Jump to content

lovelyday

CCTH Member
  • Posts

    4
  • Joined

  • Last visited

About lovelyday

lovelyday's Achievements

Newbie

Newbie (1/14)

0

Reputation

  1. วิธีขจัดกลิ่นอับในหมวกกันน็อค วันนี้ขอเอาใจคนขี่มอเตอร์ไซค์บ้าง โดยมีข้อแนะนำดีๆมาฝากกันอีกเช่นเคย ในครั้งนี้จะมาบอกถึงวิธีการดูแลรักษาอุปกรณ์ที่ต้องมีติดตัวไว้ตลอดเมื่อขับขี่รถออกไปยังที่ต่างๆ นั่นก็คือ หมวกกันน็อค นั่นเอง ด้วยกฎจราจรต้องใส่หมวกกันน็อคทุกครั้งที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซต์ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ แต่รู้หรือไม่ว่าอาจต้องเจอกับกลิ่นเหม็นอับที่มาจากเหงื่อและความชื้น โดยเฉพาะสภาพอากาศเมืองไทยช่วงนี้ตอนกลางวันแดดร้อน เย็นฝนตก อาจจะเป็นเหตุให้หมวกกันน็อคของท่านเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้นได้ มาเริ่มกันด้วยที่ ภายใน หมวกกันน็อคบางรุ่นสามารถถอดซับในหรือเบาะหุ้มภายในออกมาทำความสะอาดได้ ให้ถอดออกซักด้วยแชมพูเด็ก ล้างน้ำเปล่าจนสะอาดและผึ่งให้แห้ง หากเป็นหมวกกันน็อคที่ถอดซับในออกไม่ได้ ให้หงายหมวกแล้วผึ่งลมหรือแดดอ่อน 2-3 ชั่วโมง ไม่ควรตากแดดแรงเพราะจะทำให้โฟมเสื่อมสภาพ ภายนอก ใช้ผ้านิ่มจุ่มลงในน้ำสบู่เช็ดทำความสะอาดรอยฝุ่นและคราบเปื้อน และใช้ผ้าแห้งเช็ดทำความสะอาดในครั้งสุดท้าย แผ่นกันลม ใช้น้ำสบู่อ่อนๆ ล้างให้ทั่วและเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้านิ่ม โดยในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สเปรย์ทำความสะอาดและกำจัดกลิ่นอับภายในหมวกกันน็อค แต่ราคาค่อนข้างแพง ใครอยากใช้วิธีธรรมชาติ ซักเองได้ก็ไม่ว่ากัน ปกติแล้วหมวกกันน็อคมีอายุงานใช้งานประมาณ 3 ปี ควรซื้อเปลี่ยนใหม่เนื่องจากพลาสติกอาจเสื่อมสภาพ และโฟมไม่สามารถรับแรงกระแทกแทนศีรษะได้ หมวกที่เคยตก เคยกระแทกมาแล้วอายุการใช้งานก็จะลดลงเช่นกัน แล้วอย่าลืมมองหาประกันรถมอเตอร์ไซค์ไว้ด้วยนะ เพราะเดี๋ยวนี้มีถึงขั้นทำประกันออนไลน์กันแล้วเน้อ ปลอดภัยไว้ก่อนก็ดีนะ
  2. แบตเตอรี่รถยนต์หมดกลางทาง จะทำยังไงดี สวัสดีครับ เวลาเราขับรถบนท้องถนน บางครั้งเราก็เจอกับผู้ขับขี่รถยนต์ที่เผชิญปัญหากับเรื่องของแบตเตอรี่หมดบนท้องถนน วันนี้เลยนำสาเหตุและวิธีแก้ไขปัญหา สำหรับการเผชิญกับเหตุการณ์แบตเตอรี่รถยนต์หมดระหว่างทาง มาฝากครับ มาดูกันที่สาเหตุหลักๆที่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์ของคุณหมดกันก่อนดีกว่าครับ อันดับแรกๆที่พบเจอนั่นก็คือการลืมปิดไฟหน้ารถ หรือเปิดไฟหน้ารถค้างคืนไว้นั่นเองครับ พอเราทราบถึงสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่ของรถยนต์คุณหมดไปแล้ว เรามาดูวิธีการแก้ไขเบื้องต้นกันบ้างครับ โดยเราจะใช้วิธีพ่วงแบตเตอรี่จากรถยนต์คันอื่นๆที่มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานตามปกติ มีขั้นตอนดังนี้ 1. นำรถที่แบตเตอรี่รถยนต์ใช้งานได้ปกติ หันหน้า ชนกับรถของคุณ ให้แบตเตอรี่รถยนต์อยู่ไม่ไกลสายพ่วงมากนัก 2. นำขั้วบวก (สีแดง) ของสายพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ ต่อเข้ากับขั้วบวกของรถยนต์ที่ใช้ได้ปกติ ต่อขั้วบวกของสายพ่วง เข้ากับขั้วบวกของแบตเตอรี่รถยนต์ของรถที่แบตหมด 3. ต่อสายพ่วงแบตขั้วลบ (สีดำ) เข้ากับรถที่ใช้ได้ปกติ 4. ต่อสายพ่วงแบตขั้วลบเข้ากับรถที่มีปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์ 5. สตาร์ทเครื่องของรถยนต์ที่แบตเตอรี่ปกติ ทิ้งไว้เอาไว้ 2 นาทีแล้วค่อยสตาร์เครื่องของรถยนต์ที่แบตหมด ทิ้งไว้เป็นเวลา 2 นาที เช่นกัน 6. ถอดสายพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ โดย เริ่มจากขั้นตอนที่ 5 ไล่ไปจนขั้นตอนที่ 2จากนั้นเร่งเครื่องทิ้งไว้ซัก 2 นาที แล้วค่อยขับออกสู่ถนน หลังจากพ่วงแบตเตอรี่จากรถยนต์ที่ใช้งานได้ปกติเสร็จแล้ว อย่าลืมนำรถยนต์ของคุณเองไปตรวจเช็คสภาพหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์ตามศูนย์ต่างๆ ตรวจเช็คให้ละเอียดรอบครอบ นอกจากสภาพของรถยนต์แล้ว ใบขับขี่ รวมถึงประกันรถยนต์ของคุณใกล้ครบกำหนดการหมดอายุแล้วหรือยัง หรือหากสนใจข้อมูลประกันรถยนต์ หรือกำลังมองหาประกันรถยนต์ชั้น 1 โดยคุณสามารถศึกษาพร้อมซื้อประกันออนไลน์ได้ด้วยตัวเองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ของ OOHOO อีกทั้งสามารถเลือกรุ่นของรถยนต์คุณได้ที่เว็บไซต์ www.OOHOO.io สุดท้ายไหน ๆ ก็แนะนำแล้ว อยากจะขอบอกต่อว่า ที่ OOHOO มีการบริการรับชำระเงินหลากหลายช่องทาง แถมยังรับชำระผ่านบัตรเครดิต และมีบริการผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตได้อีกด้วย ซื้อง่าย จ่ายสะดวก คุ้มครองทันที
  3. ป้องกันอันตรายจากหลับใน เป็นเรื่องสำคัญและเป็นอันตรายที่นำมาสู่อุบัติเหตุบนท้องถนน หลากหลายคนหลีกเลี่ยงไม่ได้หากต้องเผชิญกับอาการหลับใน แต่วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่า อาการหลับในคืออะไร อาการเบื้องต้นจะเป็นอย่างไร และต้องทำตัวเองอย่างไรเพื่อให้ผ่านการหลับในไปให้ได้ อาการหลับในคือ สมองภายในของคุณจะหลับไปแวบหนึ่ง โดยที่สังเกตจากภายนอกไม่ได้เลย คนที่หลับในจะเหมือนกับกลายเป็นคนหูหนวก ตาบอด หมาดสติไปชั่วครู่ แถมเรายังบังคับตัวเองไม่ให้หลับในไม่ได้เลยด้วย เพราะเป็นอาการที่จะเกิดขึ้นเองกับคนที่ง่วงนอนมาก ๆ ซึ่งถ้าเผลอหลับในเพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็นานพอที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุจนต้องสูญเสียชีวิตได้แล้ว ถ้าเราจับสังเกตอาการหลับในได้ และเตรียมตัวป้องกันให้พร้อม ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดขึ้นกับตัวเราได้ อาการหลับในเบื้องต้นจะมีอาการดังนี้ หาวบ่อยและต่อเนื่อง ใจลอยไม่มีสมาธิ รู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิด รู้สึกหนักหนังตา ลืมตาไม่ขึ้น ตาปรือ หรือมองข้ามสัญญาณไฟและป้ายจราจร หากมีอาการเหล่านี้ก็รับรู้ได้เลยว่าคุณเข้าเคสอาการหลับในแล้วนะ ต้องทำอย่างไร ไม่ให้เกิดการหลับใน ควรพักผ่อนให้เพียงพอ 7-9 ชั่วโมง ปิดแอร์ในรถแล้วเปิดกระจกให้อากาศถ่ายเท หรือจะเปิดเพลงดังๆ จังหวะเร็ว แต่ห้ามเปิดเพลงช้าเลยนะ เพราะจะทำให้ง่วงนอนมากขึ้นไปอีก หรือหากมีเพื่อนที่สามารถขับรถนั่งมาด้วยก็กลับให้เพื่อนขับแทน และที่สำคัญ ควรจอดพักร่างกายของคุณและพักรถหากต้องขับรถเป็นเวลานานๆ ได้คำแนะนำกันไปแล้ว ถ้าหากรถของคุณยังไม่มีประกันรถยนต์แล้วละก็ เราขอแนะนำประกันออนไลน์ให้กับคุณ โดยคุณสามารถเข้าไปศึกษาและซื้อประกันได้ด้วยตัวเอง สบายๆง่ายๆ อย่าลืมแวะเข้าไปที่ OOHOO นะครับ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยให้ผู้ขับรถบนท้องถนนไม่ง่วง และรับมือกับอาการหลับในได้นะครับ อย่างไรก็มีสติในการขับรถ และมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมเดินทางด้วยนะครับ
  4. ขับรถไม่ระวังชนนั่นชนนี่ควรมี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เอาไว้คู่รถคุณ อบอุ่นใจทั้งตัวคุณและเงินในกระเป๋า เพราะชนคน สัตว์ สิ่งของ อาทิ กำแพง รั้ว เสาไฟฟ้า ต้นไม้ กระถางต้นไม้ ถังขยะ ฟุตบาท หรือถูกขูด ขีด เฉี่ยวชน ที่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะถ้าหากรถของคุณทำ ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ก็จะคุ้มครองทุกกรณี เคลมทุกกรณีอย่างที่กล่าวมาขั้นต้นเลยนะครับ
×
×
  • Create New...