Jump to content

G-autogas

CCTH Member
  • Posts

    59
  • Joined

  • Last visited

  • Days Won

    3

Everything posted by G-autogas

  1. อย่างเรา ๆ ใช้ ก็ใช้จนกว่ามันจะรั่วครับ ถ้าเริ่มเห็นรอยรั่วตรงไหน เช่น ตะเข็บ ก็เปลี่ยน ของติดรถมาอย่างน้อยอยู่ยาว ๆ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลอยู่แล้ว เปลี่ยนหม้อน้ำ+ฝาหม้อน้ำ ที ก็เปลี่ยนวาล์วน้ำ ท่อน้ำไปด้วยเลย (ถ้าอายุพอกัน) นอกจากนี้ก็อยู่ที่ น้ำยาหม้อน้ำ การดูแลรักษา ถ้าติดแก๊สก็ไล่อากาศดี ๆ วางหม้อต้มต่ำกว่าฝาหม้อน้ำ ใข้น้ำยาหล่อเย็นของศูนย์ จุดที่มักมองข้ามคือ ฝาหม้อน้ำ ที่สปริงวาล์วพออายุนาน ๆ จะแข็ง ไม่เปิดตามสเปค หรือ พวกที่ใช้ฝาทนแรงดันสูง หม้อน้ำจะรับภาระมากกว่าปกติทำให้อายุใช้งานสั้น ส่วนน้ำยาหม้อน้ำก็ขอให้ใส่ เพราะมันช่วยหล่อลื่น ป้องกันสนิม ลดการกัดกร่อน ลดการเกิดฟองอากาศ นอกเหนือจากเพิ่มจุดเดือด
  2. ตรงโซลินอยด์สีฟ้า มันวาล์วเปิดแก๊สจากหม้อต้มเข้าหัวฉีดครับ มันจะเปิดถึงจะใช้แก๊สได้ตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ในโปรแกรมแก๊ส ถ้ามันรั่วที่จุดนี้ แล้วขอบผ้ายาง ข้อต่อน้ำหล่อเย็นไม่รั่ว ก็ลองถอดมาใส่ใหม่ ถ้าไม่อยู่ก็ลองเปลี่ยนวาล์วตัวนี้ครับ ถ้ารั่วจุดนี้อันตรายนิดนึง เพราะแรงดันมันสูง ยิ่งฟู่ ๆ แบบนั้น แสดงว่ามีปริมาณรั่วไหลระดับนึงแล้ว
  3. หลัก ๆ หม้อต้มแก๊สรั่วจะแบ่งเป็น 2 เคสครับ คือ 1 น้ำหล่อเย็นรั่ว กับ 2 แก๊สรั่วไปปนกับน้ำหล่อเย็น 1 น้ำหล่อเย็นรั่ว มีอาการน้ำหาย แต่ใช้แก๊สปกติ ไม่มีแก๊สรั่ว ส่วนมากจะเห็นคราบน้ำหล่อเย็นตามข้อต่อหม้อต้ม รอยตะเข็บหม้อต้ม การแก้ไขขึ้นกับ สภาพหม้อต้ม มีอะไหล่ไหม 2 แก๊สรั่วปนกับน้ำหล่อเย็น อันนี้หนักกว่า มองไม่ค่อยออกเพราะมันรั่วในหม้อต้ม แต่จะมีอาการอื่นให้สังเกตง่าย ๆ เช่น มีกลิ่นแก๊สในระบบน้ำหล่อเย็น ใช้แก๊ซวิ่งไม่ดีเหมือนเดิม กินแก๊ส ทางแก้ต้องผ่ามาเปลี่ยนผ้ายาง แต่คุ้มหรือไม่ต้องดูสภาพ อายุใช้งานประกอบด้วย เรื่องแก๊สรั่ว สังเกตตรงที่ เช็คฝาหม้อน้ำ หม้อพักน้ำ ห้องเครื่อง มีกลิ่นแก๊สไหม ติดเครื่องเช็คตอนรอบเดินเบาใช้น้ำสบู่ช่วยได้ง่าย ส่วนน้ำรั่ว อาการที่เจอคือ น้ำหาย ต้องเติมบ่อยกว่าปกติ ส่วนเสียง นี่เรื่องโลกแตก ต้องฟังเองไล่เอง ช่วยกันไล่ เพราะตัวการแต่ละแบบก็เกิดเสียงต่างกัน เช่น เสียงโลหะเสียดสี เสียงท่อแวคคั่มรั่ว เวลาพิมอธิบายบางครั้งก็ไม่เหมือนกัน
  4. ปกติตั้งวาล์วเปิดฝาที ก็ควรจะเปลี่ยนยางฝาวาล์วไปด้วยเลย เพราะราคายางฝาวาล์วแท้ก็ไม่แพงมาก ส่วนประเก็นใช้ให้น้อยที่สุดครับ ไม่ใช้เลยยิ่งดี มักจะทาบาง ๆ ตรงมุม เพื่อให้ไม่มีจุดรั่ว มันอยู่ที่การวางตำแหน่งซีลยางให้ตรงร่อง การค่อย ๆ ไล่ขัน
  5. ถ้าอายุใช้งานประมาณนี้ ลองเช็คว่ารั่วตรงไหน - ข้อต่อพลาสติก อันนี้พอเปลี่ยนอะไหล่ได้ไม่แพง - รั่วตรงผ้ายาง มีน้ำซึมออกตามขอบผ้ายาง อันนี้ต้องผ่าดูสภาพก่อน ว่าผุขนาดไหน สภาพผ้ายางเป็นยังไง ถ้าใช้น้ำยาหล่อเย็นพอดี ๆ ก็ช่วยได้เยอะ น้ำยาของฮอนด้าไม่ค่อยมีปัญหากับหม้อต้มเท่าของโตโยต้า
  6. เรื่องโช้คตาย โช้ครั่ว แนะนำได้อย่างเดียว คือ ซื้อใหม่ครับ จ่ายเยอะหน่อยแต่จบ ใช้นาน ไม่ปวดหัวทีหลังครับ ยกเว้น พวก โช้ค , สตรัทปรับเกลียว ที่มีช่างที่ได้รับการอบรมจากผู้ผลิตและมีอะไหล่บริการ ถึงจะซ่อมได้ คิดง่าย ๆ เราใช้มา 5 ปี 100,000 กิโล ต้องเปลี่ยนยกชุด 4 ต้น หน้า-หลัง 8,000 (ยกชุดรุ่นใกล้เคียงแบบติดรถก็ประมาณนี้ครับ) คิด 8,000/5 จะได้ปีละ 1,600 หรือ วันละ 1,600/365 = 4.4 บาท แต่อาจจะมีชิ้นส่วนควบ เช่น ยางเบ้าโช้ค ยางกันกระแทกโช้ค สปริง ซึ่งส่วนใหญ่ถูกกว่าโช้ค ทางที่ดี หาอู่เช็คช่วงล่าง ยกรถแล้วไล่ดู แล้วตัดสินใจครับ ถ้าสังเกตบ่อย ๆ เวลาต้องถอดล้อ เช่น ตอนสลับยาง หรือ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรค เราจะพอสังเกตว่ามีคราบรั่วซึมของโช้คหรือไม่ จะได้เตรียมการเปลี่ยนในเวลาต่อมา เพราะก่อนที่โช้คจะตาย จะต้องมีการรั่วซึมให้สังเกตเห็นก่อนอยู่แล้ว
  7. ถ้าอายุเกิน 5 ปี หรือ 100,000 กิโล เปลี่ยนทั้งตัวดีกว่าครับ แต่ราคา 2,000 ต้องแน่ใจกว่าของแท้นะครับ แล้วค่าแรงครับเท่าไหร่ ใช้แก๊สแบบไหน ยี่ห้ออะไรครับ อย่างระบบหัวฉีด ใช้หม้อโทมา น่าจะหาง่าย ปรับแรงดันง่าย จูนง่าย คุ้นกันที่สุดครับ นอกจากนี้ ก็ต้องเช็คท่อยางน้ำที่เดินเข้าออกหม้อต้มไปด้วยเลย
  8. ถ้าจะแนะนำแบบกลาง ๆ ก็ใช้ น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ เปลี่ยนพร้อมกรองที่ 10,000 กิโล หรือ 1 ปี พร้อมกรองน้ำมันเครื่องครับ หรือ กรณีงบน้อย กึ่งสังเคราะห์ที่ 10,000 กิโล หรือ 1 ปี ก็ได้ครับ ถ้าใช้รถเยอะ ปีนึงวิ่งหลายกิโล เช่น วิ่ง ตจว. ปีนึงวิ่ง 3-40,0000 กิโล ใช้แบบสังเคราะห์ เปลี่ยนทุก 20,000 กิโล แต่เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง ที่ 10,000 กิโล แล้วเติมชดเชยนิดหน่อยครับ เพราะ FD , FB เครื่อง 1.8 .ใช้น้ำมันเครื่อง 3.5 ลิตร ถ้ารวมกรองน้ำมันเครื่องน่าจะใส่ 3.75 ลิตร ส่วน 2.0 ใช้น้ำมันเครื่อง 4 ลิตร ถ้าพร้อมกรองจะประมาณ 4.25 ลิตร มีติ่งนิดนึง เลยต้องมีเหลือเศษเก็บไว้เติมอยู่แล้ว เวลาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ให้เติมตามคู่มือเลย ถ้าเติมเพิ่มเวลาดูก้านวัดว่ามันลด ให้ค่อย ๆ เติมแล้ววัด
  9. เรื่องแบตอยู่ที่ประเภท และการดูแลครับ ติดแก๊สมีโหลดเรื่องไฟฟ้าน้อยกว่าเครื่องเสียงชุดใหญ่ซะอีก อย่าง Puma จะเป็นแบบแห้งแท้ เติมน้ำไม่ได้ ราคาน่าจะแพงสุด ส่วน GS FB จะมีทั้งแบบน้ำ แบบกึ่งแห้ง (เสียน้ำน้อย แต่ยังไงก็ควรเติมอยู่ดี) จุดอ่อนสำคัญ คือ วางในห้องเครื่อง ไม่ค่อยมีอะไรกั้น แบตเจออากาศร้อนมาก ๆ ก็เสื่อมสภาพเร็วครับ ดังนั้นจะเลือกแบบไหน ก็ตามสะดวกของผู้ใช้ ว่าหมั่น เช็ค เติมน้ำกลั่นไหม ถ้าไม่เอาแบบแห้งแท้ก็จะสะดวกครับ รถใช้ทุกวัน โอกาสแบตหมดน้อยครับ นอกจากนี้ก็ ระวังเรื่องการตัดต่อ เดินสายไฟ ต่ออุปกรณ์พ่วง
×
×
  • Create New...