mafia Posted November 22, 2012 Report Share Posted November 22, 2012 พอดีรถที่บ้านพึ่งวิ่งครบพันกิโลครับ เลยอยากจะถามพี่ๆว่า จำเป็นต้องถ่ายน้ำมันเครื่องไหมครับ หรือใช้ยาวไปหมื่นโลเลยดีครับ ขอบคุณครับ Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
suracsin-a Posted November 22, 2012 Report Share Posted November 22, 2012 ของผมตอนออกก็ใช้หมื่นโลเลยครับค่อยเปลี่ยน mafia 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
kriang83 Posted November 22, 2012 Report Share Posted November 22, 2012 หมื่นโลเลยครับผม mafia 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
jeedjardclub Posted November 22, 2012 Report Share Posted November 22, 2012 หมื่นโลเหมือนกันครับ mafia 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
tont Posted November 22, 2012 Report Share Posted November 22, 2012 หมื่นโลครับผม mafia 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
devil_102 Posted November 22, 2012 Report Share Posted November 22, 2012 เคยสงสัยเหมือนกันครับ เปลี่ยนตอน 1,000 โลแรก VS เปลี่ยน 10,000 โล เท่าที่ลองมากับตัวเองนะครับ คันแรกเปลี่ยนตอน 9,xxx โล(ครบ 6 เดือนพอดี) ซะประมาณ 2-30,000 โล เครื่องเริ่มมีเสียงดัง คันที่สองเปลี่ยนตอน 1,xxx โล ตอนนี้วิ่งไป 23,xxx โล เครื่องยังเงียบปกติครับ ความเห็นส่วนตัว : ผมว่าถึงแม้เทคโนโลยีจะไปไกลแค่ไหน แต่การประกอบย่อมยังพอมีเศษผงเหล็กที่เกิดจากการเสียงสีช่วงแรกอยู่ครับ ถ้าไม่ติดขัดอะไร เปลี่ยนก็ได้ครับ ไม่เสียหายอะไรนอกจากเงิน() Surat. Sp and mafia 2 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
Lhorn Posted November 22, 2012 Report Share Posted November 22, 2012 จะเปลี่ยน 10,000 km. ก็ได้ หรือ 5,000 km. ก็ได้ สังเกตุ สี และกลิ่น ของน้ำมันเครื่องดูครับ ถ้าเริ่มคล้ำ กลิ่นเริ่มฉุน เปลี่ยนก็ดีเพื่อความสบายใจ mafia 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
superpiak Posted November 23, 2012 Report Share Posted November 23, 2012 หมื่นโลครับ mafia 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
sorachais Posted November 23, 2012 Report Share Posted November 23, 2012 ตามคู่มือและัหลักการ เปลี่ยนที่ หมื่นโลได้เลย แต่ถ้าอยากสบายใจเปลี่ยนที่พันโลครับ mafia 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
next9422 Posted November 23, 2012 Report Share Posted November 23, 2012 ของผมก็หมื่นโลเหมือนกัน mafia 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
Natthachai Posted November 23, 2012 Report Share Posted November 23, 2012 เพิ่งครบพันกิโลแรก เปลี่ยนถ่ายไปเถอะครับ เหมือนการรันอินนั่นแหละ mafia 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
gryffindor Posted November 23, 2012 Report Share Posted November 23, 2012 ผมก็หมื่่นค๊าฟ mafia 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
Lhorn Posted November 23, 2012 Report Share Posted November 23, 2012 พอดีมีคนถามในอีกเวป เลย ขอcopy มาก่อนแล้วกันนะครับ ขี้เกียจพิมพ์ใหม่ ตามหลักวิศวกรรมการบำรุงรักษา แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้เเก่ burn in, ช่วงปกติ, ช่วงที่เครื่องจักรหมดอายุ Run in หรือ burn in เป็นช่วงระยะเวลาที่มีโอกาสที่เครื่องจักรจะเกิดเสียหายมากกว่าปกติ เนื่องจากชิ้นส่วนของเครื่องจักรชิ้นต่างๆอาจจะยังไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม หรืออาจเกิดการตี กระเเทรก ขบ ของชิ้นส่วนต่างๆจนเเตกหักได้ ดังนั้นจึงเเนะนำให้เมื่อผ่านช่วง run in ควรถ่ายน้ำมันเครื่องออกมาเพื่อนำเศษโลหะที่เเตกออกจากเครื่องจักรครับ เศษโลหะเป็นจุดเริ่มของความเสียหายของเครื่องจักรครับ อ้างอิงตามนี้ได้ครับ มันเป็นช่วงการทำงานของเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ทางกล ( ไม่อ้างอิงรวมอุปกรณ์ electronic นะครับ ใช้กันไม่ได้ ) ถ้าอุปกรณ์ Electronic นี่ ถ้าเสียแล้วเสียเลยครับ ในช่วงแรกจะเป็น early failure rate. ครับ เป็นช่วงที่มีการตัวของเครื่องจักร หรือเครื่องกล อัตราการสึกหรอ จะค่อนข้างสูง และเป็นช่วง ที่มีการเสียหาย พอๆกันกับช่วง Ware out failure rate ครับ แต่.. อัตรา Failure มันจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ จนเข้าสู่ช่วง Constant Failure ครับ ทั้งนี้วิธีการดูง่ายๆว่า รถเราอยุ่ในช่วงใด ก็อ้างอิงตาม ระยะประกันของตัวรถ หรือระยะทางครับ ยกตัวอย่างเช่น ประกัน3 ปี หรือ 100,000 Km. ในระยะประกันนี้จะครอบครุมไป ระหว่าง Early Failure --->> Constant Failure โดยที่วิศวกรต้องทำการคำนวณอายุการใช้งานของตัวผลิตภัณฑ์ให้มีความเสถียร ( Reliability ) เพื่อที่จะให้ผลิตภัณฑ์หรือสินค้า มีอัตราการเสียหายน้อยที่สุด ( ถ้าเสียหายมาก ต้นทุนก็จะสูงมากเช่นกัน ) แต่ในช่วงท้ายของอายุผลิตภัณฑ์ จะเรียกว่า Ware-Out failure rate. ครับ ในช่วงนี้ ระยะจะมากหรือจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษารถยนต์ของแต่ละคน ถ้าหากใครมีการ PM ที่ดี ช่วงระยะเวลา Constant Failure ก็จะยาวนานมากกว่าเดิม และ Slope ของ Ware-out Failure มันก็จะไม่ชัน มันก็จะค่อยๆ Ware-out นั่นเอง เราจึงเห็นว่า รถบางคันอายุการใช้งานเป็น 10 ปี นั่นเอง สำหรับในเรื่องของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ในช่วง Run-in นั้น จริงๆแล้ว รถแต่ละคันอัตราการสึกหรอจะไม่เท่ากัน Factor มันไม่สามารถจะบอกได้ว่า เราควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ที่ระยะทางกี่ Km. บางคน 1,000 Km. บางคน 3,000 Km. บางคน 5,000 Km. ทั้งนี้ในเรื่องของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนั้น อาจจะดูจากระยะทางโดยตรงไม่ได้ ( ถ้าดูเป็น ) ต้องดูจากค่าของน้ำมันต่างๆ เช่น สี , กลิ่น , สภาพความหนืด ( ทดสอบจาก Paper test โดยการหยดน้ำมันเครื่อง และ ดูจากกระดาษว่า มันหนืดไปหรือไม่) แต่สำหรับประชาชนทั่วไป ที่สามารถดูแลรถคุณเองได้นั้น ผมอยากจะให้ลองสังเกตุจากสีของน้ำมันเครื่องเป็นหลัก ถ้าหากว่าสีน้ำมันเครื่องเปลี่ยนไป หรือ ในช่วง run-in ครั้งแรก อาจจะต้องเปลี่ยนกรอกน้ำมันเครื่องไปด้วย เพราะว่าโลหะหนัก ต่างๆจะอยู่ที่ตัวกรอกน้ำมันเครื่อง ถ้าแค่ตัวเหล็กทดสอบปริมาณน้ำมัน มันไม่สามารถบอกได้ว่า มันสกปรกขนาดไหนครับ ด้านล่างเป็นภาพน้ำมันเครื่อง ใหม่ และ เก่า ลองสังเกตุกันดูก็ได้ครับ Natthachai 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
RTNET Posted November 24, 2012 Report Share Posted November 24, 2012 ผมยังคิดแบบคนรุ่นเก่าน่ะครับ เปลี่ยนดีกว่า การสึกหรอในช่วงแรกจะสูง มีเศษโลหะตกอนุภาคเล็กๆ ลอยอยู่ในระบบ อยากเอาส่วนนี้ออกไป และยังไม่เชื่อมั่น 100 % กับการ run-in ของโรงงานน่ะครับ ยกเว้นจะมีการทดสอบให้ดูก่อนว่า อนุภาคโลหะ มันน้อยมากเหมือนกับการ ใช้งานในระยะปกติ Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
Surat. Sp Posted November 24, 2012 Report Share Posted November 24, 2012 เคยสงสัยเหมือนกันครับ เปลี่ยนตอน 1,000 โลแรก VS เปลี่ยน 10,000 โล เท่าที่ลองมากับตัวเองนะครับ คันแรกเปลี่ยนตอน 9,xxx โล(ครบ 6 เดือนพอดี) ซะประมาณ 2-30,000 โล เครื่องเริ่มมีเสียงดัง คันที่สองเปลี่ยนตอน 1,xxx โล ตอนนี้วิ่งไป 23,xxx โล เครื่องยังเงียบปกติครับ ความเห็นส่วนตัว : ผมว่าถึงแม้เทคโนโลยีจะไปไกลแค่ไหน แต่การประกอบย่อมยังพอมีเศษผงเหล็กที่เกิดจากการเสียงสีช่วงแรกอยู่ครับ ถ้าไม่ติดขัดอะไร เปลี่ยนก็ได้ครับ ไม่เสียหายอะไรนอกจากเงิน() อันนี้ผมเห็นดัวยคับ เปลี่ยนดีกว่าสบายใจ. Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
1100pm Posted November 24, 2012 Report Share Posted November 24, 2012 สำหรับ fd 1000 โลแรกไม่มีความจำเป็นครับ Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
mafia Posted November 25, 2012 Author Report Share Posted November 25, 2012 ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
Recommended Posts
Join the conversation
You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.