Jump to content

อยากทราบว่า fd ปี 2011 สามารถใช้น้ำมัน E20 ได้หรือเปล่าคับ


Recommended Posts

อยากทราบว่า fd ปี 2011 สามารถใช้น้ำมัน E10 และ E20 ได้หรือเปล่าคับ เห็นฝาน้ำมันติดว่าเติมได้ แล้วมันจะมีผลเสียกับเครื่องหรือเปล่าคับ ส่วนตัวตั้งแต่ใช้รถมายังไม่เคยลองเติม E10 ก่ะ E20 เลย รบกวนผู้รู้ช่วยแชร์หน่อยนะคับ

Link to comment
Share on other sites

คือถ้าผมเติม โซฮอล 91 อยู่ตลอดตั้งแต่ซื้อรถ แล้วอยู่ดีๆเปลี่ยนไปเติม E20 เลยมันจะมีปัญหาอาไรมั้ยคับ

Link to comment
Share on other sites

ของผมก็ civic fd 2011 ช่วงเเรกก็เติม เบนซิน 91 ตลอดหลังๆมาก็เติม e20 ตลอดเติมได้ครับรุ่นนี้รองรับเเล้วครับ เเต่อัตราเร่งจากความรู้สึกผมนะ จะออกตัวอึดๆ เอาง่ายๆสู้ 91 กับ โซ 95 ไม่ได้ครับ

Link to comment
Share on other sites

คือถ้าผมเติม โซฮอล 91 อยู่ตลอดตั้งแต่ซื้อรถ แล้วอยู่ดีๆเปลี่ยนไปเติม E20 เลยมันจะมีปัญหาอาไรมั้ยคับ

เติมได้ตั้งแต่ 2008 แล้วครับ ของผมก็ 2008 ครับ ถ้านึกอยากเติมก็เติมได้เลยครับ สลับไปมาได้ตามใจไม่ต้องรอให้หมดถัง ขออย่าเป็น diesel ก็พอ

 

ปล. โซฮอล์ 91 ที่คุณเติมอยู่ หรือ โซฮอล์ 95 นั่นมันก็คือ e10 นั่นแหละครับ

Link to comment
Share on other sites

ตั้งแต่ปี 2008 ขึ้นไป เติม E20 ได้หมดครับ


 


จะเติมสลับ ผสมยังไงก็ได้ อย่าหลงไปเติมดีเซลหรือ E85 เป็นพอ 


Link to comment
Share on other sites

ผมว่าน่าจะถามว่า เติม E85 เลยดีกว่าครับ 555  เติมได้เลย ไม่มีปัญหา รองรับอยู่แล้วครับ อิ อิ

Link to comment
Share on other sites

เข้ามายกนิ้วให้เลย ถ้าไม่เคยเติม E10 (แก๊สโซฮอล์ 91 95)

สมุติว่าถ้ายังไม่เคยเติม ณ ปัจบันนี้ แสดงว่าคุณก็เติมน้ำมัน เบนซิล 95 อยูสิครับ เพราะ 91 เลิกขายแล้ว ผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ

ถ้าเป็นแบบนี้ ผมยกนิ้วโป้งให้ 4 นิ้วเลย คุณเหลือมาก

Link to comment
Share on other sites

ขออนุญาตยืมความเห็นจากคุณ jchoomal  ในเวปเพื่อนบ้านครับ...มาแชร์กันอีกต่อนึงครับ...

 

 

การผสมเอทานอน ในน้ำมันเบนซินนั้น จากการที่สารเอทานอนให้พลังงานปริมาณความร้อนที่ต่ำกว่า และอีกประการหนึ่งคืออัตราส่วนผสมของเชื้อเพลิงหลังจากน้ำมันถูกฉีดเข้าไป พบว่าอัตราส่วรเปลี่ยนไปโดยปกติการเผาไหม้ของเครื่องยนต์จะมีอัตราส่วนผสม ของอากาศ : เชื้อเพลิงที่ประมาณ 14.7 : 1 (น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว) แต่เมื่อใช้นำ่มันแก๊สโซฮอล์อัตราส่วนนี้จะเปลี่ยนไปเป็นเบาบางลงกลายเป็น 15.1-15.2 : 1 ซึ่งกล่องควบคุม ECU ก็จะปรับแต่งค่าการจ่ายน้ำมันผ่านหัวฉีดมากขึ้นเพิ่อให้ได้อัตราส่วนที่ กำหนด เครื่องยนต์ก็สามารถยังทำงานได้อย่างมีประสิทิภาพเหมือนเดิม แต่ว่าอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น วัดเป็นตัวเลขได้เท่ากับ 3-5 % ดังนั้นน้ำมันแก๊สโซฮอล์จะมีอัตราการสิ้นเปลืองมากกว่าในการวัดพลังงานที่ ได้ต่ออัตราการสิ้นเปลือง หรือที่เรามักเปรียบเทียบกันอยู่เสมอว่าได้กี่กิโลลิตรนั่นเอง ซึ่งข้อนี้บริษัทผู้ผลิตทั้งหลายเก็บเงียบไม่ยอมออกมาเปิดเผย
อีกปัญหาหนึ่งที่ควรรู้ก็คือหากขับที่ความเร็วรอบไม่เกิน 2500 รอบ เจ้ากล่องควบคุม ECU ก็จะปรับแต่งค่าการจ่ายน้ำมันที่เหมาะสมได้แน่นอน บวกกับระบบควบคุมวาล์วไอดีไอเสียแบบ VTEC ของฮอนด้าด้วยพลังงานที่ได้ก็เหมือนเดิมละครับ แต่หากขับกันที่รอบสูงมากที่เจ้าปีกผีเสื้อเปิดกันเกือบสุด (near full throttle) แถว 4000-5000 รอบละก้อ กล่องควบคุม ECU มันจะเปลี่ยนการทำงานมาเป็น แบบ open loop มันจะควบคุมไม่ได้อีตอนนี้แหละ ที่แรงหายไปวูบๆๆๆ เพราะรอบเครื่องกวาดอยู่แถวๆ 5,000 แต่ส่วนผสมดันเปลี่ยนจาก 14.7:1 กลายเป็น 15.1:1 นี่ละมั่งที่ทำให้บรรดานักซิ่งทั้งหลายบอกไม่ชอบแก๊สโซฮอล์


สำหรับอัตราการสิ้นเปลื้องผมว่าในทางปฎิบัต ิปัจจัยแล้วเรื่องพฤติกรรมของผู้ขับรถมีปัจจัยมากกว่าในเรื่องนี้ ใช่ไหมครับเพื่อนๆ ใครชอบลากรอบเครื่องยนต์ออกรถแรงๆ ขับเร็ว ล้วนแล้วแต่ทำให้เปลื้องกว่าใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ทั้งสิ้น บวกกับราคาของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ที่ถูกกว่า โดยรวมก็ทำให้ผู้ใช้รถประหยัดกว่าไม่ใช่หรือ

เมื่อมีการใช้แก๊สโซฮอล์แล้ว ยังสามารถลดการนำเข้าสาร MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether) ซึ่งเป็นสารเพิ่มปริมาณออกซิเจนเพื่อเพิ่มค่าออกเทนได้อีกด้วย ที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องนำเข้าสาร MTBE ปีละ 3,000 ล้านบาท ขณะที่แก๊สโซฮอล์ใช้เอทานอลสามารถหาได้ภายในประเทศ และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเหมือนกับ MTBE ซึ่งย่อยสลายยาก (มลรัฐหลายแห่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มประกาศยกเลิกใช้สาร MTBE สำหรับประเทศไทย กำหนดไว้ภายในปี 2550)

ตานี้มาถึงข้อสงสัยคำถามก็คือ จะเติมอะไรกับเจ้า FD ของเราดี

ตอบ
ผมขออธิบายดังนี้ ไม่ว่าจะเป็นนำ้มันแก๊สโซฮอล์หรือน้ำมันเบนซิลไร้สารตะกั่ว มันก็ผสมสารเพิ่มออกเทนอยู่แล้ว ตามที่อธิบายมา ขอสรุปดังนี้

น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 95 ทั่วไป = น้ำมันเบนซิน 91+ สาร MTBE ในปริมาณ 5.5 - 11% Vol + สารพิเศษตามสูตรของแต่บริษัท(สาร MTBE นำเข้าจากต่างประเทศ)
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 = น้ำมันเบนซิน 91+เอทานอล ในปริมาณ 10 % Vol. + สารพิเศษตามสูตรของแต่บริษัท
(เอทานอลผลิตจากพืชเกษตร เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด)

น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 91 ทั่วไป = น้ำมันเบนซินค่าออกเทนต่ำ (83-89) + สาร MTBE ในปริมาณ 5.5 - 11% Vol. + สารพิเศษตามสูตรของแต่บริษัท(สาร MTBE นำเข้าจากต่างประเทศ)
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 = น้ำมันเบนซินค่าออกเทนต่ำ (83-89) +เอทานอล ในปริมาณ 10 % Vol. + สารพิเศษตามสูตรของแต่บริษัท
(เอทานอลผลิตจากพืชเกษตร เช่น มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด)

นั่นก็คือทั้งสองอย่างมีพื้นฐานมาจากน้ำมันเบนซินที่มีค่าออกเทนต่ำมาผสมสาร เพิ่มออกเทนให้เป็น 91 หรือ 95 สารที่เติมก็ประมาณ 10 % Vol . ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าออกเทนมันจะลดลงได้เอง หรือกลัวว่าแก๊สโซฮอล์จะมีการเปลี่ยนแปลงค่าออกเทนจะลดลง
ทั้งสาร MTBE หรือ เอทานอล มีคุณสมบัติติดไฟที่จุดวาบไฟต่ำ ระเหยง่ายเช่นเดียวกับน้ำมันเบนซิน และสามารถจะรวมตัวกันได้อย่างดี หากค่าออกเทนจะมีค่าลดลงจากการระเหย สาร MTBE หรือ เอทานอลจะต้องระเหยหายไปอย่างเดียวหรือมากกว่าตัวน้ำมันนะครับ

และในทางปฎิบัติเราก็บรรจุในภาชนะปิด ถังน้ำมันปิดที่มีการควบคุมการระเหยอยู่แล้ว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงค่าออกเทนจึงไม่เกิด หรือมีก็น้อยมาก อีกทั้งค่าออกเทนที่ผลิตจะกำหนดที่ขั้นต่ำ คือไม่ต่ำกว่า 91 หรือ 95 นะครับ

น้ามันออกเทน 95 ใช้กับเครื่องยนต์เก่าๆ ที่ออกแบบมายังไม่ค่อยมีคุณภาพ เครื่องยนต์มีปัญหาการน็อคในเครื่องยนต์ได้ง่าย การปรับแต่งก็ทำได้ยาก เพราะยังไม่มีระบบอิเล็กทรอนิก มาตรวจวัดแล้วปรับแต่ค่าให้เหมาะสม
ช่างได้แต่ปรับแต่ที่รอบเดินเบา และก็ที่ความเร็วรอบใช้งานปกติ การปรับแต่งมีความยุ่งยากเพราะยังใช้ระบบคาร์บิวเรเตอร์ การจ่ายน้ำมันเพื่อผสมกับอากาศในแต่ละกระบอกสูบมันควบคุมยาก กระบอกลูกสูบทั้ง 4 มีระยะห่างใกล้ไกลผิดกันทำให้ส่งน้ำมันไปไม่เท่ากัน และที่ความเร็วรอบสูงก้ยิ่งมีปัญหา ทำให้มีอัตราการผสมน้ำมันเบาบางไปทำให้เกิดการน็อค และจ่ายไฟไปหัวเทียนก็แบบเก่าก็อาจมีปัญหาจากชุดจานจ่าย จึงต้องการน้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงมาช่วย ทำให้เวลาเครื่องเย็นก็สตาดเครื่องได้ง่าย เวลารอบเครื่องสูงการจุดระเบิดก็ยังคงพอจะเป็นไปได้ไม่เกิดการน็อค

ปัจจุบันจนการออกแบบเครื่องยนต์ให้ใช้น้ำมันค่าออกเทนต่ำ คือ ออกเทน 91 จึงเป็นมาตรฐานของรถยนต์ที่ถูกผลิตขึ้นมาในปัจจุบัน และในอนาคตน้ำมันค่าออกเทน 95 จะถูกยกเลิก ไม่มีการผลิตอีกต่อไป

 

 

แต่ จขกท. เติมโซฮอล91 มันคือ E10 อยู่แล้วครับ..... 

 

ส่วน E20 ก็คือ E10 แต่เพิ่มปริมาณของ เอทานอล ในปริมาณ 20 % Vol. เข้าไปครับ...

 

เติม E20 ได้ครับ  แต่อัตราการสิ้นเปลืองเยอะกว่า E10 นิดหน่อย  และจะเกิดความร้อนในห้องเผาใหม้สูงขึ้นกว่าเดิมบ้าง

 

แต่บริษัทผู้ผลิตได้เปลี่ยนวัสดุให้ทนต่อความร้อนที่เกิดขึ้นดังกล่าว แระครับ....ผมเติม E20 มา เกือบ 5 ปี 182,000 km. ยังปกติดีอยู่ครับ....

Link to comment
Share on other sites

เติมได้ครับ ผมเติมตลอดวิ่งในเมือง ออกต่างจังหวัดเมื่อก่อนเติม91 ตอนนี้โซฮอล91ครับ ไม่ต้องรอหมดถังครับ

Link to comment
Share on other sites

 

คือถ้าผมเติม โซฮอล 91 อยู่ตลอดตั้งแต่ซื้อรถ แล้วอยู่ดีๆเปลี่ยนไปเติม E20 เลยมันจะมีปัญหาอาไรมั้ยคับ

โซฮอล 91 มันก็คือ E10 ครับ

Link to comment
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

Loading...
×
×
  • Create New...