Jump to content

sceng_me

CCTH Member
  • Posts

    43
  • Joined

  • Last visited

  • Days Won

    2

Everything posted by sceng_me

  1. ผมก็เข้าไปเครมถุงลมมาแล้วครับ ที่ศูนย์ก็ถามเหมือนกันว่ามีจดหมายไปแจ้งหรือเปล่า ผมก็บอกไม่มีแต่ได้ข่าวมาเลยเข้ามาเช็ค เจ้าหน้าที่ก็เช็คหมายเลขตัวถังแล้วแจ้งว่าเครมได้ใบเดียวเหมือนกันครับ แต่ต้องรออะไหล่เพราะตอนนี้ขาดอยู่ รถผม 1.8 ปี 2007
  2. ดูรอยเจียจากรูปแล้วไม่สามารถใส่กับจาน S2000 300mm.ได้ ต้องมีการ modify กันหน่อยครับ ดจากรูปที่ปั้ม DC5 ไม่ได้มีการเจียอะไรออกเลยนะครับ เมื่อยึดกับคอม้าและใส่กับจาน S2000 300mm. แล้วจะพอดีกัน ทั้งระยะ center ของปั้มกับจาน และผ้าเบรคก็จับเต็มหน้าจาน แต่ถ้าเจียขาปั้มออกตามแบบที่คุณ MATH ส่งให้ดู ประกอบไปแล้วทำให้ center ของปั้มมันขยับเข้าไปชิดคอม้ามากขึ้น ถ้าเจียออกเยอะมากๆก็จะเบียดบริเวณขอบปั้มด้านนอก ถ้าจะใส่จาน S2000 300mm. แบบง่ายที่สุดก็คือต้องหาแหวนอีแปะ stainless มารองตรงที่เจียออกให้ความหนาเท่าของเดิม แล้วจะใส่ได้ครับ ผิวของรอยเจียเดิมต้องเรียบและหน้าตัดของรอยเจียต้องขนานกับของเดิมด้วยนะครับ ไม่งั้นปั้มจะเอียง กินผ้าเปรคบนล่างไม่เท่ากัน หรือไม่ก้ไปคบกับจานสองชิ้นไปเลยครับ เพราะช่างสามารถกลึง Hub จานให้พอดีกับระยะของปั้มได้ครับ
  3. หูถูกเจียมาแบบไหนอะครับ ถ้ารูเดิมยังกลมอยู่และไม่ได้ถูกเจียความหนาของของหูออกไป ก็ไม่มีปัญหา ถ้าเจ้าของเดิมเจียแค่ขอบข้างๆเพื่อหลบน๊อต ก็จะเสียความแข็งแรงของปั้มไปบ้าง ใส่แล้วพอดีเป๊ะแบบนี้เลยครับ
  4. เป็นเพราะช่างที่ติดตั้งใช้จานขนาดใหญ่กว่า300mmแต่ไม่ถึง340mm เวลาทำขาต่อปั้มมันจะติดน็อตยึดปั้มเลยต้องเจียออก แต่ถ้าใส่แค่300mm ก็ไม่ต้องเจีย ไขน็อตใส่ได้พอดีเลย
  5. ผมก็ใช้อยู่ครับ DC5 จับจาน S2000 dixcel 300mm. ต้องดู ofsetของล้อด้วยครับที่ลองวัดดูจากขอบจานมาถึงก้านแม็กด้านใน ต้องห่างอย่างน้อย7เซ็นติเมตรถึงจะไม่ติดก้านแม็คครับ
  6. เพิ่มเติมครับ รถผมใช้ E85 ประมาณ 90% เติม E10,E20 บางครั้ง ระบบควบคุมการจ่ายน้ำมันเป็น standalone with flexfiel สามารถสั่งจ่ายน้ำมันกับไฟตามค่าอ๊อคเทนของน้ำมันแบบอัตโนมัติครับ
  7. ผมลองถ่ายรูปหัวเทียนมาเปรียบเทียบให้ดูครับ ผมว่าอาการน้ำมันหนาจากการเปลี่ยนใช้หัวฉีดใหญ่กับระบบเครื่องยนต์ที่ไม่ได้ทำการปรับแต่งก็มีผลนะครับ เพราะพี่อู๊ดใช้หัวฉีด R20 ซึ่งมีอัตราการฉีดน้ำมันมากกว่า standdard เมื่อทำงานในโหมดcloseloop จะไม่มีปัญหาครับ เนื่องจาก ECU จะพยายาม trim น้ำมันให้ค่า lamda เข้าใกล้ 1 เลยพยายามปรับลดการฉีดน้ำมันและองศาจุดระเบิดอัตโนมัติ แต่เมือ kick down ตัวกล่อง ECU จะไม่เช็คค่าจาก O2 sensor ถ้าสังเกตุจากตัวอานค่าอ๊อกซิเจน จะอ่านค่าไม่ได้เลย แต่ ECU จะนำค่าตารางจูนจากค่าของโรงงานที่ใช้กับขนาดหัวฉีดstanddard ในการสั่งจ่ายน้ำมันและองศาไฟ เมื่อเปลี่ยนหัวฉีดขนาดใหญ่ขึ้นทำให้เกิดการฉีดน้ำมันหนาในช่วง Open Loop เลยทำให้เผาไหม้ไม่หมด มีเขม่าดำๆติด ตามขอบหัวเทียนเป็นประจำ ส่วนหัวเทียนของผมไม่มีเขม่าติด เนื่องจากผมใช้กล่องคุมน้ำมันกับไฟแยกออกมาต่างหาก ไม่ได้ใช้ ECU ติดรถในการสั่งจ่าย น้ำมันกับไฟ ครับ ยังไงลองสังเกตุดูครับ ถ้าพยายามขับรถให้อยู่ในโหมด Close Loop ตลอด แล้วลองถอดหัวเทียนดูอีกทีเขม่าน่าจะน้อยลงครับ
  8. ขอบคุณครับ ตอนนี้ไม่เป็นแล้วครับ หลังจากที่ที่มันเป็นอาการนี้ผมก็เลยลองขยับพวกปลั็กต่างๆที่สายตามองเห็นและสามารถเอามือล้วงได้ มาถึงทุกวันนี้ ไม่เจอการนี้อีกเลยครับ
  9. ลอง scan code จาก computer เจอ error ครับ แต่ตอนนี้ clear code ไปแล้วครับ และยังไม่เจอ error
  10. ลองถอดหลอดไฟถอยออกมาดูหรือยังครับ ลองเอาไปต่อกับแบตตรงๆดูว่าขาดไหม บางทีใส้หลอดมันขาด แต่ส่องดูเหมือนจะไม่ขาด หรือไม่ก็ลองเข้าเกียร์ถอยหลังไว้โดยไม่ต้องสตาร์ทรถแต่ บิดกุญแจonไว้ แล้วหามิเตอร์วัดไฟที่ขั้วหลอดไฟถอยดูว่ามีไฟมาหรือเปล่า หรือลองเอาหลอดใหม่เปลี่ยนดูครับ
  11. ผมก็เพิ่งเป็นครับ อาการคล้ายๆกันครับ คือว่าตอนเช้าขับรถมาตลาดจอดรถก็ยังปรกติพอจะขับกลับบ้าน สตาร์ทรถยังปรกติอยู่พอเริ่มออกวิ่งไฟเกียร์Dกระพริบตลอดเลย ไฟabsติดค้างไฟเครื่องโชว์เกย์น้ำมันไม่ขึ้นซักเม็ดเลยไฟเบรคติดค้าง เลยจอดรถดับเครื่องแล้วติดเครื่องลองวิ่่งใหม่ก็เป็นอีกเลยเอาobd2 ลองscan ก็ไม่มีerrorอะไรเลย คราวนี้ลองดับเครื่องอีกทีแล้วเปิดฝากระโปรงเช็คปลั็กไฟต่างๆ ทั้งในห้องเครื่องในรถและดูsensor abs ก็ไม่มีอะไรผิดปรกติ เลยลองสตาร์ทรถดูอีกทีลองวิ่งดูกลับปรกติไม่มีไฟโชว์ จนถึงตอนนี้ยังไม่เจออาการไฟโชว์จะรอดูต่อไปครับ
  12. ของไทย ราคาย่อมเยาก็ Runstop ครับ ปั้มALUน้ำหนักเบาๆครับ
  13. มีข้อระวังนิดนึงนะครับ ตอนถอด sensor ออก ก่อนถอดออกมาให้ mark ตำแหน่งของเสื้อ sensorไว้ด้วนะครับ เพราะมันขยับ ซ้าย-ขวาได้นิดหน่อยนะครับ ตรงรูน็อตนะครับ ถ้าใส่ไม่ตรงดำแหน่งเดิม เดี๋ยวเวลาประกอบเข้าไป เข้าเกียร์แล้ว sensor จะไม่ตรงตำแหน่งล็อคเดิม อาจจะเวลาเข้าเกียร์แล้วไฟอาจไม่ติดนะครับ จากรูป รูน็อตมันจะเลื่อนไปมาได้นะครับ
  14. ซีลตรงก้านเหล็กยังแห้งดีอยู่ครับ ที่เลอะๆน่าจะมาจากจารบีใน sensor เป็นจารบีขาวที่ไว้ทาหน้า contact ผมเห็นมันเยิ้มๆออกมาที่ซีลฝาครอบ sensor น่าจะไฟเลอะกับแกนเหล็กนะครับ แต่จารบีที่ผมทาไว้แทนจารบีขาวที่แห้งไปแล้ว ผมใช้จารบีสลักเบรคที่เหลืออยู่ เห้นคุรสมบัติมันทนความร้อนได้ดี ขนาดปั้มเบรคร้อน จารบียังไม่แห้งเลย แต่คุณสมบัติการนำไฟฟ้าไม่แน่ใจว่า นานๆมันอาจจะเคลือบหน้า contact อาจทำให้หน้าสัมผัสไม่ถึงกันก็ได้ ต้องลองดูไปนานๆก่อนครับ
  15. รถผมปี 2007 มีอาการเวลาเข้าเกียร์ D หรือ N จะพบปัญหาไฟที่หน้าปัดบอกตำแหน่งเกียร์ ติดๆดับๆ ต้องคอยขยับก้านเกียร์ไปมา เลยลองรื้อ Sensor บอกตำแหน่งเกียร์ออกมาลองดู ตำแหน่งจะอยู่ท้ายเกียร์ ถ้าง้างพลาสติกใต้ซุ้มล้อก็จะเห็นครับ ให้ถอดน็อตออกมาครับ มีสองตัว เบอร์ M6 ใช้ประแจเบอร์ 10 ขันออกได้เลย เปิดฝาครอบออกมาก็จะเห็นตัว sensor แล้วครับ ให้ถอดปลั๊กไฟออก และถอดน็อตยึดอีกสองตัวออก เบอร์เดียวกับฝาครอบแหละครับ ถอดออกมาแล้วก้จะเห็นแกนที่ยื่นออกมาจากชุดเกียร์ แกนอันนี้เวลาเราเข้าเกียร์มันก็จะมาหมุน ให้ sensor เปลียนตำแหน่งตามคันเกียร์ที่เราขยับ ดูแล้วยังแห้งดีอยู่เลยครับ ถอดน็อตยึดฝาครอบ sensor ออกมาก็จะเห็นแผงทองแดงของ sensor ดูแล้วสกปรกมากเลยครับ จัดการล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย และทาจารบีเคลือบไว้ ประกอบกลับเข้าไปเหมือนเดิม แล้วประกอบ sensor เข้าไปยังตำแหน่งเดิม เสร็จแล้วลองทดสอบ เข้าเกียร์ดู ทดสอบแล้วสามารถเข้าเกียร์ แล้ว ไฟแสดงตำแหน่งเกียร์ก็ไม่มีการกระพริบติดๆดับอีกเลยครับ ลองขยับคันเกียร์ไปมาก็ปรกติดีทุกอย่างเลยครับ
  16. ผ้าเบรคหมดป่าวครับ เสียงเตือนผ้าเบรคหมด จะมีเสียงแผ่นเหล็กเตือนสีกับจานเบรค เวลาเบรคจะไม่ได้ยินเสียง
  17. ราคาแบตเท่าไรครับ น่าสนใจครับ ดูจากspecแบตรุ่นนี้แล้ว น่าใช้มากครับ ค่า cca สูงมากเลย 500++ แผ่นธาตุ 15 แผ่นเลยอะ
  18. รถผม 260,000km สายเพาเวอร์เส้นlowทั้งหมดมีน้ำมันซึมออกมาเลยหลังจากเที่ยวปีใหม่ แถวภาคเหนือมา เปลี่ยนทั้งหมดเลย4เส้น ค่าใช้จ่ายประมาณ 3,000บาท
  19. ผมใช้ตัวนี้ครับ สามบานหน้า ดูแล้วน่าจะ 70% นะครับ แสงผ่านได้ 30% แต่ดูแล้วใสกว่า film 60% มากๆใกล้เคียง 40%ครับ ส่วนสามบานหลังอย่างนี้เลยครับ เพราะคนขับแทบไม่ได้มองเท่าไร มืดได้ใจเลยครับ เป็นส่วนตัวมากๆ
  20. แล้วฟังชั่นต่างๆใช้งานได้ทุกอย่างเหมือนของแท้ไมครับ
  21. ครับผม ถูกต้องตามพี่ tommie ครับ แต่ผมกังวนเรื่องความร้อนของน้ำในหม้อน้ำมันจะต้มพลาสติกไปเรื่อยๆครับ ทิ้งไว้นานๆมันจะเปื่อยเป็นเศษเล็กๆได้ครับ แต่คงใช้เวลา ส่วน สปริง ผมเป็นห่วงเวลามันกลิ้งไปมาอยู่บนช่องของหม้อน้ำ อาจจะทำให้รูของครีบหม้อน้ำด้านในมีปัญหาได้อะครับ ผมยกตัวอย่าง ถ้าเราเอาพลาสติกกับสปริงใส่กาต้มน้ำแล้วต้มทิ้งไว้ทุกวันเป็นเดือนๆพลาสติกมันก็จะเป็นขิ้นเล็กๆได้ ผนังกาต้มน้ำก็จะมีลอยเสียดสีของสปริงได้นะครับ
  22. หลักการทำงานของฝาหม้อน้ำ โดยที่หลังจากที่เครื่องยนต์ติดเครื่องแล้วนั้น ลูกสูบทำงานของมันคือการเผาไหม้เชื้อเพลิงตาม Cycle ของมัน ก็จะเกิดความร้อนขึ้นภายในฝาสูบและเสื้อสูบ จนถึงอุณหภูมิหนึ่งที่วาว์ลน้ำเปิดให้น้ำร้อนไหลออกมาที่หม้อน้ำ โดยน้ำร้อนจะออกมาเข้าที่ด้านบน ตามหลักน้ำร้อนเบากว่าน้ำเย็น น้ำเย็นก็จะเข้าไปในเครื่องยนต์แทนน้ำร้อนที่ออกมา แน่นอนว่าน้ำร้อนที่ออกมาจากเครื่องยนต์ ย่อมเกิดการขยายตัวจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นและตามมาด้วยแรงดันที่เกิดจากการขยายตัวของน้ำ ซึ่งเจ้าแรงดันที่ว่ามันก็สามารถทำลายอุปกรณ์ภายในของระบบระบายความร้อนของเราให้ได้รับความเสียหายได้เช่นกัน จึงต้องทำการลดแรงดันที่สูงนั้นออกไปตามสเปคของฝาหม้อน้ำ ที่ขึ้นอยู่กับผู้ผลิดว่ามีแรงดันที่เท่าไหร่ แรงดันก็จะเอาชนะสปริงวาว์ลให้ยุบตัวแล้วน้ำร้อนที่มีแรงดันสูงก็จะถูกถ่ายออกไปเก็บไว้ที่หม้อพักนั้นเอง หลังจากนั้นเมื่อน้ำที่อยู่ในหม้อน้ำได้ถูถระบายความร้อนออกไปหรือเครื่องยนต์หยุดทำงาน แน่นอนว่าความร้อนย่อมลดลงและน้ำร้อนที่เคยขยายตัวก็หดตัวลงทำให้เกิดช่องว่างขึ้นภายในหม้อมน้ำเกิดเป็นศูนย์ญากาศขึ้น ก็จะมีแรงดูดไปดึงวาว์ลตัวเล็กๆที่เห็นไปดูน้ำจากหม้อพักกลับมาที่เดิมเพื่อรักษาระดับน้ำในหม้อน้ำ ไม่ให้น้ำขาดซึ่งจะมีปัญหาความร้อนขึ้นโดยที่เกจความร้อนของเราที่หน้าปัดเราอาจจะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็ได้เพราะ ว่าเซ็นเซอร์ที่ใช้วัดอุณหภูมิอาจไม่สัมผัสกับน้ำ ทำให้การวัดคลาดเคลื่อนได้ จากที่ว่ามาทั้งหมดน่าจะพอเข้าใจได้บ้างว่า ฝาหม้อน้ำมีความสำคัญขนาดไหน ซึ่งต้องควรดูแลตรวจสอบให้อยู่ในสภาพดี ยิ่งรถใช้ไปนานๆก็อาจจำเป็นต้องตรวจสอบและสังเกตุความผิดปรกติ ของระดับน้ำที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือแม้แต่ท่อน้ำก็สามารถบอกอะไรเราได้ ว่าเกิดสิ่งผิดปรกติขึ้นบ้าง เช่น ท่อน้ำบีบตัวลงหรือแฟบลงนั่นเอง ซึ่งนั้นอาจจะบอกเราว่าเกิดภาวะศูนย์ญากาศในระบบเราแล้ววาว์ลดูกลับอาจไม่ทำงาน และน้ำในหม้อพักมีระดับสูงกว่าปรกติ ควรแก้ไขทันทีเป็นต้นครับ credit จาก http://thaioverdrive.blogspot.com/2011/02/radiator-cap.html
  23. เรื่องถอดหม้อน้ำไม่ยากครับ โดยแผ่นปิดกระจังหน้าออกก่อน ผมลืมถ่ายเอาไว้ แล้วก็ถอดคานล็อคฝากระโปรงหน้าออกเลยครับมีน็อตข้างละสี่ตัว เบอร์ 10 ทั้งหมดเลย แต่จะต้องแกะกริ๊ปล็อคสายไฟที่อยู่ตรงคานออกด้วยครับ มันลั้งคานไว้ ใช้ไขควงปากแบนตัวเล็กๆค่อยๆแงะออก พอถอดคานออกมาแล้วจะพบทางสว่างเลยครับ เสร็จแล้วให้ถอดพัดลมหม้อน้ำก่อนนะครับ แล้วจะยกหม้อน้ำออกมาอย่างสบายครับ ใต้หม้อน้ำจะมีสายเซ็นเซอร์ความร้อนอีกเส้นนะครับระวังถอดออกแล้วลืมใส่คืน ฝาหม้อน้ำ ถ้าเกิน 200,000 km แล้วอันตรายครับ ควรรีบเปลี่ยนนะครับ พลาสติกมันกรอบได้ แล้วยิ่งมีสปริงมาช่วยผลักอีก วิธีการสังเกตุ ถ้ามี gauge วัดความร้อนแบบติดตั้งต่างหาก หรือมี obd2 bluetooth scaner แบบดูผ่าน smartphone ก็จะเห็นค่าอุณหภูิที่ละเอียดกว่าหน้าปัดรถครับ ของผมสังเกตุสองจุดครับ 1. ดูที่ obd2 bluetooth อุณหภูมิขึ้นไปที่ 92-93 C ถ้าปิดแอร์วิ่งมันจะขึ้นไปอีกแถวๆ 96 C 2. ดูที่หม้อพักน้ำจะมีคราบน้ำยาที่ฝาปิดและน้ำที่หม้อพักขณะเครื่องเย็นแล้วจะยุบลงเรื่อยๆทุกวัน เนื่องจากวาวที่ฝาหม้อน้ำไม่สามารถควบคุมแรงดันในหม้อน้ำได้ ทำให้สูญเสียน้ำไปเรื่อยๆ
×
×
  • Create New...