ken_style

ยังไม่ได้ถ่ายอีกหลายจุดเลย มีมุมสวยๆเยอะ

หล่มเก่าครับปู่ ช่วงนี้กำลังขยายถนนเป็น 4 เลนครับ ดีเลย

แหม นิดนุงเก๋ มาทั้งทีอย่าให้เสียเที่ยว

หน้านี้เหมาะมากครับ บรรยากาศดี คนน้อยด้วย

จบทริปภุทับเบิกแบบรีบเร่งครับ 555

ได้เวลาอำลาภูทับเบิกแล้ว เราลงแวะไหว้พระที่วัดผาซ่อนแก้วก่อนกลับ กทม

มาดูวิวรอบๆกันบ้าง หมอกเริ่มลอยตัวสูงขึ้น ทริปนี้ไปหลังจากฝนตกได้ 2 วัน หมอกเลยไม่เยอะเท่าไหร่ ต้องมาช่วงมีฝน จะเห็นเป็นทะเลหมอก

แค่ตี 5 : 15 ดวงอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นแล้ว รีบตื่นมาถ่ายรูปแทบไม่ทัน อุณหภูมิเช้านี้ 17 องศา

แวะดูจุดชมวิวภูแผงม้าตรงเลยทางเข้า อช.ภูหินร่องกล้าไป 200 เมตรแล้วเดินเท้าเข้าไปอีก 200 เมตร โชคไม่ดีหมอกฟุ้งรอบตัวไปหมด ถึงทับเบิกก็มืดแล้ว เลยไปถ่ายรูปที่ภูสวรรค์ก่อน จุดนี้จะมีโบสถ์คริสต์ตั้งอยุ่เป็น hilight สำคัญ มองดาวบนฟ้าหาไม่เจอเลยถ่ายดาวบนดิน กับ มังกรไฟแห่งทับเบิก มาแทน นั่งก๊งบรรยากาศกันนิดหน่อย คืนนั้นมีคนพักเต้นท์อยู่แค่ 3 หลังเงียบสงบมาก

แวะถ่ายรูปตลอดเส้นทางขึ้นภู มีจุดถ่ายรูปสวยๆมากมาย รูปนี้แถวบริเวณบ้านน้ำเพียงดิน

ทริปนี้พอดีีไปทำงานให้ทาง club เลยแวะเที่ยวซะเลย ตั้งใจจะไปแก้มืออีกครั้งหลังจากไปทับเบิกเมื่อหน้าหนาวที่ผ่านมาแล้วไม่เจอหมอก เดินทางกัน 3 คน เค็น เดี่ยว เอ๋ โซนดินแดง ด้วยพาหนะ CRV ติดแก๊ส review นี้จะไปกันแบบเร็วๆ เลยจะพยายามให้ดูรูปอย่างเดียว เพราะเคยรีวิวมาแล้วครั้งนึง แต่จะให้ดูบรรยากาศหน้าฝนของภูทับเบิกว่าเป็นไง แวะไหว้หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่วัดวชิรธรรมาราม อยุธยา เข้าเขตตีนเขาภูทับเบิก แวะถ่ายภาพแสงงามๆ ยามเย็น พายุหมอกรอทักทายแต่ไกล

ภูทับเบิก เบิกตา พาใจสุข... สิ้นความทุกข์ ตื่นตา พาสุขสรรค์... โค้งหักศอก ตื่นเต้น ขับรถมันส์... สุขใจพลัน เมื่อถึง ทับเบิกงาม...

สัมมนาแถวมหาวิทยาลัยมหิดล อยู่ไทรโยคพักแถวนั้นไกล้กว่าครับที่พักรีสอร์ทมีมากมายเลย บ้านริมแคว,สวนไทรโยคก็สวย

....เราร่ำลาจากเขื่อนศรีนครินทร์ตอน บ่ายโมง เก็บภาพความสุขและความทรงจำนี้กลับไปด้วย ยามใดที่เราเหนื่อยล้าจากการทำงาน เราจะกลับมาใหม่... ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านที่ได้เข้ามาชมภาพของทริปนี

หลังจากได้ปลามาจากการบริจาค ก็กลับมาที่แพดีกว่า นัดลุงไว้มาลากแพกลับตอนเที่ยง ช่วงนี้ก็ได้เวลากระชากวัยกันแล้ว

คืนนั้นเราตั้งวงกันได้สักพัก เริ่มมีแมลงสาบออกมาจากใต้แพ ตอนแรกก็ตัว 2 ตัว สักพักขึ้นมากันเป็นร้อย มันคงได้กลิ่นเศษอาหารประกอบกับเป็นแพเก่าที่เขา จอดทิ้งไว้นาน ก็เลยเป็นบ้านพักลอยน้ำชั้นดีของเหล่าแมลงสาบผู้มีอันจะกินไว้เ็ป็นที่ปิคนิคกัน พวกเราจัดแจงคว้าปืน BB Gun ที่พกติดตัว มาไว้เล่นกัน เอามาไล่ยิงแมลงสาบเป็นที่สนุกมือ คืนนั้นมีตายกันเป็นเบือเป็นอาหารของปลาใต้น้ำต่อไป ....เช้าตื่นมาอย่างสะลึมสะลือเพราะถูกรบกวนทั้งคืนด้วยพายุฝนซัดเข้ามาตอนตี 3 ต้องหาฟลายชีทมากันฝน เสียงฟลายชีทโดนลมพัดดังปัง ปังตลอดช่วงที่ พายุเข้าหลังพายุสงบ ก็ต้องมาผจญกับเสียงครืดคราด จากการประสานเสียงของแต่ละคน แล้วดันทะลึ่งมาส่งเสียงปลุกให้ไปออกหาปลากันแต่เช้า หลังจากล้าง หน้าล้างตาซัดไข่ลวกที่ไม่รู้ว่าลวกอีท่าไหนกลายเป็นไข่ต้ม ตาค่อยสว่างมองบรรยากาศยามเช้า เฮ้ย ! สวยดีนี่หว่า ตอนแรกกะจะนอนเล่นบนแพซักหน่อย ว่า แล้วเลยคว้ากล้องคู่กายกระโดดขึ้นเรือตามเพื่อนไป ออกล่าอยู่นานไม่มีปลาล่าเหยื่อมาให้ล่า สุดท้ายลุงที่กำลังปลดปลาอยู่แถวนั้น เอาปลาเล็กปลาน้อยมาให้ไม่รู้เพราะสมเพช หรือสงสารกันแน่ 555 กลายสภาพมาเป็นปลาทอดร้อนๆ กับข้าวต้ม

กินข้าวเสร็จ อาบน้ำตั้งวง นั่งชมวิวยามอาทิตย์ลับขอบฟ้า เห็นลุงลอยเรือวางเบ็ดราว แต่ไกล ชีวิตชาวประมงที่ต้องผูกพันกับสายน้ำไปตลอดชีวิตตราบใดที่ยังมี น้ำไว้ทำมาหากิน ว่างจากการจับปลาก็ออกมาขับเรือลากแพพานักท่องเที่ยวชมทิวทัศน์ของเขื่อน "ปีนี้น้ำน้อยลง ทำให้ไม่ค่อยมีปลาให้จับ ปลาใหญ่ก็เข้าไปลึก เกินกำลังของแกที่จะเข้าไป" ลุงเล่าให้ฟัง

และแล้วก็มีเหยื่อตัวแรกมาติดเบ็ด หลังจากเย่อตอไปหลายครั้ง เป็นกระมังหนุ่ม size กำลังดี ตัวนี้ได้มาแบบฟลุ๊คๆ คือว่าตัวนี้แหละที่มากินเหยื่อแล้วลากไปพัน ตอจนเราเย่อตอจนเอ็นขาด หลังจากนั้นไม่นาน เพื่อนที่ตีเหยื่อปลอมก็ดันลากเหยื่อปลอมแบบฟลุ๊คๆ ไปติดตะกร้อที่เกี่ยวปากเจ้ากระมังน้อยตัวนี้ขึ้นมา โชคดีของมันแล้วที่ไม่ต้องตายแบบทรมาน ถัดจากนั้นไม่นานก็ได้เสือตอลายสวยตัวเขื่องซึ่งมีอยู่ชุกชุมบริเวณนั้นมาให้เชยชม และก็ปลาช่อนวัยประถม ที่หาญกล้ามาลองลิ้มกับกบพญายม เราเก็บปลาไว้เป็นเสบียงสำหรับพรุ่งนี้เช้า เพราะว่าพ่อครัวมาเรียกว่าได้เวลากินข้าวแล้ว กับข้าวเราไม่เน้น เราเน้นแต่กับแกล้ม

คนหาปลาก็หาปลากันไป คนทำกับข้าวก็ทำไป ส่วนผมก็หาวิวถ่ายภาพไปเรื่อยหลังจากฝนตกได้สักพักนึง ความงดงามของวิวทิวทัศน์บนสันเขื่อน ก็ปรากฎกาย ให้เห็น หมอกลอยบางๆ อยู่หนือผิวน้ำและเทือกเขา เย็นนั้นลุงกลับมาอีกครั้งพร้อมแบ็ตเตอรี่สำหรับให้แสงไฟในค่ำคืนนี้ พร้อมถามว่าจะเอาคนคัดท้ายเรือมานั่ง คุยเป็นเพื่อนด้วยมั๊ยคืนนี้ เราดูท่าทางคนคัดท้าย แล้ว เกรงว่าสุราที่เตรียมมาจะไม่ถึงเช้าเลยรีบปฎิเสธความหวังดีของแกไป

เราบอกลุงคนขับเรือให้พาไปยังหมายปลาตรงมุมสงบๆซักที่นึง ลุงบอกปลาน่ะมีอยู่ทุกที่นั่นแหละอยู่ที่จะตกได้หรือเปล่า ลากแพออกจากฝั่งได้ไม่ นาน พายุฝนเริ่มตั้งเค้ามาแล้ว ประกอบกับลมแรงเรือเล็กงดออกจากฝั่ง เพราะดูแล้วลากแพต้านลมคงไม่ไหว มันอันตราย พวกเราปรึกษากันเลยบอกลุงให้หาที่ผูกแพใกล้ๆแล้วกัน ลุงบอกงั้นไปผูกแพหน้าบ้านลุงแล้วกัน ใกล้จริงๆเลย บอกลุงว่าไม่ต้องใกล้ขนาดนั้น หามุมสงบๆส่วนตัวซักหน่อยพอแล้ว ได้ทำเลไม่ไกลจากฝั่งมากนักเพื่อหลบลมพายุ แล้วจัดการขุดบ่อล่อปลา ไว้เพื่อเป็นเสบียงในช่วงค่ำคืนนี้

สภาพเส้นทางที่มุ่งตรงไปยังห้วยแม่ขมิ้นตอนนี้ราดยางเรียบร้อยแล้ว ขับรถขึ้นเขาลงเขามันส์มาก พอถึงบริเวณจุดลงแพต้องขับลงจากถนนใหญ่ เข้าไปในไร่ของชาวบ้าน สภาพทางเป็นดินแฉะๆเพราะฝนเพิ่งตกเมื่อคืน รถก็เลยมีสภาพอย่างที่เห็น พอมาถึงจุดลงแพมองหาแพที่จะมารับเราอยู่นานก็ไม่เห็น จนลุงน้อยเจ้าของแพบอกลำนั้นไง ลากไปไกลแค่ไหนก็ได้แต่ออกค่า่น้ำมันเรือเองน่ะ คิดในใจว่าลอยน้ำได้ก็บุญแล้ว ไม่เป็นไรถือว่าได้มานอนแพแล้ว สภาพทิวทัศน์แถวนั้นงดงามมาก เป็นแหลมยื่นเข้าไปในทะเลสาบ หมู่เมฆเริ่มก่อตัวเป็นก้อน ส่งสัญญานว่าเย็นนี้คงจะไม่รอดเป็นแน่แท้

....ได้รับเทียบเชิญจากเพื่อนให้ไปพักแพฟรีที่เขื่อนศรีนครินทร์ ไม่รอช้ารีบบึ่งไปแต่เช้ามืดวันเสาร์ ถึงเมืองกาญจน์จัดแจงหาเสบียง เพื่อไปเตรียมนอน นับดาวบนเขื่อนกัน เรามุ่งหน้าสู่เขื่อนศรีนครินทร์เลี้ยวซ้ายเข้าไปทางน้ำตกเอราวัณก่อนถึงสันเขื่อน แล้วมุ่งตรงไปยังเส้นห้วยแม่ขมิ้น เพื่อจะลงแพที่หาด ไข่มุก