peerawat jz

ในเบื้องต้น เมื่อใส่ชุดสตรัทใหม่ ความสูงเปลี่ยนไปมุมแคมเบอร์และมุมล้ออื่นๆก็จะเปลี่ยนไปด้วยครับผม เพื่อการทรงตัวที่ดี การสึกหรอของยางที่สม่ำเสมอสมบูรณ์ รวมถึงให้ช่วงล่างทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนะนำให้ตั้งศูนย์ครับ...^^

ไฟโชว์แน่นอนครับ เพราะปรกติเครื่องยนต์มี O2 Sensor / A/F Sensor อยู่ 2 ตัว
 
ตัวแรก คอยทำหน้าที่ ตรวจสอบว่าการเผาใหม้สมบูรณ์หรือไม่
ตัวที่สอง ทำหน้าที่ ตรวจสอบสภาพว่าแคตตาลิติก คอนเวอเตอร์ ยังทำงานปรกติหรือไม่
 
เมื่อคุณใส่ Header ซึ่งไม่มีแคตเข้าไปแทนที่ ผลที่ได้คือ Sensor ตัวที่สอง
จะตรวจสอบพบว่าแคตไม่ทำงาน (ไม่มีแล้ว ต่างหาก) กล่องจึงโชว์ไฟขึ้นมาครับ
 
ดังนั้น การเปลี่ยนเฮด ควรเปลี่ยนหรือไม่ แบ่งออกเป็น 2 ปัจจัยครับ
 
1. ถ้าทำแค่ กรองชุด ท่อทั้งเส้น ผมไม่แนะนำให้เปลี่ยนเฮดครับ แคตเดิม รองรับไหวอยู่แล้ว ไม่ได้อั้น
2. ถ้าทำเยอะ ผมแนะนำให้ใช้กล่องจำพวก Reflash
    ที่สามารถ Disable O2 ตัวที่สองได้ เช่น Hondata เป็นต้น
    งบประมาณ 3 หมื่นปลาย แพงอยู่ ถ้าไม่ทำเยอะไม่คุ้มครับ 

ไม่รู้ว่ามีใครทำไว้หรือยัง แต่อยากเอามาลงให้ชมครับ

เผื่อใครผ้าเบรคหมดอยากจะทำเองบ้าง
รูปอาจจะเยอะนิดนึงนะครับ ทุกขั้นตอน


รูปล้อก่อนจะเปลี่ยนผ้าเบรคครับ


1. ขันน็อตล้อให้หลวมๆ


2. ขึ้นแม่แรงพอให้ล้อลอยได้


3.ขันน็อตล้อออก


4. ยกล้อออก


5. ใครติดฝาครอบก็เอาออกซะหน่อย


6. สภาพผ้าเบรคบางๆ (เบลอไปนิดขอโทษด้วยครับ)


7. น็อตเจ้าปัญหาที่ต้องถอดครับ ให้เอาประแจยึดตัวเมียไว้แล้วขันตัวผู้ที่เป็นสลักครับ (ตัวผู้ใช้บล็อคเบอร์ 12)


8. ขันน็อตตัวล่างออกครับ (ตัวบนไม่ต้องขันนะ)


9. น็อตที่ขันออกมา


10. หมุนยกฝาครอบปั้มขึ้นครับ


11. จัดการถอดผ้าเบรคในนอกออก


12. เตรียมผ้าเบรคใหม่


13. ผ้าเบรคใหม่เทียบกันอันเดิมที่หมด


14. เช็คระดับน้ำมันเบรค ถ้ามีเยอะให้ดูดออกก่อนเพื่อป้องกันน้ำมันเบรคล้นเวลาดันลูกสูบกลับเข้าที่ แล้วเปิดฝาไว้



15. ใช้ผ้าเบรคใหม่สองอันประกบกันแล้วงัดให้ลูกสูบกลับเข้าที่ (ลูกสูบยื่นออกมาเวลาผ้าเบรคเหลือน้อย เลยต้องดันให้เข้าที่ มิเช่นนั้นจะใส่ผ้าเบรคใหม่ไม่ได้ครับ)


16. น้ำมันเบรคหลังงัดลูกสูบกลับเข้าที่


17. ใส่น็อตกลับตามเดิม


18. ขันน็อตให้แน่น


19. ถ้าน้ำมันเบรคเยอะเกินไปให้ดูดออกครับ


20. สภาพผ้าเบรคใหม่ๆ ถึงขั้นนี้ให้ลองย้ำเบรคดูครับว่ามันจับผ้าเบรคแน่นดีไหม ย้ำจนกว่าจะแน่นครับ


21. ใส่ฝาครอบกลับเข้าที่


22. ใส่ล้อกลับเข้าที่


23. ขันน็อตไว้หลวมๆ


24. เอาแม่แรงลง


25. ขันน็อตล้อให้แน่น


26. เรียบร้อยแล้วครับ


27. เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ลองออกไปวิ่งเทสต์ผ้าเบรคใหม่กันเลยครับ


ถ้าข้อความยาวไปหรือผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

ขอบคุณครับ

ท่อเทพ Best หรือ Prodrager หนั่น ดีทั้งคู่
 
แล้วแต่งบและความชอบ ส่วนตัวผมว่าแทบไม่ต่างกัน
 
ส่วนร้านอื่นๆ ผมไม่เคยสัมผัส ตอบไม่ได้จริงๆ ครับ
 
ซึ่งอย่างที่บอก สองร้านนี้ก็สุดๆ แล้ว ตัวเลือกอื่น
 
อย่าไปสนเลยครับ ถูกและดี ไม่มีในโลก ^^

การเคลือบลูกลอยเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุน่ะครับ ซึ่งเป็นวิธีเก่า ผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าถ้าเติม E85 ตลอด จะใช้ได้ประมาณ 6-12 เดือน แล้วก็จะพังครับผม ดังนั้นจึงมีการคิดค้นวัฒตกรรมเกิดขึ้น คือตัวป้องกันลูกลอยพังระบบไฟฟ้า ซึ่งจะแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือลดกระแสไฟฟ้าไม่ให้ลงไปที่ชุดลูกลอย แต่จะดึงสัญญาณระดับน้ำมันเชื่อเพลิงที่ลูกลอยขึ้นแทน มาผ่านตัวป้องกันลูกลอยพังระบบไฟฟ้า และจึงส่งสัญญาณระดับน้ำมันเชื้อเพลิงต่อไปที่หน้าเรือนไมล์ ครับผม

แรงกว่า AT ในสเตปที่เท่ากัน
 
เพราะ แรงสูญเสียไปในระบบส่งกำลังมากกว่า MT ครับ
 
ส่วนเห็น ไม่เห็นเราว่ากันที่ม้า 15 - 25 ตัว ก็ค่อนข้างชัดครับ
 
ป.ล. รถผม R18A มีท่อ 1 ชุด ได้ 131 แรงม้า
ลงพื้น 88 แรงม้า ซึ่งหายไปในเกียร์ 33%
เกียร์ AT ยิ่งม้าเยอะ ก็ยิ่งหายไปในเกียร์เยอะ
อย่างรถบางคันในกลุ่ม หายไปเกือบ 100 ตัว
หรือประมาณ 43% ก็มีให้เห็นครับ
 

 
ป.ล. รูปนี้ลงบ่อย เพราะมีรูปเดียว อย่าเพิ่งเบื่อกันนะครับ ^^

แต่เพื่อให้การตรงกับคำถามของพี่ผู้ตั้งกระทู้ AT อยากโม
 
ก็คงต้องทำท่อเส้นนึง กรองอากาศดีๆ กล่องจูน ที่ไม่ใช่ อีแมนเนท
 
เปลี่ยนหัวเทียนเบอร์ 7 เปลี่ยนเชื้อเพลงเป็น E85 เปลี่ยนหัวฉีด ปั๊มติ๊ก ท่อยาง ลูกลอย กรองเบนซิน เพื่อรองรับ E85 ใส่ล้อฟรอจ 17 กว้างไม่เกิน8 ใส่พาร์ทน้อยๆ พาร์ทเดิมๆ ยิ่งลู่ลม
รื้อเบาะหลัง ยางอะไหล่ ปรับตั้งคันเร่งให้ตอบสนองดีขึ้น
 
ประมานนี้อะมั้งครับ ถึงจะได้กินรถ MT ที่เดินท่อเส้นนึง

ถ้างบไม่อั้น ผมแนะนำใหม่ ท่อนบน K20 ฝาแดง
ท่อนล่าง K24
เซ็ตโบ 400 ม้า++ 
 
ถ้าไม่คิดมาก แก๊งค์ผมเซ็ต R18 บูสต์ 0.6 บาร์ 251 ม้าครับ
 
https://www.facebook.com/video.php?v=401312186707772

มันก้ได้อยุ่นะคับ แต่ต้องเปลี่ยนขั้วหลอดด้วยนะครับ ให้เป็น2ใส้ ก้ต้องคว้านโคมให้ใหญ่ขึ้นเพื่อที่จะใส่หลอดขั้ว T20 เข้าไปคับ แล้วหลอดมันใหญ่จะไปชนโคมด้านในอ่ะคับ
 
แนะนำหาเป็นหลอดไฟถอยสว่างๆหน่อย แล้วใช้เป็นวงจร ดรอปไฟเอาอ่ะคับ
เหมือนที่เค้าทำกันเป็นไฟหรี่แก้มอ่ะคับ(ที่เปิดไฟหรี่แล้วไฟเลี้ยวตรงแก้มหรี่ๆพอเปิดไฟเลี้ยวแล้วสว่างเต็มอ่ะคับ)
แบบนี้จะแปลงน้อยอ่ะคับผม

ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ
 
Civic FD JDM Style part 1

JDM ย่อมาจาก Japan Domestic Market เป็นคำที่นิยมใช้กับรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อสื่อให้ทราบถึงรถยนต์และชิ้นส่วนนั้นๆ สำหรับทำขายเฉพาะในตลาดรถยนต์ญี่ปุ่น จึงทำให้เกิดแนวการแต่งรถที่เรียกว่า JDM Style ขึ้นมา

การแต่งรถแนว JDM Style จึงถือเป็นอีกแนวทางที่น่าสนใจ เพียงแต่การแต่งในลักษณะนี้มักจะถูกมองว่า “แต่งแล้วก็เหมือนไม่ได้แต่ง” เพราะการแต่งแบบ JDM คือ การนำชิ้นส่วนต่างๆ ของตัวรถที่เป็นสเปกสำหรับขายในญี่ปุ่นมาเปลี่ยนแบบถอดใส่กับรถที่ขายในบ้านเรา หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ “แต่งให้เป็นรถสแตนดาร์ดจากนอก” ซึ่งจะต้องใช้ของแต่งตรงรุ่นจากญี่ปุ่นทั้งหมด แต่ถ้าเป็นรถที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ไปเป็นของสเปกญี่ปุ่น แต่แต่งเพิ่มอย่างเดียว มันไม่ครบสูตร JDM

Civic FD ก็เป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมในการแต่งรถแนว JDM โดยเฉพาะการเปลี่ยนให้เป็นเวอร์ชัน สูงสุดอย่าง Type R (FD2 Type R) ซึ่งถ้ามองอย่างผิวเผิญ อาจจะคิดว่ารถ FD ที่ขายในบ้านเราเหมือนๆ กับ Type R แต่ถ้าศึกษาให้ลึกแล้วจะพบว่า มีความแตกต่างกันในเกือบทุกๆ รายละเอียดของตัวรถ ทั้งภายใน ภายนอก เครื่องยนต์ ฯลฯ

ส่วนเรื่องชี้แนะ คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ
 
พี่ก็หาข้อมูลไปเรื่อยๆ สนุกดีครับ เคยอ่านเจอ
 
เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ ก็เลยเอามาบอกต่อ
 
ว่าไม่ควร ประมาณนั้น...

จริงๆ ผมไม่แนะนำให้แก้ปัญหาล้อติดซุ้มด้วยช่วงล่างที่แข็งขึ้นเลยครับ
เหตุผลง่ายๆ คือเราเกาไม่ถูกที่คันกัน ล้อติดซุ้มเพราะอ็อปเซ็ตมันผิด
 
หากเราแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนช่วงล่างซิ่งที่แข็งขึ้น
รถเราจะเกาะถนนมากขึ้น ช่วงล่างแน่นขึ้น
ซึ่งนั่นแปลว่านั่งสบายน้อยลง ผู้ใหญ่ อาจจะไม่ชอบนัก
แต่ยังพอรับได้ เพราะประสิทธิภาพดีขึ้น
 
แต่ถ้าเอาช็อคไปอัดน้ำมันให้มันแข็งขึ้น
นั่นแปลว่า ช็อคไม่ยอมยุบตัว ไม่ใช่แน่นนะครับ
ซึ่งอันนี้ อาจจะทำให้หลุดโค้งได้เลย
เพราะจังหวะเจอถนนไม่เรียบรถจะลอยขึ้น
แต่ช็อคไม่ยอมยุบตัวซับแรงนั้น
ทำให้ล้อลอยจากถนน 
อันนี้ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
 
วิธีที่ดีที่สุดคือใส่อ็อปเซ็ตที่ถูกต้อง
หรือพับซุ้มที่มันติดครับ

ปรกติครับ เนื่องจากพวงมาลัยเพาเวอร์ของ 1.8 และ 2.0 ต่างกัน
 
ของ 1.8 เป็นแบบ Hydraulic Power Steering คือใช้ปั๊มไฮดรอลิก
ซึ่งใช้กำลังจากเครื่องโดยตรงในการสร้างแรงดันมาผลักแร็คพวงมาลัย
 
ส่วนของ 2.0 เป็น Electronics Power Steering (EPS) ซึ่งจะใช้พลังงานไฟฟ้า
เป็นตัวสร้างแรงผลักแร็คพวงมาลัยให้เรา แปลว่าใช้กำลังจากแบตเตอรี่ ไม่ได้ใช้จากเครื่องโดยตรงครับ
 
ดังนั้นอาการรอบตกใน 1.8 จึงเป็นอาการปรกติของรถทุกคัน
ที่ใช้พวงมาลัยเพาเวอร์แบบ Hydraulic Power Steering

จะเซตไปทางไหนคับ ต้องชัดเจนก่อนครับ 
 
รถ 7 ปี วิ่งแสนเก้า ก่อนจะปรับ โน่น นี่ นั่น ผมอยากให้ Overhual หรือ เช็คสภาพ ชัวร์ๆของจุดยึดรั้งทั้งหลาย ของช่วงล่างเดิมๆก่อน 
 
เช่น ยางแท่นเครื่อง ยางหัวโช๊ค ลูกหมากทั้งหลาย เอาให้ชัวร์ว่า ไม่หลวมคลอนนะคับ  แล้วค่อยไปต่อ 
 
ไม่งั้นเปลี่ยนกันแต่ โช๊ค สปริง กันโคลง แล้วสุดท้ายก้อบอกว่า ไม่จบๆ  คือ มันเสียตั้งแต่จุดยึดพื้นฐานแล้วครับ 
 
อันนี้ไม่ได้กวนนะครับ   เป็นเรื่องจริงที่ผมได้ยินมาเสมอ  ลองดูก่อนครับ 

เอาชุดนี้ไปก่อนครับ ผมพึ่งทำมา หมดไปก้อสองสามพันมั้ง ไม่แพงอย่างที่กลัว ซื้อของฮอนด้าที่วรจักร เปลี่ยนตามร้านช่วงล่างทั่วไป 
 
1. บุชปีกนกล่างหน้า 
 
2. ลูกหมากปีกนกล่าง 
 
3. ลูกหมากคันชักคันส่ง 
 
4. ยางหัวโช๊ค 
 
5. ยางแท่นเครื่อง ยางแท่นเกียร์ 
 
ทั้งหมดนี้ สามารถเข้าร้านเช็คก่อน และ ให้ร้านหาอะไหล่ให้ได้นะคับ  หลังจากผมทำไปนี่ การขับขี่ แน่นดี ตึง เหมือนเดิมทุกอย่าง 
 
หลังจากนี้จะรู้ว่า โช๊คมูเกน และ แมก+ยางที่เปลี่ยนมา ให้อารมณ์อะไรแท้ๆ แล้วค่อยเปลี่ยนนะคับ 
 
 
ข้อแนะนำนิดๆ 
 
ถ้าอยากกลับไปอารมณ์รถใหม่ ต้องกลับไปโช๊คสปริงโรงงาน + แมก ยาง ขนาดมิติเท่าเดิม น้ำหนักเท่าเดิมคับ  ได้แน่ 
 
แต่ถ้าเปลี่ยนมาแล้ว ต้องดูว่า น้ำหนักรวมของ แมก ยาง มากไปเยอะหรือเปล่า หน้ากว้างกว่าเดิมเท่าไหร่ เติมลมเท่าไหร่ 
 
โช๊ค สปริง แข็งกว่าเดิมขนาดไหน  ยางรุ่นอะไร ความนิ่มเท่าไหร่ 
 
ดีเทลเยอะนะครับ แมก+ยาง ถ้าหนักหรือกว้างไป เด้งประหลาดคับ  มารวมกับโช๊คแข็งมากไป มันทำให้เพี้ยนไปเยอะคับ ไม่ใช่ว่าแพงแล้วจะดีคับ 
 
ต้องค่อยๆศึกษาสักนิดคับ ความสวยกับความสบายมักสวนทางกันเสมอ