Jump to content

รถใหม่จำเป็นต้องถ่ายน้ำมันเครื่องหนึ่งพันกิโลแรกไหมครับ


Recommended Posts

พอดีรถที่บ้านพึ่งวิ่งครบพันกิโลครับ เลยอยากจะถามพี่ๆว่า จำเป็นต้องถ่ายน้ำมันเครื่องไหมครับ หรือใช้ยาวไปหมื่นโลเลยดีครับ ขอบคุณครับ

Link to comment
Share on other sites

เคยสงสัยเหมือนกันครับ เปลี่ยนตอน 1,000 โลแรก VS เปลี่ยน 10,000 โล

เท่าที่ลองมากับตัวเองนะครับ

คันแรกเปลี่ยนตอน 9,xxx โล(ครบ 6 เดือนพอดี) ซะประมาณ 2-30,000 โล เครื่องเริ่มมีเสียงดัง

คันที่สองเปลี่ยนตอน 1,xxx โล ตอนนี้วิ่งไป 23,xxx โล เครื่องยังเงียบปกติครับ

 

ความเห็นส่วนตัว : ผมว่าถึงแม้เทคโนโลยีจะไปไกลแค่ไหน แต่การประกอบย่อมยังพอมีเศษผงเหล็กที่เกิดจากการเสียงสีช่วงแรกอยู่ครับ

ถ้าไม่ติดขัดอะไร เปลี่ยนก็ได้ครับ ไม่เสียหายอะไรนอกจากเงิน()

Link to comment
Share on other sites

จะเปลี่ยน 10,000 km. ก็ได้ หรือ 5,000 km. ก็ได้ สังเกตุ สี และกลิ่น ของน้ำมันเครื่องดูครับ ถ้าเริ่มคล้ำ กลิ่นเริ่มฉุน เปลี่ยนก็ดีเพื่อความสบายใจ

Link to comment
Share on other sites

พอดีมีคนถามในอีกเวป

เลย ขอcopy มาก่อนแล้วกันนะครับ ขี้เกียจพิมพ์ใหม่

 

 

 

ตามหลักวิศวกรรมการบำรุงรักษา แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้เเก่ burn in, ช่วงปกติ, ช่วงที่เครื่องจักรหมดอายุ

 

Run in หรือ burn in เป็นช่วงระยะเวลาที่มีโอกาสที่เครื่องจักรจะเกิดเสียหายมากกว่าปกติ เนื่องจากชิ้นส่วนของเครื่องจักรชิ้นต่างๆอาจจะยังไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม หรืออาจเกิดการตี กระเเทรก ขบ ของชิ้นส่วนต่างๆจนเเตกหักได้ ดังนั้นจึงเเนะนำให้เมื่อผ่านช่วง run in ควรถ่ายน้ำมันเครื่องออกมาเพื่อนำเศษโลหะที่เเตกออกจากเครื่องจักรครับ เศษโลหะเป็นจุดเริ่มของความเสียหายของเครื่องจักรครับ

 

 

อ้างอิงตามนี้ได้ครับ มันเป็นช่วงการทำงานของเครื่องจักร หรืออุปกรณ์ทางกล ( ไม่อ้างอิงรวมอุปกรณ์ electronic นะครับ ใช้กันไม่ได้ )

ถ้าอุปกรณ์ Electronic นี่ ถ้าเสียแล้วเสียเลยครับ

 

reliability_fig1.gif

 

 

ในช่วงแรกจะเป็น early failure rate. ครับ เป็นช่วงที่มีการตัวของเครื่องจักร หรือเครื่องกล อัตราการสึกหรอ จะค่อนข้างสูง และเป็นช่วง ที่มีการเสียหาย พอๆกันกับช่วง Ware out failure rate ครับ แต่.. อัตรา Failure มันจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ จนเข้าสู่ช่วง Constant Failure ครับ

 

 

ทั้งนี้วิธีการดูง่ายๆว่า รถเราอยุ่ในช่วงใด ก็อ้างอิงตาม ระยะประกันของตัวรถ หรือระยะทางครับ

ยกตัวอย่างเช่น ประกัน3 ปี หรือ 100,000 Km.

 

ในระยะประกันนี้จะครอบครุมไป ระหว่าง Early Failure --->> Constant Failure โดยที่วิศวกรต้องทำการคำนวณอายุการใช้งานของตัวผลิตภัณฑ์ให้มีความเสถียร ( Reliability ) เพื่อที่จะให้ผลิตภัณฑ์หรือสินค้า มีอัตราการเสียหายน้อยที่สุด ( ถ้าเสียหายมาก ต้นทุนก็จะสูงมากเช่นกัน )

 

 

แต่ในช่วงท้ายของอายุผลิตภัณฑ์ จะเรียกว่า Ware-Out failure rate. ครับ ในช่วงนี้ ระยะจะมากหรือจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับการบำรุงรักษารถยนต์ของแต่ละคน

ถ้าหากใครมีการ PM ที่ดี ช่วงระยะเวลา Constant Failure ก็จะยาวนานมากกว่าเดิม และ Slope ของ Ware-out Failure มันก็จะไม่ชัน มันก็จะค่อยๆ Ware-out นั่นเอง เราจึงเห็นว่า รถบางคันอายุการใช้งานเป็น 10 ปี นั่นเอง

 

 

 

สำหรับในเรื่องของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ในช่วง Run-in นั้น จริงๆแล้ว รถแต่ละคันอัตราการสึกหรอจะไม่เท่ากัน

Factor มันไม่สามารถจะบอกได้ว่า เราควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ที่ระยะทางกี่ Km.

บางคน 1,000 Km.

บางคน 3,000 Km.

บางคน 5,000 Km.

 

 

ทั้งนี้ในเรื่องของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนั้น อาจจะดูจากระยะทางโดยตรงไม่ได้ ( ถ้าดูเป็น )

ต้องดูจากค่าของน้ำมันต่างๆ เช่น สี , กลิ่น , สภาพความหนืด ( ทดสอบจาก Paper test โดยการหยดน้ำมันเครื่อง และ ดูจากกระดาษว่า มันหนืดไปหรือไม่)

 

 

แต่สำหรับประชาชนทั่วไป ที่สามารถดูแลรถคุณเองได้นั้น ผมอยากจะให้ลองสังเกตุจากสีของน้ำมันเครื่องเป็นหลัก

ถ้าหากว่าสีน้ำมันเครื่องเปลี่ยนไป หรือ ในช่วง run-in ครั้งแรก อาจจะต้องเปลี่ยนกรอกน้ำมันเครื่องไปด้วย เพราะว่าโลหะหนัก ต่างๆจะอยู่ที่ตัวกรอกน้ำมันเครื่อง

ถ้าแค่ตัวเหล็กทดสอบปริมาณน้ำมัน มันไม่สามารถบอกได้ว่า มันสกปรกขนาดไหนครับ

 

ด้านล่างเป็นภาพน้ำมันเครื่อง ใหม่ และ เก่า ลองสังเกตุกันดูก็ได้ครับ

 

Dirty%20oil1.jpg

Link to comment
Share on other sites

ผมยังคิดแบบคนรุ่นเก่าน่ะครับ

เปลี่ยนดีกว่า การสึกหรอในช่วงแรกจะสูง มีเศษโลหะตกอนุภาคเล็กๆ ลอยอยู่ในระบบ อยากเอาส่วนนี้ออกไป

และยังไม่เชื่อมั่น 100 % กับการ run-in ของโรงงานน่ะครับ ยกเว้นจะมีการทดสอบให้ดูก่อนว่า อนุภาคโลหะ มันน้อยมากเหมือนกับการ

ใช้งานในระยะปกติ

Link to comment
Share on other sites

เคยสงสัยเหมือนกันครับ เปลี่ยนตอน 1,000 โลแรก VS เปลี่ยน 10,000 โล

เท่าที่ลองมากับตัวเองนะครับ

คันแรกเปลี่ยนตอน 9,xxx โล(ครบ 6 เดือนพอดี) ซะประมาณ 2-30,000 โล เครื่องเริ่มมีเสียงดัง

คันที่สองเปลี่ยนตอน 1,xxx โล ตอนนี้วิ่งไป 23,xxx โล เครื่องยังเงียบปกติครับ

 

ความเห็นส่วนตัว : ผมว่าถึงแม้เทคโนโลยีจะไปไกลแค่ไหน แต่การประกอบย่อมยังพอมีเศษผงเหล็กที่เกิดจากการเสียงสีช่วงแรกอยู่ครับ

ถ้าไม่ติดขัดอะไร เปลี่ยนก็ได้ครับ ไม่เสียหายอะไรนอกจากเงิน()

อันนี้ผมเห็นดัวยคับ เปลี่ยนดีกว่าสบายใจ.
Link to comment
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

Loading...
×
×
  • Create New...