Jump to content

รถเดิมเติม E85


Recommended Posts

คือตอนนี้ผมอยากจะให้รถเดิมๆ(1.8 at ปี 10) เติม e85 ได้เหมือนกันกับคนอื่นเขาบ้าง

 

เลยอยากจะทราบว่ารถของพี่ๆเพื่อนท่านใดสามารถเติมเจ้าน้ำมัน e85 ได้บ้าง

 

มันต้องเปลี่ยนอะไรบ้างหรอครับ?? แล้วต้องมีการปรับจูนอะไรใหม่หรือเปล่า??

 

แล้ว "ปั้มติ๊ก" ควรจะใช้ของยี่ห้ออะไรดีหรอครับ (เห็นบางยี่ห้อราคาเพียง 3500 บางยี่ห้อกลับราคาแพงกว่ากันเยอะ :wacko::unsure: )

 

มี ข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไร

 

แล้วค่าใช้จ่ายในการทำทั้งหมดอยู่ที่ประมาณเท่าไรครับ และมีร้านแนะนำไหมครับ ^^

 

:D :D

 

 

Link to comment
Share on other sites

https://www.facebook.com/carupbyjoe?fref=ts

 

เข้าไปสอบถามเลยครับ แล้วจะรู้ชัดเจนครับผม

 

Car up พี่โจ้ เลยคับ

พี่ๆ ทำมาหรือยังขับ อยากทราบว่าความประหยัด ประหยัดเยอะขึ้นมากกว่าเดิมไม๊

แล้ววิ่งได้ประมานกี่ กิโลลิตร ต่างจากโซฮอล91-95 หรือ e20 มากไหมครับ

Link to comment
Share on other sites

พี่ๆ ทำมาหรือยังขับ อยากทราบว่าความประหยัด ประหยัดเยอะขึ้นมากกว่าเดิมไม๊

แล้ววิ่งได้ประมานกี่ กิโลลิตร ต่างจากโซฮอล91-95 หรือ e20 มากไหมครับ

ลองเข้าไปถามจากสมาชิกที่อยู่ในเพจก็ได้ครับ ติดมาหลายคน

 

ผมอยากติดครับแต่ปั๊มแถวจังหวัดผมมีที่เดียวเลยไม่ได้ติดครับ

Link to comment
Share on other sites

พี่ๆ ทำมาหรือยังขับ อยากทราบว่าความประหยัด ประหยัดเยอะขึ้นมากกว่าเดิมไม๊

แล้ววิ่งได้ประมานกี่ กิโลลิตร ต่างจากโซฮอล91-95 หรือ e20 มากไหมครับ

 

จากที่ผมทดลองนะครับ Civic 1.8E AT(AS) ปี 2006

 

วิ่งยาวๆแบบรวดเดียวหมดถังที่ความเร้ว 100-130 Km/H

 

- อัตราสิ้นเปลืองประมาณ 10-11 Km/ลิตร

 

- ตกกิโลมตรละ 2.15-2.30 บาท ถูกกว่า โซฮอล91,95, E20 ประมาณกิโลเมตรละ 1+- บาท

 

- น้ำมัน 1 ถัง วิ่งได้ประมาณ 420-440 Km

 

ความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่าถ้าเติมแบบวิ่งยาวๆคุ้มกว่า โซฮอล91,95, E20 ประมาณกิโลเมตรละ 1+- บาท

 

แต่ถ้าวิ่งในเมืองที่รถติดมากๆแบบไม่ค่อยขยับอัตราค่าใช้จ่ายกิโลเมตรต่อลิตรน่าจะพอๆหรือใกล้เคียงกับโซฮอล91,95, E20

 

ในเมืองแบบติดมากๆ ผมวิ่งได้น้อยที่สุดประมาณ 250 Km น้ำมันหมดแล้ว :wacko:

 

แต่รู้สึกดีเวลาเติมน้ำมัน เต็มถังจ่ายแบ๊งค์พันมีทอน  :D  :D

 

 

 

ลองพิจารณาดูนะครับ

 

:D  :D  :D  :D

Link to comment
Share on other sites

พี่ๆ ทำมาหรือยังขับ อยากทราบว่าความประหยัด ประหยัดเยอะขึ้นมากกว่าเดิมไม๊

แล้ววิ่งได้ประมานกี่ กิโลลิตร ต่างจากโซฮอล91-95 หรือ e20 มากไหมครับ

 

 

จากที่ผมทดลองนะครับ Civic 1.8E AT(AS) ปี 2006

 

วิ่งยาวๆแบบรวดเดียวหมดถังที่ความเร้ว 100-130 Km/H

 

- อัตราสิ้นเปลืองประมาณ 10-11 Km/ลิตร

 

- ตกกิโลมตรละ 2.15-2.30 บาท ถูกกว่า โซฮอล91,95, E20 ประมาณกิโลเมตรละ 1+- บาท

 

- น้ำมัน 1 ถัง วิ่งได้ประมาณ 420-440 Km

 

ความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่าถ้าเติมแบบวิ่งยาวๆคุ้มกว่า โซฮอล91,95, E20 ประมาณกิโลเมตรละ 1+- บาท

 

แต่ถ้าวิ่งในเมืองที่รถติดมากๆแบบไม่ค่อยขยับอัตราค่าใช้จ่ายกิโลเมตรต่อลิตรน่าจะพอๆหรือใกล้เคียงกับโซฮอล91,95, E20

 

ในเมืองแบบติดมากๆ ผมวิ่งได้น้อยที่สุดประมาณ 250 Km น้ำมันหมดแล้ว :wacko:

 

แต่รู้สึกดีเวลาเติมน้ำมัน เต็มถังจ่ายแบ๊งค์พันมีทอน  :D  :D

 

 

 

ลองพิจารณาดูนะครับ

 

:D  :D  :D  :D

 

ก็อย่างที่ท่าน l-Ae-l บอกอะครับ

 

- E85 เต็มถัง วิ่งทางไกลได้ประมาณ 400 กิโล ( 400 โล / เต็มถังคิด 45 ลิตร = 8.89 กิโล/ลิตร  , ราคาลิตรละ 24.58 x 45 ลิตรเต็มถัง  = 1106 บาท )

 

- โซฮอล91 เต็มถัง วิ่งทางไกลได้ประมาณ 600 กิโล ( 600 โล / เต็มถังคิด 45 ลิตร = 13.33 กิโล/ลิตร  , ราคาลิตรละ 35.98 x 45 ลิตรเต็มถัง  = 1619 บาท )

 

ตามที่เห็นครับ ราคาต่อลิตรถูกกว่า เติมเต็มถังมันถูกกว่าจริงๆ  ต่างกัน 513 บาท ครับ แต่ที่หายไปคือ "ระยะทางที่วิ่งได้" ครับ

 

คิดต่อ ว่า ระยะ 200 กิโลหายไปของการเติม E85 (1 ใน 3 ของโซฮอล91) ต้องเติม E85 เพิ่มอีก 550 บาท (ประมาณครึ่งถัง) ถึงจะวิ่งได้ 600 กิโล

 

ปล.ผมไม่ได้แย้งอะไรคุณ l-Ae-l นะครับ ผมก็เป็นคนนึงที่กำลังจะทำเป็น E85 เหมือนกัน ดูในกระทู้ผมได้ แต่พอคิดโน่น คำนวนเงินค่าน้ำมัน  ค่าเปลี่ยนโน่น เปลี่ยนนี่ เหมือนกับว่าไม่ได้ต่างกันเลย ลังเลอยู่เหมือนกันครับ

 

:(  :( 

Link to comment
Share on other sites

จากการใช้งานจริง ของผมนะครับ

-------------------

FD 1.8

ล้อแม๊กซ์ 18" 

-------------------

อุปกรณ์ที่เปลี่ยน

1) หัวฉีด R20 = เพิ่มอัตราการจ่ายน้ำมัน (ประมาณ 20-30% ไม่ชัวร์ตัวเลขนะครับ)

2) ลูกลอย for E85

 

ปล. ปั้มติ๊กไม่ได้เปลี่ยน เพราะไม่ได้ขับซิ่ง Kick Down หรือขับแบบ Open Loop บ่อยๆ ครับ 

-------------------

- เติม E85 ไปรวม 384 ลิตร

- วิ่งได้   3,126 กิโลเมตร

- อัตราการกินน้ำมันอยู่ในช่วง 8-10 กม./ลิตร

- ประมาณ 2.8 - 3.1 บาท/กม.

--------------------

ลักษณะการใช้งาน 

- *รถแต่ละคัน กินไม่เหมือนกัน อยู่ที่การใช้งานของแต่ละคน

- เส้นทางที่ผมใช้ส่วนใหญ่ = รถโคตรติด เขตเมือง ทางด่วน

- อย่างเร็วถึงจุดหมาย 30 นาที 

- และช้าที่สุด รถติดที่สุดโดนไป 3 ชม. ครับ

--------------------
ถ้าผมใช้น้ำมันไป 384 ลิตร คิดเป็นค่าน้ำมันคร่าวๆ
- E85 (24 บาท/ลิตร) = 384 x 24 = 9,216 บาท
- E20 (35 บาท/ลิตร) = 384 x 35 = 13,440 บาท
---------------------------------------------------------
- พบส่วนต่าง (A) ของค่าน้ำมัน E85 VS. E20 ประมาณ 4,200 บาท
---------------------------------------------------------
* แต่ E85 กินมากกว่า E20 ประมาณ 20-30% เพราะเปลี่ยนหัวฉีด ให้จ่ายน้ำมันเพิ่มขึ้น
ค่าส่วนต่างน้ำมันที่ผมใช้ อาจลดลงด้วย คือ  30% ของส่วนต่าง (A) = 1,200 บาท
สรุปผมใช้ E85 ประหยัดไปได้ 4,200 - 1,200 บาท = 3,000 บาท 
---------------------
สรุปส่วนตัวผม ถ้าเทียบกับ E20 แล้ว ผมเติม E85 ประหยัดกว่าครับ :)
Link to comment
Share on other sites

จากที่ผมทดลองนะครับ Civic 1.8E AT(AS) ปี 2006

 

วิ่งยาวๆแบบรวดเดียวหมดถังที่ความเร้ว 100-130 Km/H

 

- อัตราสิ้นเปลืองประมาณ 10-11 Km/ลิตร

 

- ตกกิโลมตรละ 2.15-2.30 บาท ถูกกว่า โซฮอล91,95, E20 ประมาณกิโลเมตรละ 1+- บาท

 

- น้ำมัน 1 ถัง วิ่งได้ประมาณ 420-440 Km

 

ความเห็นส่วนตัวของผมคิดว่าถ้าเติมแบบวิ่งยาวๆคุ้มกว่า โซฮอล91,95, E20 ประมาณกิโลเมตรละ 1+- บาท

 

แต่ถ้าวิ่งในเมืองที่รถติดมากๆแบบไม่ค่อยขยับอัตราค่าใช้จ่ายกิโลเมตรต่อลิตรน่าจะพอๆหรือใกล้เคียงกับโซฮอล91,95, E20

 

ในเมืองแบบติดมากๆ ผมวิ่งได้น้อยที่สุดประมาณ 250 Km น้ำมันหมดแล้ว :wacko:

 

แต่รู้สึกดีเวลาเติมน้ำมัน เต็มถังจ่ายแบ๊งค์พันมีทอน  :D  :D

 

 

 

ลองพิจารณาดูนะครับ

 

:D  :D  :D  :D

 

 

 

จากการใช้งานจริง ของผมนะครับ

-------------------

FD 1.8

ล้อแม๊กซ์ 18" 

-------------------

อุปกรณ์ที่เปลี่ยน

1) หัวฉีด R20 = เพิ่มอัตราการจ่ายน้ำมัน (ประมาณ 20-30% ไม่ชัวร์ตัวเลขนะครับ)

2) ลูกลอย for E85

 

ปล. ปั้มติ๊กไม่ได้เปลี่ยน เพราะไม่ได้ขับซิ่ง Kick Down หรือขับแบบ Open Loop บ่อยๆ ครับ 

-------------------

- เติม E85 ไปรวม 384 ลิตร

- วิ่งได้   3,126 กิโลเมตร

- อัตราการกินน้ำมันอยู่ในช่วง 8-10 กม./ลิตร

- ประมาณ 2.8 - 3.1 บาท/กม.

--------------------

ลักษณะการใช้งาน 

- *รถแต่ละคัน กินไม่เหมือนกัน อยู่ที่การใช้งานของแต่ละคน

- เส้นทางที่ผมใช้ส่วนใหญ่ = รถโคตรติด เขตเมือง ทางด่วน

- อย่างเร็วถึงจุดหมาย 30 นาที 

- และช้าที่สุด รถติดที่สุดโดนไป 3 ชม. ครับ

--------------------

ถ้าผมใช้น้ำมันไป 384 ลิตร คิดเป็นค่าน้ำมันคร่าวๆ

- E85 (24 บาท/ลิตร) = 384 x 24 = 9,216 บาท
- E20 (35 บาท/ลิตร) = 384 x 35 = 13,440 บาท
---------------------------------------------------------
- พบส่วนต่าง (A) ของค่าน้ำมัน E85 VS. E20 ประมาณ 4,200 บาท
---------------------------------------------------------

* แต่ E85 กินมากกว่า E20 ประมาณ 20-30% เพราะเปลี่ยนหัวฉีด ให้จ่ายน้ำมันเพิ่มขึ้น

ค่าส่วนต่างน้ำมันที่ผมใช้ อาจลดลงด้วย คือ  30% ของส่วนต่าง (A) = 1,200 บาท

สรุปผมใช้ E85 ประหยัดไปได้ 4,200 - 1,200 บาท = 3,000 บาท 
---------------------
สรุปส่วนตัวผม ถ้าเทียบกับ E20 แล้ว ผมเติม E85 ประหยัดกว่าครับ :)

 

 

ข้อมูลจากผู้ใช้งานจริง ชัดเจนมากเลยครับ

Edited by Dirty Bit
Link to comment
Share on other sites

 

จากการใช้งานจริง ของผมนะครับ

-------------------

FD 1.8

ล้อแม๊กซ์ 18" 

-------------------

อุปกรณ์ที่เปลี่ยน

1) หัวฉีด R20 = เพิ่มอัตราการจ่ายน้ำมัน (ประมาณ 20-30% ไม่ชัวร์ตัวเลขนะครับ)

2) ลูกลอย for E85

 

ปล. ปั้มติ๊กไม่ได้เปลี่ยน เพราะไม่ได้ขับซิ่ง Kick Down หรือขับแบบ Open Loop บ่อยๆ ครับ 

-------------------

- เติม E85 ไปรวม 384 ลิตร

- วิ่งได้   3,126 กิโลเมตร

- อัตราการกินน้ำมันอยู่ในช่วง 8-10 กม./ลิตร

- ประมาณ 2.8 - 3.1 บาท/กม.

--------------------

ลักษณะการใช้งาน 

- *รถแต่ละคัน กินไม่เหมือนกัน อยู่ที่การใช้งานของแต่ละคน

- เส้นทางที่ผมใช้ส่วนใหญ่ = รถโคตรติด เขตเมือง ทางด่วน

- อย่างเร็วถึงจุดหมาย 30 นาที 

- และช้าที่สุด รถติดที่สุดโดนไป 3 ชม. ครับ

--------------------

ถ้าผมใช้น้ำมันไป 384 ลิตร คิดเป็นค่าน้ำมันคร่าวๆ

- E85 (24 บาท/ลิตร) = 384 x 24 = 9,216 บาท
- E20 (35 บาท/ลิตร) = 384 x 35 = 13,440 บาท
---------------------------------------------------------
- พบส่วนต่าง (A) ของค่าน้ำมัน E85 VS. E20 ประมาณ 4,200 บาท
---------------------------------------------------------

* แต่ E85 กินมากกว่า E20 ประมาณ 20-30% เพราะเปลี่ยนหัวฉีด ให้จ่ายน้ำมันเพิ่มขึ้น

ค่าส่วนต่างน้ำมันที่ผมใช้ อาจลดลงด้วย คือ  30% ของส่วนต่าง (A) = 1,200 บาท

สรุปผมใช้ E85 ประหยัดไปได้ 4,200 - 1,200 บาท = 3,000 บาท 
---------------------
สรุปส่วนตัวผม ถ้าเทียบกับ E20 แล้ว ผมเติม E85 ประหยัดกว่าครับ :)

ชัดเจนกระจ่างมากครับ (พวกกรองเบนซิล นี่ไม่เกี่ยวกันใช่ไม๊ครับ)

Link to comment
Share on other sites

ก็อย่างที่ท่าน l-Ae-l บอกอะครับ

 

- E85 เต็มถัง วิ่งทางไกลได้ประมาณ 400 กิโล ( 400 โล / เต็มถังคิด 45 ลิตร = 8.89 กิโล/ลิตร , ราคาลิตรละ 24.58 x 45 ลิตรเต็มถัง = 1106 บาท )

 

- โซฮอล91 เต็มถัง วิ่งทางไกลได้ประมาณ 600 กิโล ( 600 โล / เต็มถังคิด 45 ลิตร = 13.33 กิโล/ลิตร , ราคาลิตรละ 35.98 x 45 ลิตรเต็มถัง = 1619 บาท )

 

ตามที่เห็นครับ ราคาต่อลิตรถูกกว่า เติมเต็มถังมันถูกกว่าจริงๆ ต่างกัน 513 บาท ครับ แต่ที่หายไปคือ "ระยะทางที่วิ่งได้" ครับ

 

คิดต่อ ว่า ระยะ 200 กิโลหายไปของการเติม E85 (1 ใน 3 ของโซฮอล91) ต้องเติม E85 เพิ่มอีก 550 บาท (ประมาณครึ่งถัง) ถึงจะวิ่งได้ 600 กิโล

 

ปล.ผมไม่ได้แย้งอะไรคุณ l-Ae-l นะครับ ผมก็เป็นคนนึงที่กำลังจะทำเป็น E85 เหมือนกัน ดูในกระทู้ผมได้ แต่พอคิดโน่น คำนวนเงินค่าน้ำมัน ค่าเปลี่ยนโน่น เปลี่ยนนี่ เหมือนกับว่าไม่ได้ต่างกันเลย ลังเลอยู่เหมือนกันครับ

 

:( :(

 

เห็นด้วยกับวิธีวัดครับ

 

ปกติผมจะใช้วิธีการวัดอัตราสิ้นเปลืองเป็น กม/ลิตร และ บาท/กม

เพราะว่า ECU ของ FD สามารถที่จะปรับเปลี่ยนการจ่ายน้ำมัน/อากาศ ชดเชยในสิ่งที่ขาดหายไปได้เพื่อให้ทำงานในสภาวะที่เหมาะสม ดังนั้นโดยส่วนตัวจึงวัดจากผลที่ออกมาจริงนั่นก็คือ ระยะทางจริงที่วิ่งได้ ซึ่งจากการที่เคยเก็บสถิติมาของรถผมเป็นดังนี้ครับ

 

ลักษณะการขับขี่ ขับทางไกลเป็นหลัก

ขนาดล้อ 17" ยาง 215/45R17

ความเร็ว 120-140 กม/ชม

น้ำมัน fuelsav 95

อัตราการสิ้นเปลือง

110 - 120 กม/ชม จะได้อยู่ราวๆ 13 - 14 กม/ลิตร

120 - 140 กม/ชม จะได้อยู่ราวๆ 11.5 - 12 กม/ลิตร

คำนวนค่าน้ำมันจะอยู่ราวๆ 3บาทกว่่าๆ/กม และขยับขึ้นมาเรื่อยๆตามราคาน้ำมัน T^T

 

ตอนนี้กำลังเก็บสถิติการใช้ E20 อยู่ เพราะเชลล์เริ่มเอา fuelsav95 ออกในหลายๆปั้ม

Link to comment
Share on other sites

จากการใช้งานจริง ของผมนะครับ

-------------------

FD 1.8

 

 

ล้อแม๊กซ์ 18"

-------------------

อุปกรณ์ที่เปลี่ยน

 

 

1) หัวฉีด R20 = เพิ่มอัตราการจ่ายน้ำมัน (ประมาณ 20-30% ไม่ชัวร์ตัวเลขนะครับ)

2) ลูกลอย for E85

 

 

ปล. ปั้มติ๊กไม่ได้เปลี่ยน เพราะไม่ได้ขับซิ่ง Kick Down หรือขับแบบ Open Loop บ่อยๆ ครับ

-------------------

- เติม E85 ไปรวม 384 ลิตร

- วิ่งได้ 3,126 กิโลเมตร

- อัตราการกินน้ำมันอยู่ในช่วง 8-10 กม./ลิตร

- ประมาณ 2.8 - 3.1 บาท/กม.

--------------------

ลักษณะการใช้งาน

 

 

- *รถแต่ละคัน กินไม่เหมือนกัน อยู่ที่การใช้งานของแต่ละคน

- เส้นทางที่ผมใช้ส่วนใหญ่ = รถโคตรติด เขตเมือง ทางด่วน

- อย่างเร็วถึงจุดหมาย 30 นาที

- และช้าที่สุด รถติดที่สุดโดนไป 3 ชม. ครับ

--------------------ถ้าผมใช้น้ำมันไป 384 ลิตร คิดเป็นค่าน้ำมันคร่าวๆ

 

 

- E85 (24 บาท/ลิตร) = 384 x 24 = 9,216 บาท

- E20 (35 บาท/ลิตร) = 384 x 35 = 13,440 บาท

---------------------------------------------------------

- พบส่วนต่าง (A) ของค่าน้ำมัน E85 VS. E20 ประมาณ 4,200 บาท

---------------------------------------------------------* แต่ E85 กินมากกว่า E20 ประมาณ 20-30% เพราะเปลี่ยนหัวฉีด ให้จ่ายน้ำมันเพิ่มขึ้น

ค่าส่วนต่างน้ำมันที่ผมใช้ อาจลดลงด้วย คือ 30% ของส่วนต่าง (A) = 1,200 บาท

สรุปผมใช้ E85 ประหยัดไปได้ 4,200 - 1,200 บาท = 3,000 บาท

---------------------

 

เป็นการเก็บข้อมูลจากการใช้ E85 ที่ค่อนข้างละเอียด ข้อมูลค่อนข้างน่าเชื่อถือ เป็นการเก็บข้อมูลจากการเติมน้ำมันหลายถัง เก็บข้อมูลมายาวนาน เก็บข้อมูลจากการหลากหลายการใช้งานจริง จึงได้ข้อมูลจากราคาน้ำมันที่ขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา ซึ่งไม่เจาะจงเฉพาะบางช่วงเวลา จากนั้นจึงนำมาหาค่าเฉลี่ยของการใช้งานทั้งหมด

 

การจะคิดคำนวณถึงการใช้ E85 นั้นว่าประหยัดหรือไม่ ในความคิดของผม คิดเป็นค่าน้ำมันต่อกิโลเมตร (บาท/กม.) จะเห็นภาพชัดครับ เพราะว่าน้ำมันยิ่งมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มากขึ้นเท่าใด ระยะทางที่วิ่งได้ก็จะยิ่งสั้นลงอยู่แล้วเป็นปกติ แต่ถ้าซีเรียสเรื่องระยะทางที่หายไป การเติม E85 ไม่แนะนำครับ

 

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในจะทำรถให้เติม E85 นั้น ก็มีหลากหลายราคา หลากหลายวิธี ถูก แพง แต่ละวิธีก็มีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันไป เหมือนกันการติดตั้งชุดเติมแก้สในรถยนต์ครับ แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับความพอใจขอตัวเราล้วนๆ เลยครับ

Edited by Dirty Bit
Link to comment
Share on other sites

ผมเห็นด้วยกับวิธีนี้ครับ

เป็นการเก็บข้อมูลจากการใช้ E85 ที่ค่อนข้างละเอียด ข้อมูลค่อนข้างน่าเชื่อถือ เป็นการเก็บข้อมูลจากการเติมน้ำมันหลายสิบถัง เก็บข้อมูลมายาวนาน เก็บข้อมูลจากการหลากหลายการใช้งานจริง จึงได้ข้อมูลจากราคาน้ำมันที่ขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา ซึ่งไม่เจาะจงเฉพาะบางช่วงเวลา จากนั้นจึงนำมาหาค่าเฉลี่ยของการใช้งานทั้งหมด

การจะคิดคำนวณถึงการใช้ E85 นั้นว่าประหยัดหรือไม่ ในความคิดของผม คิดเป็นค่าน้ำมันต่อกิโลเมตร (บาท/กม.) จะเห็นภาพชัดครับ เพราะว่าน้ำมันยิ่งมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มากขึ้นเท่าใด ระยะทางที่วิ่งได้ก็จะยิ่งสั้นลงอยู่แล้วเป็นปกติ แต่ถ้าซีเรียสเรื่องระยะทางที่หายไป การเติม E85 ไม่แนะนำครับ

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในจะทำรถให้เติม E85 นั้น ก็มีหลากหลายราคา หลากหลายวิธี ถูก แพง แต่ละวิธีก็มีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันไป เหมือนกันการติดตั้งชุดเติมแก้สในรถยนต์ครับ แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับความพอใจขอตัวเราล้วนๆ เลยครับ

แจ่ม
Link to comment
Share on other sites

เรื่องการคำนวน ผมเห็นด้วยกับการที่ใช้วิธีคำนวนเป็น กม/ลิตร และ บาท/กม ครับ เพราะว่า

1. ลักษณะการขับขี่ไม่เหมือนกัน ขับในเมือง/ทางไกล รถติด/รถโล่ง ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่ออัจราการใช้น้ำมันและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

2. รถติด/รถวิ่ง ไม่ได้ใช้น้ำมันเท่ากันแน่ๆ ดังนั้นการแปลผลอย่างเดียวกันในสภาวะที่ต่างกันอาจมีความคลาดเคลื่อนได้ เพราะฉะนั้นแม้ระยะทางเท่ากันแต่ไม่ได้ใช้น้ำมันเท่ากันครับ

 

จากสถิติข้างต้นที่ผมอ้างไว้ มาจากรถผมและสภาะการขับขี่ของผมคนเดียว เพื่อเอาไว้ใช้อ้างอิงเป็นค่า standard ของรถผมเท่านั้น

โดยตลอดระยะเวลา 5 ปี ใช้รถเดือนละราวๆ 4,000 - 5,000กม คิดว่าคงจะมากพอที่ผมจะนำมาคำนวนสถิติของรถผมเองได้ โดยเอาข้อมูลเฉพาะถังที่เติมเต็มใช้ไปแล้วเติมเต็มใหม่เท่านั้น(ซึ่งเติมแบบนี้มากกว่า90%) หากมีการเติมไม่เต็มผมไม่ได้เอามาคำนวนครับ โดยเก็บข้อมูล 5 อย่างครับ 1.วันที่ 2.ปั้มที่เติม 3.ราคาน้ำมันในวันที่เติม (ข้อ2-3 เก็บข้อมูลเพราะแต่ละจังหวัดราคาน้ำมันไม่เท่ากันครับ) 4.ระยะทางที่ได้ และ5.จำนวนลิตรที่เติมเต็ม

 

ผมเก็บข้อมูลและคำนวนเป็น กม/ลิตร เพื่อดูอัตราการสิ้นเปลืองของผมเองเป็นปกติอยู่แล้ว หากมีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นแล้วทำให้กินน้ำมันขึ้นในสภาพการขับขี่เดิมๆ มันก็จะฟ้องออกมาในสถิตินี้ซึ่งก็จะเป็นตัวเตือนให้เราค้นหาสิ่งผิดปกติและสามารถแก้ไขให้กลับสู่สภาวะเดิมได้เร็วขึ้น

 

ส่วนการเลือกใช้น้ำมันอะไรคงต้องมองดูหลายๆปัจจัย ว่าอะไรที่ตอบโจทย์ของเราได้ดีที่สุดเพราะแต่ละคนมีความต้องการและสภาวะที่ไม่เหมือนกัน เหรียญมี 2ด้านเสมอ อย่าลืมพิจารณาให้ครบทั้ง 2 ด้าน

 

ส่วนของผมตอนนี้ขอเก็บสถิติ E20 Vs fuelsav95 ต่อก่อนเพราะว่า shell เริ่มเอา fuelsav95 ออกไปพอสมควรแล้วและยังไม่มี E85

 

ผมใช้ fleetcard ของ shell เพราะฉะนั้นน้ำมันที่เติมและสถิติที่มีเป็นของ shell fuelsav95 เท่านั้นครับ

Link to comment
Share on other sites

 

จากการใช้งานจริง ของผมนะครับ

-------------------

FD 1.8

ล้อแม๊กซ์ 18" 

-------------------

อุปกรณ์ที่เปลี่ยน

1) หัวฉีด R20 = เพิ่มอัตราการจ่ายน้ำมัน (ประมาณ 20-30% ไม่ชัวร์ตัวเลขนะครับ)

2) ลูกลอย for E85

 

ปล. ปั้มติ๊กไม่ได้เปลี่ยน เพราะไม่ได้ขับซิ่ง Kick Down หรือขับแบบ Open Loop บ่อยๆ ครับ 

-------------------

- เติม E85 ไปรวม 384 ลิตร

- วิ่งได้   3,126 กิโลเมตร

- อัตราการกินน้ำมันอยู่ในช่วง 8-10 กม./ลิตร

- ประมาณ 2.8 - 3.1 บาท/กม.

--------------------

ลักษณะการใช้งาน 

- *รถแต่ละคัน กินไม่เหมือนกัน อยู่ที่การใช้งานของแต่ละคน

- เส้นทางที่ผมใช้ส่วนใหญ่ = รถโคตรติด เขตเมือง ทางด่วน

- อย่างเร็วถึงจุดหมาย 30 นาที 

- และช้าที่สุด รถติดที่สุดโดนไป 3 ชม. ครับ

--------------------

ถ้าผมใช้น้ำมันไป 384 ลิตร คิดเป็นค่าน้ำมันคร่าวๆ

- E85 (24 บาท/ลิตร) = 384 x 24 = 9,216 บาท
- E20 (35 บาท/ลิตร) = 384 x 35 = 13,440 บาท
---------------------------------------------------------
- พบส่วนต่าง (A) ของค่าน้ำมัน E85 VS. E20 ประมาณ 4,200 บาท
---------------------------------------------------------

* แต่ E85 กินมากกว่า E20 ประมาณ 20-30% เพราะเปลี่ยนหัวฉีด ให้จ่ายน้ำมันเพิ่มขึ้น

ค่าส่วนต่างน้ำมันที่ผมใช้ อาจลดลงด้วย คือ  30% ของส่วนต่าง (A) = 1,200 บาท

สรุปผมใช้ E85 ประหยัดไปได้ 4,200 - 1,200 บาท = 3,000 บาท 
---------------------
สรุปส่วนตัวผม ถ้าเทียบกับ E20 แล้ว ผมเติม E85 ประหยัดกว่าครับ :)

 

 

ขอถามคุณ เป็นต่อ นิดนึงนะครับ

 

ว่า ส่วนต่าง 20-30% ที่จ่ายน้ำมันมากขึ้น(กินน้ำมันมากขึ้น)

 

แสดงว่า

 

จาก 30% ต้องจ่ายมากขึ้น มันต้องคำนวณจาก น้ำมันที่เติมไป (384 ลิตร 30%=115.2 ลิตร ต้องเติมเพิ่ม) หรือ คิดจาก จำนวนเงินทั้งหมดของที่เติม โซฮอล91 (13,440 บาท 30%= 4,032 บาท ลดลง เพราะระยะวิ่งของโซฮอล91 ได้มากกว่า) ไม่ใช่เหรอครับ

 

ทำไมมาคิดจากส่วนต่าง (A) ละครับ เพราะรถมันกินน้ำมันมากกว่าเดิม มันก็ต้อง คิดจากทั้งหมดสิครับ ไม่น่าจะมาคิด 30% จากส่วนต่าง(A) จริงไหมครับ

 

เพราะถ้าความหมายตามที่เราเข้าใจตรงกันคือ  20-30% ที่จ่ายน้ำมันมากขึ้น(กินน้ำมันมากขึ้น) นั้นหมายความว่า E85 จำนวน 384 ลิตร (130% ของโซฮอล91) ที่วิ่งไปได้ นั้นหมายความว่า โซฺฮอล91 ต้องใช้น้ำมันลดลงเหลือแค่ 268.8 ลิตร(เพราะ E85 กินกว่า โซฮอล91 ต้องเติมน้อยกว่าซิ) คือคุณ เป็นต่อ ต้องเติมซิครับ

 

แล้วค่อยมาคิดเป็นเงิน คือ 268.8 x 35 = 9,408 บาท คือเงินที่ต้องเติม โซฮอล91 จริงไหมครับ

 

ถ้าผมเข้าใจผิดเอง ต้องขออภัยด้วยครับ ขอให้มองเป็นการแชร์ข้อมูลกันนะครับ 

 

ปล.ทฤษฎีทั้งหมดเราเข้าใจตรงกันว่าอัตราบริโภคประมาณนี้นะครับ ส่วนวิ่งไกล้ วิ่งไกล ทางโล่ง รถติด อันนั้นมันแปรผันได้ตลอดครับ

 

เห็นด้วยกับวิธีวัดครับ

 

ปกติผมจะใช้วิธีการวัดอัตราสิ้นเปลืองเป็น กม/ลิตร และ บาท/กม

เพราะว่า ECU ของ FD สามารถที่จะปรับเปลี่ยนการจ่ายน้ำมัน/อากาศ ชดเชยในสิ่งที่ขาดหายไปได้เพื่อให้ทำงานในสภาวะที่เหมาะสม ดังนั้นโดยส่วนตัวจึงวัดจากผลที่ออกมาจริงนั่นก็คือ ระยะทางจริงที่วิ่งได้ ซึ่งจากการที่เคยเก็บสถิติมาของรถผมเป็นดังนี้ครับ

 

ลักษณะการขับขี่ ขับทางไกลเป็นหลัก

ขนาดล้อ 17" ยาง 215/45R17

ความเร็ว 120-140 กม/ชม

น้ำมัน fuelsav 95

อัตราการสิ้นเปลือง

110 - 120 กม/ชม จะได้อยู่ราวๆ 13 - 14 กม/ลิตร

120 - 140 กม/ชม จะได้อยู่ราวๆ 11.5 - 12 กม/ลิตร

คำนวนค่าน้ำมันจะอยู่ราวๆ 3บาทกว่่าๆ/กม และขยับขึ้นมาเรื่อยๆตามราคาน้ำมัน T^T

 

ตอนนี้กำลังเก็บสถิติการใช้ E20 อยู่ เพราะเชลล์เริ่มเอา fuelsav95 ออกในหลายๆปั้ม

 

 

 

เรื่องการคำนวน ผมเห็นด้วยกับการที่ใช้วิธีคำนวนเป็น กม/ลิตร และ บาท/กม ครับ เพราะว่า

1. ลักษณะการขับขี่ไม่เหมือนกัน ขับในเมือง/ทางไกล รถติด/รถโล่ง ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่ออัจราการใช้น้ำมันและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

2. รถติด/รถวิ่ง ไม่ได้ใช้น้ำมันเท่ากันแน่ๆ ดังนั้นการแปลผลอย่างเดียวกันในสภาวะที่ต่างกันอาจมีความคลาดเคลื่อนได้ เพราะฉะนั้นแม้ระยะทางเท่ากันแต่ไม่ได้ใช้น้ำมันเท่ากันครับ

 

จากสถิติข้างต้นที่ผมอ้างไว้ มาจากรถผมและสภาะการขับขี่ของผมคนเดียว เพื่อเอาไว้ใช้อ้างอิงเป็นค่า standard ของรถผมเท่านั้น

โดยตลอดระยะเวลา 5 ปี ใช้รถเดือนละราวๆ 4,000 - 5,000กม คิดว่าคงจะมากพอที่ผมจะนำมาคำนวนสถิติของรถผมเองได้ โดยเอาข้อมูลเฉพาะถังที่เติมเต็มใช้ไปแล้วเติมเต็มใหม่เท่านั้น(ซึ่งเติมแบบนี้มากกว่า90%) หากมีการเติมไม่เต็มผมไม่ได้เอามาคำนวนครับ โดยเก็บข้อมูล 5 อย่างครับ 1.วันที่ 2.ปั้มที่เติม 3.ราคาน้ำมันในวันที่เติม (ข้อ2-3 เก็บข้อมูลเพราะแต่ละจังหวัดราคาน้ำมันไม่เท่ากันครับ) 4.ระยะทางที่ได้ และ5.จำนวนลิตรที่เติมเต็ม

 

ผมเก็บข้อมูลและคำนวนเป็น กม/ลิตร เพื่อดูอัตราการสิ้นเปลืองของผมเองเป็นปกติอยู่แล้ว หากมีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นแล้วทำให้กินน้ำมันขึ้นในสภาพการขับขี่เดิมๆ มันก็จะฟ้องออกมาในสถิตินี้ซึ่งก็จะเป็นตัวเตือนให้เราค้นหาสิ่งผิดปกติและสามารถแก้ไขให้กลับสู่สภาวะเดิมได้เร็วขึ้น

 

ส่วนการเลือกใช้น้ำมันอะไรคงต้องมองดูหลายๆปัจจัย ว่าอะไรที่ตอบโจทย์ของเราได้ดีที่สุดเพราะแต่ละคนมีความต้องการและสภาวะที่ไม่เหมือนกัน เหรียญมี 2ด้านเสมอ อย่าลืมพิจารณาให้ครบทั้ง 2 ด้าน

 

ส่วนของผมตอนนี้ขอเก็บสถิติ E20 Vs fuelsav95 ต่อก่อนเพราะว่า shell เริ่มเอา fuelsav95 ออกไปพอสมควรแล้วและยังไม่มี E85

 

ผมใช้ fleetcard ของ shell เพราะฉะนั้นน้ำมันที่เติมและสถิติที่มีเป็นของ shell fuelsav95 เท่านั้นครับ

 

ตอนนี้ผมก็เติม โซฮอล91 ฟิวเซฟ ของ shell กับ E20 ปตท./บางจาก สลับกันอยู่ครับ เก็บข้อมูลเรื่อง E85 มาตั้งแต่ก่อนปีใหม่ละ ขอดูไปเรื่อยๆ ก่อน

Link to comment
Share on other sites

ขอถามคุณ เป็นต่อ นิดนึงนะครับ

 

ว่า ส่วนต่าง 20-30% ที่จ่ายน้ำมันมากขึ้น(กินน้ำมันมากขึ้น)

 

แสดงว่า

 

จาก 30% ต้องจ่ายมากขึ้น มันต้องคำนวณจาก น้ำมันที่เติมไป (384 ลิตร 30%=115.2 ลิตร ต้องเติมเพิ่ม) หรือ คิดจาก จำนวนเงินทั้งหมดของที่เติม โซฮอล91 (13,440 บาท 30%= 4,032 บาท ลดลง เพราะระยะวิ่งของโซฮอล91 ได้มากกว่า) ไม่ใช่เหรอครับ

 

ทำไมมาคิดจากส่วนต่าง (A) ละครับ เพราะรถมันกินน้ำมันมากกว่าเดิม มันก็ต้อง คิดจากทั้งหมดสิครับ ไม่น่าจะมาคิด 30% จากส่วนต่าง(A) จริงไหมครับ

 

เพราะถ้าความหมายตามที่เราเข้าใจตรงกันคือ  20-30% ที่จ่ายน้ำมันมากขึ้น(กินน้ำมันมากขึ้น) นั้นหมายความว่า E85 จำนวน 384 ลิตร (130% ของโซฮอล91) ที่วิ่งไปได้ นั้นหมายความว่า โซฺฮอล91 ต้องใช้น้ำมันลดลงเหลือแค่ 268.8 ลิตร(เพราะ E85 กินกว่า โซฮอล91 ต้องเติมน้อยกว่าซิ) คือคุณ เป็นต่อ ต้องเติมซิครับ

 

แล้วค่อยมาคิดเป็นเงิน คือ 268.8 x 35 = 9,408 บาท คือเงินที่ต้องเติม โซฮอล91 จริงไหมครับ

 

ถ้าผมเข้าใจผิดเอง ต้องขออภัยด้วยครับ ขอให้มองเป็นการแชร์ข้อมูลกันนะครับ 

 

ปล.ทฤษฎีทั้งหมดเราเข้าใจตรงกันว่าอัตราบริโภคประมาณนี้นะครับ ส่วนวิ่งไกล้ วิ่งไกล ทางโล่ง รถติด อันนั้นมันแปรผันได้ตลอดครับ

 

 

- ด้านเชิงกล ผมก็ไม่ทราบว่า ตัวรถผมกินน้ำมันกว่าเดิมมากรึเปล่า ?

   - แต่จุดประสงค์ที่เปลี่ยนหัวฉีดใหญ่ เพื่อต้องการให้จ่ายน้ำมันเพิ่ม และลดโอกาสหัวฉีดตัน

   - ซึ่งรถกินน้ำมันมากขึ้น อาจเกิดจากการขับขี่ของของแต่ละคนก็ได้ครับ

 

- น้ำมันที่ใช้ ผมใช้ E85 100% = 384 ลิตร-->> ไม่ได้เทียบกับน้ำมันอื่นๆ เช่่น Gasohol 91 เลยครับ

 

- ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ก็คิดเป็นค่าน้ำมันคร่าวๆ จากที่ใช้ E85 อย่างเดียว  เพื่อเทียบกับโอกาสที่ต้องจ่ายค่าน้ำมันตัวอื่น (ผมยกตัวอย่าง E20)

 

- โดยรวม ผม Saved เงินค่าน้ำมันให้ลดลงได้ ก็ตอบโจทย์ผมแล้วครับ

Link to comment
Share on other sites

ขอแชร์ด้วยคนครับ

 

แต่ผมไม่ได้เปรียบเทียบอะไรมากมายนะครับง่ายๆคือรถผมก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ E85 ส่วนมากจะเติมโซฮอล 91-95 น้อยครั้งมากที่จะเติม E20

ช่วงนั้นเติมน้ำมัน 1,000 บาท  ขับรถจากบ้านไปที่ทำงานไปกลับได้ประมาณ 4-5 วัน

 

แต่พอเปลี่ยนหัวฉีด + ปั๊มติ๊ก + ลูกลอย เพื่อเติม E85 เติม 950-1,000 บาท ขับรถจากบ้านไปกลับที่ทำงานได้ประมาณ 6-7 วัน

ผมอยู่ จ.เพชรบุรี ราคาน้ำมันน่าจะแพงกว่าใน กทม. อยู่นิดหน่อย  ตอนหมดสุดๆเคยเติม E85 กลับเข้าไป 1,100 บาท

 

เป็นการสังเกตุจากการใช้งานจริง ระยะทางพอๆกันจากบ้านไปกลับที่ทำงาน  บางวันเลิกงานก็มีไปหาอะไรกินบ้างตามปกติครับ

 

ปล.แต่ E85 ถ้าขับเร็วๆ 160-180 ยาวๆ จากเพชรบุรีไปถึงหัวหินตกใจมากครับ นึกว่าถังน้ำมันรั่ว ลดแบบฮวบๆเลย  :0121:   แต่วิ่งดีกว่าเดิมๆเยอะครับ  ;) 

อีกอย่างสะสมแต้มที่ปั๊มบางจากครบ 500 แต้มเติมได้ฟรี 100 บาท.....E85 เติมแล้วครบ 500 แต้มเร็วมากเพราะได้จำนวนลิตรเยอะ แป๊บๆก็แลกได้น้ำมันฟรี 100 บาทแล้วครับ

Link to comment
Share on other sites

 

- ด้านเชิงกล ผมก็ไม่ทราบว่า ตัวรถผมกินน้ำมันกว่าเดิมมากรึเปล่า ?

   - แต่จุดประสงค์ที่เปลี่ยนหัวฉีดใหญ่ เพื่อต้องการให้จ่ายน้ำมันเพิ่ม และลดโอกาสหัวฉีดตัน

   - ซึ่งรถกินน้ำมันมากขึ้น อาจเกิดจากการขับขี่ของของแต่ละคนก็ได้ครับ

 

- น้ำมันที่ใช้ ผมใช้ E85 100% = 384 ลิตร-->> ไม่ได้เทียบกับน้ำมันอื่นๆ เช่่น Gasohol 91 เลยครับ

 

- ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ก็คิดเป็นค่าน้ำมันคร่าวๆ จากที่ใช้ E85 อย่างเดียว  เพื่อเทียบกับโอกาสที่ต้องจ่ายค่าน้ำมันตัวอื่น (ผมยกตัวอย่าง E20)

 

- โดยรวม ผม Saved เงินค่าน้ำมันให้ลดลงได้ ก็ตอบโจทย์ผมแล้วครับ

 

 

:D

 

ขอแชร์ด้วยคนครับ

 

แต่ผมไม่ได้เปรียบเทียบอะไรมากมายนะครับง่ายๆคือรถผมก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ E85 ส่วนมากจะเติมโซฮอล 91-95 น้อยครั้งมากที่จะเติม E20

ช่วงนั้นเติมน้ำมัน 1,000 บาท  ขับรถจากบ้านไปที่ทำงานไปกลับได้ประมาณ 4-5 วัน

 

แต่พอเปลี่ยนหัวฉีด + ปั๊มติ๊ก + ลูกลอย เพื่อเติม E85 เติม 950-1,000 บาท ขับรถจากบ้านไปกลับที่ทำงานได้ประมาณ 6-7 วัน

ผมอยู่ จ.เพชรบุรี ราคาน้ำมันน่าจะแพงกว่าใน กทม. อยู่นิดหน่อย  ตอนหมดสุดๆเคยเติม E85 กลับเข้าไป 1,100 บาท

 

เป็นการสังเกตุจากการใช้งานจริง ระยะทางพอๆกันจากบ้านไปกลับที่ทำงาน  บางวันเลิกงานก็มีไปหาอะไรกินบ้างตามปกติครับ

 

ปล.แต่ E85 ถ้าขับเร็วๆ 160-180 ยาวๆ จากเพชรบุรีไปถึงหัวหินตกใจมากครับ นึกว่าถังน้ำมันรั่ว ลดแบบฮวบๆเลย  :0121:   แต่วิ่งดีกว่าเดิมๆเยอะครับ  ;) 

อีกอย่างสะสมแต้มที่ปั๊มบางจากครบ 500 แต้มเติมได้ฟรี 100 บาท.....E85 เติมแล้วครบ 500 แต้มเร็วมากเพราะได้จำนวนลิตรเยอะ แป๊บๆก็แลกได้น้ำมันฟรี 100 บาทแล้วครับ

 

ฮ่าๆ เปลี่ยนยกชุดเลยเหรอครับ ใช้คำว่าน้ำมันรั่วเลยเหรอครับ แชร์ๆ ข้อมูลเยอะดีครับ

 

ผมก็วัดในระยะวิ่งยาวๆ อะครับ เพราะวิ่งในกรุงเทพฯ จริงๆ ผมว่ามันก็วัดระยะทางยากอยู่ละ และที่ต่างจริงๆ ฟังมาจากหลายๆ คนบอกมันจะกินน้ำมันกว่าปกติ(E85) ก็ช่วงรอบสูง(openloop) ผมขับต่างจังหวัดก็ประมาณ 120-140 ครับ ออกต่างจังหวัดประมาณเดือนละครั้ง 500 กว่ากิโลเมตร ถึงอยากเติม E85 เลยหาข้อมูลว่าวิ่งไกลๆ ยาวๆ มันจะคุ้มหรือป่าว

Link to comment
Share on other sites

ก็อย่างที่ท่าน l-Ae-l บอกอะครับ

 

- E85 เต็มถัง วิ่งทางไกลได้ประมาณ 400 กิโล ( 400 โล / เต็มถังคิด 45 ลิตร = 8.89 กิโล/ลิตร  , ราคาลิตรละ 24.58 x 45 ลิตรเต็มถัง  = 1106 บาท )

 

- โซฮอล91 เต็มถัง วิ่งทางไกลได้ประมาณ 600 กิโล ( 600 โล / เต็มถังคิด 45 ลิตร = 13.33 กิโล/ลิตร  , ราคาลิตรละ 35.98 x 45 ลิตรเต็มถัง  = 1619 บาท )

 

ตามที่เห็นครับ ราคาต่อลิตรถูกกว่า เติมเต็มถังมันถูกกว่าจริงๆ  ต่างกัน 513 บาท ครับ แต่ที่หายไปคือ "ระยะทางที่วิ่งได้" ครับ

 

คิดต่อ ว่า ระยะ 200 กิโลหายไปของการเติม E85 (1 ใน 3 ของโซฮอล91) ต้องเติม E85 เพิ่มอีก 550 บาท (ประมาณครึ่งถัง) ถึงจะวิ่งได้ 600 กิโล

 

ปล.ผมไม่ได้แย้งอะไรคุณ l-Ae-l นะครับ ผมก็เป็นคนนึงที่กำลังจะทำเป็น E85 เหมือนกัน ดูในกระทู้ผมได้ แต่พอคิดโน่น คำนวนเงินค่าน้ำมัน  ค่าเปลี่ยนโน่น เปลี่ยนนี่ เหมือนกับว่าไม่ได้ต่างกันเลย ลังเลอยู่เหมือนกันครับ

 

:(  :( 

 

555 ไม่ต้องซีเรียสครับ  ความรู้ทั้งนั้นแชร์กันได้ครับ

 

:D  :D  :D  :D

Link to comment
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

Loading...
×
×
  • Create New...