Jump to content

ken_style

CCTH Crew
  • Posts

    381
  • Joined

  • Last visited

  • Days Won

    2

Reputation Activity

  1. Like
    ken_style got a reaction from Zomead in ทริป 5 One Fine Day ที่เขื่อนศรีนครินทร์ กาญจนบุรี by Kenny   
    เราบอกลุงคนขับเรือให้พาไปยังหมายปลาตรงมุมสงบๆซักที่นึง ลุงบอกปลาน่ะมีอยู่ทุกที่นั่นแหละอยู่ที่จะตกได้หรือเปล่า   ลากแพออกจากฝั่งได้ไม่
     
    นาน พายุฝนเริ่มตั้งเค้ามาแล้ว ประกอบกับลมแรงเรือเล็กงดออกจากฝั่ง เพราะดูแล้วลากแพต้านลมคงไม่ไหว มันอันตราย พวกเราปรึกษากันเลยบอกลุงให้หาที่ผูกแพใกล้ๆแล้วกัน ลุงบอกงั้นไปผูกแพหน้าบ้านลุงแล้วกัน ใกล้จริงๆเลย    บอกลุงว่าไม่ต้องใกล้ขนาดนั้น หามุมสงบๆส่วนตัวซักหน่อยพอแล้ว ได้ทำเลไม่ไกลจากฝั่งมากนักเพื่อหลบลมพายุ แล้วจัดการขุดบ่อล่อปลา ไว้เพื่อเป็นเสบียงในช่วงค่ำคืนนี้  
     

     

     

     

     

  2. Like
    ken_style reacted to stax in การเลือกและใช้ยางรถยนต์ Login : จังโก้   
    เ ลื อ ก ข น า ด
    ไม่สามารถสรุปได้ในรถยนต์ทุกรุ่นว่ายางขนาดใดดีที่สุด เพราะรถยนต์บางรุ่นเลือกขนาดยางโดยเน้นการลดต้นทุนเป็นหลัก แต่ขนาดยางในรถยนต์บางรุ่นก็มีความเหมาะสมแล้ว ความเชื่อที่ว่าไม่สามารถเปลี่ยนขนาดยางจากมาตรฐานเดิมได้ เพราะช่วงล่างจะสึกหรอเร็วนั้นไม่จริงเสมอไป พิสูจน์ได้จากรถยนต์ตัวถังเดียวกันแต่ต่างรุ่น เช่น 1.5, 1.6 หรือ 1.8 ยังใช้ยางมาตรฐานต่างขนาดกัน ถ้าต้องการเปลี่ยนขนาดยางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนน ต้องดูถึงอาการของยางขนาดเดิมในการใช้งานที่ผ่านมาว่าลงตัวไหม รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในช่วงความเร็วสูงหรือในทางโค้งหรือไม่ ถ้าอยากเพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนโดยเพิ่มขนาดยาง ต้องเลือกอย่างมีหลักการและยอมรับผลกระทบด้านอื่นที่ตามมาด้วย โดยต้องเน้นเรื่องเส้นรอบวงของยางที่เปลี่ยนใหม่ให้ใกล้เคียงกับยางขนาดเดิมมากที่สุด
     
     
    เ ส้ น ร อ บ ว ง ข อ ง ย า ง ส ำ คั ญ
    เส้นรอบวงของยางเกี่ยวข้องกับอัตราเร่ง, อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง, ความเพี้ยนของการแสดงผลของมาตรวัดความเร็ว, ช่องว่างระหว่างยางกับขอบบังโคลน ความสูงของรถยนต์ และความเร็วสูงสุด เพราะผู้ผลิตรถยนต์กำหนดเส้นรอบวงของยางไว้ให้เหมาะสมกับอัตราทดเกียร์, เฟืองท้าย และรอบเครื่องยนต์ เช่น ยางเดิมมีเส้นรอบวง 1,900 มิลลิเมตร ที่เกียร์ 5 เครื่องยนต์หมุน 3,000 รอบ/นาที อัตราทดเกียร์ 1:1 เฟืองท้าย 4.0:1 ล้อจะหมุน 750 รอบ/นาที ได้ระยะทาง 1,900 X 750 = 1,425,000 มิลลิเมตร หรือ 1,425 เมตร (จาก 1,000 มิลลิเมตร = 1 เมตร) คิดเป็นเมตร/ชั่วโมง ก็คูณ 60 นาทีเข้าไปได้ 1,425 X 60 = 85,500 = 85.5 กิโลเมตร/ชั่วโมง (คิดจาก 1,000 เมตร = 1 กิโลเมตร) มาตรวัดความเร็ว อัตราเร่ง และความสิ้นเปลืองก็จะเป็นไปตามการออกแบบ
     
     
     
    ล ด เ ส้ น ร อ บ ว ง
    การเปลี่ยนยางใหม่ที่มีขนาดเส้นรอบวงลดลงโดยไม่เปลี่ยนองค์ประกอบอื่น เช่น ตัวรถยนต์, เครื่องยนต์, เกียร์ และเฟืองท้าย จะมีผลกระทบ เพราะไม่เกี่ยวข้องเลยว่ายางถูกเปลี่ยนเป็นเส้นรอบวงเท่าไร ถ้าเครื่องยนต์หมุน 3,000 รอบ/นาที ที่เกียร์ 4 แล้ว ล้อก็ยังหมุน 750 รอบ/นาที แต่ได้ระยะทางสั้นลงจากระยะ/1 รอบการหมุนของยาง มาตรวัดความเร็วขึ้น 85.5 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่าเดิม แต่น้อยกว่าความเร็วจริง (ไมล์อ่อน) และสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น เพราะเครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นในทุกช่วงความเร็ว อัตราเร่งตี-นต้นดีขึ้นบ้าง เพราะล้อหมุนลากน้ำหนักตัวถังได้ง่ายขึ้น ต้องเปลี่ยนเกียร์ขึ้นสูงเร็วขึ้นในระยะทางสั้นลง เช่น เกียร์ 1 ที่ 6,000 รอบ/นาที เคยได้ระยะทาง 80 เมตร เมื่อเส้นรอบวงยางลดลง เมื่อใช้รอบเครื่องยนต์เท่าเดิม จะได้ระยะทางสั้นลง เช่น 70 เมตร ก็ต้องเปลี่ยนขึ้นสู่เกียร์สูงขึ้นความเร็วปลายที่แท้จริงลดลง เช่น เกียร์ 5 ที่ 5,000 รอบ/นาที ล้อหมุน 1,500 ครั้ง/นาที เคยได้ระยะทางยาวและความเร็ว 150 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อเส้นรอบวงยางลดลง เมื่อใช้รอบเครื่องยนต์เท่าเดิม จะได้ระยะทางและความเร็วจริงลดลง แต่มาตรวัดความเร็วชี้ 150 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่าเดิม
     
     
    เ พิ่ ม เ ส้ น ร อ บ ว ง
    การเปลี่ยนยางใหม่ที่มีขนาดเส้นรอบวงเพิ่มขึ้นโดยไม่เปลี่ยนองค์ประกอบอื่น ในการคำนวณอาจเสมือนว่าจะทำให้รถยนต์มีความเร็วเพิ่มขึ้น เพราะเครื่องยนต์, เกียร์ และเฟืองท้าย ทำงานที่รอบเครื่องยนต์เท่าเดิม แต่ได้ระยะทางจากการหมุนของยางต่อรอบมากขึ้นในความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะการเพิ่มเส้นรอบวงของยางเป็นการเพิ่มภาระให้กับเครื่องยนต์ เนื่องจากส่งกำลังให้ยางหมุนครบรอบได้ยากขึ้น เช่น ออฟโรดเปลี่ยนไปใส่ยางบิ๊กฟุต-ล้อโต จะทำให้อัตราเร่งแย่ลง, สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น, บั่นทอนอายุการใช้งานของช่วงล่าง, มาตรวัดความเร็วแสดงผลน้อยกว่าความเร็วจริง (ไมล์แข็ง) และไต่ขึ้นสู่ความเร็วสูงยาก ยกเว้นการปรับแต่งเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์หรือเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์พลังแรง การเปลี่ยนยางที่มีเส้นรอบวงมากขึ้น จะช่วยให้อัตราเร่งตี-นต้นไม่จัดเกินไป และความเร็วปลายเพิ่มขึ้น แต่ควรลดอัตราทดเฟืองท้ายจะดีกว่า
     
     
     
     
    ห น้ า ก ว้ า ง เ ท่ า เ ดิ ม & ห น้ า แ ค บ
    ตัวอย่างรหัสบนแก้มยาง 185/70/R13 ตัวเลขชุดแรก 185 คือ ความกว้างของหน้ายางจากซ้ายสุดถึงขวาสุด หน่วยเป็นมิลลิเมตร แม้ระบุค่าเท่ากัน แต่หน้าสัมผัสที่แท้จริงในยางต่างรุ่นต่างยี่ห้ออาจไม่เท่ากันเป๊ะ แต่ใกล้เคียงกันมาก ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่มิได้เลือกความกว้างของหน้ายางที่จะให้สมรรถนะในการเกาะถนนของรถยนต์รุ่นนั้นสูงสุดเสมอไป เพราะมีหลายตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ถ้าเลือกยางหน้ากว้างพอประมาณ จะได้ประสิทธิภาพการเกาะถนนช่วงความเร็วปานกลาง-สูง และในโค้งหนักๆ ดีมาก แต่ส่งผลให้พวงมาลัยหนักขึ้น, ช่วงล่างเสียเร็วขึ้น, อัตราเร่งลดลง, สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นจากน้ำหนักและแรงต้านการหมุน และที่สำคัญคือต้นทุนสูงขึ้น ขณะที่ส่วนใหญ่เป็นการใช้งานทั่วไปที่ใช้ความเร็วไม่จัดจ้านนัก ด้วยเหตุผลข้างต้น ยางขนาดมาตรฐานของรถยนต์ทั่วไป จึงอาจมีหน้ากว้างน้อยกว่าที่จะให้ประสิทธิภาพสูงสุดในช่วงความเร็วสูงอยู่ประมาณ 10-20 มิลลิเมตร เพื่อให้การใช้งานปกติ พวงมาลัยไม่หนัก, ช่วงล่างทนทาน, อัตราเร่งดี และประหยัดเชื้อเพลิง เพราะมีน้ำหนักและแรงต้านการหมุนน้อย รวมทั้งลดต้นทุนการผลิต โดยยอมสูญเสียประสิทธิภาพการเกาะถนนในช่วงความเร็วสูงที่ไม่ค่อยได้ใช้งานลงไป ถ้าใช้รถยนต์ในเมืองหรือไม่ได้ใช้งานด้วยความเร็วสูงจัดจ้าน หน้ายางขนาดมาตรฐานมีความเหมาะสมอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการเพิ่มความมั่นใจในช่วงความเร็วปานกลาง-สูง โดยยอมสูญเสียคุณสมบัติที่ดีในช่วงความเร็วต่ำ-ปานกลางไปบ้าง สามารถเลือกยางหน้ากว้างขึ้นสัก 10 มิลลิเมตร (หรือเพิ่มเต็มที่ 20 มิลลิเมตร) ใส่กับกระทะล้อเดิมได้ โดยผลเสียที่เพิ่มขึ้นมีน้อยมากและไม่ต้องกังวล แต่ต้องเกี่ยวข้องกับซีรีส์ของแก้มยางที่ต้องเปลี่ยนแปลง การเพิ่มขนาดหน้ายางขึ้น 10 มิลลิเมตรกับกระทะล้อเดิม ควรลดความสูงของแก้มยางลง 5 ซีรีส์ เพื่อรักษาความสูงของแก้มยางและเส้นรอบวงของยางเช่น ยางเดิมขนาด 185/70/R13 แก้มยางมีความสูงเท่ากับ 185 X 0.70 = 129.5 มิลลิเมตร เปลี่ยนเป็นยางหน้ากว้างขึ้น 10 มิลลิเมตร โดยลดแก้มยางลง 5 ซีรีส์ จาก 70 เป็น 65 ซีรีส์ เป็นขนาด 195/65/R13 แก้มยางมีความสูงเท่ากับ 195 X 0.65 = 126.75 มิลลิเมตร ต่างจากแก้มยางเดิมเพียง 129.5 - 126.75 = 2.75 มิลลิเมตร แทบไม่แตกต่าง รักษาความนุ่มนวลและเส้นรอบวงของยางไว้ ทำให้คงอัตราเร่ง การแสดงผลของมาตรวัดความเร็ว และความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงไว้ได้ ถ้าเพิ่มขนาดหน้ายางขึ้น 10 มิลลิเมตรกับขนาดกระทะล้อเดิม แต่ไม่ลดความสูงของแก้มยางลง แก้มยางจะสูงขึ้นเล็กน้อย แต่เป็นค่ามากกว่าการลดความสูงของแก้มยางลง 5 ซีรีส์ คือ เปลี่ยนยางเป็นขนาด 195/70/R13 70 ซีรีส์เท่าเดิม แก้มยางมีความสูงเท่ากับ 195 X 0.70 = 136.5 มิลลิเมตร แก้มยางสูงกว่าเดิมมากถึง 136.5 - 129.5 = 7 มิลลิเมตร ต่างจากการลดความสูงของแก้มยางลง 5 ซีรีส์ ที่เตี้ยลงเพียง 2.75 มิลลิเมตร แก้มยางที่สูงขึ้นมากในกระทะล้อขนาดเท่าเดิมมีผลให้อัตราเร่งต่ำลง มาตรวัดความเร็วชี้น้อยกว่าความเป็นจริง (ไมล์แข็ง) และอาจสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น การลดหน้ายางให้แคบกว่ามาตรฐานเดิม ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง แม้ในหลักการแล้วจะช่วยลดความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลงบ้าง จากน้ำหนักและแรงต้านการหมุนที่ลดลง แต่จะสูญเสียประสิทธิภาพการเกาะถนนลงเกือบตลอดการใช้งาน
     
     
     
    แ ก้ ม ย า ง เ ตี้ ย & สู ง ไ ด้ อ ย่ า ง เ สี ย อ ย่ า ง
    ตัวอย่างรหัสบนแก้มยาง 185/70/R13 เลขตัวกลาง 70 คือ ความสูงของแก้มยางเป็นเปอร์เซ็นต์จากความกว้างของหน้ายาง ต้องผ่านการคำนวณก่อนจึงจะทราบความสูงของแก้มยางที่แท้จริง กรณีนี้ คือ 185 X 0.70 = แก้มยางสูง 129.5 มิลลิเมตร ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วไปที่ไม่ใช่รถสปอร์ตสมรรถนะสูง มักเลือกใช้ยางแก้มสูงเพื่อช่วยซึมซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้น ให้ความนุ่มนวลโดยรวม ป้องกันกระทะล้อคดหรือแตก และลดต้นทุนได้ทั้งยางและกระทะล้อ อันเป็นการเลือกที่ลงตัวดีสำหรับการใช้งานปกติช่วงความเร็วปานกลาง-ถึงสูงแบบไม่จัดจ้านนัก แต่ก็ยังมีความต้องการของผู้ใช้ ที่อยากเปลี่ยนขนาดยางและลดซีรีส์ความสูงของแก้มยางลงอีก ด้วยหลายเหตุผล เช่น อยากเพิ่มความสวย หรือลดการบิดตัวของแก้มยางขณะเปลี่ยนเลนหรือใช้ความเร็วสูง ซึ่งต้องยอมรับผลเสีย คือ ความกระด้างจากแก้มยางที่เตี้ย ทำให้ซึมซับแรงสั่นสะเทือนจากพื้นได้น้อยลง และล้อแม็กคด-แตกง่ายขึ้น อยากสวย อยากเกาะ ต้องยอมกระด้าง
     
     
    ส รุ ป สั้ น ๆ แ ล ะ ชั ด เ จ น ว่ า
    ยางแก้มสูง นุ่มนวล ราคาไม่แพง แต่บิดตัวมากในการเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนอย่างรวดเร็ว และไม่สวยยางแก้มเตี้ย กระด้าง เพราะมีช่วงการซึมซับแรงสั่นสะเทือนน้อย แต่ให้ความฉับไวและแม่นยำในการควบคุมบนทางโค้งหนักๆ -เปลี่ยนเลน สวย และราคาแพง ถ้าไม่เปลี่ยนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของกระทะล้อ หรือไม่เพิ่มความกว้างของหน้ายาง จะไม่สามารถลดความสูงของแก้มยางได้เลย เช่น ถ้าใช้ยางหน้ากว้าง 175 มิลลิเมตรกับกระทะล้อ 13 นิ้วเท่าเดิม หากเพิ่มจากแก้มยาง 70 ซีรีส์ เป็น 80 ซีรีส์ เพราะต้องการเพิ่มความนุ่มนวลหรืออะไรก็แล้วแต่ แก้มยางจะสูงขึ้น 175 X 0.10 (คิดจาก 10 เปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้น) = 17.5 มิลลิเมตร เกือบ 2 เซนติเมตร ในทางกลับกัน อยากให้รถยนต์ดูเตี้ยโดยไม่ลดความสูงด้วยการเปลี่ยนช่วงล่าง ลดแก้มยางลง 10 ซีรีส์ แก้มยางก็เตี้ยลง 17.5 มิลลิเมตร เส้นรอบวงของยางจะเปลี่ยนไปมาก ในทั้งกรณีลดและเพิ่มซีรีส์โดยไม่เปลี่ยนขนาดอื่นของยาง หากต้องการลดความสูงของแก้มยางเพื่อความสวยงามหรือลดการบิดตัว ต้องเปลี่ยนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของกระทะล้อชดเชยกัน และต้องคำนวณอย่างละเอียด เพื่อรักษาเส้นรอบวงของยางไว้ โดยการประมาณคร่าวๆ หากอยากลดความสูงของแก้มยางลง 10 ซีรีส์ ต้องเปลี่ยนขนาดกระทะล้อเพิ่มขึ้น +1 นิ้ว หรือ 20 ซีรีส์ก็ +2 นิ้ว ถ้าจะให้แน่นอนต้องคำนวณ หรือนำยางขนาดใหม่มาตั้งเปรียบเทียบความสูงกับยางเส้นเดิมขนาดมาตรฐาน
    และอย่าลืมเผื่อระยะที่ดอกของยางเส้นเดิมสึกหรอลงไปแล้วด้วย
     
     
     
    เ ส้ น ผ่ า ศู น ย์ ก ล า ง ก ร ะ ท ะ ล้ อ แ ล ะ ย า ง เ ป ลี่ ย น ไ ด้ แ ต่ ต้ อ ง ย อ ม รั บ
    ตัวอย่าง รหัสบนแก้มยาง 185/70/R13 เลขตัวสุดท้าย 13 คือเส้นผ่าศูนย์กลางกระทะล้อ มีหน่วยเป็นนิ้ว สำหรับใส่ยางเส้นนั้น ปัจจุบันนิยมขนาด 13-18 นิ้วเป็นหลัก ในการใช้งานปกติไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนขนาด แต่ก็มีความต้องการเปลี่ยนในทางใหญ่ขึ้น คือ เปลี่ยนกระทะล้อเพื่อความสวยงาม หรืออยากใช้ยางแก้มเตี้ยลงเพื่อความสวยและลดการบิดตัว ซึ่งมีราคาแพงขึ้น แต่คงเส้นรอบวงไว้ได้ ล้อแม็กวงโตกับยางแก้มเตี้ย มีความสวยมากขึ้น เพราะล้อแม็กที่วาววับจะสร้างความสะดุดตา ส่วนสีดำของแก้มยางที่ลดลงก็ลดความหนาทึบในการมอง คล้ายล้อและยางตามสไตล์รถแข่งทางเรียบ เมื่อเปลี่ยนล้อแม็กขนาดใหญ่ขึ้น ต้องลดซีรีส์ความสูงของแก้มยางลงให้เหมาะสม เพื่อรักษาขนาดเส้นรอบวงของยางไว้ กระทะล้อหรือล้อแม็กในมาตรฐานเดียวกัน ยิ่งมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ย่อมมีราคาแพง คด-แตกง่าย เป็นภาระกับระบบช่วงล่าง ทำให้อายุการใช้งานสั้นลง และสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นบ้างจากน้ำหนักและแรงต้านการหมุนที่เพิ่มขึ้น แต่สวยและสามารถเปลี่ยนขนาดดิสก์เบรกให้ใหญ่ขึ้นได้สำหรับรถยนต์โมดิฟาย
     
     
     
    ย า ง ใ ห ม่ ต้ อ ง ป รั บ ส ภ า พ
    ไม่เฉพาะแต่รถยนต์และเครื่องยนต์เท่านั้น ที่ต้องมีการปรับสภาพในช่วงแรกของการใช้งาน ในช่วง 100-200 กิโลเมตรแรกของการใช้งานยางใหม่ ควรใช้ความเร็วไม่เกิน 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ลงหลุมหรือทางขรุขระควรหยอดเบาๆ เพื่อให้โครงสร้าง แก้มยาง และหน้ายางปรับสภาพในการใช้งาน
     
     
     
    ใ น & น อ ก ป ร ะ เ ท ศ
    ยังมีความเชื่อแบบเก่าอยู่บ้างว่า ยางผลิตจากต่างประเทศมีคุณภาพเหนือกว่ายางผลิตในประเทศอาจจริงในยุค 10-20 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้สรุปในทันทีไม่ได้ เพราะพัฒนาการของผู้ผลิตยางรถยนต์ในประเทศก้าวหน้าขึ้นมาก ไม่เก่าเก็บ และไม่ต้องขนส่งข้ามน้ำข้ามทะเลมา ยางจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่มักถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้งานในแถบประเทศนั้นๆ หรือสภาพทั่วไป คือ ไม่ร้อนมากและถนนเรียบ ต่างจากไทยที่ทั้งร้อนและสภาพถนนแย่ ผู้ผลิตยางในประเทศจึงน่าจะมีการพัฒนาและวิจัยที่ตรงกับลักษณะการใช้งานมากกว่า ยังเคยพบว่ายางจากนอกบางรุ่นใช้งานในเมืองไทยแล้วประสิทธิภาพแย่กว่าหรือไม่ทนทานก็มี นอกจากเทคโนโลยีและสูตรในการผลิตแล้ว ความเก่าเก็บของยางก่อนใช้งานก็เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพโดยรวมของยางด้วย ยางที่เก็บไว้นานๆ เนื้อยางจะเริ่มแข็งและโครงสร้างของยางกระด้างขึ้น ยางจากต่างประเทศมักใช้การขนส่งทางเรือ อาจค้างสต็อกนาน และเคยมีข่าวว่า ผู้นำเข้าบางรายเลือกนำเข้ายางล็อตเก่าที่ต่างประเทศโละมาในราคาถูกก็มี ยางแก้มเตี้ยสมัยก่อนไม่มีการผลิตในประเทศไทย ปัจจุบันมีการผลิตเกือบทุกยี่ห้อและหลายรุ่น นอกจากนี้ ยางจากต่างประเทศต้องใช้เงินต่างสกุลสั่งซื้อมา ซึ่งแน่นอนว่า หลังหมดสต็อกเดิมจากปี 2540 ที่ค่าเงินบาทเพิ่งลอยตัว ยางนำเข้าล็อตใหม่ ณ กลางปี 2541 เป็นต้นไป ต้องมีราคาสูงขึ้นไม่น้อยกว่า 50-100 เปอร์เซ็นต์ตามค่าเงิน ยางนำเข้าเส้นละ 6,000-10,000 บาท ต่อไปคงเป็นเรื่องปกติ ยางในประเทศรุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่มีความน่าสนใจมากกว่าทั้งในด้านคุณภาพ, ราคา และความสดแต่ก็ยังมียางนำเข้าบางยี่ห้อบางรุ่น ที่ถูกเลือกมาตรฐานมาให้เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองไทย และมีการเจรจาลดราคาจากผู้ผลิตโดยตรง จนสามารถตั้งราคาได้ไม่สูงนักและมีประสิทธิภาพคุ้มค่า
     
     
     
    ย า ง รุ่ น ใ ห ม่ น่ า ส น ใ จ
    สรุปได้เกือบเต็มที่เลยว่า ยางยี่ห้อเดียวกันแต่รุ่นใหม่กว่ามีคุณภาพโดยรวมสูงกว่า คล้ายกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น รถยนต์, โทรทัศน์, คอมพิวเตอร์ ฯลฯ นอกจากนั้นยังลดความเสี่ยงเรื่องเก่าเก็บจนหมดสภาพได้อีกด้วย
     
     
    เ ป ลี่ ย น ข น า ด เ พื่ อ เ ก า ะ & ส ว ย
    การเปลี่ยนขนาดของยางมี 2 กรณีหลัก คือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัว และเพื่อความสวยงามการเปลี่ยนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวมี 2 กรณีหลัก คือ เพิ่มความกว้างของหน้ายางเพื่อเพิ่มพื้นที่สัมผัส หรือลดความสูงของแก้มยางเพื่อลดการบิดตัวในทางโค้งหรือเปลี่ยนเลน อาจเลือกเปลี่ยนกรณีเดียวหรือควบคู่กัน การเปลี่ยนขนาดยางเพื่อความสวยงามมีสูตรสำเร็จอยู่ที่ยางหน้ากว้าง-แก้มเตี้ย ประกบกับล้อแม็กวงโต แต่ไม่ว่าจะเลือกเปลี่ยนขนาดของยางเพื่ออะไรก็ตาม ต้องรักษาเส้นรอบวงโดยรวมของยางไว้
     
     
    แ ห ล่ ง ใ ห ญ่ ย า ง ใ ห ม่ แ ล ะ เ ก่ า
    วงเวียน 22 กรกฎาคม แถบหัวลำโพง จากกึ่งกลางวงเวียน กระจายไปยังแยกที่จะไปโรงพยาบาลกลาง หรือวัดเทพศิรินทร์ ราคาถูกกว่าร้านทั่วไปเส้นละ 100-300 บาท (แล้วแต่รุ่น) เดินสอบถามกัน และต้องคำนวณถึงความคุ้มค่าที่ต้องฝ่าการจราจรเข้าไปกับราคาที่ต่างกันไม่มากนักด้วย
     
     
     
    ย า ง มื อ ส อ ง บ า ง ก ร ณี น่ า ส น ใ จ
    อย่ารีบสรุปว่ายางมือสองหรือที่เรียกกันว่ายางเปอร์เซ็นต์ไม่น่าสนใจ หากยางนั้นถูกเปลี่ยนออกเพราะหมดสภาพ แล้วร้านยางนำมาทำความสะอาดจำหน่าย ถือว่าไม่น่าสนใจ เพราะราคาถูก แต่อาจเกิดอันตรายยางมือสองที่น่าสนใจ คือ ยางขนาดมาตรฐานที่ถูกถอดออกเพราะอยากเปลี่ยนขนาด หรือเลือกเปลี่ยนล้อแม็กวงโตพร้อมยางแก้มเตี้ย บางครั้งใช้งานมาเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็ยังมี ถ้ายางมือสองเหล่านี้มีขนาดตรงตามความต้องการ ราคาจะถูกกว่ายางใหม่ประมาณ 30-50% แต่สภาพเกือบ 100% บางคันออกจากโชว์รูมไม่กี่วันก็ถูกเปลี่ยนออกแล้ว ยางมือสองในกรณีนี้หาได้ตามร้านล้อแม็กใหญ่ทั่วไป แต่ควรศึกษาก่อนว่า ยางขนาดที่ต้องการมีใช้ในรถยนต์ทั่วไปมากแค่ไหน ส่วนใหญ่ยาง 65-70 ซีรีส์ ขนาด 13-15 นิ้ว หาไม่ยาก
     
     
     
     
    ต้ อ ง ถ่ ว ง ล้ อ
    เพราะกระทะล้อและยางหมุนรอบจัดและเปลี่ยนแปลงตลอดการขับ จึงต้องมีการถ่วงสมดุล โดยเฉพาะล้อคู่หน้า แต่ถ้าให้ดีควรถ่วงทั้ง 4 ล้อ เพราะการไม่ได้สมดุลในล้อหน้า จะแสดงผลชัดเจนจากอาการพวงมาลัยสั่นในบางช่วงความเร็ว และทุกล้อที่ไม่ได้สมดุลจะบั่นทอนอายุของช่วงล่าง โดยเฉพาะลูกปืนล้อ เมื่อเปลี่ยนยางใหม่ ถอดยางออกจากกระทะล้อเพื่อปะหรือสลับระหว่างล้อหลังกับล้อหน้า ต้องมีการถ่วงสมดุลเสมอ รวมทั้งเมื่อใช้งานไปสัก 40-50% ของอายุการใช้งานยาง ควรถอดมาถ่วงสมดุล เพราะการสึกหรออาจไม่สม่ำเสมอกันถ้าใช้วิธีถอดกระทะล้อออกมาถ่วงสมดุล แล้วยังมีอาการสั่นของพวงมาลัยบางช่วงความเร็ว ต้องขยับไปใช้วิธีถ่วงแบบจี้ คือ ไม่ต้องถอดล้อออกจากรถยนต์ เป็นการถ่วงสมดุลกระทะล้อ ยาง, จานดิสก์เบรก, เพลาขับ (ถ้าล้อนั้นมี), ลูกปืนล้อ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง แต่โดยทั่วไปการถอดล้อออกมาถ่วงภายนอกเพียงพอแล้ว
     
     
     
    ก า ร ดู แ ล แ ล ะ ใ ช้ ย า ง
    วัดแรงดันลมให้ได้มาตรฐาน หากยางปกติ ไม่มีการรั่วซึม ตรวจแรงดันลมทุกสัปดาห์ก็พอ แรงดันลมมาตรฐานของยางรถยนต์ทุกรุ่นมีระบุไว้ที่ตัวรถยนต์หรือคู่มือประจำรถยนต์ ส่วนใหญ่อยู่ในระดับ 28-32 ปอนด์/ตารางนิ้ว (PSI) สำหรับรถยนต์นั่งการวัดแรงดันลมยางต้องกระทำในขณะที่ยางยังเย็นหรือร้อนไม่มาก (ขับไม่เกิน 2-3 กิโลเมตร) หากเติมและวัดลมตามปั๊มน้ำมันพร้อมเติมน้ำมันก็สะดวกดี แต่เมื่อยางร้อนแล้วต้องเผื่อแรงดันที่วัดได้เกินจากมาตรฐานสัก 1-2 ปอนด์/ตารางนิ้ว แล้วดูว่ายางเส้นไหนลมอ่อนมากกว่ายางเส้นอื่นมากหรือเปล่า หากมีแสดงว่ามีปัญหารั่วซึม ระวังความเพี้ยนของมาตรวัดแรงดันลมตามปั๊มน้ำมันไว้ด้วย เพราะมักถูกใช้งานหนัก ควรซื้อมาตรวัดแรงดันลมส่วนตัวไว้ และต้องเลือกแบบที่มีมาตรฐานราคาแพงสักหน่อย ปั๊มหรือเครื่องมือเติมลมส่วนตัวมี 2 แบบหลัก คือ แบบเท้าเหยียบ ควรซื้อแบบลูกสูบคู่จะรวดเร็ว และแบบปั๊มไฟฟ้า อาจไม่จำเป็นสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้ดูแลรถยนต์ด้วยตัวเอง แต่ควรมีมาตรวัดแรงดันลมส่วนตัว
     
     
     
    แ ร ง ดั น ล ม อ่ อ น - แ ข็ ง
    แรงดันลมน้อย-ยางอ่อน แก้มยางมีการบิดตัวมากและร้อนง่าย สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น และอัตราเร่งลดลงจากแรงต้านการหมุนที่เพิ่มขึ้นหากยางอ่อนมากๆ โครงสร้างภายในจะหมดสภาพเร็วขึ้น และมีการสึกหรอบริเวณริมนอกซ้าย-ขวาของหน้ายางมากกว่าแนวกลางแรงดันลมมาก-ยางแข็ง ประสิทธิภาพการเกาะถนนลดลง ถ้ายางแข็งมากๆ เสี่ยงต่อการระเบิด และมีการสึกหรอบริเวณแนวกลางมากกว่าริมนอกซ้าย-ขวา
     
     
    เคดิด login จังโก้ www.civicfdthailand.com
  3. Like
    ken_style got a reaction from Jenny in ทริป 7 : หยิบหมอก หยอกฝน ลานสน ภูสอยดาว อุตรดิตถ์ By Kenny   
    คืนนั้นเราหลับอย่างเป็นสุข เพราะมิตรภาพของคนเดินป่าที่หยิบยื่นไมตรีให้แก่กันทั้งคืนจนบรรเทาอากาศที่หนาวเย็นลงไปได้บ้าง  ขอลาด้วยภาพนี้ ลาก่อน..ภูสอยดาว มีโอกาสคงได้กลับมาเยือนอีกครั้ง
     

  4. Like
    ken_style got a reaction from Jenny in ทริป 7 : หยิบหมอก หยอกฝน ลานสน ภูสอยดาว อุตรดิตถ์ By Kenny   
    ช่วงบ่าย เราไปเดินเที่ยวน้ำตกสายทิพย์ คนน้อยกำลังดีเลย ทางลงค่อนข้างชันและลื่นมาก เป็นน้ำตกเล็กๆมีมอสปกคลุมทั้งปี เพราะความชุ่มชี้นของอากาศ 
     

     

     

     

     

  5. Like
    ken_style got a reaction from Jenny in ทริป 7 : หยิบหมอก หยอกฝน ลานสน ภูสอยดาว อุตรดิตถ์ By Kenny   
    ทุ่งดอกหงอนนาค เป็นสิ่งที่ทุกคนนึกถึงเมื่อคิดจะมาเยือนภูสอยดาว และจำเป็นต้องมาหน้าฝนเท่านั้น ดอกหงอนนาคจะเริ่มบานเต็มทุ่งตั้งแต่ต้นเดือนสิงหา ไปจนถึงปลายกันยา ดอกหงอนนาค จะมีชื่ออีกชื่อทีเพราะมาก คือ น้ำค้างกลางแดด เพราะว่าดอกนี้จะเริ่มบานตอนเที่ยงๆไปถึงเย็น เราเดินชื่นชมดอกหงอนนาคและทัศนีย์ภาพบนลานสนไปเรื่อยๆเป็นวงรอบใหญ่ ถึงแม้ว่าช่วงที่เราไปดอกหงอนนาคจะยังบานไม่เต็มที่ก็เถอะ
     
    ดอกหงอนนาคตอนบานเต็มที่
     
      
     
    ดอกหงอนนาคตอนหุบ
     

     
    ดอกเอนอ้า หรือ โคลงเคลง
     

     
    กระดุมเงิน หรือ มณีเทวา
     

     

  6. Like
    ken_style got a reaction from Jenny in ทริป 7 : หยิบหมอก หยอกฝน ลานสน ภูสอยดาว อุตรดิตถ์ By Kenny   
    ช่วงสายๆ ฟ้าเริ่มเปิดอยู่บ้าง เราเลือกเดินไปเส้นหลักเขตแดนไทย-ลาว เพื่อชมทุ่งดอกหงอนนาคก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดแถวน้ำตกสายทิพย์ และ น้ำตกหลุบพบ โทษที ภาพนี้พอดีทำให้เพื่อน ขี้เกียจมาทำใหม่ อิอิ
     

     

     

     

     

  7. Like
    ken_style got a reaction from Jenny in ทริป 7 : หยิบหมอก หยอกฝน ลานสน ภูสอยดาว อุตรดิตถ์ By Kenny   
    ตัดมาเช้าวันที่ 2 หลังจากซัดดาวลอยแก้หนาวไปค่อนคืน หลับเป็นตาย ฝนสาดเข้าเต้นท์ยังไม่รู้สึก ตื่นเช้ามาหลังจากได้ยินเสียงตะโกนเรียก กินข้าวได้แล้วจร้า จากนู่จิ๊บ แม่ครัวคนเก่งของเรา เลยลุกมาล้างหน้า แปรงฟันทำกิจวัตรเสร็จ (การใช้น้ำบนภูสอยดาว จะมีกฎว่าให้เดินไปตักน้ำที่ลำธารมาใช้อาบน้ำ หรือทำธุระส่วนตัว ในห้องอาบน้ำที่ทาง อช.ทำไว้ให้ ห้ามลงไปอาบน้ำในลำธารเด็ดขาด ) ก็มาล้อมวงกินมื้อแรกกัน 
     

     
    สภาพที่พักบริเวณ camp 
     

     

     

     

     
     
  8. Like
    ken_style got a reaction from Jenny in ทริป 7 : หยิบหมอก หยอกฝน ลานสน ภูสอยดาว อุตรดิตถ์ By Kenny   
    กว่าจะมาถึง camp เดินอยุ่ 8 ชม ขึ้นมาเป็นคนท้ายๆของ คณะเลย วันนั้นมีคนขึ้นกันประมาณ ไม่ต่ำกว่า 300 คน สภาพบนลานสนเหมือนค่ายอพยพดีๆนี่เอง ใครถึงก่อนก็จับจองที่ หุงหาอาหารกัน แต่วันนั้นเกิดความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่อุทยานขับรถนำลูกหาบพร้อมสัมภาระมาส่งอีกเขาลูกหนึ่งเพื่อย่นระยะทางกลายเป็นว่า ช้ากว่าเดิมมากแต่ละทัวร์รอลูกหาบกันนานมาก กลุ่มของพวกผมดีที่เต้นท์มาถึงก่อน และอาหารบางส่วนก็พอมีบ้าง เลยทำกินเท่าที่มีมา คืนนั้นกว่าลูกหาบจะขนสัมภาระขึ้นมาถึงก็ตี 3 แทบทุกคนไม่มีชุดเปลี่ยนยืนหนาวกัน ฝนก็ตกทั้งคืน ถุงนอนก้อยุ่ที่ลูกหาบนอนในเต้นท์ก็นอนไม่ได้ พื้นเย็นและเจิ่งนองไปด้วยน้ำ แต่เห็นลูกหาบแล้วสภาพน่าสงสารมากไม่ใส่เสื้อเดินแบกของกลางป่าค่ำๆมืด ลุยฝนขึ้นมา ตัวสั่นปากซีดกันเป็นแถว บางกลุ่มลูกหาบมาถึงเช้าวันถัดไป ทรมานกันแทบทุกคณะ คณะไหนมีอะไรก็ช่วยแบ่งๆกันทั้งของกินของใช้ นี่แหละน้ำใจของคนเดินป่าด้วยกัน 
     

  9. Like
    ken_style got a reaction from Jenny in ทริป 7 : หยิบหมอก หยอกฝน ลานสน ภูสอยดาว อุตรดิตถ์ By Kenny   
    เส้นทางขึ้นภูสอยดาวจะเป็นดังภาพข้างล่าง เริ่มออกเดินประมาณ 10.00 น. เส้นทาง 1,200 เมตรแรก จะเดินสบายๆ ผ่านน้ำตกสอยดาว เดินเลียบน้ำ ระหว่างทางอาจจะเห็นดอกบัวผุด ขนาดเล็ก เส้นทางจะเริ่มชัน เป็นขั้นบันไดจาก เนินส่งญาติ ถึง เนินปราบเซียน จากนั้นก็ชันน้อยลงบ้าง เมื่อเดินถึง เนินป่าก่อ ก็ได้ระยะทาง 3,700 เมตร กว่าครึ่งระยะทางแล้ว จากนั้น ก็ถึง เนินเสือโคร่ง ณ จุดนี้ ปกติก็ใกล้เวลาพักกินอาหารเที่ยง ชมวิว ดูหมู่เมฆได้ชัดเจน จากนั้นเริ่มเดินขึ้น เนินมรณะ ที่ชันค่อนข้างมาก และจะถึงจุดชมวิว ที่ระยะ 6,200 เมตร จากนี้ก็ไม่มีที่ชันอีกแล้ว เริ่มเห็นดอกหงอนนาค และดอกไม้อื่นๆกระจายทั่วพื้นที่ ท่ามกลางสายหมอกและหมู่สนสามใบ เดินอีกเพียง 300 เมตร ถึงลานสน

     

     
    ช่วงนี้จะไม่ค่อยได้ถ่ายภาพ เพราะฝนตกไปตลอดทาง เดี๋ยวตก เดี๋ยวหยุดจนขี้เกียจใส่เสื้อกันฝน 
     

     
    ช่วงเนินส่งญาติเนินแรกจะเป็นอะไรที่หนักสุดสำหรับผมแล้ว เพราะมันทั้งชันและเมื่อยมากๆ และดันกินเหล้าก่อนมาเลยเกิดอาการหน้ามืดตั้งแต่เนินแรก เกือบจะถอดใจแล้ว ยาดมก็ไม่มี ควักนีโอติก้าบาล์ม ยานวดมาดมแก้ขัดจนค่อยยังชั่วเลยเริ่มเดินต่อ 
     

     
     
     
     
     
     
  10. Like
  11. Like
    ken_style reacted to TeNNy in ทริป 3 เดินป่า ปีนดอย สอยตะวันที่ม่อนจอง By Kenny   
    ผมพึ่งไปมาวันที่ 22/02/2014 ครับ ตอนลงถึงกับแย่เลย ลื่นบ่อยมาก หมดสภาพ 555+
     





     
    ถ่ายด้วยกล้อง Compact เล็ก ๆ คับ
  12. Like
    ken_style got a reaction from mikekingkong in ทริป 6 ไปเบิกตาอีกครั้งที่ภูทับเบิก By Kenny   
    ได้เวลาอำลาภูทับเบิกแล้ว เราลงแวะไหว้พระที่วัดผาซ่อนแก้วก่อนกลับ กทม 
     

     

     

     

     

  13. Like
    ken_style reacted to Tommie in Hello from Canada   
    Hi paully,
     
    I think your question above is from CAPCHA system which is to verify you are not robot 
     
    You can copy this " ควาย " then fill in the blank for verify.
     
    Cheers,
  14. Like
    ken_style reacted to Pauly99to17 in Hello from Canada   
    Need help. I am trying to register on another Thai forum. I need to answer this question.
     
    ตัวอะไรไ้ว้ไถนา?:
     
    How do I write the answer in Thai?
  15. Like
    ken_style reacted to olkeyn in Trip Chiangrai วัดห้วยปลากั้ง + Farmfest2013 ไร่บุญรอด + ไร่ชาฉุยฟง   
    ทริปนี้ไปด้วยความไม่ได้เตรียมตัวอะไร อยู่ๆแฟนก็บอกว่ามีงานคอนเสริต์ที่ ไร่บุญรอดไปกันมั้ยก็เลยเป็นที่มาของ Trip นี้ครับ
     
    วัดห้วยปลากั้ง 

     

     

     

     

     
    FarmFest 2013 วันที่ 16 พฤศจิกายน 2556 คนเยอะมากๆๆๆๆๆ 

     

     

     

     

     

     

     

     

     
    ตอนเช้าไปต่อกันที่ไร่ชาฉุยฟง 
     
     

     

     
    ปีหน้าเจอกันอีกครับ FarmFest.... 
     
    หากว่างๆเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มาเที่ยวกันนะครับ ขอบคุณครับ 
     
  16. Like
    ken_style reacted to M PICCOLO in เที่ยว " ไม่ " ทั่วไทยโดย Design by : M Piccolo   
    มาต่อกันที่วันแรก.....
     
    ออกจากพิษณุโลก ยิงยาวถึงเขาค้อครับ
     
    ที่นี่ผมพักที่ แทนรักทะเลหมอก....ได้เห็นหมอกสมใจจริงๆครับ...
     
    ห้องพักขออนุญาติไม่เอารูปลงนะครับ
     
    ไปถึงห้องพักประมาณเกือย 5 โมงครับ
     
    อันนี้บรรยากาศประมาณ 5 โมงเย็นครับ...ไม่หนาวแต่ไม่ร้อนครับ กำลังดี..
     
     

     

     

     

     

     
     
     
    มาถึงตอนเช้ากันบ้างครับบบบบ ผมออกมาถ่ายรูปตั้งแต่ 6 โมง - 9 โมงครับ
    ที่ 10 โมงยังมีหมอกอยู่เลยย....สุดยอดจุงเบย...
     

     

     

     

     

     

     

     

     
     
     
     
    วันนี้พอแค่นี้ก่อนครับบบบบ
  17. Like
    ken_style reacted to M PICCOLO in เที่ยว " ไม่ " ทั่วไทยโดย Design by : M Piccolo   
    ช่วงนี้ไม่ได้เข้าเวปนี้เลยครับ ตอนนี้ผมขาย FD ไปแล้วครับ เลยไปเล่นอีกเวปครับ
     
    แต่ยังคงคิดถึงเวปนี้เสมอ
     
    เดี๋ยว 21-26 พย นี้ จะไป
     
    แม่สะเรียง - แม่ฮ่องสอน - ปาย - เชียงใหม่
     
    จะขออนุญาติเอารูปมาลงนะครับ
  18. Like
    ken_style got a reaction from Jenny in ทริป 3 เดินป่า ปีนดอย สอยตะวันที่ม่อนจอง By Kenny   
    .......ดอยม่อนจอง เป็นดอยสวยมากๆ อีกดอยหนึ่งที่นักท่องเที่ยวมักจะไม่ค่อยรู้จัก บางคนได้เคยได้ยินได้ฟังมาบ้างเกี่ยวกับดอยม่อนจองว่าที่นี่เป็นแหล่งที่อยู่ของเลียงผา กวางผา ดอยม่อนจองไม่ใช่อุทยานแห่งชาติเป็นเพียงเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าสังกัดอยู่กับเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอมก๋อย ผืนป่าดอยม่อนจองเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำปิงที่ไหลลงสู่เขื่อนภูมิพล ในด้านการท่องเที่ยว ดอยม่อนจองเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม บนเส้นทางเดินบนสันดอยไปสู่ยอดสูงสุดกว่า 3 กิโลเมตรเป็นจุดชมวิวที่เปิดโล่ง ทางด้านซ้ายเป็นหน้าผาสูงมองลงไปจะเห็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ทางด้านขวาเป็นป่าทึบซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า และป่าทางด้านซ้ายนี้ยังมีพันธ์ไม้ที่สำคัญคือต้นกุหลาบพันปี มีขึ้นอยู่เป็นดงๆ แต่ละต้นมีขนาดใหญ่มากเรียกได้ว่าทีนี่เป็นแหล่งของกุหลาบพันปีที่สมบูรณ์มาก ในช่วงฤดูหนาวจะออกดอกสีแดงสะพรั่งงดงามยิ่งนัก เมื่อกุหลาบพันปีมีดอกก็จะเป็นจุดดึงดูดให้นกสวยงามนานาชนิดมารวมกันที่นี้เพื่อดูดกินน้ำหวาน นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวในช่วงเวลานี้ก็จะได้เห็นทั้งดอกกุหลาบพันปีและได้ดูนกสวยงามอีกด้วย

    ที่ตั้ง ดอยม่อนจอง ตั้งอยู่กลางป่าลึกของผืนป่าอมก๋อย อยู่ในพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากอำเภอฮอด 145 กิโลเมตร ทิศตะวันออกจรดกับเขื่อนภูมิพล ด้านทิศตะวันตกติดกับถนนสายอมก๋อย-บ้านแม่ตื่น ทิศเหนือจรดกับพื้นที่อำเภอดอยเต่า ด้านทิศใต้จรดกับลำห้วยแม่ตื่นที่ไหลลงสู่เขื่อนภูมิพล ลักษณะของดอยม่อนจองหากดูจากภาพถ่ายทางอากาศก็จะเห็นเป็นแนวหน้าผายาวเป็นแนวกว่า 3 กิโลเมตร โดยมียอดดอยม่อนจอง ( ศรชี้) เป็นจุดสูงสุด จุดนี้มีชื่อเรียกว่าหัวสิงห์ เพราะมีลักษณะเหมือนหัวสิงโต ดอยม่อนจองมีความสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของยอดดอยสูงของไทย บางตำราก็ว่าสูง 1,886 เมตร บ้างก็ว่า 1,929 เมตร ส่วนตัวเลขจริงๆ สูงเท่าไรกระผมก็ไม่รู้หรอกรู้แต่ว่าสวย จากจุดกางเต็นท์พักแรมด้านซ้ายของภาพเมื่อเดินขึ้นยอดสูงสุดก็จะต้องเดินมาตามทางเดินบนสันเขา ( ดังภาพข้างล่าง) ระหว่างทางเดินขึ้นสู่ยอดหัวสิงห์จะเห็นวิวที่สวยงามมากๆ ชมวิวแบบโล่งตลอดทางเดินทางยาวเหยียด แล้วยิ่งในช่วงเช้าหากมีทะเลหมอกในหุบเขาเบื้องล่างก็จะยิ่งสวยงามมาก บริเวณด้านทิศตะวันออกของสันดอยเป็นป่าทึบ เป็นต้นน้ำลำธาร นักท่องเที่ยวก็ได้อาศัยแหล่งน้ำจากลำธารเล็กๆ บนผืนป่าแห่งนี้ใช้หุงหาอาหาร
     

  19. Like
    ken_style got a reaction from baee in จับรถ สส กลางงานทอดกฐิน   
    บังเอิญขับรถกลับจากพม่า ผ่านมาแถววัดท่าขนุน ทองผาภูมิ เห็นมีงานทอดกฐินเลยแวะไปร่วมทำบุญ เจอรถใน club คงเป็นรถที่มาร่วม
     
    งานทอดกฐิน รถสวยเงาวับสะดุดตาจนต้องเดินเข้าไปดู ยินดีที่ได้รู้จักครับ  
  20. Like
    ken_style got a reaction from M PICCOLO in ทริป 8 สำรวจเส้นทางแห่งสายน้ำ ฟองสบู่ - ตาขนดำ ปราจีนบุรี By Kenny   
    เรายืนกลางรุ่มถ่ายภาพกันไม่นาน ฝนเริ่มลงเม็ดหนาขึ้นเลย รีบเดินทางกลับมายังหน่วย ช่วงขากลับต้องเดินผ่านป่าทึบ และข้ามลำธารเล็กๆอีกเป็น 10  สายสภาพป่าก็เริ่มมืดลงเรื่อยๆทั้งๆที่เพื่งจะเป็นเวลาบ่าย พวกเราเดินกันไวมาก เจ้าหน้าที่เร่งเดินแทบไม่ได้หยุดพักเลย เพิ่งมาเฉลยทีหลังตอนหลุดมาจากป่าทึบช่วงนั้น เจ้าหน้าที่เขาเห็นสภาพป่าแล้วรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก เขาเลยเร่งพวกเรา อย่างว่าคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าเขาอาจจะมี six sense เกี่ยวกับรหัสของป่าที่คนเมืองอย่างเราไม่อาจรู้ได้ เราเก็บภาพเป็นที่ระลึกตรงชายป่า ก่อนกลับไปถึงหน่วย 
     

     

     
    ขากลับเราเดินกลับผ่านไปทางเส้นน้ำตกตะคร้อ น้ำตกวังเหว เหวอีอ่ำ และตาดหินยาว และยังมีอีกหลายน้ำตกที่อยู่บริเวณนั้น ซึ่งเป็นต้นน้ำของแก่งหินเพิง เราอำลาหน่วยตอนประมาณ 6 โมงแวะกินข้าวเย็นแถวตัวเมืองปราจีน ก่อนเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ 
     
    ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่คอยติดตามชมน่ะครับ เจอกันใหม่ทริปหน้า ซึ่งเป็นทริปเล็กทริปน้อยที่ยังไม่ได้เอาลง และทริปใหญ่ปลายปีนี้ครับ  
  21. Like
    ken_style got a reaction from M PICCOLO in ทริป 8 สำรวจเส้นทางแห่งสายน้ำ ฟองสบู่ - ตาขนดำ ปราจีนบุรี By Kenny   
    ..เช้าตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข เสียงนกขับขานดังก้องไพร จนไม่อยากลุกจากเปลเลย ช่วงแรกอาจจะร้อนอยู่บ้างแต่พอตกดึกอากาศเริ่มเย็น 
     

     

     
    น้ำตกฟองสบู่ กว้างประมาณ 30 เมตร สูงประมาณ 10 เมตร เล่นน้ำได้แต่ชายขอบเท่านั้น น้ำแรง ตกลงไปมีหวังเรียบร้อย
     

     

     

     
     
    เดินไปชมวิวน้ำตกที่น้อยคนจะได้เข้ามาสัมผัสกันซักหน่อย ซักหน่อย จากการสำรวจจังหวัดปราจีนเป็นจังหวัดที่มีน้ำตกมากที่สุดในประเทศไทย เฉพาะที่ตัวอำเภอประจันตคามมีน้ำตกถึง 17 แห่ง 
  22. Like
    ken_style got a reaction from M PICCOLO in ทริป 8 สำรวจเส้นทางแห่งสายน้ำ ฟองสบู่ - ตาขนดำ ปราจีนบุรี By Kenny   
    ถึงจุดตั้งแคมป์แล้ว ตอนแรกจะตั้งใกล้ริมน้ำ แต่กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะฝนตกตลอดมีโอกาศเกิดน้ำป่าได้ จึงเขยิบขึ้นมาตั้งไกลจากริมน้ำหน่อย ทำเลไม่ค่อยดีนักเพราะเต้มไปด้วยฝูงมด ที่ขึ้นมาคอยหาเศษอาหารตลอดเวลา แต่ก็ต้องจำใจ เพราะหาทำเลไม่ได้แล้ว 
     

     

     

     

     

     
    จัดแจงอาหารเย็นเรียบร้อย หาถ่ายภาพพันธ์ไม้รอบๆแค้มป์ที่พัก ไปก่อน เพราะใกล้ค่ำแล้ว พรุ่งนี้เช้าค่อยมาถ่ายน้ำตกกันใหม่
  23. Like
    ken_style got a reaction from M PICCOLO in ทริป 8 สำรวจเส้นทางแห่งสายน้ำ ฟองสบู่ - ตาขนดำ ปราจีนบุรี By Kenny   
    ทุลักทุเลกันพอสมควร แต่ก็ผ่านกันมาด้วยดี 
  24. Like
    ken_style got a reaction from garapgos in จับรถ สส กลางงานทอดกฐิน   
    บังเอิญขับรถกลับจากพม่า ผ่านมาแถววัดท่าขนุน ทองผาภูมิ เห็นมีงานทอดกฐินเลยแวะไปร่วมทำบุญ เจอรถใน club คงเป็นรถที่มาร่วม
     
    งานทอดกฐิน รถสวยเงาวับสะดุดตาจนต้องเดินเข้าไปดู ยินดีที่ได้รู้จักครับ  
  25. Like
    ken_style got a reaction from l-Ae-l in จับรถ สส กลางงานทอดกฐิน   
    บังเอิญขับรถกลับจากพม่า ผ่านมาแถววัดท่าขนุน ทองผาภูมิ เห็นมีงานทอดกฐินเลยแวะไปร่วมทำบุญ เจอรถใน club คงเป็นรถที่มาร่วม
     
    งานทอดกฐิน รถสวยเงาวับสะดุดตาจนต้องเดินเข้าไปดู ยินดีที่ได้รู้จักครับ  
×
×
  • Create New...