Jump to content

Tiger_

CCTH Member
  • Posts

    189
  • Joined

  • Last visited

  • Days Won

    2

Everything posted by Tiger_

  1. ห้ามคนขับและผู้โดยสารดื่มแอลกอฮอล์ในรถ ถ้าเมาแล้วโดยสาร ในรถไม่มีขวดเหล้า ก็ไม่ผิด ยกเว้นคนขับเมาแล้วห้ามขับ
  2. โรลบาร์ครับ รักษาโครงสร้างห้องโดยสารได้จริงๆ และที่โชคดีที่สุดคือ หลังชิ้นส่วนที่ห่อหุ้มหลุดไปเกือบหมด แล้วไม่มีวัตถุอะไรที่กระแทกเข้าไปภายในห้องโดยสาร เช่นก้อนหินที่ก้อนใหญ่พอที่จะลอดเข้าไปในช่องระหว่างโครงเหล็ก ซึ่งอาจจะไปกระแทกศรีษะลำตัวหรือส่วนอื่นของร่างกาย นี่เป็นมาตรการป้องกันอัตรายสำหรับนักแข่งขั้นพื้นฐานของทุกสนามทุกการแข่งขันครับ ในการขับขึ้นเขาที่มีความลาดชัน ในสภาวะปกติ คงไม่ขับเร็วจนรถไถลออกโค้งหรอกครับ มันอัตรายเกินไป ที่เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่จะเป็นเพราะ ไม่มีทักษะในการขับบนทางลาดชันมากกว่า เคยครั้งนึง อยู่บนยอดดอยอ่างขางแล้วได้ยินคนข้างๆคุยโทรศัพท์มือถือ "ขับขึ้นมา ทางน่ากลัวมาก ตอนขับลงเขาให้ขับอย่างไร ปล่อยเกียร์ว่างแล้วเหยียบเบรครึเปล่า?" คิดในใจว่าตอนขับขึ้น ขึ้นมาถึงได้ยังงัย สงสัยจะคลานขึ้นมา ผมได้แต่แนะนำว่า "จ้างคนขับรถรับจ้างที่อยู่บนดอยให้ขับลงไปให้ จะปลอดภัยกว่านะ"
  3. สรุปคือ ลงไม่ได้สักรุ่น ที่ลงได้ก็สู้ไม่ได้ 555555
  4. กว่าจะรู้สึกว่า พลศาสตร์ของรถจะมีผล ก็คงตองวิ่งเกิน 150 แน่นอน เพราะกำลังเครื่องยนต์ต้องต่อสู้กับแรงต้านของลม ยิ่งอยู่ในช่วงปลายยอดของกำลังเครื่องยนต์ ก็ยิ่งไต่ความเร็วได้ช้า ถ้าหากขับแบบชิลๆ ก็คงใส่เพื่อความสวยงามมากกว่า ทั้งชุดแต่ง หางหลัง และอื่นๆ ที่มีจำหน่ายทั้ง FD ธรรมดา และ TypeR เพราะทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างที่จุดยึดไม่เหมือนกัน สเกริตหน้า เอาไว้ดักลมให้เปลี่ยนทิศทางลมไปด้านข้างให้มาก ลดอากาศที่เข้าใต้ท้องรถ ช่วยให้มีแรงกดให้รถติดพื้นถนนมากขึ้น เกาะถนนมากขึ้น สปอยเลอร์ หรือหางหลัง จะมีลักษณะคล้ายปีกเครื่องบิน มันจะสร้างแรงกดที่ท้ายรถ ไม่ให้เกิดอากรท้ายลอย ตัวจัดระเบียบลม ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าจัดการทิศทางของลม ไมให้ไปวนอยู่ในกันชนหลัง ที่เป็นการสร้างแรงต้านให้เกิดขึ้น แต่ทั้งนี้จะมีผลมากน้อยเพียงใด ต้องไปวัดกันในอุโมงค์ลม หรือถ้าต้องลองวิ่งจริงคงต้องวิ่งเกิน 150 เพื่อจับความรุ้สึกเอาเอง
  5. รายการที่ 2. สติกเกอร์คลับ+พวงกุญแจ CCTH ชุดที่2* 1200 บาท ได้รับของเรียบร้อยแล้วครับ
  6. ราคา K24 หาดูกันตามเชียงกง เพราะผมไม่รู้จริงๆ ส่วนตัวไหนจะชนเกียร์ออโต้บ้านเรา ตอบได้ว่า ได้ทุdรุ่น ที่ขึ้นต้นด้วย K และต้องจูนกล่องเดิมให้เหมาะสมกับเครื่องที่นำมาชน
  7. มีเนื้อติดออกมาด้วย ไม่เรียกตดแล้ววววววววววว หลบกันให้ดี ตัวใครตัวมัน กระเด็นไปรอบทิศทาง
  8. เหล็กทรุดถึงยางแล้ว หมยถึงต้องเปลี่ยนแล้ว ปกติจะต้องมีช่องว่างมากกว่า 3 มิล
  9. "มรึงรู้มั้ย กรูลูกใคร" เจอคนขับรถเฟอใช้มุขนี้ ตำรวจไทยก็จ๋อยแล้วคับ
  10. คอนเฟริมว่าไม่ใช่โป้งขับ เพราะเปิดกระจกทักกันแล้ว 555555
  11. 1. A2 เครื่องรอบจัดกว่า ใช้ LPG จะมีปัญหามั้ย 2. A2 มี A/T รึป่าว
  12. วันนี้หลัง 3 ทุ่มโน้นถึงจะเสร็จภารกิจ
  13. เห็นมีกระแสการวางเครื่องตระกุล K กันมากขึ้น เลยอยากให้มีกระทู้แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางการตัดสินใจ เลยขอเริ่มต้นกระทู้นี้เอาไว้ ใครต้องการเพิ่มเติม หรือแชร์ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวางเครื่อง ก็สามารถมาโพสได้เลยนะครับ สำหรับผมเองไม่ได้มีความรู้มากมายอะไร แต่ก็ได้ศึกษาหาข้อมูลมาบ้าง เลยขอเอามาแบ่งปันเพื่อนๆ และบทความต่อไปนี้เป็นความคิดเห็นและประสบการณ์ส่วนบุคคล เฉพาะส่วนของระบบไฟฟ้า ซึ่งสามารถนำไปเป็นข้อมูลสำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการวางเครื่องตระกุล K20 หรือ K24 ก่อนอื่นต้องพูดถึงระบบไฟฟ้าของ ECU สำหรับ FD นะครับ เพราะมีความแตกต่างไปจาก civic รุ่นอื่นๆที่ผ่านมา ภายในระบบต่างๆของ FD จะมีสายสัญญาณที่เชื่อมต่อกันทั้งหมด เหมือนเป็นระบบ LAN ภายในรถ ที่จะส่งข้อมูลต่างๆ ระหว่างกันของ ECU, ABS, VTS, BA, SRS, EPS, Air-condition, กล่อง MICU และ หน้าปัดรถทั้งบน-ล่าง หรือตัวอ่านข้อมูล OBD-II ที่มีขายทั่วไปในท้องตลาด ซึ่งระบบที่เชื่อมต่อกันเรียกว่า ODB-II และใน FD เป็น ODB-II รุ่นล่าสุดที่มีความเร็วของการส่งสัญญาณสูงกว่ารุ่นเดิมๆ ที่ผ่านมา ในรถรุ่นเดิมจะเป็น OBD ธรรมดา ที่เชื่อมต่อเฉพาะกล่อง ECU กับระบบเซอร์วิสของศูนย์หรือตัวอ่านข้อมูล ODB เท่านั้น สำหรับเครื่อง K20a K20z และ K24a นั้นไม่ได้มีความแตกต่างกันในเรื่องของระบบไฟฟ้า นั่นหมายความว่าสายเซนเซอร์ต่างๆ สามารถนำมาใช้กันได้ แต่อาจจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของปลั๊ก เพราะเซนเซอร์บางตัวเท่านั้นที่ไม่เหมือนกัน สิ่งที่แตกต่างกันอีกเล็กน้อยก็คือระบบเกียร์ คือ จะมีเกียร์อยู่ 4 แบบ ในท้องตลาด คือ MT 5 speed, MT 6 speed, AT 5 speed และ AT w/ paddle shift ซึ่งจะขึ้นอยู่กับรุ่นปีที่ผลิต แต่สำหรับ FD จะมีแค่ 3 รุ่น คือ MT 5 speed, MT 6 speed และ AT w/ paddle shift สรุปก็คือ ECU และชุดสายไฟ สามารถนำมาปรับใช้กันได้สำหรับเครื่องที่มีระบบเกียร์แบบเดียวกัน คำแนะนำในการใช้กล่อง ECU ก็อย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่า ระบบไฟฟ้าใน FD เป็นรุ่นใหม่แล้ว การ wiring ที่จะทำให้มีปัญหากับระบบเดิมอื่นๆน้อยที่สุด ก็คงต้องหากล่อง ECU ของ FD นั่นแหละ แต่ต้องหากล่องที่มีระบบเกียร์ที่ตรงตามเกีบร์ที่เรานำมาใช้ คือ ECU สำหรับ K20 เกียร์ MT หรือ เกียร์ AT ส่วนเรื่องว่ากล่องนั้นจะสามารถควบคุมการจ่ายน้ำมันของ K24 ได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ ในระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งจะหนีไม่พ้นการจูนกล่อง ซึ่งมีอยู่หลายวิธีแล้วแต่สำนักแต่งต่างๆ จะสรรหา ต่อคำถามที่ว่า ถ้าได้กล่อง ECU ของรุ่นก่อนๆมา แล้วจะใช้กันได้หรือไม่ คำตอบคือได้ แต่อาจจะมีปัญหากับระบบอื่นๆได้ เช่น เรือนไมล์อาจแสดงผลไม่ถูกต้อง เป็นต้น และก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญของช่างที่ทำ wiring ระบบสายไฟด้วย ว่าจะทำแล้วจบหรือไม่ แต่ถ้าวางเครื่องเพื่อแข่ง คงไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะรถแข่งเค้าจะใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอยู่ไม่กี่อย่างอยู่แล้ว สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ไม่จำเป็น จะถูกถอดออกทั้งหมด สำหรับรถเดิมที่เป็น K20z อยู่แล้วจะเปลี่ยนเป็น k20a หรือ K24a นั้นง่ายมาก ยิ่งถ้ายังใช้ระบบเกียร์ตัวเดิม แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนเกียร์เป็น MT ก็แนะนำให้หากล่อง ECU สำหรับ FD มาด้วย (มักจะมีมาด้วยสำหรับคนที่ซื้อห้วตัด FD2R มา) แต่ถ้ามั่นใจในความชำนาญของช่างที่วาง ก็สามารถใช้กล่องของรุ่นอื่นๆได้ สำหรับข้อมูลด้านอื่นที่ไม่ได้กล่าวถึง ที่ผู้วางควรหาข้อมูลให้เรียบร้อยก่อนส่งรถไปยังมือช่าง เพื่อป้องกันการถูกหมกเม็ดข้อมูล เช่น โครงสร้างของจุดยึดต่างๆ ซึ่งจะแตกต่างกันมากถ้ารถเดิมวาง R18a มาก่อน และจะแตกต่างกันเล็กน้อยสำหรับ K20z AT มาเป็น MT ขนาด ความยาวของเพลาขับ ฯลฯ แต่ไม่พ้นความสามารถของช่างไทยอยู่แล้ว แต่ก็ควรจะคำนึงถึงความแข็งแรงของโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงด้วยนะครับ ข้อมูลเบื้องต้นสำหรับเครื่อง k บางรุ่น K20A (FD2R) Displacement : 1,998 cc Compression : 11.7:1 Bore x Stroke: 86 mm x 86 mm Power: 225 bhp (165 kW) @ 8000 rpm Torque: 159 ft-lb (215 N-m) @ 6100 rpm Redline: 8600 rpm i-VTEC Engagement Window:5800 rpm K20A2 (EP3, DC5) Displacement: 1,998 cc Compression: 11.0:1 Bore x Stroke: 86 mm x 86 mm Power: 200 hp (150 kW) @ 7800 rpm Torque: 141 ft-lb (196 N-m) @ 5600 rpm Redline: 8200 rpm i-VTEC Engagement Window: 5800 rpm K20A3 (EP3) Displacement: 1,998 cc Compression: 9.5:1 Bore x Stroke: 86 mm x 86 mm Power: 160 hp (120 kW) @ 6500 rpm Torque: 132 ft-lb (179 N-m) @ 5000 rpm Redline: 6700 rpm i-VTEC Engagement Window: 2200 rpm K20Z2 Displacement: 1,998 cc Compression: 9.6:1 Bore x Stroke: 86 mm x 86 mm Power: 155 hp (114 kW) @ 6000 rpm Torque: 139 ft-lb (188 N-m) @ 4500 rpm Redline: 6800 rpm i-VTEC Engagement Window: 2200 rpm K20Z3 Displacement : 1,998 cc Compression : 11:1 Bore x Stroke: 86 mm x 86 mm Power: 197 bhp (147 kW) @ 7800 rpm (sae NET Rev 8/04) Torque: 140 ft-lb (189 N-m) @ 6200 rpm (sae NET Rev 8/04) Redline: 8000 rpm i-VTEC Engagement Window:5800 rpm K24A1 Displacement: 2,354 cc Bore and Stroke: 87 mm x 99 mm Compression: 9.6:1 Power: 160 hp (120 kW) @ 6000 rpm Torque: 162 ft-lb (220 N-m) @ 5200 rpm Redline: 6500 rpm K24A2 Displacement: 2,354 cc Bore and Stroke: 87 mm x 99 mm Compression: 10.5:1 Power: 200 hp (150 kW) @ 6800 rpm Torque: 171 ft-lb (232 N-m) @ 4500 rpm Redline: 7100 rpm (AT), 7600 rpm (MT)
×
×
  • Create New...