Search the Community
Showing results for tags 'Review'.
The search index is currently processing. Current results may not be complete.
-
เกริ่นนำ ตัวผมเองอยากได้กล้องติดรถยนต์ที่ขนาดเล็ก ไม่จำเป็นต้องมีหน้าจอแสดงผล และราคาไม่แพงมากนัก เอาไว้บันทึกเหตุการณ์เผื่อต้องใช้ในยามจำเป็น แต่เอาเข้าจริงๆ นี่ก็เป็นตัวที่ 3 แล้ว เอาเงินมารวมกันซื้อยี่ห้อดีๆ ได้ 1 ตัวเลย เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายจริงๆ 2 ตัวก่อนไม่น่าประทับใจเพียงพอต่อการรีวิวและการใช้งานสักเท่าใดนัก จนมาถึงตัวนี้ที่คิดว่าดีเพียงพอที่จะให้เพื่อนๆ อ่านกันในวันนี้ครับ แนะนำตัว ผมเลือกใช้กล้อง Provia รุ่น P200 Season2 จากเกาหลี มีคุณสมบัติคร่าวๆ ดังนี้ - 2.0M pixels, 1/3" CMOS - เลนส์มุมกว้าง 120 องศา - บันทึกวิดีโอที่ความละเอียด 720x480 (D1), MPEG4 - บันทึกเสียง AAC - 13 เฟรม/วินาที - G Sensor - Seamless recording (มารู้ตอนใช้งานจริง) แกะกล่อง กล่องของ Provia P200 Season2 มีขนาดไม่ใหญ่นัก ด้านบนระบุยี่ห้อและรุ่น มุมล่างระบุเอาชัดเจนว่า Made in Korea ของทั้งหมดในกล่อง ประกอบด้วย - ตัวกล้อง - ที่จ่ายไฟ - เทปกาวสำรอง 1 ชิ้น - ที่จัดระเบียบสายไฟ 3 ชิ้น - คู่มือใช้งานภาษาเกาหลี อ่านไม่ออก ก็ไม่ต้องไปอ่านมันครับ ฮา มาดูพระเอกของเรากันหน่อย ตัวกล้องสามารถปรับเอียงซ้าย-ขวา หน้า-หลังได้ มุมล่างจะเป็นช่องไมโครโฟน ซูมดูใกล้ๆ กันสักหน่อย ทางด้านขวาจะมีช่อง Video Out (ไม่มีสายมาให้), ช่องใส่ microSD ได้ตั้งแต่ 4-16GB (แนะนำให้ใช้ class 10) ผมลองเอา microSD 2GB มาใส่ดูว่าจะได้ไหม ปรากฎว่าใช้ไม่ได้ เครื่องไม่ยอมอัดวิดีโอครับ, ช่องเสียบไฟ 12V DC ส่วนด้านซ้ายและด้านล่างจะเป็นแบบนี้ครับ ด้านบนจะมีเทปกาวติดมาให้ กล้องตัวนี้ใช้ติดเทปกาว ไม่ได้ใช้ตัวดูดกระจกแบบกล้องทั่วไป ข้อดีคือติดแน่น ไม่มีเสียงขากล้องสั่น ภาพไม่สั่นไหว แต่ข้อเสียก็คือไม่สามารถถอดไปใช้กับรถคันอื่นได้ครับ ด้านหลังมีสวิทช์ เปิด-ปิด เราสามารถเปิดค้างเอาไว้ได้เลย เมื่อเราติดเครื่องรถกล้องก็จะเปิดขึ้นมาเองและเริ่มบันทึกวิดีโอโดยอัตโนมัติ และเมื่อดับรถกล้องก็จะปิดลงไปโดยอัตโนมัติเช่นกัน, ไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน เมื่อเปิดเครื่องมาไฟจะกระพริบ 10-15 วินาที จากนั้นก็จะติดค้างเป็นการบอกว่าบันทึกวิดีโออยู่ครับ หลอดไฟ LED ไม่แยงตาแต่อย่างใด ส่วนที่จ่ายไฟก็มีสายยาว สามารถเดินสายอ้อมมาทางเสา A หน้ารถ แล้วเดินผ่านมาด้านใต้พวงมาลัยได้สบายๆ ครับ การติดตั้ง การติดตั้งก็ไม่ยากครับ ใช้เวลา 10-15 นาทีก็เสร็จแล้วครับ ก่อนอื่นให้เล็งว่าเราต้องการจะติดตั้งไว้ตรงไหน ซึ่งจุดที่แนะนำก็คือด้านหลังกระจกมองหลัง เพราะเป็นจุดกึ่งกลางและไม่มีอะไรบดบังครับ แต่ของผมขยับออกมาทางด้านขวาก็เพราะว่าภาพวิดีีโอที่ได้ติดรูปสติกเกอร์หลวงพ่อมาในวิดีโอเยอะครับ แต่ถึงผมจะขยับออกมาเวลาเอาที่บังแดดลงจนสุดก็ไม่ชนกับตัวกล้องแต่อย่างใดครับ สายไฟก็เก็บไม่ยาก ใช้นิ้วดันสายไฟให้เข้าไปในฝ้าหลังคา ส่วนเสา A เราก็ดึงขอบยางประตูออกมาก่อน แล้วเอามือค่อยๆ ดึงเสา A ออก จากนั้นก็เอาสายไฟหลบเอาไว้ข้างในครับ รถผมฟิลม์หน้ามืดพอสมควร ถ้ามองจากด้านนอกก็จะเห็นประมาณนี้ครับ ขออภัยที่ถ่ายมาแล้วเป็นภาพสะท้อนหลังคาติดมาด้วย พยายามหาเหลี่ยมถ่ายแล้วแต่ยังไงก็หาไม่ได้ครับ ทดสอบการใช้งาน ผมทดสอบการใช้งานจริงทั้งกลางวันและกลางคืน โดยกล้องจะแยกบันทึกไฟล์ออกเป็น 3 โฟลเดอร์ตามเหตุการณ์ต่างๆ (ภาษาเกาหลีอีกเช่นเคย แต่อย่าได้แคร์ครับ) ได้แก่ - Motion recording บันทึก "ความเคลื่อนไหว" เมื่อกล้องตรวจพบความคลื่นไหวในขณะที่เราจอดรถทิ้งเอาไว้ได้ โดยต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อใช้ไฟโดยตรงจากแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งผมจะไม่สามารถทดสอบความสามารถนี้ได้ เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์เสริมครับ - Normal recording บันทึกเหตุการณ์ทั่วไป โดยกล้องจะสร้างโฟลเดอร์ตามปีเดือนวันและเวลา โดยในหนึ่งโฟลเดอร์จะมีไฟล์ได้ 100 ไฟล์ เมื่อครบ 100 ไฟล์แล้วกล้องจะสร้างโฟลเดอร์ให้ใหม่ครับ - Event recording แยกบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยใช้ G Sensor ที่อยู่ในตัวกล้องเมื่อเกิดแรง G ขึ้น เช่น เบรคกระทันหัน เกิดการชนขึ้น โดยจะตัดเวลาก่อนเกิดแรง G 10 วินาที และหลังเกิดแรง G 10 วินาที (แต่ละไฟล์จึงยาวแค่ 20 วินาที) ไปเก็บเอาไว้ในโฟลเดอร์นี้ เพื่อให้สะดวกในการย้อนกลับมาดูเหตุการณ์ในภายหลัง โดยกล้องจะเก็บไฟล์เหตุการณ์ได้สูงสุด 100 ไฟล์ครับ ซึ่งข้อเสียของกล้องรุ่นนี้จุดหนึ่งก็คือ G Sensor มันไวไปหน่อย ขับรถเร็วหน่อยแล้วโยกหลบหลุม, โดดคอสะพาน, เบรคแรงหน่อยก็ตัดมา Event แล้ว โดยไฟล์ที่ได้จะเป็นนามสกุล (container) .avi เข้ารหัส (encoding) วิดีโอด้วย MPEG4 เข้ารหัสเสียงด้วย AAC ไฟล์นึงยาวไม่เกิน 2 นาที ใช้พื่นที่ประมาณ 30MB อ่านกันมาเยอะแล้ว มาดูของจริงกันบ้าง เริ่มจากตอนเช้าๆ บนทางด่วนวงแหวนรอบนอก ตอนสายๆ ในวันเมฆครึ้ม แดดไม่ค่อยมี กับ Civic Type R ขาวๆ ต่อด้วยลอดอุโมค์แยกอุดมสุขสักหน่อย มาดูตอนกลางคืนรถติดๆ หน้าด่านกันบ้าง ใช้ความเร็วบนทางด่วน ในยามค่ำคืน Seamless recording สิ่งหนึ่งที่ผมพึ่งมารู้ภายหลังจากที่ได้ใช้งานแล้วก็คือ P200 มี Seamless recording ด้วย! กล้องโดยทั่วไปจะเกิดการ "รั่ว" (leak) ของเหตุการ์ในระหว่างไฟล์ มากน้อยต่างกันไปขึ้นอยู่กับตัวกล้องและความเร็วของหน่วยความจำที่เราเลือกใช้ ซึ่งกล้องตัวก่อนหน้าที่ผมใช้กับ SanDisk Mobile Ultra microSD class 6 16GB ราคา 799 บาท (เมื่อเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา) จะ leak ไป 3 วินาที เมื่อนำไฟล์มาเปิดดูต่อกับไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นว่าเวลาหายไป 3 วินาที ถ้าหากเกิดเห็นการณ์ในระหว่างที่ leak แล้วละก็ เราก็จะไม่มีหลักฐานในช่วงเวลานั้นนั่นเอง ส่วนกล้อง P200 ผมใ้ช้ SanDisk Mobile Ultra microSD class 10 16GB ราคา 600 บาท (เมื่อต้นเดือนนี้) ซึ่งจากการใช้งานจริงพบว่าเป็น Seamless recording หากเราเอาไฟล์มาเปิดต่อกันก็จะไม่เห็นว่ามีวินาทีไหนหายไปเลย ไม่เว้นแม้กระทั่ง Event recording ผมทดลองเอาไฟล์จาก Normal กับ Event มาต่อกันก็ยังเป็น Seamless recoding ด้วย! มาลองดูของจริงกัน จบไฟล์ Normal แรกที่ 14:35:37 เริ่มไฟล์ Event ที่ 14:35:37 หากดูภาพจะเหมือนไม่ต่อกัน แต่ถ้าเล่นไฟล์วิดีโอจะเห็นว่ามันต่อกัน ไม่มีส่วนไหนหายไปเลย กล้องตัดเข้า Event เพราะโยกซ้ายหลบถนนที่มันไม่เรียบครับ จบไฟล์ Event ที่ 14:36:17 เริ่มไฟล์ Event ที่ 14:36:17 กล้องตัดเข้า Event เำพราะเบรคระหว่างทำความเร็ว เนื่องจากมีรถเข้ามาในเลนครับ จบไฟล์ Event ที่ 14:36:37 เริ่มไฟล์ Normal ที่ 14:36:38 วินาทีเปลี่ยนพอดี แต่นั่งดูแล้วก็็ไม่มีส่วนไหนหายไปครับ จริงๆ แล้วผมใช้โปรแกรม Avidemux ต่อไฟล์แล้วเปิดดูว่าเป็น Seamless recording หรือไม่ครับ หากเปิดด้วยโปรแกรมดูหนังทั่วไปมันจะกระตุกตอนเปิดไฟล์ใหม่นิดนึง แต่ที่ผมใช้หน้าจอจากโปรแกรมดูหนังก็เพราะว่ามันเห็นชัดเจนว่าเริ่มไฟล์ไหนเมื่อไหร่ จบไฟล์ไหนเมื่อไร่ครับ สรุป ภาพที่ได้อาจไม่ชัดมากมายนัก แต่อย่างน้อยก็สามารถบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ใช้ในยามเกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งนั่นก็เพียงพอต่อความต้องการของผมแล้วครับ ข้อดี - ขนาดเล็ก กระทัดรัด - ไฟล์มีขนาดเล็ก microSD 16GB อัดวิดีโอได้ประมาณ 16 ชม. - Seamless recording ไม่มีหล่นหายไปไหน ข้อเสีย - G Sensor ไวไปหน่อย เบรคแรงหน่อยก็ตัดเข้า Event แล้ว - ภาพชัดในระดับกลางๆ เห็นป้ายทะเบียนชัดในระยะใกล้ๆ เท่านั้น - ใ้ช้งานในตอนกลางคืนต้องอาศัยแสงไฟจากไฟหน้าและถนน หากติดฟิลม์หน้ามืด ภาพอาจออกมามืดไปนิด ผมได้สร้าง playlist ไว้ใน YouTube ซึ่งมีไฟล์วิดีโอมากกว่าที่ลงเอาไว้ในรีวิวนี้ สามารถดูได้จาก link ด้านล่างครับ &list=PL02266F0993AF1D1D&feature=plpp_play_all Provia P200 Season2 Seamless Recording &list=PL6C7948213F56CBF6&feature=plpp_play_all
-
[Review] Senna สุดยอดภาพยนตร์สารคดีแห่งโลกความเร็ว
mnirun posted a topic in Drivers Talk | ห้องคนขับ
Senna เป็นภาพยนตร์สารคดีจากประเทศอังกฤษที่สร้างจากเรื่องจริงของนักแข่งรถยนต์สูตรหนึ่งที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากที่สุดคนหนึ่งของโลก Ayrton Senna สารคดีสร้างโดยใช้คลิปจากการแข่งขันรายการต่างๆ วิดีโอส่วนตัวจากครอบครัวของ Senna และเสียงบรรยายจากบุคคลสำคัญในวงการรถยนต์สูตรหนึ่ง โดยผู้กำกับ Asif Kapadia ได้ทำการเรียบเรียงออกมาได้อย่างดีเยี่ยม สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของ Senna ให้เราได้เห็นในมุมมองที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนได้อย่างลื่นไหล ทำให้ผมได้ทราบว่า Senna ต้องใช้ความขยัน ความอดทน ความพยายาม ความเอาใจใส่อย่างมากจึงจะมาถึงในจุดนี้ได้ ถึงแม้ในระหว่างทางจะพบเจอกับอุปสรรค์มากน้อยแค่ไหน ก็ไม่เคยย่อท้อและทิ้งความฝันของตัวเองเลย สารคดีเริ่มเรื่องในปี 1988 เมื่อ Senna เข้าสู่การแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่งกับทีม Toleman เมื่อจบฤดูการก็ได้ย้ายไปสู้ทีม Lotus ซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยทุกอย่างที่ช่วยให้ Senna พัฒนาฝีมือในการแข่งขันให้มากยิ่งขึ้น และได้ย้ายไปอยู่กับทีม McLaren ในปี 1990 โดยมี Ron Dennis เป็นหัวหน้าทีม และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ Senna ได้ร่วมงานกับ Alan Prost ในฐานะเพื่อนร่วมทีม สุดท้ายก็กลายมาเป็นคู่แข่งตลอดกาลของ Senna ถึงแม้ Senna จะเจอกับอุปสรรค์มากแค่ไหน หากยังไม่จบเกมส์เขาก็ไม่เคยย่อท้อและพยายามสู้ให้ถึงที่สุด มีอยู่ครั้งหนี่งเกียร์ของ Senna ค้างอยู่ที่เกียร์ 6 ใครๆ ก็คิดว่า Senna คงไม่สามารถจะคว้าแชมป์ในบราซิลบ้านเกิดของตัวเองได้ แต่เขาก็ไม่ย่อท้อจนสามารถคว้าชัยในบ้านเกิดของตัวเองได้เป็นครั้งแรก เรื่องราวที่เหลือ ผมอยากให้ท่านได้ลองหามาชมด้วยตัวเอง ถึงแม้จะไม่ใช่แฟนรถยนต์สูตรหนึ่งหรือแฟนของ Senna ก็สามารถดูรู้เรื่องและสนุกไปกับเรื่องราวที่ดีเยี่ยมได้ ผมคิดว่า Senna เป็นภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับความเร็วที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง พิสูจน์ได้จากรางวัลต่างๆ ที่ได้รับและเสียงตอบรับจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์ต่างๆ ทั่วโลก แล้วคุณพร้อมที่จะเห็นอย่างที่ผมเห็นแล้วหรือยังละ ? ปิดท้ายด้วยภาพตัวอย่างและ Trailer เรียกน้ำย่อยครับ- 5 replies
-
- Review
- Documentary
-
(and 3 more)
Tagged with:
-
สว้สดีครับเพื่อนๆ ทุกท่าน วันนี้ขอมารีวิวอะไรเปลกๆ กันบ้าง กับเจ้า Cyber Clean Car เจลทำความสะอาด ที่ว่ากันว่าสามารถกำจัดเชื้อโรคได้ถึง 99.999% Cyber Clean เป็นเจลทำความสะอาด มี 4 ชนิด ได้แก่ Car, Home & Office, Hypoallergenic, และ For Inside Shoes แต่สำหรับในวันนี้ผมจะมารีวิวตัว Cyber Clean Car ครับ ก่อนอื่นเรามาลองดูวิดีโอก่อนสักนิด จะได้เข้าใจว่าเจ้า Cyber Clean มันคืออะไร http://www.youtube.com/watch?v=jKoH6A2CDyU มาดูของจริงกันเลย เปิดฝากระปุกมาก็เจอกันแผ่นฟอยด์ แกะออกมา ก็จะเห็น Cyber Clean สีฟ้าในกระปุก ดูกันให้ชัดๆ สักนิด ถึงเวลาลองของจริงกันแล้ว ตัว Cyber Clean จะนิ่มๆ ผิวเหมือนจะมีน้ำอยู่นิดๆ แต่เมื่อใช้งานไม่ทำให้พื้นผิวเปียกแต่อย่างใด รอช้าอยู่ใย เริ่มกันเลย จัดช่องแอร์ไปเต็มๆ แบบนี้ ดึงออกมาเป็นรูปช่องแอร์ไปแล้ว สังเกตว่าฝุ่นเริ่มหายไปแล้วแต่ยังไม่หมดดีนักเนื่องจากเป็นช่องเล็กๆ ก็ให้เราทำความสะอาดหลายๆ ครั้งหน่อยครับ จัดปุ่มบนพวงมาลัยไปสักชุด ดึงออกมาเป็นรูช่องพวงมาลัยเลย สะอาดเอี่ยม จัดไปอีกทุกที่ ที่เราต้องการ เมื่อใช้งานเสร็จแล้วก็เก็บกลับเข้าไปในกระปุก เราสามารถใช้งาน Cyber Clean ไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะสกปรกมากๆ จนเปลี่ยนสีไปเป็นแบบตัวอย่างข้างกระปุกครับ หาซื้อได้ที่ร้านคอมพิวเตอร์ Hardware House ตามห้างต่างๆ ใกล้บ้านท่าน ราคากระปุกละ 259 บาท แต่ผมซื้อมาจาก Hardware House สาขา Seacon Square ลดราคาเหลือแค่ 165 บาทครับ หวังว่าเพื่อนๆ จะมีความสนุกในการทำความสะอาดรถคันที่เรารักมากขึ้นอย่างที่ผมเป็นอยู่ครับ
- 33 replies
-
- Review
- Cyber Clean
-
(and 2 more)
Tagged with: