดดอย ระยะทางไปกลับ 14 กิโลกว่า เพื่อหารายได้ยามว่างจากการทำไร่ทำนามาจุนเจือครอบครัว ไม่ว่าจะเหนื่อยเพียงไหน ลูกหาบคนนี้ผมนั่งคุยกับเขา เขาบอกว่า "เหนื่อยไงก็ต้องทน ท่องไว้ในใจ เพื่อลูก เพื่อลูก เท่านั้น"
-
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด ท้องที่ตำบลม่วงเจ็ดต้น ตำบลนาขุม ตำบลบ้านโคก อำเภอบ้านโคก อำเภอห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ตำบลบ่อภาค อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร มีจุดเด่นที่น่าสนใจและเป็นที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยว ได้แก่ น้ำตกภูสอยดาว เป็นน้ำตก 5 ชั้น มีเนื้อที่กว้างประมาณ 1,000 ไร่ มีความสวยงามมาก มีถนนลาดยาง เข้าถึงพื้นที่ทำให้สะดวกสบายในการเดินทางพักผ่อนหย่อนใจ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว มีเนื้อที่ประมาณ 212,633 ไร่ หรือ 340.21 ตารางกิโลเมตร อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว แต่เดิมเป็นวนอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ได้สำรวจจัดตั้งเป็นวนอุทยาน แห่งชาติภูสอยดาว โดยสำนักงานป่าไม้เขตพิษณุโลก เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2533 มีพื้นที่เพียง 20,000 ไร่ จนกระทั่งปีงบประมาณ 2535 กรมป่าไม้ได้จัดสรรงบประมาณให้สำนักงานป่าไม้เขตพิษณุโลกทำการสำรวจพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อผนวกเข้ากับพื้นที่เดิมของวนอุทยานภูสอยดาว ผลการสำรวจพื้นที่เพิ่มเติมในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด ท้องที่อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และในเขตป่าไม้ถาวรตามป่าภูสอยดาวท้องที่อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ป่าภูสอยดาว ท้องที่อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ตามมติคณะรัฐมนตรีได้เนื้อที่รวม 48,962.5 ไร่ หรือ 78.34 ตารางกิโลเมตร ต่อมาสำนักงานป่าไม้เขตพิษณุโลกได้มีหนังสือที่ กษ 0725.07/5819 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2536 เรื่อง ขอจัดตั้งวนอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวเป็นอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ได้รายงานให้กรมป่าไม้ทราบว่า พื้นที่วนอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด ท้องที่อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ และเขตป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรีป่าภูสอยดาว ท้องที่อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นภูเขาสูงชัน บางจุดสูงจากระดับน้ำทะเล 1,600 เมตร เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และเป็นพื้นที่ชายแดนติดต่อประเทศลาว ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของชาติ มีจุดเด่นที่น่าสนใจเป็นที่ดึงดูดให้ประชาชน นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชม ได้แก่ น้ำตก 5 ชั้น ชื่อว่า ภูสอยดาว มีเนื้อที่กว้าง 1,000 ไร่ มีความสวยงามมากและพื้นที่ใกล้เคียงยังมีสภาพป่าธรรมชาติที่สมบูรณ์ สามารถผนวกเป็นเขตอุทยานแห่งชาติได้อีกเป็นจำนวนมาก จึงเห็นสมควรที่จะรักษาพื้นที่ป่าแห่งนี้ไว้เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว