Jump to content

fd9357

Sponsor
  • Posts

    69
  • Joined

  • Last visited

  • Days Won

    1

Posts posted by fd9357

  1. ใช่ครับวิ่งทางไกลบ่อยและต่อเนื่อง เปลี่ยนไปสองรอบแล้วครับสำหรับด้านหลัง

    :)

     

    ขอบคุณครับ

    ด้วยความยินดีครับบบ

     

    ขอบคุณครับ

     

    แต่ผมถึงบางอ้อจริงๆ ก็ตอนวิ่งทางไกลครับ พอความเร็ว 80 กม/ชม ขึ้นเท่านั้นแหละ หอนดังยังกะมอไซด์วิ่งตาม

    พอ 120 เนี่ย ยังกะรถแต่งท่อมาเลยครับ

    น่าจะใช่แล้วครับบ

     

    แล้วล้อหน้าฟังเสียงไงครับ ล้อหลังเรียบร้อยไปแล้ว พักหลัง ๆ เหมือนมีเสียงหึ่ง ๆ เพิ่มมา จะ 140000 ละ

    เหมือนกันครับเสียงคล้ายๆกัน...แต่จะดังด้านหน้าครับบบ

     

    ขอบคุณครับ

    ด้วยความยินดีครับ

     

    ขอบคุณครับ

    ด้วยความยินดีครับ

     

    รถผมช่วงนี้เดินทางไกลบ่อย สงสัยใกล้จะต้องเปลี่ยนแล้ว

    110000 โล แล้ว

    สนใจสอบถามได้นะครับ..ยินดีให้บริการครับบบ

  2. ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

    ขอบคุณมากๆครับ...ต้องเตรียมตัวซะแล้วเรา..

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

     

    _______________

     

    f60952e1.gifไปล่ะครับ....

    ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ :)

    ขอบคุณครับ

    ขอบคุณครับ

    ชื่นชมครับ

     

    :) ด้วยความยินดีครับบบ :)

  3. เช็คอาการลูกปืนล้อด้วยตัวเองทำยังไง...ลองอ่านดูครับบบบบ

    ก่อนอื่นขออนุญาตบอกก่อนนะครับว่าผมไม่ใช่ช่างนะครับ

    เป็นเพียงข้าราชการตัวเล็กๆคนหนึ่ง..แต่อาศัยใจรักในเรื่องรถยนต์

    และก็ได้ขายลูกปืนล้อให้กับเพื่อนๆในคลับเราเป็นจำนวนมาก

    พอสมควรจึงขอสรุปและให้ข้อสังเกตุกับเพื่อนเกี่ยวกับอาการเสีย

    ของลูกปืนล้อทั้งล้อหน้าและล้อหลังได้ดังนี้ครับ

     

    อาการลูกปืนล้อเสียจะเป็นดังนี้ครับ :lol:

     

    1. มีเสียงดังหอนๆคล้ายๆเสียงยางแต่ไม่ใช่..ยิ่งขับเร็วยิ่งหอนดังครับ

    2. ให้ยกรถขึ้นครับแล้วหมุนล้อดูครับแล้วเอามืออีกข้างจับที่กระบอกโช๊คดูครับ

    ถ้ามีอาการสั่นโอกาสใช่85%ครับ

    3. ให้ถอดล้อ..ถอดปั้มเบรค..ถอดจาน..แล้วมันจะเหลือแต่ดุมล้อ..แล้วก็ลองหมุนดูครับ

    ถ้าฝืดมือหรือสะดุดเวลาหมุนแตกชัวร์ 100% ครับ(อันนี้สำหรับล้อหลังนะครับ..

    ส่วนล้อหน้าให้สังเกตุจากเสียงหอนเอาครับประกอบกับระยะทางครับ

    ถ้าเกิน 130,000 กม.แล้วโอกาสใช่สูงครับ

    ปล.ได้ข่าวว่าศูนย์บริการBเขาเช็คฟรีนะครับ

     

    ประเภทของรถที่มีโอกาสลูกปืนล้อเสียมีประมาณนี้ครับ :huh:

     

    1. รถยนต์ที่วิ่งเกิน 130000 กม.ขึ้นไป

    2. รถยนต์ที่วิ่งทางไกลบ่อยๆ เป็นประจำ..และต่อเนื่อง

    3. รถยนต์ที่ตกหลุมอย่างรุนแรงหรือวิ่งทางขรุขระเป็นประจำ

    4. รถยนต์ที่ใส่ล้อใหญ่ตั้งแต่ 18ขึ้นไปนะครับ โอกาสจะเสียเร็วกว่าปกติครับ

    5. คนที่มีเพื่อนเยอะๆครับไปไหนกันทีไม่ต่ำ 5 คน โอกาสจะเสียเร็วกว่าปกติครับ

    ปล.มีใครเข้าข้อไหนบ้างไหมครับ

     

    ที่ผมเขียนทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ได้จากเพื่อนในคลับที่มาอุดหนุนกันนะครับ..ซึ่งผมได้

    ทำการรวบรวมข้อมูลแล้วนำมาให้เพื่อนๆในคลับได้อ่านและลองสังเกตกันนะครับ

    หวังว่าสิ่งที่ผมเขียนคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างไม่มากก็น้อยครับ

    :wub:

  4. ล้อหลังไม่ต้องครับ ผมก็เปลี่ยนไปแล้วถามช่างเขาบอกว่าไม่ต้องครับ แต่ถ้าเป็นล้อหน้าต้องดำเนินการตอนเปลี่ยนเสร็จไปเลยครับ

    ตามนี้ครับบบบ

  5. เยี่ยมเลยคับ อ่านมาตั้งแต่หน้าแรกก็ลุ้นอยู่หลายจุดว่าช่างจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะหากหาเครื่องที่ไม่ตรงบอดี้มาวางมันมีหลายจุดต้องพิจารณาก่อนวางเลยคับ

     

    ขออนุญาติให้ข้อมูลท่านที่คิดจะหาเครื่องมาวางในบอดี้ FD นะคับ

     

    1. เรื่องสำคัญสุดคือ DBW (Drive By Wire) หรือลิ้นเร่งไฟฟ้า ต้องคำนึงให้ดีนะคับ หากจะนำเครื่องที่จะใช้คันเร่งแบบสายมาใช้กับ FD ซึ่งใช้คันเร่งแบบ DBW จุดที่ต้องเจอปัญหาแน่ๆคือ

     

    1.1 วัดรอบเครื่องยนต์ มักจะพบว่าไม่สามารถทำให้วัดรอบเดิมติดรถทำงานได้ปกติ (ต้องดัดแปลง หรือใช้เทคนิคของช่างไฟเยอะมาก เช่น ใช้ ECU เดิมมาคุมแทน) หรือหลีกเลี่ยงไปใช้วัดรอบจากภายนอกมาแทนที่ เช่น วัดรอบแต่งยี่ห้อต่างๆ

     

    1.2 การทำงานของABS ถ้ารถเราเป็นรุ่นที่มีอุปกรณ์ชนิดนี้อยู่แล้ว หากเอาตัวลิ้นเร่งไฟฟ้าออกแล้วมาใช้ลิ้นเร่งแบบสายแทน ตัว ABS จะใช้งานไม่ได้ เพราะไม่มีสัญญาณเชื่อมกันจากลิ้นไฟฟ้าส่งไปให้ตัว ABS เราจะรับได้มั๊ยถ้าปราศจากอุปกรณ์ตัวนี้ไว้ช่วยในยามฉุกเฉิน และทำสำคัญ "ไฟสัญญาณ ABS โชว์แน่นอน"

     

    2. ไฟเช็คเอ็นจิ้น หากใช้ลิ้นเร่งแบบสายมาแทนลิ้นไฟฟ้า สิ่งที่ต้องเจอแน่นอนคือไฟโชว์ จะรับได้มั๊ยว่า ไฟเช็คเอ็นจิ้นที่ใช้เตือนความผิดปกติของเครื่องยนต์ในยามที่เครื่องยนต์ทำงานผิดปกติจะไม่สามารถเตือนอะไรเราได้อีกต่อไป และมันจะติดแดงโร่อยู่อย่างนั้นตลอดเวลา

     

    3. ระบบแอร์ออโต้ จะยังใช้ได้เหมือนเดิมมั๊ย อันนี้ขึ้นอยู่กับกล่องECUเลยครับ ถ้าเอากล่องECUเดิมมาช่วยคุม ก็ใช้ได้เหมือนเดิม นั่นคือ ต้องมี ECU 2 ตัวช่วยกัน อันนี้พูดถึงในกรณีที่ได้เครื่องแบบที่ไม่มีระบบแอร์ออโต้มานะคับ แต่ถ้าเครื่องที่มีระบบแอร์แบบนี้อยู่แล้ว ระบบแอร์ออโต้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ไม่เกินความสามารถของช่างไฟบ้านเราคับ

     

    4. แท่นเครื่องและตำแหน่งเครื่องยนต์ อู่ที่มีความชำนาญคงทำได้ไม่ยาก สิ่งที่เราต้องตรวจสอบในขณะช่างดำเนินการวางเครื่องคือ เครื่องมีระนาบขนานกับพื้นเท่ากันตลอดจากซ้ายไปขวาหรือไม่(ในขณะทำ ช่างจะใช้การขึงเส้นเอ็น และใช้ระดับน้ำตรวจสอบความเอียงของเครื่องยนต์) และตำแหน่งของเครื่องจะต้องไม่ทำให้เพลาขับเดินหน้าหรือถอยหลังซึ่งหากวางเครื่องให้เพลาขับทำมุมผิดไปจากเดิมจะส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของเพลา จะทำให้เพลาขับหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเสียตามมาภายหลังได้ พึงระวังอย่างยิ่งว่า "ถ้าอู่ไหนตัดต่อเพลาขับ ให้หลีกเลี่ยงอู่นั้นไว้เลยคับ" นอกจากนี้ แท่นเครื่องที่นำมาใช้ ควรใช้แท่นเครื่องตรงรุ่นกับเครื่อง ย้ำนะคับ ว่าตรงรุ่นกับเครื่อง ไม่ใช่ตรงรุ่นกับรถของเรา เพราะมันจะถูกออกแบบให้เหมาะสมกับน้ำหนักและลักษณะการบิดตัวของเครื่องนั้นอยู่แล้ว พยายามใช้ให้ครบทุกตัวหรือให้ได้จำนวนครบที่สุดคับ และสุดท้ายเรื่อง Ground Clearance ต้องมีระยะห่างเพียงพอที่จะปลอดภัยจากการกระแทกของอ่างน้ำมันเครื่องกับสิ่งกีดขวางต่างๆ

     

    5. เกียร์ออโต้หรือเกียร์ธรรมดาดี ??? อันนี้แล้วแต่ความชอบเลยครับ ที่สำคัญต้องได้กล่อง ECU แบบเดียวกับที่เกียร์ที่จะใช้นะคับ ไม่งั้นทำงานไม่ได้แน่ ส่วนรายละเอียดการวางเครื่องนั้น หากเอาเกียร์ธรรมดามาใช้แทนเกียร์ออโต้ จะต้องมีการสร้างจุดยึดแท่นเกียร์ใหม่ แก้ไขขาเบรคขาครัช หรือลามไปแก้ขาคันเร่งหากใช้เครื่องที่ไม่ใช้ DBW

     

    6. การจูนอัพเพิ่มเติมภายหลัง หากได้เครื่องที่ใช้ DBW อยู่แล้วมาวางแทนที่คงไม่ค่อยพบปัญหาเท่าไหร่ สิ่งที่ต้องคำนึงมีอย่างเดียวคือ ทำให้การวายริ่งสายไฟครบถ้วนและสามารถใช้ OBD II ตรวจสอบการทำงานของเครื่องยนต์ได้ ซึ่งปัจจุบันนี้ รถ FD สามารถจูนได้หลายวิธี แต่ที่ง่ายที่สุด คือการจูนผ่าน OBD II หรือการ Re-flash นั่นเอง และปัญหาที่จะทำให้ไม่สามารถจูนผ่านระบบนี้ได้คือ ห้ามมี Warning code ขึ้น เพราะโปรแกรมจูนมันจะไม่อนุญาติให้จูนต่อได้จนกว่าจะแก้ Warning code ให้หายไปก่อนได้

     

    แต่ถ้าได้เครื่องที่ใช้คันเร่งสายมา การจูนก็ต้องทำผ่านกล่อง Piggy back หรือ Stand alone แต่ก็ต้องทำใจกับไฟโชว์ต่างๆที่จะสว่างขึ้นสลอนอยู่อย่างนั้น ถ้ารับได้ก็แล้วไปคับ

     

     

    ข้อมูลต่างๆนี้ เป็นข้อมูลเบื้องต้นเพื่อใช้พิจาณาการวางเครื่องในบอดี้ FD ซึ่งจะดีที่สุดถ้าได้เครื่องที่เป็นระบบ DBW อยู่แล้วเพราะการดัดแปลงจะน้อยและปัญหาจะน้อยที่สุดคับ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์ด้วยเป็นสำคัญ จริงๆแล้วยังมีเครื่องอีกหลายตัวที่ราคาไม่แพงมากและได้ความแรงมากขึ้น เช่นเครื่อง K24A ใน TSX ที่เป็นเกียร์ออโต้หากนำมาวางจะทำให้ปัญหาต่างไม่เกิดขึ้นเพราะเป็น DBW เหมือนกัน ม้าเดิมๆก็ 200 กว่าตัวอยู่แล้ว แถมด้วยแรงบิดที่มากกว่า K20A อยู่หลายช่วงตัว และที่สำคัญ ถ้าการดัดแปลงน้อย ค่าใช้จ่ายสุดท้ายตอนจบ อาจไม่ได้แตกต่างกันมากมายนักคับ

     

    ปล. จริงแล้วยังมีเรื่องกุญแจระบบ Immobilizer อีกที่ยังไม่ได้พูดถึง กลัวจะยาวไป หากมีใครอยากรู้เพิ่มค่อยถามมาทีหลังได้คับ

    ข้อมูลน่าสนใจมากครับ

  6. อาการที่ชัดสุดคือวิ่งเกิน60kmขึ้นไปเสียงมันหึ่งๆจากหลังซ้ายอะครับ

    นอกนั้นเหมืินจะไม่เข้าข่ายอย่างนี้ผมควรจะแจ้งอะไรกับช่างดีอะครับสำหรับfinal claimพรุ่งนี้

    บอกให้เช็คลูกปืนล้อทั้ง4ล้อเลยครับ...ข้างไหนดังให้ศูนย์เครมเลยครับ..บอกไปเลยครับว่าลูกปืนล้อดังครับ

  7. มีอาการตามนี้หรือเปล่าครับ

     

    ก่อนอื่นขออนุญาตบอกก่อนนะครับว่าผมไม่ใช่ช่างนะครับ

    เป็นเพียงข้าราชการตัวเล็กๆคนหนึ่ง..แต่อาศัยใจรักในเรื่องรถยนต์

    และก็ได้ขายลูกปืนล้อให้กับเพื่อนๆในคลับเราเป็นจำนวนมาก

    พอสมควรจึงขอสรุปและให้ข้อสังเกตุกับเพื่อนเกี่ยวกับอาการเสีย

    ของลูกปืนล้อทั้งล้อหน้าและล้อหลังได้ดังนี้ครับ sm01.gif

     

    อาการลูกปืนล้อเสียจะเป็นดังนี้ครับsm10.gif

     

    1. มีเสียงดังหอนๆคล้ายๆเสียงยางแต่ไม่ใช่..ยิ่งขับเร็วยิ่งหอนดังครับ

    2. ให้ยกรถขึ้นครับแล้วหมุนล้อดูครับแล้วเอามืออีกข้างจับที่กระบอกโช๊คดูครับ

    ถ้ามีอาการสั่นโอกาสใช่85%ครับ

    3. ให้ถอดล้อ..ถอดปั้มเบรค..ถอดจาน..แล้วมันจะเหลือแต่ดุมล้อ..แล้วก็ลองหมุนดูครับ

    ถ้าฝืดมือหรือสะดุดเวลาหมุนแตกชัวร์ 100% ครับ(อันนี้สำหรับล้อหลังนะครับ..

    ส่วนล้อหน้าให้สังเกตุจากเสียงหอนเอาครับประกอบกับระยะทางครับ

    ถ้าเกิน 130,000 กม.แล้วโอกาสใช่สูงครับ

    ปล.ได้ข่าวว่าศูนย์บริการBเขาเช็คฟรีนะครับ

     

    ประเภทของรถที่มีโอกาสลูกปืนล้อเสียมีประมาณนี้ครับ sm04.gif

     

    1. รถยนต์ที่วิ่งเกิน 130000 กม.ขึ้นไป

    2. รถยนต์ที่วิ่งทางไกลบ่อยๆ เป็นประจำ..และต่อเนื่อง

    3. รถยนต์ที่ตกหลุมอย่างรุนแรงหรือวิ่งทางขรุขระเป็นประจำ

    4. รถยนต์ที่ใส่ล้อใหญ่ตั้งแต่ 18ขึ้นไปนะครับ โอกาสจะเสียเร็วกว่าปกติครับ

    5. คนที่มีเพื่อนเยอะๆครับไปไหนกันทีไม่ต่ำ 5 คน โอกาสจะเสียเร็วกว่าปกติครับ

    ปล.มีใครเข้าข้อไหนบ้างไหมครับ

     

    ที่ผมเขียนทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ได้จากเพื่อนในคลับที่มาอุดหนุนกันนะครับ..ซึ่งผมได้

    ทำการรวบรวมข้อมูลแล้วนำมาให้เพื่อนๆในคลับได้อ่านและลองสังเกตกันนะครับ sm11.gif

    sm10.gifหวังว่าสิ่งที่ผมเขียนคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างไม่มากก็น้อยครับsm10.gif

  8. พอดีเป็นคนไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถมากนัก อาศัยศึกษาจากในเนต

    แต่สงสัยครับ

    อาการลูกปืนล้อแตก/ชำรุด/ผิดปกติ สังเกตยังไง

     

    ปล.เปลี่ยนยาง มิชลิน Primacy LC 4 เส้น ก้อยังได้ยินเสียงยางบดถนนนิดๆ ที่ความเร็ว 80+ (ดีกว่า NCT5มาก)

    อย่างนี่เป็นที่ลูกปืนไหมครับ

     

    น่าจะใช่ประมาณ 85% ครับ..แต่ถ้าให้ชัวร์ลองหมุนล้อแล้วจับที่กระบอกโช๊คดูครับถ้าสั่นน่าจะชัวร์ครับ

    ปล.ถ้ามีเวลาลองมาเช็คที่อู่ก็ได้ครับ อยู่แถวๆรังสิตปทุมธานี

  9. คุณเบสท์ บอกขายผู้หญิง 3 ชุดราคาทุน เด๋วจะหาผู้หญิงเป็นหน้าม้าไปซื้อซะหน่อย

    มาเลยครับเดี๋ยวจัดราคาทุนเลยครับ

    ตอนนี้มีแล้ว1 ท่านครับบ

×
×
  • Create New...