Jump to content

asnbroker

CCTH Member
  • Posts

    4
  • Joined

  • Last visited

Posts posted by asnbroker

  1. จขกท.นามว่า ยายเนียม ล็อคอินในพันทิป ได้ตั้งกระทู้ เตือนใจการใช้สัญญาณบีบแตร 

     

    taxi.jpg

     

    เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ในการใช้รถใช้ถนน ASNBroker (ประกันภัยรถยนต์)เห็นว่าเป็นอุทาหรณ์การใช้สัญญาณบีบแตร จึงอยากนำมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ

     ต้องขอเกริ่นก่อนเลย ว่าเราขอยืมล็อกอินพี่ที่รู้จัก และเคารพมาตั้งกะทู้นะคะ ข้อความและทุกตัวอักษรนี้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับเจ้าของลอกอินเลยแม่แต่นิดเดียวค่ะ

     

    เตือนภัย!! อย่าบีบแตรใส่รถแท็กซี่ (มีคลิปค่ะ)

     

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 58 เวลาประมาณ 15:30 น. ซึ่งดิฉันกำลังขับรถและอยู่ในรถเพียงคนเดียวค่ะ โดยเส้นทางที่เกิดเหตุเป็นเส้นทางลัด ถ.กำนันประดิษฐ์สโมสร ที่สามารถทะลุออก ถ.ศรีนครินทร์ และเทพารักษ์ได้

    ขณะที่ดิฉันขับรถในเส้นทางหลักนั้น ได้มีรถแท็กซี่คันสีเหลืองล้วนทะเบียน ทษ-3025 กทม.ขับลงมาจากสะพานทางด้านขวา โดยขับลงมาตัดหน้ารถดิฉันที่มาจากทางตรง ดิฉันจึงต้องเบรกกะทันหันพร้อมกับบีบแตรรถ 1 ครั้ง เพื่อบอกให้รู้ว่าควรระวัง และไม่ให้เกิดการชนกัน และดิฉันก็ขับรถต่อไปอย่างปกติ และอยู่ๆ แท็กซี่คันเดิมพยายามแซงขึ้นมา

     


     

      และตัดหน้ารถของดิฉันอีกครั้ง  ซึ่งถนนเส้นนี้เป็นซอยชุมชน ที่ไม่ควรขับรถโดยใช้ความเร็วเกินกว่าปกติ เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ด้วยความตกใจดิฉันเลยบีบแตรรถอีกครั้ง คราวนี้แท็กซี่คันนั้นหลบซ้ายจอดรถกะทันหัน และคนขับเปิดประตูรถอย่างไว แต่ดิฉันหักหลบได้ทันคะ และด้วยความที่ไม่อยากมีเรื่อง จึงไม่ได้จอดรถ 

    แต่เหตุการณ์ยังไม่จบ แท็กซี่คันเดิมขับรถตามมาค่ะ ช่วงเวลานั้นก็มีสายเข้ามาพอดี ดิฉันจึงรับสาย (สนทนาด้วยสมอลทอร์คนะคะ)

     เป็นช่วงจังหวะที่แท็กซี่คันนั้นแซงขึ้นมาเป็นครั้งที่ 3 และครั้งนี้จอดรถกลางถนนเพื่อขวางรถดิฉันเลยค่ะ

     คนขับแท็กซี่เปิดประตูรถเดินลงมา ในมือมีท่อเหล็กความยาวประมาณ 2 ฟุตได้ และเดินตรงมาที่รถดิฉัน ดิฉันยอมรับว่าตอนนั้นกลัวมากค่ะ ทำอะไรไม่ถูก กลัวจะโดนทำร้ายทั้งคนและรถค่ะ ดิฉันเลยลดกระจกลงนิดหน่อย เพื่อพูดบอกคนขับแท็กซี่ว่า "มือไปโดนแตรคะ เพราะรับโทรศัพท์อยู่" ดิฉันพูดแบบนี้ไป เพราะไม่อยากคุยกับคนประเภทนี้ กลัวมีเหตุร้ายเกิดขึ้นค่ะ ยอมรับว่าดิฉันตกใจมาก พยายามใจเย็น และใช้สติ ไม่คิดตอบโต้ คนขับแท็กซี่คันนั้นเลยเดินกลับไป พร้อมพูดจาด่าทอต่างๆ นาๆ ซึ่งดิฉันเห็นว่ามีผู้โดยสารอยู่บนรถแท็กซี่คันนั้นด้วย แต่ทำไมยังกล้าทำขนาดนี้ และหลังจากที่คนขับขึ้นรถแท็กซี่แล้วขับไปแค่แปลเดียว ดิฉันเห็นรถจอดและผู้โดยสารขอให้หยุดรถ และลงกลางทางตรงนั้นเลยค่ะ (ไม่ทราบว่าถึงปลายทาง หรือทนพฤติกรรมไม่ไหวหรือเปล่านะคะ)

     

     

      เหตุการณ์นี้ดิฉันจึงร้องเรียนไปยัง 1584 กรมการขนส่ง ศูนย์ร้องเรียนรถแท็กซี่ และรถสาธารณะ ทางเจ้าหน้าที่ 1584 ให้ดิฉันส่งคลิปไปให้ทางไลน์ และได้แนะนำให้ดิฉันเข้าแจ้งความ เนื่องจากเข้าข่ายคดีอาญา ซึ่งอาจจะทำร้ายร่างกายและทรัพย์สินได้ ดิฉันจึงเข้าแจ้งความ เพราะคนที่ใช้อารมณ์แบบนี้ พกพาอาวุธแบบนี้ อาจจะเกิดกับใครๆ อีกก็ได้ค่ะ

     

      ดิฉันมีคลิป 2 คลิป ซึ่งบนรถดิฉันติดกล้องบันทึกไว้ และคลิปนี้ดิฉันก็ได้ส่งแจ้งความ และส่งให้ทาง 1584 ดูเพื่อพิจารณาถึงพฤติกรรมคนขับรถแท็กซี่คันนี้ค่ะ

    clip1:

    clip 2:

     ล่าสุด จขกท. ได้ออกมาคอมเม้นท์ว่า [เจ้าของกะทู้นะคะ จากที่ดิฉันได้อ่านความคิดเห็นของทุกคน ดิฉันทราบแล้วว่าดิฉันบกพร่องตรงไหน และจะนำข้อบกพร่องที่ทุกคนแนะนำมาปรับเปลี่ยนความคิด และทัศนคติของตัวเองใหม่ค่ะ ในส่วนของคลิปที่ดิฉันอาจดูไม่มีน้ำใจต่อผู้ร่วมถนน และใช้แตรพร่ำเพรื่อเกินไปนั้น ดิฉันแค่อยากเพื่อเตือนใจตนเองกับบทเรียนนี้ และการแชร์เหตุการณ์นี้ก็เพื่อเตือนภัยผู้ที่อาจจะตกอยู่ในเหตุการณ์แบบดิฉัน ซึ่งอาจจะไม่ได้โชคดีแบบดิฉันที่ไม่ทันได้เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้น แต่ดิฉันแค่อยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยพิจารณาความประพฤติของคนขับแท็กซี่คันนี้ค่ะ เพราะคนที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์แบบนี้ พกพาอาวุธแบบนี้ อาจเกิดขึ้นกับใครอีกก็ได้ และอาจจะเป็นอันตรายต่อสังคมต่อไปค่ะ]

     

      ทั้งนี้ในกระทู้ก็มีวิพากษ์ วิจารณ์กันต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้แตรรถบอกสัญญาณที่ผิดวิธีของ จขกท. หรือ การมีน้ำใจของการใช้ถนน กับอีกฝั่งที่ตำหนิ อารมณ์ร้อนของแท๊กซีคู่กรณีดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อนสามารถไปอ่านนานาความคิดเห็น ได้ที่ กระทู้นี้ครับ(ที่มา) http://pantip.com/topic/34026260

  2. p19o2b3rv5kqohl8oou1nij16qr6.jpg

     

    เริ่ม! 17 สิงหาคมนี้ เตรียมปิดการจราจรตลอดแนวถนนพหลโยธิน บริเวณหมอชิต - คูคต ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว(หมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต)

     

    นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เผยว่า ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป 

    จะเริ่มปิดการจราจรตลอดแนวถนนพหลโยธิน จากบริเวณหมอชิต - คูคต รวมระยะทาง 18.7 กิโลเมตร ในเวลา 22.00 - 05.00 น. 

    เพื่อก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต)

     


     

    "การปิดจราจรดังกล่าว เพื่อให้ผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวทำการสำรวจระบบสาธารณูปโภคที่จะต้องรื้อย้าย เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบประปา 

    และจะมีการปิดการจราจรถาวรเพื่อก่อสร้างโครงสร้างงานโยธาอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี"  นายพีระยุทธ เผย

     

    สำหรับแผนการปิดการจราจรนั้น จะปิดฝั่งละ 1 ช่องจราจร และปิดช่องจราจรฝั่งละครึ่งเลน ในกรณีที่ลงพื้นที่โดยใช้เครื่องมือขนาดเบาก่อสร้าง 

    ถ้าใช้เครื่องมือขนาดใหญ่ อาทิ ตัวขุดเจาะวางฐานราก สามารถปิด 1 ช่องจราจรได้

     

    ทั้งนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต) จะสร้างเป็นทางยกระดับตลอดสาย ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร มี 16 สถานี 

    ตามแผนคาดว่าจะเปิดบริการราวเดือนกุมภาพันธ์ 2563

     

     สำหรับใครที่เดินทางประจำเส้นพหลโยธิน ช่วง หมอชิต คูคต  ASN Broker แนะนำให้หลีกเลี่ยงไปเป็นเส้น วิภาวดี หรือ รัชดาภิเษก

    และวิ่งทะลุซอยทางลัดเอานะครับ น่าจะสะดวกต่อรถที่ต้องติดบนถนนในเวลานานๆ

     


     

  3. max.jpg

     

    ยางแบนขณะขับรถ เป็นปัญหาเหมือนฝันร้าย ที่ เจ้าของรถทุกคนไม่อยากพบเจอ แต่ถ้าคุณเป็นคนใช้รถ ไม่ว่ายังไงยก็ต้องพบเจอเข้าสักวัน

    ASN Broker ประกันภัยรถยนต์ จึงอยากนำความรู้ วิธีแก้ไขปัญหา ทำไงยดีเมื่อยางแบน ขณะขับรถยนต์ แต่จะไม่เป็นเช่นนั้นอีก

    หากคุณได้รู้วิธีการเปลี่ยนยางอย่างง่าย ๆ แล้วคุณจะรู้ว่าการเปลี่ยนยางง่ายกว่าการขับรถเสียอีก

     

    1.ก่อนใช้แม่แรงยกรถ

     

    - จอดรถบนไหล่ทางที่เรียบ

     

    - ใส่เกียร์จอด หรือถ้าคุณใช้รถเกียร์ธรรมดาให้ใส่เกียร์ว่างเพื่อกันไม่ให้รถเลื่อนไหล

     

    - ใส่เบรกมือ

     

    - เปิดไฟกะพริบหรือไฟฉุกเฉิน

     

    - บล็อกล้อเพื่อมั่นใจว่ารถจะไม่ไหลแน่นอน (วิธีการบล็อกล้อคุณสามารถใช้ หิน อิฐ แผ่นกระดาษ หรือของหนัก ๆ ที่สามารถดันใต้ยางได้วางไว้หลังล้อ)

    - เตรียมยางสำรอง

     

     

    2.การถอดฝาครอบดุมล้อและถอดน๊อต

     

    - ถอดฝาครอบดุมล้อ

     

    - ใช้ไขควงงัดฝาครอบดุมล้อออกจากล้อ (บางครั้งอาจมีตัวล็อกฝาครอบดุมล้อ คุณจำเป็นต้องไขล็อกออกก่อน)

    - ใช้ฝาครอบดุมล้อเป็นภาชนะ สำหรับใส่น็อตล้อไว้ตอนคุณเปลี่ยนยาง

     

    - ถอดน็อต

     

    - ไขน็อตล้อ

     

    - ถ้าน็อตล้อมีรูปตัว L ให้หมุนตามเข็มนาฬิกา

     

    - ถ้าไม่มีรูปตัว L หรือมีรูปตัว R แทนให้หมุนทวนเข็มนาฬิกา

     

    - เมื่อถอดน็อตล้อเสร็จแล้วอย่าเพิ่งถอดล้อเพราะอาจทำให้ขอบยางเสียหาย ให้ยกรถขึ้นก่อน

     

    Tire%20Change%20-%2002.jpg

     

    3.ยกรถ

     

    - ตรวจดูด้วยมือ หรือแม่แรงว่าตำแหน่งไหนของรถที่แข็งแรงพอเหมาะสำหรับใช้เป็นฐานยกรถได้

     

    - ถ้าคุณไม่มีความรู้ด้านนี้ หรือไม่ทราบว่าตำแหน่งไหนสมควรใช้เป็นฐานยกรถ ให้ตรวจสอบจากคู่มือรถ

     

    - ตำแหน่งยกรถส่วนใหญ่อยู่ใต้โครงฐานรถ ซึ่งทำหน้าที่รองรับตัวถังและเครื่องยนต์ หรืออาจอยู่บริเวณท่อนเหล็กใหญ่ที่รองรับล้อหน้า หรือเพลาบริเวณหลัง

     

    - โยกแม่แรงปั้มขึ้น เมื่อรถอยู่ในตำแหน่งสูงพอจะถอดล้อที่ยางแบนได้แล้วจึงหยุด

     

    - ต้องมั่นใจว่ารถอยู่ในสภาพปลอดภัย ไม่สั่นหรือโคลงเคลงเพราะถ้ารถโคลงเคลง อาจทำให้เสียหลักตกจากแม่แรงได้ (นั่นเป็นเหตุผลที่คุณต้องหาที่จอดรถเป็นไหล่ทางเรียบ)

    - อย่าอยู่ใต้รถขณะที่รถลอยอยู่

     

    4.เปลี่ยนยาง

     

     

    - ถอดน็อตล้อ (จะเรียบร้อยในขั้นที่ 2) และวางไว้ในฝาครอบดุมล้อบนพี้น

     

    - ถอดล้อโดยการดึงเข้าหาตัวและเคลื่อนออก

     

    - ยกล้อสำรองใส่เข้าในสลักน็อต เพื่อเปลี่ยนแทนล้อที่ยางแบน

     

    - นำน็อตล้อใส่คืนที่ และขันให้แน่นทั้งหมดโดยขันในทิศตรงกันข้ามกับที่คุณไขออก

     

    - ปั้มแม่แรงลง จนกระทั่งยางแตะพื้น

     

    - ปั้มแม่แรงลง จนกระทั่งยางแตะพื้น

     

    - ขันน็อตล้ออีกครั้งหนึ่ง เพื่อมั่นใจว่าแน่นเพียงพอแล้ว

     

    - ใส่ฝาครอบดุมล้อคืนที่เดิม แต่หากคุณคิดว่าฝาครอบดุมล้อไม่พอดีเหมือนตอนแรก ให้เก็บไว้ท้ายรถก่อน

     

    - เก็บล้อที่ยางแบนและเครื่องมือไว้ท้ายรถ

     

    - เก็บวัสดุที่ใช้บล็อกล้อทั้งหมด

     

    จำไว้ว่าคุณจำเป็นต้องขันน็อตล้อให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้

     

     

    Note : ล้อสำรองมักมีขนาดเล็ก ดังนั้นไม่ควรวิ่งด้วยความเร็วเกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเดินทางไกลไม่เกิน 70 กิโลเมตร


  4. will-the-auto-insurance-check-be-made-ou

    การเคลม (ฟรี) ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ชนิดไม่มีคู่กรณี ทำยังไงย : #
    #
    #

     

    หลายครั้งที่คุณสาวๆ ทั้งหลายขับรถไปแล้วเกิดเฉี่ยวหรือชนเข้ากับวัตถุที่อยู่ริมถนนโดยไม่ตั้งใจ เช่น กระถาง กระบะปลูกต้นไม้หน้าบ้าน หรือ

    แม้แต่กำแพง หรือเสารั้วตอนที่จะเลี้ยวเข้าบ้าน หรือบางทีก็โดนรถจักรยานยนต์เฉี่ยวเอาตัวอย่างสีแล้วหนีไปซะงั้น ไม่สามารถตามตัวได้ รู้ทั้งรู้อยู่ว่า

    รถเรามี 
      แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะเคยได้ยินมาแต่ว่า การ
    เพื่อสั่งซ่อมนั้นต้องมีคู่กรณี ๒ ฝ่าย คือเรากับฝ่ายผู้ก่อเหตุ 

    แต่คราวนี้เราเป็นผู้ก่อเหตุซะเองกับสิ่งไม่มีชีวิต หรือผู้ก่อเหตุหนีไปในกลีบถนนแล้วเนี่ย เราจะทำยังไงดี จะเคลมแบบไม่มีคู่กรณีได้มั้ย ขอเชิญ

    ติดตาม

     

    การแจ้งบริษัทประกันภัย เพื่อขอเลขเคลมสั่งซ่อมแบบไม่มีคู่กรณีนั้น สามารถทำได้ และทำกันมาหลายแล้วด้วย พอๆ กับการแจ้งเคลมแบบมีคู่

    กรณีนั่นแหละ เพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ทุกวันและทุกเวลา

     

    ขั้นตอนการแจ้งเพื่อนำรถเข้าซ่อม

     

    ๑. แจ้งไปที่ศูนย์บริการที่เราซื้อรถคันนี้มาว่า เราจะนำรถเข้าซ่อม โดนอะไรก็แจ้งเขาไป แล้วทางศูนย์บริการก็จะบอกให้เราไปแจ้งบริษัทประกันภัย

    เพื่อขอเลขเคลม

     

    ๒. ไปที่บริษัทประกันภัยที่เราได้ทำไว้ แล้วแจ้งทางบริษัทว่าจะขอเลขเคลมเพื่อจะนำรถเข้าซ่อม ทางบริษัทประกันภัยจะให้เขียนรายละเอียดของ

    การเกิดอุบัติเหตุ

    ทริคการแจ้งรายละเอียดของการเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี

    -แจ้ง วัน เวลาของการเกิดอุบัติเหตุให้ใกล้วันที่แจ้งเคลมให้มากที่สุด เช่น แจ้งเคลม ๖ พ.ย. ก็แจ้งวันที่เกิดเหตุว่า เกิดเหตุวันที่ ๕ พ.ย. เป็นต้น 

    หรือถ้าไปแจ้งตอนบ่าย ก็แจ้งในใบแจ้งรายละเอียดว่าเกิดเหตุตอนเช้าวันที่แจ้งไปเลย เพราะถ้าแจ้งวัน เวลาตามความเป็นจริง บริษัทอาจจะหัวหมอ

    โดยอ้างว่าเกิดเหตุนานมาแล้วไม่รีบแจ้ง อาจจะยึกยักให้เราปวดเศียรเวียนเกล้าได้

    -แจ้งการเกิดเหตุโดยแจ้งว่าได้ ชนหรือเฉี่ยวกับสิ่งไม่มีชีวิต เช่น กระถาง กำแพง เสารั้ว แต่ต้องให้ดูสมจริงด้วย ไม่ใช่ว่าแผลอยู่ตรงกับแนวไฟท้าย 

    แต่แจ้งว่าชนกระถาง ใครๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่ แบบนี้ก็อาจโดนเล่นแง่ได้เหมือนกัน เรื่องแจ้งว่าชนกับอะไรนั้น ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร เพราะเราก็รู้อยู่แล้ว

    ว่าเราขับไปชนอะไรมา แต่ในกรณีชนแล้วหนีเนี่ย ต้องแต่งเรื่องนิดหน่อย โดยอย่าบอกว่าโดนชนแล้วหนีเด็ดขาด เพราะอาจจะโดนเล่นแง่ให้ไป

    ตามคู่กรณีได้ ดังนั้นถ้าให้ชัวร์ แจ้งว่าชนกับสิ่งไม่มีชีวิตดีที่สุดครับ

    -สามารถแจ้งขอเลขเคลมได้ทั้งคัน ไม่ว่าจชนมานานแค่ไหน แต่อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า ให้แจ้งวัน เวลาที่เกิดเหตุให้ใกล้วันแจ้งให้มากที่สุดจะดี

    ที่สุด ถ้ามีหลายแผลหลายรอยก็ต้องคิดกันหน่อยตรงนี้

    sdfsd.jpg

    ๓. ทางบริษัท
    อาจะขอดูรถเรา ก็ให้เขาดูไป แต่ถ้าไม่ได้เอารถมาด้วย ก็สามารถนัดวันให้บริษัทมาดูได้ แต่ถ้าเขาไม่พูดถึงเราก็ไม่ต้อง

    ถาม

    ๔. เมื่อได้เลขเคลมมาแล้วก็แล้วแต่เราล่ะว่าจะนำรถเข้าซ่อมเมื่อไร ไม่จำเป็นว่าได้เลขเคลมมาแล้วต้องนำรถเข้าซ่อมทันที แต่ใบเคลมนี้มีอายุ

    ประมาณ ๑ ปี 

    ๕.เมื่อจะนำรถเข้าซ่อมก็นำรถไปที่ศูนย์ บริการที่เราซื้อรถมาพร้อมนำใบเคลมติดไปด้วย ยื่นใบเคลมให้ พร้อมเซ็นชื่อสั่งซ่อม ทางศูนย์บริการจะ

    นัดวันมารับรถ หรือหากว่าเป็นการซ่อมไมไหญ่ เช่น โดนทุบกระจก บริษัทประกันจะแนะนำอู่ให้เราถือใบเคลมไปเปลี่ยนเอง แบบนี้เราก็สามารถรอ

    รถได้เลย

    --หากชื่อเจ้าของรถไม่ตรงกับชื่อคนแจ้งเคลม ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะคนที่มีพลขับส่วนใหญ่ก็จะให้พลขับเป็นคนเซ็นใบเคลม แต่ถ้าบริษัท

    ยึกยักเล่นแง่หัวหมอ ก็อธิบายไปตามความจริง เช่น ชื่อสามี แต่เราเป็นคนใช้รถ หรือบอกว่า เราเป็นภรรยาของเจ้าของรถ ถ้ายังเรื่องมากอีกก็ใช้ไม้

    ตายขุ่ว่าจะถอนประกันภัยแล้วจะไปทำประกันภัยกับ บริษัทอื่น รับรองรายไหนรายนั้น ยอมทำให้แน่นอน

     

    ปล.ที่บอกว่าเพื่อคุณสุภาพสตรีเพราะคิดว่าคุณผู้ชายคงทราบดีอยู่แล้ว
       
       
    friendgetfriend72930.jpg
     
     

×
×
  • Create New...