gasza_thekop

อธิบายให้ฟังละกันนะครับ ที่ลูกลอย มีปัญหากับ E85
เนื่องจาก Ethyl Alcohol มี Oxygen อยู่ด้วย ตามสูตรเคมี C2H6O
ในขณะที่ Benzene ไม่มี ตามสูตรเคมี C6H6
 
ดังนั้น ทองแดงที่เป็นหน้าสัมผัสของลูกลอย
ทำปฎิกริยากับไอระเหยแอลกอฮอล์และกระแสไฟฟ้า
จนทำให้ลูกลอยนั้น ใช้งานไม่ได้ในที่สุด
 
ดังนั้น ถึงเราจะเอาลูกลอยของรุ่นอื่นมาใช้
ก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจาก ECU ของรถ
ที่ทน E85 นั้น เค้าจะจับระดับของน้ำมัน
ตอนสตาร์ท หรือ คำนวณอัตราสิ้นเปลืองเอาครับ
 
สรุป ลูกลอยที่ทน E85 นั้นไม่มีครับ ต้อง
ลดกระแสไฟฟ้า ที่จะจ่ายเข้าไปที่ลูกลอย
ถึงจะไม่ทำให้ลูกลอยพัง

หัวฉีดใช้เป็นพวก. K20ราคามือสองน่าคบดี และก้ปั๊มติกลูกลอย ส่วนชุดคิดที่ว่ามีทั้งแบบจูนส่วนผสมได้กับแบบใส่แล้ววิ่งได้เลยไม่ต้องจูนซึ่งถ้าเราเปลี่ยนพวกหัวฉีดอย่างเดียวโดยไม่มีชุดคิดหรือกล่องซิ่ง กล่องเดิมของรถเราเองก็ยังสามารถคำนวณหาส่วนผสมที่เหมาะสมได้อยู่ในระดับนึงที่ยังสามารถทริมค่าน้ำมันเองได้แต่ยังไม่สมบูรณ์ ส่วนกล่องซิ่งก้มีหลายแบบเลยคับและส่วนมากก้จะจูนได้สองแมพเลยคับคือ. จูน 95ใว้แมพนึงและอีกแมพก้e85 เติมอันไหนก็ใช้โหมดนั้นไป. ราคากล่องก็ตามกำลังและศัทธาเลยคับมีทั้งของไทยของนอก เช่น ของไทยก้พวก psp,datatec,kkt,atd i flex ,ecu shop,แรงได้ไม่แพ้ของนอกถ้าของนอกก็ f-con ,unichip,motec ก้ว่ากันไปแล้วแต่ว่าชอบลูกเล่นของกล่องแบบใหนถ้ามาแนวซิ่งๆหรือประหยัดแล้วจัดกล่องซิ่งเลยคับจบแท้แน่นอนชุดคิทมันจะไม่ตอบโจทย์

แนะนำ r20 พอครับคือ 310 cc
ใน cc ที่เท่ากันหัวฉีดยิ่งรูเยอะยิ่งฉีดเป็นฝอยกว่า แรงดันยิ่งเยอะยิ่งฉีดเป็นฝอยกว่าตันยากกว่า จะช่วยให้การจุดระเบิดดีขึ้น แต่จูนแล้วแรงม้าอาจต่างกันไม่มาก ไม่เกิน 1-2 ตัว

ม้าต่างกัน 1-2 ตัวนี้ผมเปรียบเทียบข้อได้เปรียบหัวฉีด310 Cc กับหัวฉีดที่ใหญ่กว่านะครับ

หัวฉีดใช้เป็นพวก. K20ราคามือสองน่าคบดี และก้ปั๊มติกลูกลอย ส่วนชุดคิดที่ว่ามีทั้งแบบจูนส่วนผสมได้กับแบบใส่แล้ววิ่งได้เลยไม่ต้องจูนซึ่งถ้าเราเปลี่ยนพวกหัวฉีดอย่างเดียวโดยไม่มีชุดคิดหรือกล่องซิ่ง กล่องเดิมของรถเราเองก็ยังสามารถคำนวณหาส่วนผสมที่เหมาะสมได้อยู่ในระดับนึงที่ยังสามารถทริมค่าน้ำมันเองได้แต่ยังไม่สมบูรณ์ ส่วนกล่องซิ่งก้มีหลายแบบเลยคับและส่วนมากก้จะจูนได้สองแมพเลยคับคือ. จูน 95ใว้แมพนึงและอีกแมพก้e85 เติมอันไหนก็ใช้โหมดนั้นไป. ราคากล่องก็ตามกำลังและศัทธาเลยคับมีทั้งของไทยของนอก เช่น ของไทยก้พวก psp,datatec,kkt,atd i flex ,ecu shop,แรงได้ไม่แพ้ของนอกถ้าของนอกก็ f-con ,unichip,motec ก้ว่ากันไปแล้วแต่ว่าชอบลูกเล่นของกล่องแบบใหนถ้ามาแนวซิ่งๆหรือประหยัดแล้วจัดกล่องซิ่งเลยคับจบแท้แน่นอนชุดคิทมันจะไม่ตอบโจทย์

แก็สร้อน ใส่เบอร์หลังสูงหน่อย ซัก 40 ขึ้นไปก็ดีครับ
 
เพื่อการปกป้องที่มากขึ้นเวลาอุณหภูมิสูงๆ

ไปครั้งแรกและรู้สึกถึงมิตรภาพที่ดี เหมือนรุ้จักกันมาเป็นปีๆ ขอบคุนงานแบบนี้ครับผม  

ไปครั้งแรกและรู้สึกถึงมิตรภาพที่ดี เหมือนรุ้จักกันมาเป็นปีๆ ขอบคุนงานแบบนี้ครับผม  

ไปครั้งแรกและรู้สึกถึงมิตรภาพที่ดี เหมือนรุ้จักกันมาเป็นปีๆ ขอบคุนงานแบบนี้ครับผม  

พี่เข้าใจถูกละครับ ถ้าอ่านจากกราฟ 
 

 
จะเห็นชัดว่า ตั้งแต่ รอบ 3000 - 5000 ปลายๆ เดิมๆจะวิ่งดีกว่าใส่กล่องดังกล่าว เพราะกราฟสีน้ำเงิน จะอยู่ต่ำกว่าสีแดงตลอด จนถึงรอบที่ 6000 ถึงสูงขึ้น 
 
แน่นอนครับ สิ่งที่ผมอ่านจากกราฟนี้ได้คือ ช่วงลากรอบ 3000 - 5800 จะสู้เดิมๆไม่ได้ (วัดจากรถคันเดียวกัน) รถของผู้ที่ใส่กล่องดังกล่าวจะแรงขึ้นกว่าเดิมๆ ช่วง 6000 - 6800 ถ้ารับได้ก็โอเคครับ 
 
เรื่องความประหยัดน้ำมันบอกไม่ได้ เพราะกราฟเริ่มมาก็ 3000รอบแล้วครับ ไม่แน่ว่ากล่องดั่งกล่าวอาจจะให้กำลัง มากกว่าในช่วง 1500 - 2800 ก็เป็นได้คับ
 
แต่เมื่อใส่กับกล่อง KKT ที่เป็นกล่องจูนแล้ว ม้าเพิ่มมาเห็นๆ 20-30 ตัว มันเหมือนได้เครื่องใหม่เลยนะครับสำหรับ NA !! 
 
 
ปล.ข้อมูลในกราฟก็เป็นของผู้ขายเอง ไม่มีการบิดเบือน มีแต่วิเคราะห์กันเฉยๆครับ 

ขอบคุณครับ ^^
 
ถามเพิ่มเติมอีกนิดครับ ว่าผมเข้าใจถูกต้องมั้ย ว่าที่รอบปลายประมาน 6200 รอบ/นาที
เส้นสีฟ้าอ่อนคือ kkt+speed up >>> แรงม้ามากสุด
เส้นสีน้ำเงินทึบคือ speed up ตัวเดียวคับ >>> แรงม้ารองลงมา
เส้นสีแดง คือรถเดิมๆ คับ >>> แรงม้าน้อยสุด
ถ้าเราใช้รอบที่ 6200 รอบ/นาที จะเรียงประสิทธิภาพจากดีที่สุดไปหาน้อยที่สุดคือ ฟ้าอ่อน > น้ำเงิน > แดง
 
คำถามคือ
ปกติผมใช้รอบทั่วๆไปอยู่ราวๆ 3000 - 4000 รอบ ผมควรจะใช้ของเดิมมากกว่ามั้ยครับ
เพราะเห็นสีแดงมากกว่าน้ำเงินตั้งแต่ต้นจนไปโดนน้ำเงินแซงแถวๆเกือบ 6000 (รถผมเกียร์ธรรมดา 3000 รอบจะอยู่ที่ 115 กม/ชม. 4000 รอบจะอยู่ที่ราวๆ 150 กม/ชม)

ก่อนอื่นขออนุญาติเจ้าของกระทู้เก่าจาก CFDT ด้วยนะครับ ขออนุญาตินำมาแชร์ความรู้นะครับ ผิดถูกขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
 
D.I.Y. เปิดฝาครอบวาล์ว ปรับตั้งระยะห่างวาล์ว, หลังจากหาข้อมูลสักพัก+หงุดหงิดกับศูนย์ เลยลองทำดูครับแบบงูๆปลาๆ BY..xyz
 
สืบเนื่องมาจาก fd ของผมอายุอานามล่วงเข้า 4 ปี กับอีก 8 เดือน เลขไมล์ก็ 150,000 กว่าๆ แล้ว แต่ยังไม่เคยเช็ค ปรับ ตั้งวาล์ว กับเขาเลย ก็เลยเอารถไปเข้าศูนย์บริการเพื่อทำการ เช็คปรับตั้งระยะห่าง วาล์วครับ
เข้าไปวันแรก ตอนเที่ยงๆ พนักงานรับรถบอกว่า พี่ต้องทิ้งรถไว้นะครับ เพราะต้องใช้เวลา ผมก็เลยไม่ได้ทำครับ เพราะต้องใช้รถ
เข้าไปวันที่สอง ไปแต่เช้า 9.00 น.ครับ พนักงานถามว่า รถพี่แรงตก วิ่งไม่ออกหรือเปล่าครับ ถ้ายังก็ยังไม่ต้องปรับตั้งก็ได้ครับ
ผมก็ถามเค้าว่า ในคู่มือเขาให้เช็คทุก 40,000 โลนี่ครับ แล้วนี่รถผมก็ตั้ง 150,000 โลแล้วยังไม่เคยปรับตั้งเลยครับ สุดท้ายก็เลย
ได้ปรับตั้งครับ ตอนรอผมก็สังเกตดูว่าช่าง เค้ารอให้เครื่องเย็นประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ทำการปรับตั้ง ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ ก็เสร็จครับ
นำรถออกจากศูนย์ อ้าว ทำไมมันอืดๆ หว่า กดแล้วไม่ปรู๊ดปร๊าดเหมือนเดิม รู้สึกมันตื้อๆ ตอนนั้นก็เซ็งแล้วครับ เพราะทำแล้วแย่
กว่าเดิม ก็เลยมาหาข้อมูล จาก web และตามคลับต่างๆ สุดท้ายเลยลองทำดูครับ ขี้เกียจไปเข้าศูนย์อีกรอบ เพราะว่าคงเหมือนเดิม
 
เครื่องมือก็มีดังนี้ครับ ผมก็ งูๆ ปลา ๆ ไปครับ

ไล่จากทางซ้ายนะครับ ด้ามฟรี, แขนต่อบล็อก, บล็อกเบอร์ 19, ฟิลเลอเกจ ,ตัวทีเบอร์ 10 ,ไขควงปากแบน ,แหวนเบอร์10
ปะเก็นเหลวแบบทนความร้อนสูง(ลืมถ่ายครับ) รวมราคาที่ซื้อประมาณ พันกว่าบาทครับ แพงกับด้ามฟรีครับ
 
หลังจากรอเครื่องเย็นมาหนึ่งคืน ตอนเช้าก็ลงมือ เปิดกระโปรง ถอดแบตขั้วลบ ถอดฝาพลาสติก ivtec โดยการหมุนน็อตพลาสติกให้คลายออก แล้วงัดฝาขึ้นมาครับ
 

 
จะเห็นฝาพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง ด้านขวาจะมีท่อที่ต่อมาจาก กล่องกรองอากาศ ก็ถอดออกครับโดยใช้คีมบีบตัวล็อคให้คลาย แล้วดึงออกครับ

 
คลายน็อตที่ฝาพลาสติกใต้ฝาครอบเครื่องออก โดยใช้แหวน และตัวทีเบอร์ 10 ครับ จะมีน็อตอยู่ 4 ตัวครับ
เพื่อให้ง่ายต่อการทำงาน ถอดแผงรังผึ้งใต้กระจกหน้า และแผ่นเหล็กใต้แผงรังผึ้งออกด้วยครับ

 
หลังจากนั้นจะเห็นรางสายไฟพาดอยู่ครับ ให้ทำการถอดปลั๊กที่ ต่ออยู่กับไดสตาร์ท(ไม่รู้เรียกถูกมั๊ย) ที่มีขดลวดพันคล้ายๆมอเตอร์อ่ะครับ จะมีปลั๊กอยู่ 3 ตัว สองตัวดึงได้เลย แต่อีกตัวต้องเอายางหุ้มออก แล้วคลายน๊อตครับ

 
เสร็จแล้วถอดปลั๊ก หัวเทียนออกครับ เอาน็อตขันบล็อกปลั๊กหัวเทียนออกด้วยครับเพื่อเพิ่มพิ้นที่ในการทำงาน

 
และคลายน็อตที่รางสายไฟ และยกออกโดยหมุนไปทางด้านขวา (หันเข้าตัวรถ) ให้พ้นทางที่จะเปิดฝาครอบวาล์วครับ
เสร็จ แล้วคลายน็อต ฝาครอบวาล์วทั้ง 8 ตัวโดยใช้ ตัวที เบอร์ 10 ยกฝาครอบวาล์ว ออกอย่างระมัดระวัง

 
หมุนพวงมาลัยหักขวาจนสุด ก้มดูจะเห็นรูสำหรับสอด บล็อกเพื่อหมุนเพลาข้อเหวี่ยงครับ

 
นำด้ามฟรีมาต่อกับ ขาต่อ สวมด้วยบล็อกเบอร์ 19 สวมที่เพลาข้อเหวี่ยงโดยหมุนตามเข็มนาฬิกา
สังเกตที่เฟืองขับ โซ่ราวลิ้น จะมีเครื่องหมาย UP โดยหมุนจนเครื่องหมาย UP อยู่ด้านบนสุดและ ขีด TDC (Top dead center)อยู่ระดับเดียวกับขอบของเครื่องครับ

 
ถึงตรงนี้จะทำการปรับตั้งวาล์วไอดี ไอเสียของสูบที่ 1 ครับ จุดสังเกตว่าวาล์วไอดีปิดสุด ไอเสียยังไม่เปิดให้ลองเอามือขยับกระเดื่องกดวาล์วของสูบที่ 1 จะขยับได้ครับ
นำฟิลเลอร์เกจ สำหรับด้านไอเสียผมใช้เบอร์ 0.010 นิ้วสอดเข้าระหว่างกระเดื่องกดวาล์วและวาล์วที่อยู่ตรงกลางสปริง
จากการสอดฟิลเลอร์เกจพบว่า สอดเข้าไม่ได้ครับ เลยลองเบอร์ 0.009 นิ้วก็ยังเข้าไม่ได้ แสดงว่าศูนย์ตั้งวาล์วมาให้ผมไม่ดีวาล์วไอเสียสูบ 1 ยัน
จากนั้นทดสอบด้านไอดีโดยใช้เบอร์ 0.008 นิ้ว ปรากฎว่าสอดเข้าไม่ได้และลองเบอร์ 0.007 ก็ไม่ได้เช่นกันครับ
เลยทำการปรับตั้งวาล์วทั้งไอดี ไอเสียใหม่ให้ได้ระยะห่างตามสเป็กที่กำหนด ไอดี 0.007-0.009 ไอเสีย 0.009-0.011 นิ้ว (ขอบคุณข้อมูลจาก civicfdthailand ครับ)

 
โดยวิธีการปรับตั้งก็ให้คลายน็อตล็อคตัวปรับตั้งด้วยประแจเบอร์ 10 และใช้ไขควงปากแบนปรับสกรูด้านบนของตัวปรับตั้งโดยให้ระยะพอดีกับฟิลเลอร์เกจเบอร์ที่เราต้องการ

 
เมื่อได้ระยะแล้วก็ทำการล็อกด้วยการขันตัวล็อกให้แน่นด้วยประแจเบอร์ 10 เวลาขันต้องระวังไม่ให้ตัวปรับตั้งเลื่อนด้วยครับ
แล้วก็ทำการเช็คระยะซ้ำอีกรอบ ทำจนครบทั้งสี่วาล์ว
เสร็จแล้วหมุนเพลาข้อเหวี่ยงตามเข็มนาฬิกา ให้เครื่องหมายเลข 3 อยู่ด้านบนสุด และเครื่องหมาย TDC อยู่พอดีกับขอบเครื่อง

 
ทำการปรับตั้งวาล์วไอดี ไอเสีย สูบ 3
หมุนเพลาข้อเหวี่ยงให้เครื่องหมายเลข 4 อยู่ด้านบน เครื่องหมาย TDC อยู่พอดีขอบเครื่อง ปรับตั้งวาล์วไอดีไอเสียสูบที่ 4
 

 

 
หมุนเพลาข้อเหวี่ยงตามเข็มนาฬิกาจนเครื่องหมายเลข 2 อยู่ด้านบน เครื่องหมาย TDC อยู่พอดีขอบเครื่อง ปรับตั้งวาล์วไอดีไอเสียสูบที่ 2 ครับ

 
เมื่อปรับตั้งจนครบทุกสูบแล้ว ก็ใส่ฝาครอบวาล์วกลับตามเดิม โดยทาปะเก็นเหลวที่ยางปะเก็นฝาครอบวาล์วแล้วค่อยๆประกบคืนกับเครื่องครับ

แล้วก็ประกอบทุกอย่างกลับเหมือนเดิมครับ

 
และก็รอลุ้นว่าจะสตาร์ทติดหรือ ไฟเอนจิ้นจะโชว์หรือเปล่า
แต่สตาร์ทติดครับ รอดไปแหะๆ
 
ลองทดสอบวิ่งดูพบว่า ไม่มีอาการตื้อ เหยียบแล้วรอบมาไวไม่อั้นๆ รอบเดินเบาค่อนข้างนิ่งแอร์ตัดรอบนิ่งไม่สวิง
ใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 09.00-14.00น. เลยครับ สำหรับการทำครั้งแรก เล่นเอาปวดหลังเลยทีเดียว
 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก civicfdthailand มากครับ

สองคันนี้ น่าจะมาสลับสปริงกันดู นะ
 
http://www.civicclubthailand.com/board/index.php/topic/15345-ปัญหาเรื่องท้ายโด่งครับ/

แบบพี่ต่อก็ได้นะคับหรือจะเป็นสเปเซอร์แบบมิเนียมก็ได้นะคับ ผมเคยใส่ที่ พี่ใหม่ พรเทพ คู่นึงหกร้อยกว่าบาทมั้งคับ มีหลายขนาด ลองๆถามแกดูอะคับ

หวัดดีครับชื่อแก๊ปนะคับ ชอบแนวซิ่งๆเหมือนกันขอเข้ากลุ่มด้วยนะครับ

ตอนนีเสียงหายไปแล้วครับ คือนำไปเจียรจานครับเพื่อปรับผิวสัมผัสจานใหม่ เสียงที่ดังตอนเลียเบรคหายปลิดทิ้งเลยครับ