next9422

ลองชั่งใจดูครับ ระหว่างความสวยงาม
กับประโยชน์ใช้สอย ได้อย่างเสียอย่างครับ
แต่ถ้าอยากได้สองอย่างเสียอย่างเดียวก็ต้องนี้เลย
โปรเจคเตอร์ OEM นะครับไม่ใช่ของจีนหรือไตหวัน
ได้ทั้งสวยและสว่าง
เสียอย่างเดียวแพง

ลองชั่งใจดูครับ ระหว่างความสวยงาม
กับประโยชน์ใช้สอย ได้อย่างเสียอย่างครับ
แต่ถ้าอยากได้สองอย่างเสียอย่างเดียวก็ต้องนี้เลย
โปรเจคเตอร์ OEM นะครับไม่ใช่ของจีนหรือไตหวัน
ได้ทั้งสวยและสว่าง
เสียอย่างเดียวแพง

ของผมก็หมื่นโลเหมือนกัน

อ่านแล้วครับ ไม่ได้อ้างอิงถึงนะครับ มันคนละส่วนกัน

จากหัวข้อกระทู้ดังกลาวในข้างต้น ทำให้หลายท่านเกิดการเข้าใจผิดในเรื่องของระบบปรับอากาศ
สืบเนื่องมาจากหลายๆ ท่านเข้าใจผิดคิดว่าท่อที่นำยาแอร์ที่อยู่ในห้องเครื่องนั้น
 
++++++ ท่อที่เราจับแล้วเย็น หลายๆ ท่านตีความหมายว่ามันคือท่อที่นำน้ำยาแอร์ที่เย็น เพื่อส่งต่อไปยังคอล์ยเย็นในห้องโดยสาร (ท่อ L)
คำตอบ ผิดครับ มันคือท่อที่น้ำยาผ่านคอล์ยเย็นมาแล้ว แล้วกำลังจะกลับไปที่คอมเพรสเซอร์ครับ
 
++++++ ท่อที่เราจับแล้วอุ่น หลายๆท่านคิดว่ามันคือท่อที่ผ่านคอล์ยเย็นมาแล้ว (ท่อ H)
คำตอบ ผิดครับ มันคือท่อที่จะนำน้ำยาส่งไปที่คอล์ยเย็นในห้องโดยสารครับ
 
 
เรามาดูกันว่าจริงๆ แล้วระบบแอร์มันทำงานอย่างไร อุปกรณ์แต่ละตัวทำหน้าที่อะไร
 

 
 
การทำงานของระบบปรับอากาศรถยนต์
 
1.คอมเพรสเซอร์( Compressor) ทำหน้าที่ดูดสารทำความเย็นที่เข้ามาทาง ท่อซักชั่น ( Suction line )หรือท่อดูด ซึ่งดูดต่อมาจาก Expension Valve สารทำความเย็นที่ดูดเข้ามานี้มีสถานะเป็นไอ (ไออิ่มตัว saturated vapor )มีความดันต่ำและอุณหภูมิต่ำ(ท่อ L) แล้วอัดออกไปด้วยกำลังของเครื่องยนต์ หรือมอเตอร์ ออกมาทางท่อดิสชาร์จ ( Discharge line )หรือท่อจ่าย สารทำความเย็นที่ถูกอัดออกไปนี้จะมีสถานะเป็นไอ (ไอยิ่งยวด superheated vapor) มีความดันสูงและอุณหภูมิสูง
 
2.คอนเดนเซอร์ ( Condenser )หรือแผงรังผึ้งที่อยู่หน้ารถ ทำหน้าที่ระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็น โดยมีพัดลมทำหน้าที่ช่วยระบายความร้อน สารทำความเย็นที่ถูกอัดออกมาจาก คอมเพรสเซอร์ เข้ามาทางท่อท่อดิสชาร์จ ( Discharge line )หรือท่อจ่าย มีสถานะเป็นไอ (ไอยิ่งยวด superheated vapor)มีความดันสูงและอุณหภูมิสูง หลังจากระบายความร้อนออกแล้ว สารทำความเย็น จะมีสถานะเป็นของเหลว (ของเหลวอิ่มตัว satured liquid) มีความดันสูงและอุณหภูมิสูงลดลง
 
3.ดรายเออร์ และรีซีฟเวอร์ ( Drier & receiver) สารทำความเย็นที่ออกจาก คอนเดนเซอร์ จะถูกส่งมาที่ ดรายเออร์และรีซีฟเวอร์ เพื่อทำการกรอง , ดูดความชื้น และพักสารทำความเย็นเพื่อจะส่งต่อไปยัง แอ็กซแพนชั้นวาลว์ ผ่านทางท่อ ท่อลิควิด ( Liquid line ) หรือ ท่อ H
 
4.แอ็ก ซแพนชั้นวาลว์ ( Expansion valve)หรือคอล์ยเย็นที่อยู่ในห้องโดยสาร ทำหน้าที่ทำหน้าที่ลดความดัน ของสารทำความเย็น และควบคุมสารทำความเย็นที่ฉีดเข้าสู่อีวาโปเรเตอร์ ให้พอเหมาะที่จะกลายเป็นไอในอีวาโปเรเตอร์ การฉีดนั้นเช่นเดียวกับการฉีดน้ำทางท่อยางที่บีบปลายท่อใว้ สารทำความเย็นจะถูกฉีดเข้าไปเป็นฝอย จะมีสถานะเป็นไอเปียก มีความดันต่ำและอุณหภูมิต่ำ เข้าสู่ อีวาโปเรเตอร์
 
5.อี วาโปเรเตอร์ ( Evaporator ) รับสารทำความเย็นที่ฉีดออกมาจาก แอ็กซแพนชั้นวาลว์ ซึ่ง มีลักษณะเป็นฝอย มีสถานะเป็นไอเปียก มีความดันต่ำและอุณหภูมิต่ำ เนื่องจากคุณสมบัติของสารทำความเย็นที่มีจุดเดือดที่อุณหภูมิต่ำ ที่อีวาโปเรเตอร์นี้เองที่สารทำความเย็นจะดูดความร้อนเข้าสู่ตัวเองแล้วกลาย เป็นไอ (ไออิ่มตัว มีความดันต่ำ และอุณหภูมิต่ำ ) ออกจาก อีวาโปเรเตอร์แล้วถูกดูดเข้าสู่ คอมเพรสเซอร์ เมื่อความร้อนของอากาศโดยรอบอีวาโปเรเตอร์ถูกดูดออกไป ที่เหลือก็คืออากาศเย็น ที่พัดออกมาทางช่องลมเย็นนั้นเอง
 
 
เครดิต http://www.baanyo.co...le=detail&id=27
 
 
หลายๆ ท่านคงจะเข้าใจในระบบปรับอากาศมากขึ้นนะครับ
 
ส่วนที่จากหัวข้อกระทู้ดังกล่าวเป็นการ DIY ที่คงจะเกิดจากการเข้าใจผิด
เนื่องจากท่อ L ซึ่งนำน้ำยาแอร์จากแผงคอล์ยเย็น ซึ่งเป็นของเหลวและมีอุณหภูมิที่ต่ำ(จะเป็นเช่นนี้ต่อเมื่อระบบปรับอากาศได้ทำงานไปแล้วระยะหนึ่ง แต่ถ้ายังไม่สตาร์รถท่อนี้จะมีอุณหภูมิปกติ) แต่ถ้าเรานำท่อฉนวนไปหุ้มที่ท่อ L นี้จะส่งผลให้อุณหภูมิในท่อนี้ยิ่งลดต่ำกว่าปกติ อาจส่งผลให้คอมเพรสเซอร์น๊อคได้ ซึ่งในการออกแบบของวิศวกรได้ออกแบบไว้ให้ท่อได้รับการแลกเปลี่ยนความร้อนกับความร้อนของเครื่องยนต์อยู่แล้ว
 
ซึ่งถ้าอยากจะหุ้มแนะนำควรจะหุ้มท่อ H หลัง Drier มากกว่าครับ

รูปสวยมากๆ เลยครับ

ผิดปกติครับ สาเหตุที่ทำให้ผ้าเบรคด้านในหมดมากกว่าด้านนอก อันเนื่องมาจากขาปั้มตายครับ
 
เลยทำให้ปั้มเบรคไม่ขยับให้ตัว เลยเป็นเหตุให้ผ้าเบรคด้านที่อยู่ติดกับลูกสูบกินข้างเดียว
 
และเป็นสาเหตุทำให้เบรคไม่ค่อยอยู่ อันตรายนะครับ
 
วิธีเช็คและแก้ไข
 

 
1.ถอดผ้าเบรคออก
 
2.ประกอบปั้มเบรคกลับโดยไม่มีผ้าเบรค
 
3.ขยับปั้มตามแนวตั้งฉากกับหน้าจาน(ตามแนวลูกศร)
 
มันจะขยับไม่ได้ เป็นสาเหตุให้กินผ้าเบรคด้านเดียว
 
วิธีแก้ไข
 
1.ถอดน๊อตปั้มเบรคออก
 
2.ทำความสะอาดทั้ง 2 จุดที่ผมวงไว้
 
3.ทาจารบีใส่ทั้ง 2 ตำแหน่งที่วงไว้
 
4.เช็คซีลยางทั้ง 2 ตำแหน่งว่าขาดหรือไม่ ถ้าขาดก็เปลี่ยน
 
5.ประกอบกลับโดยไม่มีผ้าเบรคและลองขยับอีกครั้ง ต้องขยับได้นะครับ
 
6.ถ้าได้ก็ประกอบผ้าเบรคกลับ เป็นอันเสร็จครับ

พริ้ตตี้บูชเราน่ารักเชียว

งานใดๆ จะประสบความสำเร็จรุร่วงไปไม่ได้ หากเราไม่มีความสามัคคีกัน และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
 
นี้แหละที่มีอยู่ในบ้านแห่งนี้

งานใดๆ จะประสบความสำเร็จรุร่วงไปไม่ได้ หากเราไม่มีความสามัคคีกัน และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
 
นี้แหละที่มีอยู่ในบ้านแห่งนี้

เปิดฝาครอบเครื่องออก และถอดน๊อตเบอร์ 10 ยึดสายกราวด์





ใช้ไขควงปากแบนเสียบง้างเบาๆ แล้วรางไฟขึ้น ถอดปลั้กหัวฉีดออกให้หมด



ถอดท่อหายใจออก



ถอดน๊อตเบอร์ 12 ยึดรางออก แล้วค่อยๆ ยกรางหัวฉีดขึ้น ค่อยๆยกซ้ายขวาขึ้นพร้อมๆ กัน



ถอดครอบสายน้ำมันออกง้างเบาๆ



บีบกิ๊ปฟ้าแล้วดึงรางหัวฉีดออก







ถอดกิ๊ปล๊อคหัวฉีดออก ง้างๆขาเหล็กสองข้างแล้วดึงออก



ถอดออกมาไม่ต้องกลัวใส่ผิด เพราะมีเขี้ยวบังคับอยู่



เวลาเทส ดูที่หัวฉีดมีบอกขั้ว บวก ลบ อยู่







อย่าไปแกะเหมือนผมนะครับ เดี๋ยวจะไม่มีกรองละเอียดที่หัวฉีด เลยต้องทำกรองละเอียดใหม่ให้มันซะหน่อย



เบอร์หัวฉีดที่ใช้ ของผมเครื่อง 2.0 นะครับ



มีวิธีล้างหลายวิธี แล้วแต่ความสะดวก แต่ของผมใช้ที่ฉีดน้ำแบบมีปั้มลมเป็นตัวล้าง ลืมถ่ายรูป



ตามรูปถือว่ายังไม่ผ่าน ต้องล้างจนกว่าจะฉีดเป็นละออง ไม่เป็นสาย

เสร็จเรียบร้อยก็ประกอบกลับ เป็นอันเสร็จ

ผิดปกติครับ สาเหตุที่ทำให้ผ้าเบรคด้านในหมดมากกว่าด้านนอก อันเนื่องมาจากขาปั้มตายครับ
 
เลยทำให้ปั้มเบรคไม่ขยับให้ตัว เลยเป็นเหตุให้ผ้าเบรคด้านที่อยู่ติดกับลูกสูบกินข้างเดียว
 
และเป็นสาเหตุทำให้เบรคไม่ค่อยอยู่ อันตรายนะครับ
 
วิธีเช็คและแก้ไข
 

 
1.ถอดผ้าเบรคออก
 
2.ประกอบปั้มเบรคกลับโดยไม่มีผ้าเบรค
 
3.ขยับปั้มตามแนวตั้งฉากกับหน้าจาน(ตามแนวลูกศร)
 
มันจะขยับไม่ได้ เป็นสาเหตุให้กินผ้าเบรคด้านเดียว
 
วิธีแก้ไข
 
1.ถอดน๊อตปั้มเบรคออก
 
2.ทำความสะอาดทั้ง 2 จุดที่ผมวงไว้
 
3.ทาจารบีใส่ทั้ง 2 ตำแหน่งที่วงไว้
 
4.เช็คซีลยางทั้ง 2 ตำแหน่งว่าขาดหรือไม่ ถ้าขาดก็เปลี่ยน
 
5.ประกอบกลับโดยไม่มีผ้าเบรคและลองขยับอีกครั้ง ต้องขยับได้นะครับ
 
6.ถ้าได้ก็ประกอบผ้าเบรคกลับ เป็นอันเสร็จครับ

ของแต่งรถทุกอย่าง (ของแท้) ถามว่าใส่แล้วดีขึ้นไหม? ดีขึ้นครับ แต่...
ตราบใดถ้าคุณไม่รู้สมรรถนะของรถคุณเอง ก็มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้เสมอ
 
เช่น
 
เปลี่ยนจานเบรคและปั้มเบรคให้ใหญ่ขึ้น ดีไหม? ดีแน่นอน แต่
ถ้าคุณเหยียบเบรคเหมือนตอนยังไม่เปลี่ยนเบรค คุณอาจควบคุมรถไม่ได้
 
ฉะนั้นคุณต้องรู้สมรรถนะของรถคุณด้วย แล้วคุณจะขับขี่ได้ปลอดภัยขึ้น

เปิดฝาครอบเครื่องออก และถอดน๊อตเบอร์ 10 ยึดสายกราวด์





ใช้ไขควงปากแบนเสียบง้างเบาๆ แล้วรางไฟขึ้น ถอดปลั้กหัวฉีดออกให้หมด



ถอดท่อหายใจออก



ถอดน๊อตเบอร์ 12 ยึดรางออก แล้วค่อยๆ ยกรางหัวฉีดขึ้น ค่อยๆยกซ้ายขวาขึ้นพร้อมๆ กัน



ถอดครอบสายน้ำมันออกง้างเบาๆ



บีบกิ๊ปฟ้าแล้วดึงรางหัวฉีดออก







ถอดกิ๊ปล๊อคหัวฉีดออก ง้างๆขาเหล็กสองข้างแล้วดึงออก



ถอดออกมาไม่ต้องกลัวใส่ผิด เพราะมีเขี้ยวบังคับอยู่



เวลาเทส ดูที่หัวฉีดมีบอกขั้ว บวก ลบ อยู่







อย่าไปแกะเหมือนผมนะครับ เดี๋ยวจะไม่มีกรองละเอียดที่หัวฉีด เลยต้องทำกรองละเอียดใหม่ให้มันซะหน่อย



เบอร์หัวฉีดที่ใช้ ของผมเครื่อง 2.0 นะครับ



มีวิธีล้างหลายวิธี แล้วแต่ความสะดวก แต่ของผมใช้ที่ฉีดน้ำแบบมีปั้มลมเป็นตัวล้าง ลืมถ่ายรูป



ตามรูปถือว่ายังไม่ผ่าน ต้องล้างจนกว่าจะฉีดเป็นละออง ไม่เป็นสาย

เสร็จเรียบร้อยก็ประกอบกลับ เป็นอันเสร็จ

เปิดฝาครอบเครื่องออก และถอดน๊อตเบอร์ 10 ยึดสายกราวด์





ใช้ไขควงปากแบนเสียบง้างเบาๆ แล้วรางไฟขึ้น ถอดปลั้กหัวฉีดออกให้หมด



ถอดท่อหายใจออก



ถอดน๊อตเบอร์ 12 ยึดรางออก แล้วค่อยๆ ยกรางหัวฉีดขึ้น ค่อยๆยกซ้ายขวาขึ้นพร้อมๆ กัน



ถอดครอบสายน้ำมันออกง้างเบาๆ



บีบกิ๊ปฟ้าแล้วดึงรางหัวฉีดออก







ถอดกิ๊ปล๊อคหัวฉีดออก ง้างๆขาเหล็กสองข้างแล้วดึงออก



ถอดออกมาไม่ต้องกลัวใส่ผิด เพราะมีเขี้ยวบังคับอยู่



เวลาเทส ดูที่หัวฉีดมีบอกขั้ว บวก ลบ อยู่







อย่าไปแกะเหมือนผมนะครับ เดี๋ยวจะไม่มีกรองละเอียดที่หัวฉีด เลยต้องทำกรองละเอียดใหม่ให้มันซะหน่อย



เบอร์หัวฉีดที่ใช้ ของผมเครื่อง 2.0 นะครับ



มีวิธีล้างหลายวิธี แล้วแต่ความสะดวก แต่ของผมใช้ที่ฉีดน้ำแบบมีปั้มลมเป็นตัวล้าง ลืมถ่ายรูป



ตามรูปถือว่ายังไม่ผ่าน ต้องล้างจนกว่าจะฉีดเป็นละออง ไม่เป็นสาย

เสร็จเรียบร้อยก็ประกอบกลับ เป็นอันเสร็จ

อึ้ง Civic ดีเซลยอดประหยัด 27.7 กม./ลิตร ในอังกฤษเคาะราคา 970,000 บาท
 
 
 
Honda Uk เพิ่งจะเริ่มวางจำหน่ายรถยนต์ Honda Civic 2012 ใหม่อย่างเป็นทางการ ในเวอร์ชั่นเครื่องยนต์ดีเซล ที่ถือเป็นปฐมบทใหม่ของค่ายรถยนต์ฮอนด้า ในการสร้างความแตกต่าง โดยในเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.6 ลิตร i-Dtec ใหม่ จะมาพร้อมพละกำลังสูงสุด 118 แรงม้า ที่ 4000 รอบต่อนาที จากเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 1.6 ลิตร พร้อมแรงบิดทรงพลัง 300 นิวตันเมตร ที่ 2000 รอบ ต่อนาที โดยจะวางไว้ในรถยนต์รุ่น Hatchback ซึ่งมีกำหนดการแนะนำสู่ตลาดอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมกราคมปีหน้า
 

 
สำหรับการวางจำหน่าย ฮอนด้า ซีวิค รุ่นแฮทช์แบ็ค ในเวอร์ชั่นดีเซลในอังกฤษ ทาง Honda กำหนดราคาจำหน่ายไว้ที่ 19,400 ปอนด์ หรือ ตกราคาประมาณ 970,000 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบัน โดยเครื่องยนต์ 1.6 i-DTEC จะมาพร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และใช้แพลทฟอร์มการขับเคลื่อนล้อหน้า
แม้ฮอนด้าจะไม่ถนัดเครื่องยนต์ดีเซลมากนัก แต่ก็มันใจว่าเครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้มีความประหยัดมาก ด้วยสถิติประหยัดที่มากถึง 3.6 ลิตร / 100 กิโลเมตร หรือเทียบเท่า 27.7 กิโลเมตร / ลิตร และพร้อมกันนี้ยังปล่อยไอเสียต่ำเพียง 94 กรัม / กิโลเมตรเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่า Honda Civic ดีเซล จะยังไม่มีแผนในการวางจำหน่ายที่อื่น นอกจากอังกฤษและยุโรป แต่มีบางกระแสเปิดเผยว่า ฮอนด้า อาจจะมีการแนะนำรถรุ่นนี้เข้าตลาดอเมริกาในอนาคต
 
เครดิต : http://auto.sanook.c...คาะราคา-970000/

http://www.hondajazz-club.com/smf/index.php?topic=303622.0
 
ลองดูครับ

มีีใครลองยังอ่ะครับ มันใช้ได้จริง จริงหรอครับ

นานาจิตตังนะคุณต้น มันเป็นของแต่งสำหรับรถแข่ง
แต่พวกแต่งรถทั่วไปก็เอามาใส่กัน เพื่อให้รู้สึกว่าได้แต่ง
แต่มันก็ได้ประโยชน์ในระดับนึงในรถเดิมๆ
 

จากหัวข้อกระทู้ดังกลาวในข้างต้น ทำให้หลายท่านเกิดการเข้าใจผิดในเรื่องของระบบปรับอากาศ
สืบเนื่องมาจากหลายๆ ท่านเข้าใจผิดคิดว่าท่อที่นำยาแอร์ที่อยู่ในห้องเครื่องนั้น
 
++++++ ท่อที่เราจับแล้วเย็น หลายๆ ท่านตีความหมายว่ามันคือท่อที่นำน้ำยาแอร์ที่เย็น เพื่อส่งต่อไปยังคอล์ยเย็นในห้องโดยสาร (ท่อ L)
คำตอบ ผิดครับ มันคือท่อที่น้ำยาผ่านคอล์ยเย็นมาแล้ว แล้วกำลังจะกลับไปที่คอมเพรสเซอร์ครับ
 
++++++ ท่อที่เราจับแล้วอุ่น หลายๆท่านคิดว่ามันคือท่อที่ผ่านคอล์ยเย็นมาแล้ว (ท่อ H)
คำตอบ ผิดครับ มันคือท่อที่จะนำน้ำยาส่งไปที่คอล์ยเย็นในห้องโดยสารครับ
 
 
เรามาดูกันว่าจริงๆ แล้วระบบแอร์มันทำงานอย่างไร อุปกรณ์แต่ละตัวทำหน้าที่อะไร
 

 
 
การทำงานของระบบปรับอากาศรถยนต์
 
1.คอมเพรสเซอร์( Compressor) ทำหน้าที่ดูดสารทำความเย็นที่เข้ามาทาง ท่อซักชั่น ( Suction line )หรือท่อดูด ซึ่งดูดต่อมาจาก Expension Valve สารทำความเย็นที่ดูดเข้ามานี้มีสถานะเป็นไอ (ไออิ่มตัว saturated vapor )มีความดันต่ำและอุณหภูมิต่ำ(ท่อ L) แล้วอัดออกไปด้วยกำลังของเครื่องยนต์ หรือมอเตอร์ ออกมาทางท่อดิสชาร์จ ( Discharge line )หรือท่อจ่าย สารทำความเย็นที่ถูกอัดออกไปนี้จะมีสถานะเป็นไอ (ไอยิ่งยวด superheated vapor) มีความดันสูงและอุณหภูมิสูง
 
2.คอนเดนเซอร์ ( Condenser )หรือแผงรังผึ้งที่อยู่หน้ารถ ทำหน้าที่ระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็น โดยมีพัดลมทำหน้าที่ช่วยระบายความร้อน สารทำความเย็นที่ถูกอัดออกมาจาก คอมเพรสเซอร์ เข้ามาทางท่อท่อดิสชาร์จ ( Discharge line )หรือท่อจ่าย มีสถานะเป็นไอ (ไอยิ่งยวด superheated vapor)มีความดันสูงและอุณหภูมิสูง หลังจากระบายความร้อนออกแล้ว สารทำความเย็น จะมีสถานะเป็นของเหลว (ของเหลวอิ่มตัว satured liquid) มีความดันสูงและอุณหภูมิสูงลดลง
 
3.ดรายเออร์ และรีซีฟเวอร์ ( Drier & receiver) สารทำความเย็นที่ออกจาก คอนเดนเซอร์ จะถูกส่งมาที่ ดรายเออร์และรีซีฟเวอร์ เพื่อทำการกรอง , ดูดความชื้น และพักสารทำความเย็นเพื่อจะส่งต่อไปยัง แอ็กซแพนชั้นวาลว์ ผ่านทางท่อ ท่อลิควิด ( Liquid line ) หรือ ท่อ H
 
4.แอ็ก ซแพนชั้นวาลว์ ( Expansion valve)หรือคอล์ยเย็นที่อยู่ในห้องโดยสาร ทำหน้าที่ทำหน้าที่ลดความดัน ของสารทำความเย็น และควบคุมสารทำความเย็นที่ฉีดเข้าสู่อีวาโปเรเตอร์ ให้พอเหมาะที่จะกลายเป็นไอในอีวาโปเรเตอร์ การฉีดนั้นเช่นเดียวกับการฉีดน้ำทางท่อยางที่บีบปลายท่อใว้ สารทำความเย็นจะถูกฉีดเข้าไปเป็นฝอย จะมีสถานะเป็นไอเปียก มีความดันต่ำและอุณหภูมิต่ำ เข้าสู่ อีวาโปเรเตอร์
 
5.อี วาโปเรเตอร์ ( Evaporator ) รับสารทำความเย็นที่ฉีดออกมาจาก แอ็กซแพนชั้นวาลว์ ซึ่ง มีลักษณะเป็นฝอย มีสถานะเป็นไอเปียก มีความดันต่ำและอุณหภูมิต่ำ เนื่องจากคุณสมบัติของสารทำความเย็นที่มีจุดเดือดที่อุณหภูมิต่ำ ที่อีวาโปเรเตอร์นี้เองที่สารทำความเย็นจะดูดความร้อนเข้าสู่ตัวเองแล้วกลาย เป็นไอ (ไออิ่มตัว มีความดันต่ำ และอุณหภูมิต่ำ ) ออกจาก อีวาโปเรเตอร์แล้วถูกดูดเข้าสู่ คอมเพรสเซอร์ เมื่อความร้อนของอากาศโดยรอบอีวาโปเรเตอร์ถูกดูดออกไป ที่เหลือก็คืออากาศเย็น ที่พัดออกมาทางช่องลมเย็นนั้นเอง
 
 
เครดิต http://www.baanyo.co...le=detail&id=27
 
 
หลายๆ ท่านคงจะเข้าใจในระบบปรับอากาศมากขึ้นนะครับ
 
ส่วนที่จากหัวข้อกระทู้ดังกล่าวเป็นการ DIY ที่คงจะเกิดจากการเข้าใจผิด
เนื่องจากท่อ L ซึ่งนำน้ำยาแอร์จากแผงคอล์ยเย็น ซึ่งเป็นของเหลวและมีอุณหภูมิที่ต่ำ(จะเป็นเช่นนี้ต่อเมื่อระบบปรับอากาศได้ทำงานไปแล้วระยะหนึ่ง แต่ถ้ายังไม่สตาร์รถท่อนี้จะมีอุณหภูมิปกติ) แต่ถ้าเรานำท่อฉนวนไปหุ้มที่ท่อ L นี้จะส่งผลให้อุณหภูมิในท่อนี้ยิ่งลดต่ำกว่าปกติ อาจส่งผลให้คอมเพรสเซอร์น๊อคได้ ซึ่งในการออกแบบของวิศวกรได้ออกแบบไว้ให้ท่อได้รับการแลกเปลี่ยนความร้อนกับความร้อนของเครื่องยนต์อยู่แล้ว
 
ซึ่งถ้าอยากจะหุ้มแนะนำควรจะหุ้มท่อ H หลัง Drier มากกว่าครับ

ตัดหมอกโปรเจคเตอร์เคยเห็นแต่ของตัว MUGEN RR อะครับ
ตัวปรกติไม่เห็นเหมือนกัน

นักร้องแต่ล่ะคนของรายการนี้ต้องบอกว่าสุดยอดมากเลยครับ

bicymple จักรยานดีไซน์ใหม่ ขับเคลื่อนล้อหลัง ส่องทุกซอกมุม bicymple จักรยานแบบใหม่ ขับเคลื่อนล้อหลัง จักรยาน bicymple ถือว่าเป็นดีไซน์ที่เรียกได้ว่า เป็นการย้อนกลับไปสู่เบสิค ความเรียบง่าย ตามแบบของจักรยานเลยก็ว่าได้ ไม่มีเกียร์ ไม่มีจานโซ่ และ ตัดส่วนที่เสริมที่ไม่จำเป็นออกไปเกือบหมด ทำที่ปั่นเชื่อมกับล้อโดยตรง แถมยังเป็นล้อหลังซะด้วย ล้อหน้าก็เชื่อมกับแฮนด์บาร์ แบบล็อคเอาไว้เลย เนื่องจากไม่ต้องใช้โซ่ และ จานโซ่ ในการขับเคลื่อน ทำให้รถจักรยานสั้นกว่าแบบปกติ น้ำหนักเบากว่าปกติ เจ๋งดีอะ! เรียกง่ายๆเลยว่า เจ้าจักรยาน bicymple ตัวนี้ มาแบบเปลือยๆ มีแค่เฟรม ล้อหน้า-หลัง ที่ปั่น และ เบาะนั่ง แค่นั้นเลยทั้งคัน ว่าแล้วไปดูกันดีกว่าว่าเจ้า bicymple มันเจ๋งแค่ไหน รูปเซตนี้จัดมาให้ดูทุกซอกทุกมุมเลยครับ
 
 
เครดิต : http://world.kapook....8217a940b000000

เืทพที่สุดใน 3 โลก
 
เครดิต : http://world.kapook....8217a5611000006

เืทพที่สุดใน 3 โลก
 
เครดิต : http://world.kapook....8217a5611000006