dikiboyz

ว่าแต่ว่ารถผม ตัว FD 1.8 ปี 2010 เติม E20 ได้อยู่ครับ แต่มันเปลี่ยนหัวฉีดเป็นพวก R20 ต้องแปลงหรือทำอะไรเพิ่มไหมครับ หรือใส่ได้พอดีเลย เปลี่ยนแค่กรองหัวฉีดเป็นโลหะ อย่างเดียวก็เติม E85 ได้แล้วเหรอครับ(เอาแค่เติมได้ก่อนนะ ส่วนเรืองผมกระทบกับ ปั้มติ๊ก ลูกลอยเพี้ยน มันต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว) อ้ออ ผมเข้าใจว่า กล่อง ECU เดิมๆ ของ FD 1.8 E ปี 2010 มันสามารถใช้งานร่วมกันได้กับ E85 อยู่แล้ว เหมือนที่คุณ Toajee แต่เพียงแค่เปลี่ยนหัวฉีดเพื่อเพิ่มอัตราการจ่ายน้ำมัน เพื่อรองรองอัตรา A/F ที่ 9.9:1 อย่างที่คุณ Dirty Bit พูดมา เข้าใจว่า หัวฉีดเดิมฉีดได้เต็มที่คือ 14.7:1 (ฉีดน้ำมันหนาสุด) ผมเข้าใจแบบนี้ถูกหรือป่าวครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ ปล. ขอถามเพิ่มอีกนิดครับ A/F Ratio เนี่ยมันจะเท่ากับ 14.7:1 ตลอดเวลาเลยไหมครับ ทุกรอบเเครื่องยนต์ หรือว่าเป็นค่า Max ครับ ตอนเครื่อง Open loop หรือช่วง Peak สุดของรอบเครื่องยนต์ครับ

ไม่หรอกครับ ช่วงเทศกาลรถเยอะ ขับต่อตูดกัน เบรคกระชั้นชิดก็บ่อย เลยเป็นแบบที่เล่ามาครับ

ขอบคุณมากครับ ลืมบอกว่ารถผมเป็น 1.8 E AT (AS) ปี 2010 ครับ รองรับ E20 คับ

ซ่อมรอย เบียด ครูด ทำสีใหม่ ราคาวงละประมาณเท่าไหร่ครับ

ปีใหม่ มีโปรเจคจะเติม E85 ครับ ลองดูก็มีอยู่ 2-3 ทางเลือกครับ ไม่รู้จะเอาแบบไหนดี 1. ง่ายสุด คือ ติดกล่อง E85 + หัวฉีดเดิมเปลี่ยนกรองหัวฉีดเป็นแบบโลหะ วิธีนี้ผมว่าง่ายสุดประหยัดสุด ผมลัพธิ์ช่วยแนะนำหน่อยครับ 2. คล้ายๆ ข้อแรกคือ ติดกล่อง E85 + กรองหัวฉีดโลหะ + ลูกลอย + ปั้มติ๊ก แบบนี้อาจะพูดได้ว่าทำและจบ ตัดปัญหาที่จะเกิดตามหลัง เพราะทางเดินน้ำมัน ได้ยินมาว่าเป็นชุดเดียวกับ FB ซึ่งเติม E85 อยู่แล้ว 3. เปลี่ยนหัวฉีดขนาดใหญ่ขึ้น + ลูกลอย + ปั้มติ๊ก อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าผลเป็นไง แต่ผม(คิดเอง) ว่าหัวฉีดซีซีเยอะขึ้น ฉีดน้ำมันเยอะขึ้น(A/F ratio เหมาะสมกับ E85) แต่อยากถามเพิ่มเติมว่า ถ้าอยากเติม E85 (กรณีหาปั้มไม่ได้) จะมีผลกับการกินน้ำมันเพิ่มมากกว่าปกติไหม เพราะมันเป็นการบังคับจ่ายน้ำมัน ซึ่งไม่เหมือนกับพวกกล่อง E85 ซึ่งมันจะแปลผันหรือปรับ A/F ratio ให้เหมาะสมกับค่าออกเทนในขณะนั้นๆ 4. ซื้อกล่องพวก Piggyback ซึ่งมันจูน E85 ได้(เพื่อจูนอย่างอื่นด้วยเลย) + หัวฉีดเดิมเปลี่ยนกรองหัวฉีดเป็นแบบโลหะ + ลูกลอย + ปั้มติ๊ก งบเยอะ แต่ไม่รู้ผลที่ได้รับเป็นยังไงบ้าง ช่วยแนะนำผลการติดตั้ง ใช้งาน ข้อดี ข้อเสีย หน่อยครับ ส่วนวิธีอื่น แนะนำได้เลยครับ กำลังเก็บข้อมูลอยู่ ยิ่งเยอะยิ่งดีครับ ขอบคุณครับ

ผลลัพธ์หลังจากได้ใช้งานเจ้า MU SPEC ไปช่วงปีใหม่ ผลก็น่าพอใจครับ รู้สึกได้ว่าเบรคดีกว่าเดิม ระยะเบรคสั้นลง ดูดเท้ากว่าเดิม เมื่อเทียบกับผ้าเบรคเดิม แต่ ABS ทำงานเร็วกว่าเดิมเช่นกันครับ ได้ใช้ ABS หลายรอบเลยตอนขากลับ รถเยอะมาก

ขอบคุณมากครับ วันนี้ซื้อจากในบอร์ด ได้ mu spec มา คู่หน้า เปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว ยังไม่เคยใช้ตัวนี้ อยากลองดูครับ 10 ตาเห็น ไม่เท่ามือคลำ

สงสัยตงต้องเปลี่ยนแล้วละแบบนี้ ขอบคุณสำหรับความเป็นครับ

ขอบคุณมากครับ ว่าแต่ว่า มันยังพอใช้งานต่อได้ใช่ไหมครับ พอดีผมทำงานทุกวัน เลิกงานก็ 5-6 โมงเย็นแล้ว ร้านคงปิดหมดแล้ว แล้ววันศุกร์นี้เลิกงานก็ว่าจะกลับต่างจังหวัดเลย คงยังไม่ได้เปลี่ยน xxxที่เหลือ 2.5 มิล เนี่ยะ มันยังพอใช้ได้เลยช่วงปีใหม่นี้ใช่ไหมครับ สัก 2 พันโล ก็ยังดี

พอดีเมื่อวานเอารถเข้าศูนย์ แล้วทางศูนย์แจ้งว่า ผ้าเบรคหน้าไกล้หมดแล้ว (ผ้าเบรคหน้าเหลือ 2.5 มม. ผ้าเบรคหลังเหลือ 4 มม.) แล้ว ที่ว่า ผ้าเบรคหน้าเหลือ 2.5 มม. นี่มันจำเป็นต้องเปลี่ยนเลยไหมครับ หรือว่ามันยังใช้ได้ต่อ ระยะวิ่งประมาณเท่าไหร่ หรือแค่ใช้ได้อีกสักพัก การใช้รถ ใช้ทั่วไป ขับไปทำงานในกรุงเทพฯ ความเร็ว 80-100 กม./ชม. ออกต่างจังหวัดประมาณเดือนละครับ ใช้ความเร็วประมาณ 120-150 กม./ชม. ขอบคุณครับ ปล. ถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยน จะได้สั่งผ้าเบรคใหม่รอ

5555 ก็ที่บอกอะครับ ผมเคยเห็น Civic 1.8G ครับ ขำๆ ครับ

Civic FD เรามีตัว 1.8S , 1.8E , 1.8G(ตัวท๊อป), 2.0EL .ใช่ไหมครับ เคยเห็น

อยากทราบเหมือนกันครับ รถจะหมดประกัน 3 ปี / 1 แสนโล สิ้นปีนี้แล้ว ขอรบกวนพื้นที่ จขกท. สอบถามเพิ่มเติมนะครับ 1. หมดประกัน 3 ปี / 1 แสนโล ต้องเข้าเช็คระยะเหมือนเดิมไหมครับ 2. หมดประกัน 3 ปี / 1 แสนโลแล้ว ถ้าเราไม่เข้าเช็คระยะกับศูนย์ จะมีพลกับสิ่งที่ประกันเหลือไหมครับ เช่น ยางแท่นเครื่อง กับ ครัชคอมแอร์ ที่ทางฮอนด้าขยายระยะเป็น 160,000 / 6 หรือ 7 ปีนี่ละจำไม่ได้ 3. ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด การเช็คระยะตามกำหนด มีผลต่อเรื่องขายต่อจริงไหมครับ 4. เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง กรอง โน่น นี่ นั้น บลา บลา บลา เอาเป็นว่าเปลี่ยนทุกอย่างที่จำเป็น แล้วเอารถไปให้ศูนย์เช็ค(เช็คอย่างเดียวไม่ต้องเปลี่ยนอะไรทั้งสิ้น) เพื่อลง book ได้ไหมครับ

เบอร์ 30 กำลังดีครับ รถก็ใช้งานไม่เยอะ ถึงจะ 3 ปี ก็ไม่น่ามีผลมาก ปล.ผมใช้เบอร์ 35 รถก็ 1.8 อายุประมาณ รถ จขกท. นั้นละครับ

โครงการ Type R ยุโรป มันเกือบโดน "say no" มาตั้งแต่ตัว FN แล้วครับ เพราะเรื่องมาตรฐานด้านไอเสีย ทางยูโรโซน เขาเน้นมาก ทีนี้มาตัวบอดี้นี้ ตัวขายในตลาดยุโรปทั่วไปเลยปรับมาเป็นตัว Diesel แทน แต่ไหงมาเป็นตัว Type R Turbo ตัวนี้ แต่เขายืนยันว่ามันมาตรฐานระดับ Euro 6 เลยทีเดียว ผมว่ามันประมาณนึงเลยละ มันเริ้มจะไปไกลละ

อันนี้ไม่แน่ใจครับ เพื่อนคงไม่รู้เหมือน ถ้าเป็นแบบนั้นจริง คงเป็นตอนที่มันเอารถเข้าศูนย์นั้นละ แบบว่าเขายกรถขึ้นเพื่อตรวจเช็คช่วงล่าง เพราะช่วงล่างมันบอกว่ายังเดิมๆ ไม่เคยเอาไปขึ้นลิฟยกรถที่ไหนมาก่อน อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ เพราะว่ายางเป็น 205/55/16 ทั้งคู่ครับ แต่ตัวก่อน MC ของเพื่อนเป็นยาง Mic Primary LC แต่ของผมตัว MC เป็น NTC5 ติดรถจากศูนย์มา ผมเข้าใจว่า ท่าน oyabin หมายความว่าตัวก่อน MC จะต่ำกว่าตัว MC เนื่องจากตัวก่อน MC ออกมานานกว่า สภาพปริงมันหล้า เลยเตี้ยกว่าใช่ไหมครับ แต่ที่ผมเล่ามาคือ ตัว MC รถผมเอง ภาพ 2 นิ้วสอดดูจากลายแม็กก็ได้ครับ มันเตี้ยกว่าตัวก่อน MC ครับ (รถเพื่อน) ปล.เดี๋ยววันนี้ผมจะลองไปเดินดู FD ก่อน MC คันอื่น รู้สึกวว่ามีหลายคันอยู่ที่ชั้นจอดรถอพาร์ทเม้นท์ ว่ามันสอดได้ 4 นิ้ว ทุกคันหรือป่าว

"New Honda Civic Type R 2014 Return" ขณะที่ทางฝั่งอเมริกามีการปรับโฉม หรือเปิดตัวเวอร์ชั่น 2014 ของซีวิค FB ออกมา (แต่ก็เห็นแค่คูเป้ ยังไม่เห็นซีดาน) ในตลาดยุโรปก็มีความเคลื่อนไหวด้วยเช่นกันกับตัวถังแฮทช์แบ็ก แต่เป็นของแรงและเร้าใจ มากกว่า กับการเปิดตัวรุ่น Pre Production ของสายพันธุ์ Type R ที่ในตอนนี้เหลือแค่ซีวิคเท่านั้นที่สืบทอด เจตจำนงค์ความแรงของรหัสนี้ ที่บอกว่าเป็นรุ่น Pre Production เพราะว่า Type R ของซีวิคมีคิวเปิดตัวในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2014 เดือนมีนาคมนี้ และแม้จะมากับสีดำทั้งคันแต่ฮอนด้าก็บอกว่านี่คือ ตัวจริงเสียงจริงของรุ่นที่เตรียมออกสู่ตลาด ซึ่งเต็มที่ก็คงมีการปรับแต่งรายละเอียดอีกเล็กน้อย แต่ก็คงไม่แตกต่างจากนี้มากนัก มีอยู่ 2 ประเด็นที่ทำให้รถรุ่นนี้น่าสนใจคือ ความเปลี่ยนแปลงที่ว่า Type R จะมากับตัวถัง 5 ประตูตามภาพที่เห็นจริงหรือ? เพราะแต่ไหนแต่ไรถ้าเป็นแฮทช์แบ็กก็จะเป็นตัวถัง 3 ประตูอยู่เสมอ ส่วนอีกเรื่องคือการเปิดตัวขุมพลังใหม่ที่เรียกว่า VTEC Turbo เพื่อสอดคล้องกับการคัมแบ็คสู่ F1 ในสมัยที่ 4 ของฮอนด้ากับการสนับสนุนเครื่องยนต์ให้กับทีมแม็คลาเรน ซีวิค Type R ใหม่จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกในยุโรปที่ใช้เครื่องยนต์นี้ โดยคาดว่าจะอิงพื้นฐานของขุมพลัง 4 สูบ 2,000 ซีซี ที่รีดกำลังออกมาได้มากกว่า 280 แรงม้า เพื่อสยบคู่ปรับทั้งโฟล์คสวาเกน กอลฺ์ฟ จีทีไอ, เปอโยต์ 308 จีทีไอ รวมถึงเรโนลต์ เมกาน 265 โทรฟี่ ไม่เพียงเท่านี้ ทาคาโนบุ อีโต้ ซีอีโอของฮอนด้า มอเตอร์ ยังต้องการให้ ซีวิค Type R ใหม่ เป็นที่สุดทั้งในและนอกสนาม โดยตั้งเป้าว่าจะต้องเป็นรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าในสายการผลิต ที่ทำสถิติเวลาต่อรอบดีที่สุดใน The Green Hell หรือนูร์บูร์กริง ฝั่งเหนือ โดยสถิตินี้เป็นครองเมกาน 265 โทรฟี่ ด้วยเวลา 8 นาที 07.97 วินาที และดีไม่ดีอาจจะสยบสถิติเดิมของฮอนด้าในสนามนี้ ที่ NSX R ทำเอาไว้ที่ 7 นาที 56.73 วินาทีลงได้ก็ได้ ในส่วนเครื่องยนต์ VTEC Turbo นอกจากตัว 2,000 ซีซีแล้ว ฮอนด้ายังเตรียมผลิตเวอร์ชันอื่นๆ ลงตลาดด้วย โดยที่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ก็มี 1,000 และ 1,500 ซีซีแบบ Di สำหรับแฟนๆ ของ Type R อดใจรอกันอีกนิด เพราะฮอนด้าผลิตออกขายแน่ในปีหน้า และจะมีการส่งไปยังตลาดแห่งต่างๆ ทั้ง ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา ส่วนรุ่นซีดาน 4 ประตูแบบ FD คงหมดหวัง ต้องสัมผัสความเร้าใจตามสไตล์อเมริกันของ Si ไปแทน Credit วีดีโอ : www.youtube.com/embed/SsEsxjrFWPk www.manager.co.th (ภาษาไทย) Link : http://www.manager.c...D=9560000145038 ที่จริงมีเยอะมาก แต่เอา website นอก บางอันมาฝาก : http://www.ultimatecarpage.com/car/5672/Honda-Civic-Type-R.html

รถผมยาง NTC5 ส่วนรถเพื่อนตัวก่อน MC เป็น Primary LC ช่วงล่างเดิมๆ ทั้งสองคันครับ รถผมไม่ได้ถอดยางอะไหร่ออก รถเพื่อนตัวก่อน MC ไม่แน่ใจ ลืมคิดไป แต่ยางอะไรไม่น่าหนักขนาดทำให้รถยุบลงเป็นนิ้วนะครับผมว่า

วันนี้เพิ่งสังเกตุว่า Civic 1.8 ตัวก่อน MC (ของเพื่อนในอพาร์ทเม้นท์) กับ MC (ของผมเอง) ตัว E ทั้งคู่ ยาง 205/55/16 ทั้งสองคัน ช่วงล่างเดิม ไม่ติดแก๊สทั้งคู่ สูงไม่เท่ากันเหรอกัน บังเอินวันนี้สังเกตุ เพราะมาจอดข้างๆ กันพอดีเลยก้มไปดู ปรากฎว่า ตัว MC เอานิ้วสอดได้แค่ 2 นิ้ว(ล้อหลัง) แต่ตัวก่อน MC สอดได้ 4 นิ้ว(ล้อหลัง) นี่ตัวก่อน MC ส่วนคันนี้ FD 1.8 MC ผมเอง เลยสงสัยว่าปกติดีใช่ไหมครับ?

ประมาณนั้นครับ และก็น้ำมันเครื่องเองเขาทำการผลิตมาโดยใส่สารปกป้อง ป้องกัน บา บา บา พวกนี้อยู่แล้ว

เติมได้ครับ แต่ทางที่ดีอย่าเติมผสมจะเป็นดี ปล. น้ำมันเกียร์. กับ น้ำมันพาวเวอร์ แนะนำของศูนย์ครับ

ราคาไม่เบาเลยนะครับ ผมว่าราคานี้ใช้ PS3 ตามเดิมหรือ GR90 (อีกค่าย) ดีกว่าครับ เพราะยังไม่ comment หรือเสียงจากผูัใช้มายืนยันว่าดีจริงมันก็ยังไม่น่าลองเท่าไหร่

อย่างที่ท่าน Mantaro บอกนั้นละครับ ซื้อมาแล้วราคาก็ไม่ถูก อย่าให้มีปัญหาตามมาเป็นดี ส่วน แม็กแท้ JP มือสอง ไม่ว่าจะเป็น RG, RS กับ CE, RE หรืออื่นๆ ที่ฮิตนหน่อย ก็ต้องกำเงินไว้ประมาณ ครึ่งแสน ได้ (ที่เห็นๆ ก็ 40K-50K) แล้วแต่สภาพเลย ปล.ก๊อป(คุณภาพดี) ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีนะครับ

ขอสอบถามเรื่องท่อเดิม FD 1.8 เราเนี้ยะ พวกแป็ปอะครับ มันคือวัสดุอะไร ผมไม่ทราบจริงๆ