Jump to content

ken_style

CCTH Crew
  • Posts

    381
  • Joined

  • Last visited

  • Days Won

    2

Everything posted by ken_style

  1. ตอนกลางคืนหลับสบายมากอากาศเย็นค่อนข้างหนาว ลมแรงกระแทกเต้นท์ทั้งคืน เสียงลมยังกะเสียงคลื่นดังมาก หลับไปตอน 1 ทุ่มกะตื่นมาถ่ายฝนดาวตก แต่โชคไม่เข้าข้าง มีเมฆฝนบวกกับฟ้าแล็บทั้งคืน แต่โชคยังดีที่ไม่ตก ตัดใจนอนต่อ ตื่นมาตี 4 ไอความเย็นทะลุถุงนอนเข้าไป เลยลุกมานั่งคุยกับเพื่อนอาศัยยาดองพม่าที่หิ้วขึ้นมาด้วยสร้างความอบอุ่นให้ร่างกาย พอเริ่มมองเห็นรางๆ มีหมอกฟุ้งเต็มรอบตัวไปหมด อดถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นอีกแล้ว แต่ได้เป็นวิวหมอกแทน เตรียมทำกับข้าวง่ายๆ มื้อเช้าก่อนเดินทางกลับ
  2. เดินลงมาจากเขาช้างเผือกแล้ว ก็ต้องปีนเขาอีกลูก กลับไปที่พักเรา เอ๋เิิกิดอาการยางแตกขึ้น ตะคริวกิน ต้องนั่งพักเป็นช่วงๆ ให้พรรคพวกล่วหน้าไปทำกับข้าวรอไว้ก่อน ข้อแนะนำำหรับการเดินบนเขาน่ะครับ ต้องพยายามวางเท้าให้มั่นคงทั้งตอนขึ้นตอนลง เพราะอาจทำให้ขาพลิกได้ง่ายๆ ขาขึ้นจะปวดบริเวณขาหนีบ กับกล้ามเนื้อช่วงต้นขา ่ส่วนขาลงนิ้วเท้าเราจะคอยรับน้ำหนักตัวที่ทิ้งลงมาอาจทำให้เล็บม่วงได้ หรือบางคนถึงขั้นถอดเล็บก็มีควรหารองเท้าที่มีดอกยางหนาๆหน่อยเพื่อกันลื่นและก็ไม่ต้องพอดีเท้ามาก ส่วนการเป็นตะคริวถ้ารู้ว่าใกล้จะเป็นให้หยุดก่อนอย่าืฝืนเดินต่อ นั่งผ่อนคลายสักครู่ก่อน และควรดื่มน้ำเรื่อยๆจะช่วยไม่ให้เกิดตะคริว เดินมาถึงแคมป์ก็ค่ำพอดี ไม่มีโอกาสถ่ายพระอาทิตย์ตกเลย เพราะวันนี้มีเมฆฝนตั้งเคล้ามาแต่ไกล ภาวนาว่าคืนนี้ฝนคงไม่ตก ช่วยกันทำกับข้าวกินก่อน ส่วนตาเอ๋ไม่ไหวแล้วขอพักขาสักแป๊ปก่อน เออ ถ้าให้ดีอย่าลืมพกยาคลายกล้ามเนื้อไปด้วยน่ะครับ เพราะพรุ่งนี้มันจะเริ่มระบม
  3. ชมวิว 360 องศาบนเขาช้างเผือก มองไปเห็นเขาช้างพลาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจมาแล้วจะเปิดให้ขึ้นปีหน้าโดยเปิดให้เดินต่อจากเขาช้างเผือก และเห็นบอกว่ามีจุดวัดใจเหมือนสันคมมีดด้วย แต่ระดับความสุงน้อยกว่าเขาช้างเผือก ได้เวลาลงจากยอดเขาแล้ว เราลงเป็นคณะแรกเพื่อไปรอชมพระอาทิตย์ตก ที่แคมป์เรา เพราะแคมป์เราอยู่สูงกว่าชาวบ้านเขาจะมองพระอาทิตย์ตกได้ดีกว่า ตอนลงจากเขาใช้วิธีไถลก้นลงไปน่ะครับถ้าเดินลงอาจหัวทิ่มได้ พวกกลุ่มอื่นๆเริ่มทะยอยเดินสวนขึ้นมา จะไปติดขัดตรงสันมมีดนั่นแหละ เพราะทางเดินเหลือเลนส์เดียว บรรยากาศช่วงใกล้พระอาทิตย์ตก อากาศบนเขาช้างเผือกจะเปลี่ยนแปลงไวมาก เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฟ้าครึ้มเหมือนฝนจะตก หรือบางทีก็มีลมเย็นๆโชยมาเป็นระยะๆ
  4. พวกเด็กๆไปยืนรอให้กำลังใจ อยู่บนยอดเขาแล้ว ส่วนเราทั้งอายุ น้ำหนักตัวอีกเกือบ 90 โล กว่าจะถึงยอดเล่นเอาหอบไปหลายยก ในที่สุดก็ถึงยอด ขอนอนพักเหนื่อยก่อน . ไม่มีแรงลุก ก็เลยนอนถ่าย ที่เห็นไกลๆนั้นเป็นเขาช้างพลาย ส่วนใกล้ๆนี่..ช้างน้อย ครับ อิอิ แต่ีละคนมาถึงยอดต้องหามุมนอนกลิ้งเกลือก อยู่บนนั้นสักพักให้หายเหนื่อย ถึงค่อยลุกมาถ่ายรูป ทุกคนสุดยอดมาก ที่ขึ้นมาถึงจนได้
  5. ในทีี่สุดก็มาถึงจุด hilight ของทริป "สันคมมีด" หรือ "สันวัดใจ" ตรงจุดนี้มีหลายคนไม่กล้าขึ้นนั่งรอเพื่อนกลับลงมา แต่ส่วนใหญ่แล้วมาถึงนี่ก็ต้องผ่านให้ได้ เพราะใกล้จะถึงยอดเขาแล้ว คนที่กลัววามสูงอาจมีสั่นๆบ้าง แต่มีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำว่าเวลาปีนขึ้นต้องก้าวเท้าไหนก่อน สมัยก่อนจะไม่มีเชือกไว้ปีนต้องปีนด้วยมือเปล่า แต่ตอนนี้ก็มีเชือกเป็นตัวช่วยทุ่นแรงมากขึ้น แ่ต่อย่างว่าแหละครับการท่องเที่ยวแนวนี้ในเมืองไทย ไม่ค่อยมีอุปกรณ์ safety ใดๆทั้งสิ้น หากใครเกิดพลาด หรือหน้ามืดขึ้นมาตรงจุดนี้...ไม่อยากจะนึกเลย แต่เจ้าหน้าที่บอกไม่เคยมีใครตกลงไปเสียชีวิตเลยสักคนตั้งแต่เปิดมา... สองฝั่งข้างล่างจะเป็นเหว ตกลงไปนี่คงกลับบ้านเก่าอย่างเดียว
  6. มาต่อกันเลยครับ เรามาถึงแคมป์ 2 แล้ว ใช้เวลา ครึ่งชั่วโมง จากแคมป์ 1 เดินลงมา นั่งทำใจรอเวลาอีกทีก่อนปีนยอดเขาช้างเผือก ได้เวลาแล้ว กลุ่มเราเป็นหน่วยกล้าตายขึ้นไปเป็นกลุ่มแรก เพราะแคมป์เราอยู่ไกลกว่าชาวบ้านเขา เริ่มทะยอยเรียงแถวกันเดินขึ้น ขี้นไปสักระยะนึงหันกลับมามองยังเบื้องล่าง เสียวไส้เหมือนกัน ><! มองไปทางซ้ายเห็นทะเลสาบเขื่อนเขาแหลม
  7. วันนี้มีหลายคณะมากันเยอะ ทำให้พื้นที่กางเต้นท์ไม่พอ พวกคณะเราเลยปลีกตัวแยกออกมาตั้งแคมป์ต่างหากจะอยู่ก่อนถึงแคมป์หลักที่อยู่ในหุบ ยอดเขาช้างเผือกอยู่ข้างหน้านี่เอง แต่ส่วนใหญ่แล้วเขาจะขึ้นกันประมาณ 4 โมงเย็นเพื่อขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตก ดังนั้นหลังจากกางเต้นท์เสร็จก็ถ่ายรูปบริเวณที่ตั้งแคมป์และพักผ่อนเอาแรงก่อน ไม่ต้องสงสัย xxxตัวประหลาดนี่คือข้าพเจ้าเอง อิอิ นี่ก็ตัวประหลาดอีกตัวนึงเหมือนกัน บ่าย 3 โมงครึ่งเราเริ่มปีนเขาก่อน เพราะแคมป์เราจะอยู่ไกลกว่าแคมป์หลักที่ใกล้เขาช้างเผือกมากกว่า ดังนั้นเราก็เลยต้องเผื่อเวลาเดินไปแคมป์หลักที่อยู่ในหุบอีกครึ่งชั่วโมง ให้ดูความลาดชันของเส้นทางที่เราเดินไป >< จุดที่เราจะผ่านไปคือ เขาช้างน้อย ซึ่งวิวตรงนี้จะสวยมาก ก่อนขึ้นยอดเขาช้างเผือก จะเจอแคมป์หลักหรือแคมป์ที่ 2 ตั้งอยู่ในหุบ ซึ่งบริเวณนี้เป็นแนวลมพัดผ่าน ซึ่งตอนกลางคืนลมจะแรงมาก ถ้าใครกางเต้นท์ไม่แน่นเต้นอาจหักได้
  8. เดินต่อ หลังจากพักสักครู่ใหญ่ ความจริงก็พักเรื่อยๆแหละ ป่าช่วงหลังจะเริ่มเป็นแบบทุ่งหญ้า ถ้าท้องฟ้าเปิดอากาศจะร้อนมาก ดีที่วันไปอากาศดีฟ้าหลัว มีลมพัดเรื่อยๆคลายร้อนได้บ้าง แวะเติมพลังกันก่อน เหนื่อยขนาดกลืนไม่เข้า คายไม่ออก 55 กินข้าวเสร็จก็เดินต่อ ผ่านมาแล้ว 3 ชม เริ่มเห็นยอดเขาช้างเผือก และบริเวณที่เราจะตั้งแค็มป์แล้ว อีกนิดเดียวจะถึงจุดตั้งแค็มป์แล้ว
  9. ทางเข้าเขาช้างเผือก เดิน 8 กิโลเองงงง เริ่มเดินกันแล้ว กว่าจะถึงประตูทางขึ้นก็เริ่มเหนื่อยแระ เส้นทางช่วงแรกจะเป็นป่าไผ่ ไม่ลำบากมาก มีขึ้นๆ ลงๆ ถือว่าเป็นการ วอร์มอัพ ไปในตัว ถึงจุดพักแรกเริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน แฮ่ก แฮ่ก ยังไม่เห็นยอดเขาเลย
  10. สวัสดีครับพี่น้อง FD CCTH ทริปนี้เป็นทริปที่ 2 ของบ้านหลังนี้ หลังจากไปคว้าดาวที่ภูทับเบิกไม่สำเร็จ ก็เลยหาทริปใหม่ที่ใฝ่ฝันมานานว่าต้องไปให้ถึงจนได้ ประจวบเหมาะกับไปอ่านเจอข้อความวัฎจักรชีวิตของคนเข้าที่บอกว่า ตอนเป็นเด็ก มีแรง มีเวลา ไม่มีเงิน อยากกินก็ไม่ได้กิน เพราะไม่มีเงิน ตอนหนุ่ม มีแรง มีเงิน ไม่มีเวลา อยากเที่ยวก็ไม่ได้เที่ยว เพราะทำงานเก็บเงิน ตอนแก่ มีเงิน มีเวลา ไม่มีแรง อยากกิน อยากเที่ยว แต่ไม่มีแรงพอแล้ว เลยตัดสินใจตกลงไป เดินป่าไต่เขาที่เขาช้างเผือก กาญจนบุรี เลยดีกว่าไม่อยากปล่อยเวลาไปมากกว่านี้ เดี่๋ยวจะปลดระวางซะก่อน หาข้อมูลได้แล้วก็รวบรวมสมัครพรรคพวกอีก 4 คน แล้วไปแจมกับคนอื่นอีก 3-4 คนได้ 1 คันรถตู้พอดี ทริปที่ไปนี้ไปกับทัวร์ของ trekkerhut .com เพื่อความสะดวกในการตั้งแค็มป์ เพราะพวกเราเองก็มือใหม่หัดเดินป่ากันทั้งนั้น พวกเรารวมตัวกันที่ รถไฟฟ้า BTS สวนจตุจักรตอน 3 ทุ่มมุ่งหน้าสู่อำเภอทองผาภูมิ ด้วยรถตู้ ถึงอำเภอทองผาภูมิประมาณตี 3 แวะพักรถ คนขับลงมาตรวจสภาพรถ บอกว่าเอาอีกแล้วพวกเราก็นึกว่าอะไร เดินไปดูหน้ารถ คนขับบอกโดนทุกรอบที่มา เป็นค้างคาวสงสัยระบบโซน่าคงเสียเลยบินมาชนรถเข้า เราขับรถขึ้นอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิเพื่อไปติดต่อเจ้าหน้าที่และเข้าพักที่ โฮมเสตย์บ้านอีต่องตอนตี 4 ก่อนที่จะออกเดินทางขึ้นเขาตอน 9 โมงเช้า จุดรวมพลก่อนขึ้นเขาช้างเผือก จะอยู่ที่ร้านน้องหน่อย เพื่อติดต่อหาลูกหาบและเจ้าหน้าที่บริเวณนี้ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกบริเวณตลาดอีต่องก่อนขึ้นเขา
  11. เล่นหมดไฟไปซะยาวเลยน่ะหมอเนศไปตั้งแต่ต้นปีแลัว แล้วงี้ผมกลับมาจากเขาช้างเผือกจะมีแรงรีวิวเหรอเนี่ย ><!
  12. เผื่อใครสนใจเรื่อง..หอย หอยกูอีดั๊ก (อังกฤษ: Geoduck) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า กูอี (Gooey) หรือ ดั๊ก (Duck) เป็นหอยสองฝาที่พบในทะเลชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าPanopea generosa ในวงศ์ Hiatellidae เป็นหอยที่มีลักษณะเด่นคือ มีเปลือกสีขาวยาวประมาณ 15-20 เซนติเมตร แต่มีจุดเด่นคือ มีท่อดูดซึ่งตอนปลายมีรู 2 รู แยกเป็นรูดูดอาหารและรูปล่อยของเสียรวมถึงสเปิร์มในตัวผู้ และไข่ในตัวเมีย ยื่นยาวออกมาจากเปลือกอย่างเห็นได้ชัด แลดูคล้ายงวงของช้าง ซึ่งอาจยาวได้ถึง 1 เมตร หอยกูอีดั๊กจะอาศัยในทะเล โดยการฝังตัวใต้ทรายบริเวณชายฝั่งบริติชโคลัมเบียในมหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่างประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกาหากินโดยการกินสาหร่ายทะเลเป็นอาหาร เมื่อถูกจับขึ้นมา จะพ่นน้ำคัดหลั่งออกมาจากปลายท่อดูด ขยายพันธุ์ด้วยการที่ตัวผู้จะปล่อยน้ำเชื้อออกมาปฏิสนธิพร้อมกับตัวเมียที่ปล่อยไข่ออกมาได้ราวครั้งละ 10 ล้านฟอง ลูกหอยขนาดเล็กจะขุดหลุมฝังตัวใต้ทรายในระดับที่ตื้น ๆ ก่อนที่จะขุดลึกลงไปเรื่อย ๆ ตามวัยที่โตขึ้น ซึ่งอาจลึกได้ถึง 110 เมตร นอกจากนี้แล้ว หอยชนิดนี้ยังมีอายุยืนได้ถึง 146 ปี นับเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีอายุยืนที่สุดของโลก[1] โดยมีฤดูการขยายพันธุ์อยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำมีอุณหภูมิค่อนข้างอุ่น [2] เป็นหอยที่นิยมบริโภคกันทั้งในสหรัฐอเมริกาหรือประเทศทางภูมิภาคเอเชียตะวันออก โดยนิยมทำไปเป็นซูชิในอาหารญี่ปุ่น โดยถูกเฉือนเป็นแผ่นบาง ๆ หรือปรุงเป็นอาหารจีน ซึ่งมีชื่อเรียกในภาษาจีนเรียกว่า 象拔蚌 (หอยงวงช้าง) ปัจจุบัน หอยชนิดนี้มีการเพาะเลี้ยงเป็นอุตสาหกรรม ลูกหอยที่เพาะออกมาได้ จะถูกนำไปฝังไว้ใต้ทรายบริเวณชายหาดในท่อพลาสติก ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่า 5 ปี กว่าหอยจะโตเต็มวัยถึงขนาดที่จับขายได้
  13. เขาแนะนำว่าให้ ออกกายบริหารท่า แทงปลาไหล วันละ 200 จะช่วยเรื่องกำลังขาน่ะครับ ก็พยายามอยู่ ลองดูเขาค้อมั๊ยครับ ตรงนั้นที่พักเยอะอยู่ ทับเบิกถ้าขึ้นไปแล้วไม่เจอหมอกจะรู้สึกน่าเสียดายจริงๆเพราะกว่าจะขึ้นไปได้ ขอบคุณครับ ยินดีครับ
  14. จากนั้นเดินทางไปใ้หว้พระพุทธชินราชที่วัดใหญ่ กับ วัดนางพญาก่อนกลับกทม โดยสวัสดิภาพ ขอจบทริปแต่เพียงเท่านี้ เดี๋ยวคราวหน้าจะมารีวิวใหม่ ตอนนี้แปลนไว้แล้ว คุณเนศรู้ดี 555
  15. ออกจากภูทับเบิกตอน 9 โมงขับรถกลับทางเส้นวังทอง-พิษณุโลก แวะร้านชื่อดังอีกร้าน รูท 21 บรรยากาศเยี่ยมยอด เหมาะแก่การถ่ายรูปจริง
  16. ตั้งนาฬิกาไว้ตี 5 ครึ่งแทบไม่อยากออกจากเต้นท์เลย หมอกอยู่หนายยยยยยยย ไม่เจอหมอกมาถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นดีกว่า ลวดลายแสงไฟท้องถนน ที่เขาเรียกว่า มังกรไฟแห่งภูทับเบิก นักท่องเที่ยวคนนี้ยืนเล่นกีตาร์รับลมหนาว บ๊ายบายภูทับเบิก คราวหน้าจะมาแก้มือใหม่
  17. เมื่อความมืดมาเยือน ไอความเย็นก็ตามมาด้วย มาส่ิิองวิวกลางคืนก่อนนอนดูซักหน่อย บรรยากาศดูหลอนๆดี มองไกลๆเหมือนสุสาน แต่จริงๆเป็นโบสถ์คริสต์ คว้าดาวบนฟ้าไม่ได้ ของคว้าดาวบนดินแล้วกัน
  18. โอ้โห ผมละเข็ดเลยช่วงเทศกาล วันก่อนแค่วันแม่ จะพาแม่ไปเที่ยวใกล้ๆแค้อัมพวา รถติดยาวถึงพระราม 2 เซ็งจริงๆ ปกติวันพวกนี้ผมจะไม่ไปไหนเลย โชคดีอย่างที่งานผมหยุดวันไหนก็ได้ ก็เลยสบายหน่อย
  19. สุดๆนี่อะไรครับ อร่อยหรือ ไม่ได้เรือง 555 ผมเจออย่างหลัง ไม่มีรสชาติเลย จืดนำมาเลยครับ
  20. จบรีวิวภูทับเบิกช่วงกลางวันก่อนน่ะครับ มาลุ้นกันต่อว่า จะแหวกฟ้าคว้าดาวได้ไหม แล้วพรุ่งนี้จะเจอหมอกอีกไหม
  21. ขอยืมลูกชาวบ้านมาถ่ายแบบซักหน่อย ร้านอาหารตามสั่งบนภูทับเบิกมีอยู 2 ร้าน ไม่แปลกใจเลยว่ารีวิวก่อนๆที่เคยดูคนที่ไปทับเบิกมาทำไมกินแต่มาม่าคัพ ขนาดวันธรรมดาสั่งอาหาร 2 อย่างรอคิวชั่วโมงครึ่ง !แล้วช่วงเทศกาลขนาดไหน หมวกอินเทรนด์ใส่กันเกลื่อนบนภูทับเบิกทั้งๆที่กลางวันมันก้ไม่ได้หนาว
×
×
  • Create New...