Jump to content

gryffindor

CCTH Member
  • Posts

    1,235
  • Joined

  • Last visited

Everything posted by gryffindor

  1. ตามมาจากพันทิพย์ วัดนี้เค้ามียานจริงด้วยแหะ 5555
  2. มาเต็ม!ผีปะทะราชัน,ปืนชนเสือใต้,มิลานฟัดบาร์ซ่าจับติ้ว UCL บิ๊กแมตซ์มากันให้ควักสำหรับผลจับสลากยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ออกมาแล้วโดยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะพบกับเรอัลมาดริด, อาร์เซน่อลชนบาเยิร์น มิวนิคและเอซี มิลานจะต้องปะทะกับบาร์เซโลน่า "ปิศาจแดง"ที่ผ่านเข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มจะได้พบกับคริสติอาโน่ โรนัลโด้อดีตนักเตะของพวกเขาที่จะนำทัพ"ราชันชุดขาว"มาวัดหาทีมที่จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ด้าน"ปืนใหญ่"เองก็ไม่น้อยหน้างานนี้ได้พบกับ"เสือใต้"ที่ฤดูกาลนี้ฟอร์มมาแรง โดยพวกเขาเจอกันหนล่าสุดย้อนไปในฤดูกาล 2004/05 ส่วน"ต่างดาว"จะต้องพบกับ"รอสโซเนรี่"ที่พวกเขาเคยเจอกันมาแล้วในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศเมื่อฤดูกาลก่อน ด้านยูเวนตุสทีมแชมป์เซเรีย อาจะงานเบาหน่อยไปเจอกับเซลติคแต่ก็ประมาทไม่ได้เพราะในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาเคยปราบบาร์เซโลน่ามาแล้ว ส่วนโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ทีมแชมป์บุนเดสนั้นจะต้องไปพบกับซัคเตอร์ โดเน็ทส์กทีมแชมป์ยูเครน ปารีส แซงต์ แชร์กแมงทีมเศรษฐีเมืองน้ำหอมจะต้องพบกับบาเลนเซียจากสเปนซึ่งไม่เคยพบกันมาก่อน ส่วนชาลเก้จะได้ออกไปชืมไก่งวงกันถึงกาลาตาซาราย ปิดท้ายด้วยคู่สุดท้ายที่มาลาก้าน้องใหม่ประจำซีซั่นนี้จะต้องพบกับปอร์โต้แชมป์ลีกโปรตุเกส เกมในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนี้จะมีขึ้นในวันที่ 12/13 และ 19/20 กุมภาพันธ์ ก่อนจะได้กลับไปเป็นเจ้าบ้านกันในวันที่ 5/6 และ 12/13 มีนาคม แล้วหลังจากนั้นจะมีการจับสลากรอบต่อไปในวันที่ 15 มีนาคม ผลการประกบคู่แชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 16 ทีมสุดท้าย กาลาตาซาราย พบ ชาลเก้ 04 เซลติค พบ ยูเวนตุส อาร์เซน่อล พบ บาเยิร์น มิวนิค ซัตเตอร์ โดเน็ทส์ก พบ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เอซี มิลาน พบ บาร์เซโลน่า เรอัล มาดริด พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บาเลนเซีย พบ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ปอร์โต้ พบ มาลาก้า
  3. ขอบคุณครับ มติครม.ปรับภาษีสรรพสามิตรถยนต์เริ่มปี 2559ครม.มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ เพื่อแก้ไขการบิดเบือน-สร้างความเป็นธรรม โดยจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ปรับภาษีสรรพสามิตรถยนต์ 18 ธ.ค. 55 ครม.มีมติเห็นชอบปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาการบิดเบือนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และสร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ของโลก ซึ่งจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ โดยจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ โดยคิดตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะเป็นการคิดภาษีจะแบ่งตามประเภทรถยนต์ 7 ประเภท ประกอบด้วย 1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30% ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 35% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 40% 2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซีปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 25% ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30% และปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 35% 3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซีปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 10% กรณีปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 20% และปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30% 4. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซีปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 3% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 5% 5. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 5% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 7% 6. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 12% และปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 15% 7. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ปล่อยก๊าซฯไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 25% และปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30% สรุปเป็นภาพง่ายๆ ดังนี้ ปรับภาษีสรรพสามิตรถยนต์ นี่คือตารางปรับสรรพสามิตใหม่ เริ่มใช้วันที่ 1 มกราคม 2559 ขอบคุณภาพจาก โพสต์ทูเดย์ โดยที่ ครม.มีความเห็นชอบในการประชุมฯครั้งนี้ เห็นควรว่าให้มีช่วงระยะเวลาในการปรับตัวของผู้ประกอบการรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2559 เนื่องจากกระทรวงการคลังวิเคราะห์ผลกระทบว่าการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ในครั้งนี้อาจส่งผลกระทบให้ผู้ประกอบการบางราย ทั้งนี้มีการคำนวณรายได้ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ในปีดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2554 เป็นเงิน 25,693 ล้านบาท แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.เปิดเผยว่า นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังเสนอให้มีการเก็บอัตราภาษีสรรพสามิตนำเข้ารถจักรยายนต์ขนาดกระบอกสูบ 800-1,000 ซีซี ที่ปัจจุบันมีการจัดเก็บอยู่ที่ 103% โดยจะมีการเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 20% เป็น 123% โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.เป็นต้นไป คาดว่าจะช่วยให้มีรายได้จากการเก็บภาษีส่วนนี้เพิ่มขึ้นเป็นวงเงินประมาณ 150 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังให้เหตุผลว่า ผู้ที่สามารถซื้อรถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดดังกล่าวได้เป็นผู้มีฐานะเพียงพอที่จะชำระภาษีเพิ่มเติม ขอบคุณข่าวจาก นสพ.คมชัดลึก และโพสต์ทูเดย์
  4. เสียงนี่ ยังกะมันอยากจะกระเด็นออกมากเลย ได้ใช้ H ของแท้ ต้องแบบนี้
  5. ลืออีกนาน!เผยป๋า-เป๊บนัดถกอนาคตผีถึงนิวยอร์ค มีการเปิดเผยข่าวว่าเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้นัดคุยกับเป๊บ กวาดิโอล่าอดีตนายใหญ่บาร์เซโลน่า ถึงเมืองนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อพูดคุยเรื่องอนาคตของสโมสร ที่กุนซือชาวสเปนให้ความสนใจอยากสืบทอดตำแหน่งของป๋า รายงานเผยว่าเซอร์อเล็กซ์ได้บินดิ่งจากอังกฤษถึงอเมริการ่วมกับเลดี้แคเธอรีน ภรรยาของเขาสำหรับการเฉลิมฉลองถึงช่วงก่อนวันคริสมาสต์ อย่างไรก็ตามนอกจากจะเดินทางไปพักผ่อนแล้ว เขาได้นัดพูดคุยกับเป๊บ กวาดิโอล่า ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวลือถึง 2 ครั้งว่าพวกเขาทั้งคู่ได้เข้าพูดคุยกัน โดยสองคนนั้นต่างมีอพาร์ทเมนต์อยู่ในมหานครใหญ่ดังกล่าว ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่จะมีอายุครบ 71 ปีในวันที่ 31 ธันวาคมจะทำทีมต่อไป หลังจากคุมมาอย่างยาวนาน 26 ปีหรือไม่ โดยเป๊บ กวาดิโอล่านั้นเป็นหนึ่งในเพื่อนผู้จัดการทีมที่สนิทมากที่สุดของเฟอร์กูสัน นอกจากเป๊บ กวาดิโอล่าแล้ว อีกหนึ่งผู้จัดการทีมที่เป็นตัวเต็งสืบทอดตำแหน่งทายาทอสูรนั้นได้แก่เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตันในวัย 49 ปี ส่วนโจเซ่ มูรินโญ่ที่ตกเป็นข่าวนั้นไม่เป็นที่โปรดปรานของบุคคลสำคัญในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดหลายคน _________________
  6. ปรับภาษีรถยนต์ 7 ประเภท เก็บตามปล่อยก๊าซคาร์บอน ครม. มีมติเห็นชอบให้ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อแก้ไขปัญหาการ บิดเบือนโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ สร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษีรถยนต์ และเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยจะเปลี่ยนภาษีสรรพสามิตรถยนต์ทั้งระบบ และจัดเก็บภาษีตามอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการคิดภาษีจะแบ่งตามประเภทรถยนต์ 7 ประเภท ประกอบด้วย 1. รถยนต์นั่ง และรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี - ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30% - ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35% - ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 40% 2. รถยนต์นั่งประเภทอี 85 และรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี - ปล่อยก๊าซไม่เกิน 150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% - ปล่อยก๊าซ 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30% - ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 35% 3. รถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ที่มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,000 ซีซี - ปล่อยก๊าซไม่เกิน 100 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 10% - ปล่อยก๊าซเกิน 100-150 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 20% - ปล่อยก๊าซเกิน 150-200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% และปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บ 30% 4. รถยนต์กระบะที่ไม่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี - ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 3% - ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5% 5. รถยนต์กระบะที่มีพื้นใส่สัมภาระด้านหลังคนขับ มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี - ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 5% - ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 7% 6. รถยนต์นั่งที่มีกระบะ (ดับเบิ้ลแคป) มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี - ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 12% - ปล่อยก๊าซเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 15% 7. รถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก มีความจุกระบอกสูบไม่เกิน 3,250 ซีซี ภาษี - ปล่อยก๊าซไม่เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 25% - ปล่อยก๊าซฯเกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จัดเก็บภาษี 30% อย่างไรก็ตาม ครม.เห็นว่า ควรให้มีช่วงระยะเวลาในการปรับตัวของผู้ประกอบการรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2559 ที่มา Mthai News
  7. มาอ่านตอนแรกก็งงเลย สรุปมันล็อคเอง หรือ ไม่ล็อค ว่ะเนี๊ยะ เพราะรถผมก็ไม่ล็อค สุดท้ายเข้าใจล่ะ ปกติดีล่ะ ติดอยู่ในกระทู้นี้นานเลย
  8. ขอบคุณข้อมุลครับ เงื่อนไขตรงๆแบบนี้ล่ะ จะได้ไม่ต้องมามีปัญหากันทีหลัง ใครรับได้ก็เล่น รับไม่ได้ก็เลิกเล่น
  9. ได้ครับอาจารย์ พอดีเข้าไปดูฟาร์มไก่ญาตินะครับ แล้วเลยไปเท่วต่อที่เขื่อนปาสัก ร้อนดีจัง เลยซัดเบียร์ดับร้อนซะ
  10. ถ้ามันเลือกยากก็ ขอเก็บเธอไว้ทั้ง 2 คน (ขำขำ นะครับ) เอาเป็นว่าเลือกสิ่งที่ใช่ให้ตัวคุณ ชีวิตของเราใช้ซะ
  11. วันก่อนสติ๊กเกอร์ใสๆลอก ยังอยู่ แต่วันนี้ ไม่รู้มีผู้หวังดีที่ไหน มาลอกสติ๊กเกอร์ใสๆที่ลอก ออกไปให้ผมล่ะ เง้อออออออ
  12. กฎกระทรวง กำหนดส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์สำหรับรถ พ.ศ.2551 ระบุว่า อุปกรณ์ส่วนควบรถยนต์ ได้แก่ โครงสร้างและตัวถัง เครื่องกำเนิดพลังงาน ระบบส่งกำลัง ระบบบังคับเลี้ยว ระบบห้ามล้อ ระบบห้ามล้อหลัก และห้ามล้อขณะจอด คันเร่ง ระบบรองรับน้ำหนัก ระบบเชื้อเพลิงหรือระบบพลังงานอื่น ระบบไฟฟ้า ระบบไอเสีย กันชน ยาง กงล้อ บังโคลน ประตู กระจกกันลมหน้าและส่วนประกอบตัวถังที่เป็นกระจก อุปกรณ์มองภาพ อุปกรณ์ลากจูง อุปกรณ์ต่อพ่วง อุปกรณ์ปัดและฉีดทำความสะอาด ที่บังแดดสำหรับผู้ขับรถ แตรสัญญาณชนิดเสียงเดียว มาตรวัดความเร็ว เข็มขัดนิรภัยและจุดยึด เครื่องหมายหรือสัญญาณแสดงการทำงานของส่วนควบ เครื่องอุปกรณ์หรือระบบการทำงานของรถ ที่นั่งผู้ขับรถและคนโดยสาร พนักพิงศีรษะ อุปกรณ์ส่องสว่างและอุปกรณ์แสงสัญญาณ เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญในการขับขี่ที่ปลอดภัย ดังนั้น พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ระบุว่า รถยนต์ที่มีอุปกรณ์ส่วนควบไม่สมบูรณ์ จนอาจทำให้การขับขี่ไม่มีประสิทธิภาพ เกิดอุบัติเหตุ จนเกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน จะต้องมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท
  13. จราจร เข้ม!! เพิ่มอีก 5 ข้อหา เจอจับทันที ใช้กล้องทุกชนิดในการถ่ายภาพผู้กระทำผิด พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานจราจร มีบันทึกสั่งการไปยังตำรวจจราจรในสังกัดนครบาลทั้ง 3,500 นาย เพื่อรณรงค์กวดขันจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรจากเดิมที่ออกกฏมาแล้ว 13 ข้อ ให้เพิ่มเติมอีก 5 ข้อ คือ 1.ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟแดง 2.ไม่ขาดเข็มขัดนิรภัย 3.ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ 4.ความผิดเกี่ยวกับอุปกรณ์และส่วนควบของรถ 5.ใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ ทั้งนี้ให้ทุก บก. และสน.รวบรวมผลการปฏิบัติเสนอรายงานต่อกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ทุกวัน โดยสั่งให้ทุกสถานีตำรวจนำเทคโนโลยีตรวจจับผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรด้วยวิธีการใช้กล้องทุกชนิดในการถ่ายภาพผู้กระทำผิด เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ 2556 ที่จะถึงนี้ โดยก่อนหน้านี้กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ได้เพิ่มข้อหาหลักที่ไม่มีการเตือนและต้องจับกุมทันที 13 ข้อหา คือ 1.แข่งรถในทาง (ม.๑๓๔) 2. ขับรถเร็ว (ม.๖๗) 3. แซงในที่คับขัน (ม.๔๖, ๔๗ และ ๔๘) 4. เมาแล้วขับ (ม.๔๓(๒)) 5. ขับรถย้อนศร (ม.๔๑) 6. ไม่สวมหมวกนิรภัย (ม.๑๒๒) 7. จอดรถซ้อนคัน (ม.๕๗(๙)) 8.ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน (ม.๗) 9. มลพิษควันดำ (ม.๑๐ ทวิ) 10. จอดรถในที่ห้ามจอด (ม.๕๗) 11.การจอดรถบนทางเท้า (ม.๕๗(๑)) 12. การขับรถบนทางเท้า (ม.๔๓(๗)) 13. แท็กซี่ปฏิเสธไม่รับผู้โดยสาร (ม.๙๓ วรรค ๑) ที่มา Mthai News
  14. หวัดดีฮ๊าฟฟฟ อาจารย์มาตร เมื่อวานผมไปลพบุรีมาด้วย ไปพัฒนานิคม มา
×
×
  • Create New...