เทคนิคการเลือกยางให้เหมาะสมกับรถ
ขนาดของยาง
ยางสำหรับรถยนต์นั่งทั่วไปจะมีขนาดบอกไว้บนแก้มยาง ใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก เช่น 195/60R15
ถ้าเปลี่ยนเป็นยางขนาดเดิมก็เลือกเพียงยี่ห้อหรือรุ่นที่ต้องการเท่านั้น แต่ถ้าหากต้องการเพิ่มทั้งการเกาะถนน และเพิ่ม
ความสวยงามด้วยการเปลี่ยนขนาดล้อและบางให้ใหญ่ขึ้นโดยไม่เปลี่ยนกระทะล้อ ก็อาจเพิ่มความกว้างของยางขึ้นอีก
10 มิลลิเมตร หรือสูงสุดไม่เกิน 20 มิลลิเมตร โดยทุกๆ 10 มิลลิเมตรของความกว้างที่เพิ่มขึ้น ต้องลดความสูงของ
แก้มยางลง 5 ซีรีส์ เพื่อให้ยางที่เปลี่ยนใหม่มีความสูงใกล้เคียงยางเดิม
การดูแลรักษายางรถยนต์
ขั้นตอนที่ 1 การทำให้ยางมีความสมดุลกัน
สังเกตว่าล้อรถของคุณติดตุ้มถ่วงล้อลงบนยางรถหรือไม่ เพราะน้ำหนักของตุ้มนี้เหล่านี้จะทำให้ยางมีหน้าสัมผัสเท่ากัน ถ้าพบว่ามันสั่น
อาจต้องรีบไปตั้งศูนย์ถ่วงล้อ หรือนำรถส่งช่างเพื่อตรวจเช็ค
ขั้นตอนที่ 2 มั่นใจว่าล้ออยู่ในสภาวะสมดุล
การปรับให้สมดุลของล้อทั้ง 4 ให้อยู่ในระดับเดียวกัน ช่วยให้คุณมั่นใจว่ารถสามารถวิ่งได้อย่างราบรื่น และช่วยให้งานทำงานเข้ากันได้ดี
อีกทั้งสร้างสมดุลให้กับรถยนต์ได้ แต่ถ้ารถที่คุณใช้เป็นแบบ 4 ล้ออิสระจากกันจะต้องมีการปรับตั้งทุกล้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งล้อคู่หน้า
การปรับตั้งความสมดุลเป็นตัวหลักในการกำหนดอายุของยาง และทำให้การทำงานของรถยนต์ประสานกันได้ดี คุณต้องตรวจยางปีละสองครั้ง
เมื่อไรก็ตามที่ดอกยางของล้อไม่สม่ำเสมอ หรือขับรถแล้วไม่ตรงทางเป็นการกินเลนด้านซ้ายหรือขวาแสดงว่าถึงเวลาที่ควรจะตรวจสอบยางได้แล้ว
ขั้นตอนที่ 3 – สลับยาง
ขั้นตอนนี้ต้องทำบ่อยกว่าขั้นตอนอื่นอยู่สักหน่อย เพื่อที่จะให้ยางอยู่ในรูปทรงที่ดีนานทีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ บริษัทยางส่วนใหญ่จะบอกให้ทำการสลับยาง
ทุกๆ 10,000 กม. โดยประมาณ สำหรับรถที่ไม่ได้ขับบ่อยๆหรือรถขับเคลื่อนล้อหน้า เราแนะนำว่าควรสลับยางทุกๆ 15,000 กม. เป็นอย่างน้อย
ควรตระหนักอยู่เสมอว่ายางประเภทต่างๆใช้ระยะเวลาในการสลับยางต่างกัน ควรดูจากคู่มือรถประกอบ
ดอกยาง
ดอกยางสำหรับรถยนต์นั่งแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ เน้นความนุ่มนวลและมีเลียงรบกวนน้อย ดอกยางจะละเอียด
ร่องยางแคบและถี่เพราะเน้นการรีดน้ำหรือฝุ่น ทราย สามารถสะบัดออกด้านข้างได้เร็วและมากที่สุด
ส่วนยางที่เน้นการเกาะถนน ประเภทรถสปอร์ต ดอกยางจะมีลักษณะเป็นก้อนใหญ่ ร่องยางกว้างและอยู่ห่างกัน เพื่อเก็บน้ำที่ถูกรีดออกจากหน้ายาง
เวลาขับบนทางเรียบแห้งจะมีเสียงดังกว่ายางในกลุ่มแรก หากรถของคุณเป็นประเภทออฟโรดลุยโคลน หิน หรือวิบาก ดอกยางควรบั้งใหญ่ ร่องห่าง
เน้นการสลัดโคลน หิน น้ำ แต่ราคาค่อนข้างแพงเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมียางรถยนต์สำหรับเส้นทางกึ่งลุยกึ่งเรียบ ดอกยางควรเป็นแบบกึ่งหรือผสม ระหว่างยางสำหรับถนนเรียบและลุย
คุณสมบัติและประสิทธิภาพทุกด้านก่ำกึ่งระหว่างยาง 2 ประเภท ใช้งานบนทางเรียบก็เกาะถนนพอใช้ได้ และมีเสียงรบกวนบ้าง
หากนำไปลุยหนักๆจะไม่ค่อยไหว เหมาะสำหรับการใช้งานบนเส้นทางลูกรัง หรือออฟโรดที่ถูกนำไปลุยแบบเบาๆ เป็นครั้งคราวเท่านั้น
แก้มยางเสริมพิเศษ
ยางหลายรุ่นมีการเสริมเนื้อของแก้มยางใกล้กับขอบกระทะล้อเป็นขอบนูนเล็กๆ เพื่อป้องกันขอบล้อแม็กเสียโฉมเมื่อขับเบียดขอบทางเท้า
มักมีใช้ในแก้มยางเตี้ยเป็นส่วนใหญ่ ช่วยให้ใช้งานในเมืองได้สบายใจขึ้น แต่ไม่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการเกาะถนน
** เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ยางที่เหมาะสมกับรถและการใช้งานของคุณแล้ว **