-
Posts
381 -
Joined
-
Last visited
-
Days Won
2
Content Type
Profiles
Forums
Events
Everything posted by ken_style
-
..วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556 พวกเราชมรม Civic Club Thaiand (CCTH) ได้จัดโครงการจิตอาสา..เพื่อน้อง ช่วยเหลือเด็กกำพร้า ณ.วัดโบสถ์วรดิตถ์ จ.อ่างทอง ทีมงาน www.civicclubthailand.com ได้รวบรวมทั้งเงิน และิ่สิ่งของเครื่องใช้ อุปกรณ์กีฬาที่จำเป็นต่างๆไปบริจาค สำหรับเด็กๆยากจนและกำพร้าเหล่านี้ รวมถึงได้จัดสร้างพระพุทธรูปปางมารวิชัยหน้าตัก 25 นิ้วนำไปประดิษฐาน ณ.วัดโบสถ์วรดิตถ์แห่งนี้ด้วย ขออนุโมทนาบุญ อันผลบุญใดๆที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากการทำกุศลฯแก่พุทธศาสนาในครั้งนี้ขอให้เกิดแก่สมาชิก CCTH ทุกท่านโดยทั่วถึงกันครับ เริ่มด้วยภาพผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของเราครับ
-
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=C4ZxszoeCiU
-
เป็นเส้นทางท่องเที่ยวกึ่งเดินป่า ในตำนานเลยน่ะครับที่นี่เป็นที่ยอดฮิต ยุคเดียวกับภูกระดึง เมื่อ 20 ปีที่แล้วโน่นแหละครับ แต่ยังไม่เคยขึ้นเหมือนกัน
- 24 replies
-
คืนนั้นตั้งใจว่าจะถ่ายดาว แต่เห็นเป็นข้างขึ้นประกอบกับอากาศ่อนข้างหนาวต่ำกว่า 10 องศา ซดเหล้าต้มของชาวมูเซอเข้าไปหน่อยเดียวรู้สึกเหมือนกินอัลกอฮอลล้างแผล มันบาดปากมากเลย เลยยกให้ลูกหาบไปกิน ส่วนตัวพก regency มาแบนนึงซดกันในเต้นท์ก่อนนอนกับเพื่อน หลับสบาย ตื่นมา ไม่รู้น้ำ้้ค้างเข้ามาในเต้นท์ได้ไงเปียกไปหมด เช้าตื่นขึ้นมาเดินลงจากดอยไปขึ่้้นรถกลับ กทม ถึง ประมาณ ตี 3 เช้าวันจันทร์ เป็นทริปที่เดินทางยาวไกลมากแต่คุ้ม มีความสุขทุกครั้งที่ได้กลับคืนสู่ธรรมชาติ...ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามารับชม เจอกันใหม่ทริปหน้า
-
เดินมาได้ระยะนึงพวกเราตัดสินใจไม่ไปต่อเพราะคิดว่า มุมตรงนี้สวยที่สุดแล้ว และกลัวกลับลงมาไม่ทันฟ้าจะมืดซะก่อน เลยนั่งเล่น นอนเล่น มองดูยอดหัวสิงห์ และมองทิวทัศน์รอบๆบริเวณนั้น ซึ่งมันสวยมากไม่รู้จะบรรยายเป็นคำพูดออกมาได้อย่างไร 5 โมงกว่าแล้ว ลมหนาวเพิ่มความเย็นขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มทนไม่ไหว เลยกลับที่พักดีกว่า ..
-
หลังจากพักเหนื่อยกันสักครู่นึง เราก็ไปชมวิวกันบนยอดดอยหัวสิงห์ดีกว่า ออกจากแคมป์มาเจอมุมย้อนแสงซึ่งเป็นมุมมหาชนมุมนึงพอดี จากการที่เคยเห็นรูปที่เขาถ่ายกันมา งต้องรอให่ดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้ามากกว่านี้ ตรงจุดที่เรายืนนี้จะเป็นทุ่งหญ้าซึ่งเขาเรียกว่า สนามกอล์ฟช้าง ก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงเรียกชื่อนี้ พอเดินขึ้นไปบนสันเขามองลงมาเห็นหลุมขนาดใหญ่อยู่ริมทุ่งหญ้า ก็เลยเข้าใจว่าชื่อนี้คงมาจากทุ่งหญ้าและหลุมขนาดช้างลงไปนอนได้นี่เอง
-
นี่ืืคือบริเวณที่ตั้งแคมป์ของเราเดินแยกซ้ายจากแนวสันเขาลงมาในหุบ จัดแจงหาทำเลกางเต้นท์ คณะเรามาถึงช้ากว่าอีก 2 คณะเขาเลยได้ทำเลตรงบริเวณนี้ไป ส่วนที่เห็นเป็นลำธารเล็กๆนั้นคือไหลมาจากตาน้ำบนเขาอีกทีทางเจ้าหน้าที่อุทยานเขาเลยเอาแป๊ปมาต่อท่อไว้ เราก็คิดไว้ในใจคงเป็นลำธารเล็กพอจะลงไปจุ่มให้หายเหนื่อยได้แต่พอมาเห็นสภาพแล้วอย่าว่าแต่อาบเลย กินเข้าไปจะเป็นไรหรือเปล่าน่ะ แต่เขาก็ใช้ดื่มกินกัน พวกเดินป่าขาประจำเขาจะพกที่กรองน้ำมาด้วย เราก็เลยได้อาศัยของเขานี่แหละ หลังจากจัดแจงสัมภาระเข้าที่เข้าทางแล้วก็นอนแก้เมื่อยสักครู่ก่อนเดินขึ้นยอดหัวสิงห์ ยอดที่สูงที่สุดของดอยม่อนจอง นอนำนวนเวลาดูตอนนี้ 4 โมงเย็นแล้วเท่ากับว่า เราใช้เวลาเดินทางจากกทม มาถึงที่พัก19 ชม. >< เดินทางโดยรถยนต์ 15 ชม เดินป่า อีก 4 ชม
-
หลังจากพักเหนื่อยดื่มน้ำกันเรียบร้อยแล้ว (ถ้าใครดื่มน้ำเก่งไม่กลัวหนักก็แบกขึ้นไปได้เลย) ส่วนของพวกผมจะติดตัวกันคนละ 2 ขวด เพราะข้างบนเขาบอกมีตาน้ำไว้ดื่มกินหุงหาอาหารได้ ไกด์นำทางบอกว่าเราเดินกันมาครึ่งทางแล้ว ข้ามเขาไปอีกลูกก็ถึงแล้ว ซึ่งมองไปก็คิดว่าไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ความจริงต้องเดินลงไปในหุบก่อน และต่อจากนั้นทางขึ้นมันจะเป็นแนวยาว 45 องศากว่าจะถึงยอด ซึ่งเรียกความเมื่อยล้าได้มากจุดหนึ่งเลยที เดียว เดินไป 5-6 ก้าวก็ต้องพักเป็นระยะ หันหลังมองกลับไปยังเนินที่เรามองมาเนินลูกที่เรายืนอยู่นี้ มันใช้เวลามากเลยทีเดียว หลังจากผ่านจุดนี้ไปแล้วทางเดิน จะเป็นทางเดินบนแนวสันเขา ไม่ลำบากเดินชมวิวสบายๆ จะมองเห็นลำน้ำแม่ตื่นอยู่ลิบๆข้างล่าง แล้วมีขึ้นลงเนินอีกนิดหน่อยก็ถึงที่พักแล้ว
-
เราเดินข้ามเขาไปได้ 2 ลูก ป่าก็เริ่มเปลี่ยนไป บนยอดเขาจะเป็นทุ่งหญ้าสะวันน่า เพราะต้องโดนแนวลมพัดผ่านตลอดปี พืชพรรณเลยต้องปรับสภาพเพื่อให้ทนต่อภูมิอากาศบริเวณนั้น แต่อีกฝั่งมีไม้ใหญ่ขึ้นเต็มไปหมดเพราะว่ามันอยู่ในแนวหุบเขา ซึ่งไม่มีแนวลมมาปะทะนั้นเอง เราเดินตามเหลี่ยมเขาขึ้นมาเจอจุดพักจุดหนึ่งที่เรียกว่าหินช่อ ลักษณะเป็นก้อนหินขนาดใหญ่วางซ้อนกันอยู่ ใครมีแรงเหลือก็จะปีนขึ้นไปถ่ายรูปกัน ส่วนผมไม่ไหวขอพักชมวิวก่อน
-
หลังจากกินข้าวกันเสร็จก็ไม่รอช้าสะพายเป้ของใครของมันขึ้นบ่า พยายามเอามาให้น้อยที่สุด เดินไปไม่เท่าไหร่ก็รู้สึกมันหนักขึ้นทุกที ส่วนลูกหาบทั้งเสบียงอาหาร เต้นท์ สะพายขึ้นหลังเดินตัวปลิวล่วงหน้าเราไปเรียบร้อย ลักษณะเส้นทางจะเริ่มไต่ระดับขึ้นทันที ไม่มีให้วอร์มทางราบก่อนเหมือนเขาช้างเผือก ทำให้รู้ึสึกเหนื่อยมากเป็นพิเศษ สภาพป่าไม้เป็นไม้เบญจพรรณ ผสมป่าสนเขาในช่วงแรก และความชุ่มชื้นของผืนป่าทำให้มีมอส ไลเคน ปกคลุมตามต้นไม้อยู่มากมาย รวมทั้งกล้วยไม้ชนิดต่างๆ การเดินทางช่วงแรกนี้อากาศเย็นสบายไม่ร้อน แต่ต้องมีทั้งข้าม ทั้งลอด ไม้ล้มที่มีเป็นระยะ ๆ
-
หลังจากติดต่อเจ้าหน้าที่เสร็จก็เดินทางเข้าไปทางหมู่บ้านมูเซอดำ ซึ่งป้ายหน้าหมู่บ้านเขียนติดไว้หน้าปากทางเข้าเลยว่า ห้ามนำสุราข้างนอกเข้ามาภายในหมู่บ้าน เราก็นึกว่าหมู่บ้านนี้ดีน่ะ ห้ามกินเหล้า แต่ที่ไหนได้ คือภายในหมู่บ้านเขาต้มเหล้าไว้ขายเอง ซึ่งเป็นเหล้าที่เขาเรียกว่า "ดาวลอย" แค่ชื่อก็คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณก็น่าจะนึกภาพออกน่ะครับ พวกเราจอดแวะหิ้วกันขึ้นไปพอแก้หนาวกันคนละขวด 2 ขวดเพราะขนาดอุณหภูมิพื้นราบตอนกลางคืนก็ประมาณ 17 องศาแล้วบนยอดดอยคงสาหัสกว่านี้ พวกเราเดินทางต่อโดยอาศัยรถ 4 wd โดยมีชาวเขาเผ่ามูเซอเป็นคนขับ เพราระว่าเส้นทางที่เราจะไปนั้นเป็นทาง offroad ขึ้นเขาลงเขา ต้องอาศัยคนพื้นที่ซึ่งชำนาญในการขับเป็นอย่างมากเพราะข้างทางจะเป็นเหว จากหน่วยมูเซอ ยืนหลังรถ 4wd ไปประมาณ 20 กิโลใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงครึ่งไปถึงจุดเริ่มเดินเป็นอะไรที่สาหัสมาก ต้องยืนเกร็งแขนจับราวของตัวรถ ที่พร้อมจะสะบัดให้เราล่วงลงมาจากรถได้ตลอดเวลา พอถึงจุดเริ่มเดินเรามาถึงเวลา เที่ยงครึ่งพอดีคำนวนเวลาเดินทางรถจาก กทม มาใช้เวลาไปแล้ว 15 ชม พวกเราแวะพักกินข้าวเพื่อเรียกเรี่ยวแรงก่อน และได้ขอพรพระที่ประดิษฐานอยู่ตรงทางขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจในการเดินทางขึ้นดอยในครั้งนี้...
-
ขึ้นบ้านใหม่โซนดินแดง 16/05/55
ken_style replied to ken_style's topic in CCTH - Metropolitan กรุงเทพและปริมณฑล
หุหุ ทั้ง face ทั้ง เว็บ หายหัวกานหมด -
ออกจากออบหลวงเราก็มุ่งหน้าู่ อ.อมก๋อย เพื่อไปยังหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอ แต่ระหว่างทางจอดแวะถ่ายภาพกันที่สถานีวนวัฒนวิจัย บ่อแก้ว หรือที่รู้จักกันว่าสวนสนบ่อแก้ว ซึ่งสถานที่นี่หลายคนเห็นภาพแล้วนึกถึงเกาะนามิ ประเทศเกาหลี ระหว่างทางมีแก็งค์มอไซด์วัยรุ่นของเชียงใหม่ขับกินลมชมวิวกันมา ซึ่งน่าอิจฉาพวกเขาจริงๆ ที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอันมากมายของเมืองเชียงใหม่
-
ทริปนี้จัดขึ้นอย่างรีบด่วน ด้วยความที่ใกล้จะหมดหนาวแล้วและเป็นครั้งแรกของผมที่จะได้ไปสุดอากาศบนดอยทางภาคเหนือ ไม่อยากพลาดโอกาสทองในครั้งนี้ จึงรวบรวมสมาชิกที่มีใจรักเดินป่าได้ 3 คนรวมผมด้วยอีก1 คนเป็นแก็งค์เดิมที่ไปปีนเขาช้างเผือกด้วยกัน ทริปนี้เราไปแจมกับคนอื่นอีกตามเคยเพราะขี้เกียจขับรถไปเอง เลยไปกับทัวร์เดินป่าของป๋าคมรัฐ www.trekkerhut.com เริ่มออกเดินทางกัน 3 ทุ่มครึ่งวันที่ 25 ม.ค วิ่งไปทาง อ.เถิน ลี้ ฮอด แล้วไปแวะพักกินข้าวเช้ากันตอน 6 โมงเช้าที่ อช.ออบหลวง ใช้เวลาเดินทางช่วงแรก 8 ชม
-
.......ดอยม่อนจอง เป็นดอยสวยมากๆ อีกดอยหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะไม่ค่อยรู้จัก บางคนได้เคยได้ยินได้ฟังมาบ้างเกี่ยวกับดอยม่อนจองว่าที่นี่เป็นแหล่งที่อยู่ของเลียงผา กวางผา ดอยม่อนจองไม่ใช่อุทยานแห่งชาติเป็นเพียงเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าสังกัดอยู่กับเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอมก๋อย ผืนป่าดอยม่อนจองเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำปิงที่ไหลลงสู่เขื่อนภูมิพล ในด้านการท่องเที่ยว ดอยม่อนจองเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม บนเส้นทางเดินบนสันดอยไปสู่ยอดสูงสุดกว่า 3 กิโลเมตรเป็นจุดชมวิวที่เปิดโล่ง ทางด้านซ้ายเป็นหน้าผาสูงมองลงไปจะเห็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ทางด้านขวาเป็นป่าทึบซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และป่าทางด้านซ้ายนี้ยังมีพันธ์ไม้ที่สำคัญคือต้นกุหลาบพันปี มีขึ้นอยู่เป็นดงๆ แต่ละต้นมีขนาดใหญ่มากเรียกได้ว่าทีนี่เป็นแหล่งของกุหลาบพันปีที่สมบูรณ์มาก ในช่วงฤดูหนาวจะออกดอกสีแดงสะพรั่งงดงามยิ่งนัก เมื่อกุหลาบพันปีมีดอกก็จะเป็นจุดดึงดูดให้นกสวยงามนานาชนิดมารวมกันที่นี้เพื่อดูดกินน้ำหวาน นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวในช่วงเวลานี้ก็จะได้เห็นทั้งดอกกุหลาบพันปีและได้ดูนกสวยงามอีกด้วย ที่ตั้ง ดอยม่อนจอง ตั้งอยู่กลางป่าลึกของผืนป่าอมก๋อย อยู่ในพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากอำเภอฮอด 145 กิโลเมตร ทิศตะวันออกจรดกับเขื่อนภูมิพล ด้านทิศตะวันตกติดกับถนนสายอมก๋อย-บ้านแม่ตื่น ทิศเหนือจรดกับพื้นที่อำเภอดอยเต่า ด้านทิศใต้จรดกับลำห้วยแม่ตื่นที่ไหลลงสู่เขื่อนภูมิพล ลักษณะของดอยม่อนจองหากดูจากภาพถ่ายทางอากาศก็จะเห็นเป็นแนวหน้าผายาวเป็นแนวกว่า 3 กิโลเมตร โดยมียอดดอยม่อนจอง ( ศรชี้) เป็นจุดสูงสุด จุดนี้มีชื่อเรียกว่าหัวสิงห์ เพราะมีลักษณะเหมือนหัวสิงโต ดอยม่อนจองมีความสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของยอดดอยสูงของไทย บางตำราก็ว่าสูง 1,886 เมตร บ้างก็ว่า 1,929 เมตร ส่วนตัวเลขจริงๆ สูงเท่าไรกระผมก็ไม่รู้หรอกรู้แต่ว่าสวย จากจุดกางเต็นท์พักแรมด้านซ้ายของภาพเมื่อเดินขึ้นยอดสูงสุดก็จะต้องเดินมาตามทางเดินบนสันเขา ( ดังภาพข้างล่าง) ระหว่างทางเดินขึ้นสู่ยอดหัวสิงห์จะเห็นวิวที่สวยงามมากๆ ชมวิวแบบโล่งตลอดทางเดินทางยาวเหยียด แล้วยิ่งในช่วงเช้าหากมีทะเลหมอกในหุบเขาเบื้องล่างก็จะยิ่งสวยงามมาก บริเวณด้านทิศตะวันออกของสันดอยเป็นป่าทึบ เป็นต้นน้ำลำธาร นักท่องเที่ยวก็ได้อาศัยแหล่งน้ำจากลำธารเล็กๆ บนผืนป่าแห่งนี้ใช้หุงหาอาหาร