Jump to content

จะเติม E85 ทำแบบไหนดี


Recommended Posts

ปีใหม่ มีโปรเจคจะเติม E85 ครับ ลองดูก็มีอยู่ 2-3 ทางเลือกครับ ไม่รู้จะเอาแบบไหนดี

 

1. ง่ายสุด คือ ติดกล่อง E85 + หัวฉีดเดิมเปลี่ยนกรองหัวฉีดเป็นแบบโลหะ วิธีนี้ผมว่าง่ายสุดประหยัดสุด ผมลัพธิ์ช่วยแนะนำหน่อยครับ

 

2. คล้ายๆ ข้อแรกคือ ติดกล่อง E85 + กรองหัวฉีดโลหะ + ลูกลอย + ปั้มติ๊ก แบบนี้อาจะพูดได้ว่าทำและจบ ตัดปัญหาที่จะเกิดตามหลัง เพราะทางเดินน้ำมัน ได้ยินมาว่าเป็นชุดเดียวกับ FB ซึ่งเติม E85 อยู่แล้ว

 

3. เปลี่ยนหัวฉีดขนาดใหญ่ขึ้น + ลูกลอย + ปั้มติ๊ก อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าผลเป็นไง แต่ผม(คิดเอง) ว่าหัวฉีดซีซีเยอะขึ้น ฉีดน้ำมันเยอะขึ้น(A/F ratio เหมาะสมกับ E85) แต่อยากถามเพิ่มเติมว่า ถ้าอยากเติม E85 (กรณีหาปั้มไม่ได้) จะมีผลกับการกินน้ำมันเพิ่มมากกว่าปกติไหม เพราะมันเป็นการบังคับจ่ายน้ำมัน ซึ่งไม่เหมือนกับพวกกล่อง E85 ซึ่งมันจะแปลผันหรือปรับ A/F ratio ให้เหมาะสมกับค่าออกเทนในขณะนั้นๆ 

 

4. ซื้อกล่องพวก Piggyback ซึ่งมันจูน E85 ได้(เพื่อจูนอย่างอื่นด้วยเลย)  + หัวฉีดเดิมเปลี่ยนกรองหัวฉีดเป็นแบบโลหะ + ลูกลอย + ปั้มติ๊ก งบเยอะ แต่ไม่รู้ผลที่ได้รับเป็นยังไงบ้าง

 

ช่วยแนะนำผลการติดตั้ง ใช้งาน ข้อดี ข้อเสีย หน่อยครับ

 

ส่วนวิธีอื่น แนะนำได้เลยครับ กำลังเก็บข้อมูลอยู่ ยิ่งเยอะยิ่งดีครับ

 

ขอบคุณครับ

 

Link to comment
Share on other sites

ถ้าเป้าหมายคือ ราคาประหยัด ก็ Case ผมครับ

------------------------------------

งบประมาณ ไม่เกิน 6000 บาท

- เปลี่ยนหัวฉีด R20 (มือสอง)

- เปลียนลูกลอย for E85  

----------------------------------

FD 1.8 (รุ่นรองรับ E20)

ล้อแม็กซ์ 18"

----------------------------------

การใช้งาน : ปกติ
วิ่งมาแล้ว : 9000 กม.

รูปแบบการขับขี่ : เขตเมือง รถติดเช้า + เย็ฯ

กม/ลิตร = 8-9 กม.

บาท/กม.= ~2.8 บาท/กม.

---------------------------------

น้ำมันที่เติม หลักๆ : E85เต็มถังแค่ 9xx บาท

น้ำมัน E20 : เติมได้ปกติ

น้ำมัน Gasohol91 : เติมได้ปกติ

น้ำมันอื่นๆ : ไม่เคยลองครับ มันแพง

---------------------------------

*ถ้าหาปั้มเติม E85 ไม่ได้ ผมก็เติม E20 นิดเดียวแค่ 2-300 บาท

แล้วมาเติม E85 ผสมปนไปมา ก็ได้ไม่มีปัญหา

---------------------------------

สรุปเคสผม รถปกติ ไม่มีปัญหาระบบเชื่อเพลิง ครับ

Link to comment
Share on other sites

ถ้าเป้าหมายคือ ราคาประหยัด ก็ Case ผมครับ

------------------------------------

งบประมาณ ไม่เกิน 6000 บาท

- เปลี่ยนหัวฉีด R20 (มือสอง)

- เปลียนลูกลอย for E85  

----------------------------------

FD 1.8 (รุ่นรองรับ E20)

ล้อแม็กซ์ 18"

----------------------------------

การใช้งาน : ปกติ

วิ่งมาแล้ว : 9000 กม.

รูปแบบการขับขี่ : เขตเมือง รถติดเช้า + เย็ฯ

กม/ลิตร = 8-9 กม.

บาท/กม.= ~2.8 บาท/กม.

---------------------------------

น้ำมันที่เติม หลักๆ : E85เต็มถังแค่ 9xx บาท

น้ำมัน E20 : เติมได้ปกติ

น้ำมัน Gasohol91 : เติมได้ปกติ

น้ำมันอื่นๆ : ไม่เคยลองครับ มันแพง

---------------------------------

*ถ้าหาปั้มเติม E85 ไม่ได้ ผมก็เติม E20 นิดเดียวแค่ 2-300 บาท

แล้วมาเติม E85 ผสมปนไปมา ก็ได้ไม่มีปัญหา

---------------------------------

สรุปเคสผม รถปกติ ไม่มีปัญหาระบบเชื่อเพลิง ครับ

 

ขอบคุณมากครับ

 

ลืมบอกว่ารถผมเป็น 1.8 E AT (AS) ปี 2010 ครับ รองรับ E20 คับ

Link to comment
Share on other sites

  เท่าที่ผมรู้มา เรื่องการจ่ายน้ำมันจะถูกสั่งงานด้วยกล่อง ECU โดยมีเซ็นเซอร์ตรวจจับอากาศก่อนเข้าห้องไอดีกับเซ็นเซอร์ตรวจจับอากาศที่ออกทางท่อไอเสีย ส่วนจะใช้กันกี่ตัวก็แล้วแต่ผู้ออกแบบเครื่องยนต์ไม่ขอลงลึกล่ะเอาแบบหลักๆ ก็มีเซ็นเซอร์อากาศก่อนเข้าไอดี กับเซ็นเซอร์ไอเสีย หน้าที่ของมันก็วัดปริมาณออกซิเจนกับวัดปรมาณคาร์บอนเพื่อควบคุมการจ่ายน้ำมันให้เหมาะสมทุกย่านหรือการกดคันเร่งถอนเร่ง สมมุติเราเปลี่ยนมาใช้ E85 รถมันไม่รู้หรอกว่ามันกินอะไรอยู่แต่มันจะรู้ว่าปริมาณคาร์บอนทางไอเสียมันน้อยลงเซ็นเซอร์ก็จะไปบอกกล่อง ECU ว่าคาร์บอนน้อยไปนะจ่ายน้ำมันเพิ่มด้วย

  เข้าเรื่องเลยนะครับ

หัวฉีดเดิมเปลี่ยนกรองหัวฉีดเป็นแบบโลหะกล่อง E85 ยังไม่ต้องติดเพราะ ECU เดิมสามารถจ่ายน้ำมันได้ตามข้างบน เปลี่ยนกรองหัวฉีดแบบโลหะ ส่วนปั๊มติ๊กกับท่อน้ำมันนี้ไม่รู้รอผู้รู้อีกที ส่วน Piggyback ซึ่งมันจูน E85 ได้ ผมก็ว่าไม่จำเป็นนอกจากจะปรับแ่ต่งโมดิฟายเครื่องยนต์ จนกล่อง ECU ติดรถไม่สามารถจ่ายได้ทุกย่าน ถึงค่อยใช้ Piggyback

Link to comment
Share on other sites

สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนหัวฉีดที่มีขนาดอัตราการฉีดมากขึ้นเมื่อจะทำรถเติม E85 เพราะว่า หัวฉีดเดิมให้อัตราการจ่ายน้ำมันไม่เพียงพอครับผม ที่ Stoichiometric ของน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไปจะอยู่ที่ 14.7:1 ส่วนน้ำมัน E85 จะอยู่ที่ 9.9:1 ครับ

Link to comment
Share on other sites

ถ้าเป้าหมายคือ ราคาประหยัด ก็ Case ผมครับ

------------------------------------

งบประมาณ ไม่เกิน 6000 บาท

- เปลี่ยนหัวฉีด R20 (มือสอง)

- เปลียนลูกลอย for E85  

----------------------------------

FD 1.8 (รุ่นรองรับ E20)

ล้อแม็กซ์ 18"

----------------------------------

การใช้งาน : ปกติ

วิ่งมาแล้ว : 9000 กม.

รูปแบบการขับขี่ : เขตเมือง รถติดเช้า + เย็ฯ

กม/ลิตร = 8-9 กม.

บาท/กม.= ~2.8 บาท/กม.

---------------------------------

น้ำมันที่เติม หลักๆ : E85เต็มถังแค่ 9xx บาท

น้ำมัน E20 : เติมได้ปกติ

น้ำมัน Gasohol91 : เติมได้ปกติ

น้ำมันอื่นๆ : ไม่เคยลองครับ มันแพง

---------------------------------

*ถ้าหาปั้มเติม E85 ไม่ได้ ผมก็เติม E20 นิดเดียวแค่ 2-300 บาท

แล้วมาเติม E85 ผสมปนไปมา ก็ได้ไม่มีปัญหา

---------------------------------

สรุปเคสผม รถปกติ ไม่มีปัญหาระบบเชื่อเพลิง ครับ

 

ว่าแต่ว่ารถผม ตัว FD 1.8 ปี 2010 เติม E20 ได้อยู่ครับ  แต่มันเปลี่ยนหัวฉีดเป็นพวก R20 ต้องแปลงหรือทำอะไรเพิ่มไหมครับ หรือใส่ได้พอดีเลย 

 

  เท่าที่ผมรู้มา เรื่องการจ่ายน้ำมันจะถูกสั่งงานด้วยกล่อง ECU โดยมีเซ็นเซอร์ตรวจจับอากาศก่อนเข้าห้องไอดีกับเซ็นเซอร์ตรวจจับอากาศที่ออกทางท่อไอเสีย ส่วนจะใช้กันกี่ตัวก็แล้วแต่ผู้ออกแบบเครื่องยนต์ไม่ขอลงลึกล่ะเอาแบบหลักๆ ก็มีเซ็นเซอร์อากาศก่อนเข้าไอดี กับเซ็นเซอร์ไอเสีย หน้าที่ของมันก็วัดปริมาณออกซิเจนกับวัดปรมาณคาร์บอนเพื่อควบคุมการจ่ายน้ำมันให้เหมาะสมทุกย่านหรือการกดคันเร่งถอนเร่ง สมมุติเราเปลี่ยนมาใช้ E85 รถมันไม่รู้หรอกว่ามันกินอะไรอยู่แต่มันจะรู้ว่าปริมาณคาร์บอนทางไอเสียมันน้อยลงเซ็นเซอร์ก็จะไปบอกกล่อง ECU ว่าคาร์บอนน้อยไปนะจ่ายน้ำมันเพิ่มด้วย

  เข้าเรื่องเลยนะครับ

หัวฉีดเดิมเปลี่ยนกรองหัวฉีดเป็นแบบโลหะกล่อง E85 ยังไม่ต้องติดเพราะ ECU เดิมสามารถจ่ายน้ำมันได้ตามข้างบน เปลี่ยนกรองหัวฉีดแบบโลหะ ส่วนปั๊มติ๊กกับท่อน้ำมันนี้ไม่รู้รอผู้รู้อีกที ส่วน Piggyback ซึ่งมันจูน E85 ได้ ผมก็ว่าไม่จำเป็นนอกจากจะปรับแ่ต่งโมดิฟายเครื่องยนต์ จนกล่อง ECU ติดรถไม่สามารถจ่ายได้ทุกย่าน ถึงค่อยใช้ Piggyback

 

เปลี่ยนแค่กรองหัวฉีดเป็นโลหะ อย่างเดียวก็เติม E85 ได้แล้วเหรอครับ(เอาแค่เติมได้ก่อนนะ ส่วนเรืองผมกระทบกับ ปั้มติ๊ก ลูกลอยเพี้ยน มันต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว)

 

สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนหัวฉีดที่มีขนาดอัตราการฉีดมากขึ้นเมื่อจะทำรถเติม E85 เพราะว่า หัวฉีดเดิมให้อัตราการจ่ายน้ำมันไม่เพียงพอครับผม ที่ Stoichiometric ของน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไปจะอยู่ที่ 14.7:1 ส่วนน้ำมัน E85 จะอยู่ที่ 9.9:1 ครับ

 

อ้ออ ผมเข้าใจว่า กล่อง ECU เดิมๆ ของ FD 1.8 E ปี 2010 มันสามารถใช้งานร่วมกันได้กับ E85 อยู่แล้ว เหมือนที่คุณ Toajee แต่เพียงแค่เปลี่ยนหัวฉีดเพื่อเพิ่มอัตราการจ่ายน้ำมัน เพื่อรองรองอัตรา A/F ที่ 9.9:1 อย่างที่คุณ Dirty Bit พูดมา  เข้าใจว่า หัวฉีดเดิมฉีดได้เต็มที่คือ 14.7:1 (ฉีดน้ำมันหนาสุด)  ผมเข้าใจแบบนี้ถูกหรือป่าวครับ

 

ช่วยแนะนำด้วยครับ

 

ปล. ขอถามเพิ่มอีกนิดครับ A/F Ratio เนี่ยมันจะเท่ากับ 14.7:1 ตลอดเวลาเลยไหมครับ ทุกรอบเเครื่องยนต์ หรือว่าเป็นค่า Max ครับ ตอนเครื่อง Open loop หรือช่วง Peak สุดของรอบเครื่องยนต์ครับ 

Link to comment
Share on other sites

 

หัวฉีด R20 มี 10 รูฝอย // ไม่ต้องแปลงปลั๋ก ใส่กับ FD1.8 ได้เลยครับ

 

 

หัวฉีด R18 เป็น 8 รู ใช่ไหมครับ

 

แล้ว หัวฉีด R20 นี่มันอยู่ใน CRV 2.0 G3&G4 , Accord 2.0 G8&G9(ไม่รู้ยังใช้ตัวเดียวกันหรือป่าว) และก็ Civic FB 2.0 ใช่ไหมครับ(บ้านเราน่าจะมีประมาณนี้)

 

ราคาเบิกใหม่ประมาณเท่าไหร่ครับ พอจะมีข้อมูลหรือป่าวครับ

Link to comment
Share on other sites

เปลี่ยนแค่กรองหัวฉีดเป็นโลหะ อย่างเดียวก็เติม E85 ได้แล้วเหรอครับ(เอาแค่เติมได้ก่อนนะ ส่วนเรืองผมกระทบกับ ปั้มติ๊ก ลูกลอยเพี้ยน มันต้องเปลี่ยนอยู่แล้ว)

 

จริงๆหัวฉีดเดิมๆ รถเดิมๆทุกอย่างก็เติมได้เลยครับ  ไฟเครื่องไม่โชว์แน่นอน รถผมปี 09 รองรับ E20

ผมก็ลองเติมเพียวๆโดยไม่เปลี่ยนอะไรมาแล้วหลายถังอยู่เหมือนกัน

 

ถังแรกแทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากน้ำมันชนิดอื่น.........แต่พอซักถังที่ 2 จับอาการได้ว่ารถอืดขึ้น รอบสูงกดแล้วตื้อๆ ไม่ปรู๊ดปร๊าดเหมือนเดิม

 

ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยน หัวฉีด ปั๊มติ๊ก ลูกลอย.......เพราะหัวฉีดกับลูกลอยไม่วันใดวันหนึ่งก็ต้องมีปัญหาแน่ๆ (หัวฉีดเดิมๆต้องตัน และลูกลอยจะเพี้ยนอ่านระดับเชื้อเพลิงไม่ได้)   ส่วนปั๊มติ๊กเอามาช่วยให้การจ่ายน้ำมันเหมาะสมกับหัวฉีดใหม่ 10 รูฝอยที่เปลี่ยนเข้าไปครับ

หลังจากเปลี่ยน 3 อย่างที่ว่านี้มาแล้วก็ใช้ E85 เพียวๆมาตลอดการตอบสนองคันเร่งดีขึ้นมากๆ กดติดเท้าขึ้น เหยียบปุ๊บมาปั๊บ   :D

 

** แต่ถ้าไม่ใช่คนขับรถเร็วก็ลองเติมเพียวๆไปก่อนแล้วลองขับดูครับ ว่ารับได้ไหมกับการที่รถอืดขึ้น  ถ้ารับได้เปลี่ยนแค่ตัวกรองในหัวฉีดเดิม กับเปลี่ยนลูกลอยให้ทน E85 ก็เพียงพอแล้วครับ **

ปล. ไม่แน่ใจเรื่องหัวฉีดเดิมเปลี่ยนกรองนะครับ ว่าทำได้จริงๆ แล้วทำได้ดีหรือเปล่า เพราะที่ดูหัวฉีดขนาดมันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย การแกะเพื่อที่จะเปลี่ยนเป็นกรองโลหะแทนก็ไม่รู้ว่าจะมีผลทำให้หัวฉีดเดิมมีปัญหา เช่นรั่วอะไรหรือไม่นะครับ........ลองดูครับได้ผลยังไงมาบอกกันบ้าง  ;)

Link to comment
Share on other sites

จริงๆหัวฉีดเดิมๆ รถเดิมๆทุกอย่างก็เติมได้เลยครับ  ไฟเครื่องไม่โชว์แน่นอน รถผมปี 09 รองรับ E20

ผมก็ลองเติมเพียวๆโดยไม่เปลี่ยนอะไรมาแล้วหลายถังอยู่เหมือนกัน

 

ถังแรกแทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างจากน้ำมันชนิดอื่น.........แต่พอซักถังที่ 2 จับอาการได้ว่ารถอืดขึ้น รอบสูงกดแล้วตื้อๆ ไม่ปรู๊ดปร๊าดเหมือนเดิม

 

ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยน หัวฉีด ปั๊มติ๊ก ลูกลอย.......เพราะหัวฉีดกับลูกลอยไม่วันใดวันหนึ่งก็ต้องมีปัญหาแน่ๆ (หัวฉีดเดิมๆต้องตัน และลูกลอยจะเพี้ยนอ่านระดับเชื้อเพลิงไม่ได้)   ส่วนปั๊มติ๊กเอามาช่วยให้การจ่ายน้ำมันเหมาะสมกับหัวฉีดใหม่ 10 รูฝอยที่เปลี่ยนเข้าไปครับ

หลังจากเปลี่ยน 3 อย่างที่ว่านี้มาแล้วก็ใช้ E85 เพียวๆมาตลอดการตอบสนองคันเร่งดีขึ้นมากๆ กดติดเท้าขึ้น เหยียบปุ๊บมาปั๊บ   :D

 

** แต่ถ้าไม่ใช่คนขับรถเร็วก็ลองเติมเพียวๆไปก่อนแล้วลองขับดูครับ ว่ารับได้ไหมกับการที่รถอืดขึ้น  ถ้ารับได้เปลี่ยนแค่ตัวกรองในหัวฉีดเดิม กับเปลี่ยนลูกลอยให้ทน E85 ก็เพียงพอแล้วครับ **

ปล. ไม่แน่ใจเรื่องหัวฉีดเดิมเปลี่ยนกรองนะครับ ว่าทำได้จริงๆ แล้วทำได้ดีหรือเปล่า เพราะที่ดูหัวฉีดขนาดมันก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย การแกะเพื่อที่จะเปลี่ยนเป็นกรองโลหะแทนก็ไม่รู้ว่าจะมีผลทำให้หัวฉีดเดิมมีปัญหา เช่นรั่วอะไรหรือไม่นะครับ........ลองดูครับได้ผลยังไงมาบอกกันบ้าง  ;)

 

ขอบคุณมากๆ เลยครับ ทำให้ผมพอจะรู้ช่องทางขึ้นมากเลย

 

แต่ขอถามต่อนิดนึงครับ

 

ประเด็นที่ 1 คือ "แต่พอซักถังที่ 2 จับอาการได้ว่ารถอืดขึ้น รอบสูงกดแล้วตื้อๆ ไม่ปรู๊ดปร๊าดเหมือนเดิม" มันคืออาการจ่ายน้ำมันกับอากาศ (A/F Ratio) มันไม่ถึงอัตราส่วนน้ำมัน E85 คือ 9.9:1 (ขณะที่มันอืดๆ ตื้อๆ ที่บอกมันจ่ายได้แค่ 14.7:1 = อัตราผสมอากาศ / น้ำมันเชื้อเพลิงมันบางไป) และเป็นสาเหตุหลักที่ต้องเปลี่ยนหัวฉีดที่ซีซีใหญ่ขึ้นเช่น R20 ผมเข้าใจแบนี้ถูกต้องใช่ไหมครับ

 

ประเด็นที่ 2 คือ แล้วทำไมพวกที่เขาไปติดชุดกล่อง E85 อย่างเดียวแล้วเติม E85 วิ่งเลย มีอาการแบบนี้ไหมครับ ในเมื่อหัวฉีดยังเป็นของ R18 เดิมอยู่ มันก็น่าจะยังอัตราส่วนบางอยู่จริงไหม มันเลยทำให้ผมยังงง และไม่ค่อยเข้าใจ

 

ประเด็นที่ 3 เรื่องเปลี่ยนกรองหัวฉีด ผมเห็นหลายๆ คนเขาไปเปลี่ยนเป็นกรองโลหะ / ทองเหลือง กันเยอะแล้ว แม้กระทั่งจะไม่ได้เติม E85 แค่เติม E20 ก็ต้องเปลี่ยนแล้ว เพราะมีผลทำให้หัวฉีดตันเมื่อใช้งานนานๆ ไป

 

:)

Link to comment
Share on other sites

ประเด็นที่ 1 ในแนวทางเข้าใจถูกต้องแล้วครับ

แต่ตัวเลขอัตราส่วนมันจะไม่เป๊ะขนาดนั้น เมื่อออกจาก close loop แล้ว อัตราส่วนน้ำมันจะหนาขึ้น ใน e10 จากเดิม 14.7 อาจหนาไปถึง 10-11 ยิ่ง e85 ยิ่งกว่านี้อีกครับ

 

ประเด็น 2 คิดว่ากล่อง e85 สำคัญแค่ช่วงออกจาก close loop ไปแล้ว โดยกล่องสั่งชดเชยน้ำมันตามตรรกะของผู้ผลิต หรือ ตามแต่ความรู้สึกของคนขับ(ปรับได้) ให้ฉีดคาบเวลานานกว่าเดิม ซึ่งพอหรือไม่พอก็ยังไม่มีใครออกมาฟันธง แต่ที่แน่ๆหัวฉีดจะไปเร็วขึ้นเพราะต้องรับภาระหนักกว่าเดิม ส่วนช่วง Close loop ecu เดิมน่าจะชดเชยให้ตามความเหมาะสมไดัอยู่แล้ว แต่วิธีนี้จะเสี่ยงตรงความเสถียรของกล่อง e85 นี้แหล่ะเพราะถ้าน้ำมันบางไปช่วงออกจาก close loop พังแน่ครับ

Link to comment
Share on other sites

สอบถามหน่อยคับ ในกรณีเติมน้ำมันอื่นๆที่ไม่ใช่e85 ตอนรอบสูงบางคนบอกน้ำมันท่วมแต่บางคนบอกไม่ท่วม

ตอนนี้ผมก็ลองเติมe85แต่จะเติมแค่500บาทแล้วผสมกับเชลล์v-pawer เต็มถัง คับ

Link to comment
Share on other sites

สอบถามหน่อยคับ ในกรณีเติมน้ำมันอื่นๆที่ไม่ใช่e85 ตอนรอบสูงบางคนบอกน้ำมันท่วมแต่บางคนบอกไม่ท่วม

ตอนนี้ผมก็ลองเติมe85แต่จะเติมแค่500บาทแล้วผสมกับเชลล์v-pawer เต็มถัง คับ

ตอนนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนอะไรคับ
Link to comment
Share on other sites

สอบถามหน่อยคับ ในกรณีเติมน้ำมันอื่นๆที่ไม่ใช่e85 ตอนรอบสูงบางคนบอกน้ำมันท่วมแต่บางคนบอกไม่ท่วม

ตอนนี้ผมก็ลองเติมe85แต่จะเติมแค่500บาทแล้วผสมกับเชลล์v-pawer เต็มถัง คับ

 

เออออ  อยากรู้กรณีนี้เหมือนกันครับ

Link to comment
Share on other sites

ประเด็นที่ 1 ในแนวทางเข้าใจถูกต้องแล้วครับ

แต่ตัวเลขอัตราส่วนมันจะไม่เป๊ะขนาดนั้น เมื่อออกจาก close loop แล้ว อัตราส่วนน้ำมันจะหนาขึ้น ใน e10 จากเดิม 14.7 อาจหนาไปถึง 10-11 ยิ่ง e85 ยิ่งกว่านี้อีกครับ

 

ประเด็น 2 คิดว่ากล่อง e85 สำคัญแค่ช่วงออกจาก close loop ไปแล้ว โดยกล่องสั่งชดเชยน้ำมันตามตรรกะของผู้ผลิต หรือ ตามแต่ความรู้สึกของคนขับ(ปรับได้) ให้ฉีดคาบเวลานานกว่าเดิม ซึ่งพอหรือไม่พอก็ยังไม่มีใครออกมาฟันธง แต่ที่แน่ๆหัวฉีดจะไปเร็วขึ้นเพราะต้องรับภาระหนักกว่าเดิม ส่วนช่วง Close loop ecu เดิมน่าจะชดเชยให้ตามความเหมาะสมไดัอยู่แล้ว แต่วิธีนี้จะเสี่ยงตรงความเสถียรของกล่อง e85 นี้แหล่ะเพราะถ้าน้ำมันบางไปช่วงออกจาก close loop พังแน่ครับ

..

Edited by Dirty Bit
Link to comment
Share on other sites

ตอนนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนอะไรคับ

เกรงว่าน่าจะบางไปช่วงรอบสูงนะครับ

อุณหภูมิไอเสียจะร้อนมาก ไม่ดีต่อแคท

แต่ก็นั้นแหล่ะครับ ยังไม่มีใครลองเสี่ยง

ว่าระยะยาวจะเป็นไง กับหัวฉีดเดิม

แล้วอัดรถ openloop บ่อยๆ

Link to comment
Share on other sites

หาข้อมูลแล้วไปเจอมา ผมพอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมต้องเปลียนหัวฉีดหรือไม่เปลี่ยนก็ได้โดยติดกล่อง E85 Kit ไปเจอใน Pantip เครดิตคุณ Tan NB ขอ อนุญาติก็อปปี้ข้อมูลนะครับ

 

กล่อง E85 หลักการมันง่ายนิดเดียวคือ ยกหัวฉีดให้นานขึ้น เพื่อให้จ่ายน้ำมันเยอะ
ขึ้นตาม % ที่กำหนด เช่น ECU รถสั่งยกเป็นเวลา 10msec กล่องก็จะรับสัญญาน
ไฟฟ้านั้นมาแล้วก็คงสัญญานไฟฟ้าที่ส่งไปยกหัวฉีดให้นานขึ้นเช่น ตั้งไว้ 20%
สัญญานที่ไปที่หัวฉีดก็จะเป็น 12 msec ก็ทำให้น้ำมันไหลเข้าห้องไอดีมากขึ้น

กล่องแก้ปัญหาไฟ เครื่องขึ้นเพราะ ECU รถมันเตือนว่าจ่ายบาง พอติดกล่อง
มันก็จะจ่ายหนาขึ้นตาม % ที่เราตั้ง ECU มันก็เลิกเตือนว่าจ่ายบาง พอน้ำมันหนา
ขึ้น ECU รถที่ฉลาดๆ มันก็เพิ่มไฟแก่ขึ้นเพื่อเผาน้ำมันให้หมด สมบูรณ์ แต่ E85 
มีแอลกอฮอลผสมอยู่ 85% ในแอลกอฮอล มีของแถมคือออกซิเจนซึ่งใช้ในการ
สันดาบของเครื่องยนต์อยู่แล้ว ก็เลยช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์ดีขึ้น ทั้งที่ตัวมัน
ให้พลังงานความร้อนต่ำกว่าเบนซิน และกล่องช่วยให้ เครื่องยนต์ Start ติดง่าย
ขึ้น เนื่องจากแอลกอฮอลมีจุดวาบไฟ สูงคือจุดติดยากกวาเบนซิน เค้าเลยต้องผสม เบนซินลงไป 15% เพื่อให้จุดติดง่าย และ คนเอาไปกินไม่ได้ ถ้า E100 
คนซื้อไปผสมเหล้า กินแน่ เลยต้องผสมให้มันกินไม่ได้ และ ช่วยปรับค่าออกเทน
หรือจุดวาบไฟไม่ให้สูงเกินไป กล้องก็จะไปช่วยในจุดนี้ด้วยเพราะช่วยจ่ายหนา
ทำให้ Start ติดง่ายขึ้นตอนเช้าๆ ถ้าใช้ E85 ไม่ติดกล่องจะ Start ยาว แต่ถ้าติดกล่องก็จะ Start ยาวนิดๆ กว่าปกติที่เติม E10 หรือ E20 นิดเดียว โดยเฉพาะ ECO car ทั้งหลาย เซนเซอร์มันไว้มากเพราะว่าเป็นรถรุ่นใหม่ที่ ECU ทำงานเร็ว
และตลอดความเร็วรอบ มันจะจ่ายบาง จนไฟขึ้น 

นอกนั้นเรื่องท่อทางน้ำมันต่างๆ ถ้ารถเก่าและ ไม่รองรับ E20 แนะนำให้เปลี่ยนใหม่แต่ถ้ารถใหม่ตั้งแต่ 2008 ที่รองรับ E20 แล้ว หลังจากใช้ E85 ไปสัก 3-4 ถัง
ให้ไปเปลี่ยน กรองน้ำมันเชื้อเพลิง ทิ้งไป เพราะ E85 มันจะไปล้างคราบน้ำมัน
และสิ่งสกปรก ในระบบ น้ำมัน ออกมาอยู่ที่กรอง ถ้าไม่เปลี่ยนแล้วสกปรกมาก
ปั้มติ๊กก็จะพัง ตามมา อย่างที่เค้าว่าๆกันใช้ E85 แล้วปั้มติ๊กพัง เพราะกรองมันตัน
ปั้มมันดูดไม่ขึ้นความร้อนสูงมอเตอร์มันก็พัง เป็นเรื่องปกติ 
ที่นี้ก็ใช้ E85 กันได้ยาวๆ บำรุงรักษาตามปกติ กล่องมันทำงานแค่นั้นแหละ 
นอกนั้น ECU กับเซนเซอร์ เดิมๆของรถทำงานตามปกติ จ่ายหนาจ่ายบาง
ชดเชยต่างๆ แค่โดนกล่อง + % เวลาของการยกหัวฉีด แปรฝันตามกัน
เช่น ECU บอกน้ำมันหนาไป ลดการฉีดจาก 10msc ยกจริง 12 msc เหลือ 8 หัวฉีดจะยกจริง = 8 X 1.2 = 9.6 msc และเป็นแบบนี้ตลอกการทำงาน ของสัญญานหัวฉีด ที่ ECU สั่งมา 

พอรู้หลักการแล้ว อาจจะไม่ต้อง ติดกล่องก็ได้อย่างในคลับ Jazz บางคนก็ไม่ติดกล่อง แต่เปลี่ยนหัวฉีด K20 ฝาดำที่ฉีดน้ำมันได้เยอะขึ้นในเวลายกเท่าเดิมมาใช้
ชุดละ 3000 รวมเปลี่ยน ก็ใช้ E85 ได้ เพราะจ่ายน้ำมันเยอะขึ้นตามที่ ECU สั่ง
เหมือนกัน แต่แค่ปรับเปลี่ยนไม่ได้ สมมุติ หัวฉีด Jazz เดิม ฉีดได้ 2 cc ต่อการที่ ECU สั่งยก 10 msc พอเปลี่ยน เป็นหัวฉีด K20 ยก 10msc เท่ากันแต่ฉีดได้ 2.4 cc ในเวลาเท่ากัน น้ำมันก็เข้าไปมากขึ้น 20%  

ใช้ E85 แล้วไอเสียหอมละมุด ไม่เหม็นแสบจมูก เคยเกือบโดนตำรวจให้เป่าหาว่าเมากลิ่นละมุดหึ่ง แอร์เย็นขึ้น
ยังไม่รู้สมเหตุ แต่ควดว่าน่าจะเกิดจากอุณภูมิน้ำหล่อเย็นมันลดลง เดาเอา น้ำมันเครื่องไม่ค่อย
ดำ เพราะแอลกอฮอลเขม่าน้อย เพราะมีออกซิเจนทำให้เผาไหม้หมดจด ถ่ายน้ำมันวิ่งมา 5000
km แล้วน้ำมันแทบไม่ต่างจากตอนถ่ายใหม่ๆ เข้มขึ้นนิดหน่อยแต่ไม่ดำปี้เหมือนตอนใช้ E20

รถคันไหนใช้ E85 วิ่งผ่านได้กลิ่นรู้เลย รถยุโรป หรือรถที่ถังน้ำมันเป็นเหล็กไม่แนะนำให้ใช้ E85 
เพราะว่า มีโอกาศเกินสนิมในถังและสร้างปัญหาตามมาในภายหลัง ใช้ E85 ควรใช้ให้หมด 
หรือเติมให้เต็มเสมอ ป้องกันอากาศ (ไฮโดรเจน) เข้าไปทำปฏิกิริยากับ ออกซิเจนใน E85 
เกินเป็นน้ำ ไฮโดรเจน (H2)+ ออกซิเจน (O) = น้ำ หรือที่เรียกน้ำมันบูด ถ้าต้องจอดนานกว่า 1 
อาทิตย์ มี 2 อย่าคือถ้าถังว่างให้เติม เบนซินไว้ให้เต็ม หรือ ถ้าถังมี E85 เยอะให้เติมให้เต็มๆไว้
พวกรถจอดมากกว่าวิ่งก็ไม่ค่อยแนะนำ E85 ปัญหาน้ำมันบูดจะถามหา แล้วจะว่า E85 ไม่ดี

กล่องยี่ห้อที่ไม่มีที่ปรับ เติมอะไรก็ได้ จริงๆเค้ามีที่ปรับแต่อยู่ในกล่องปรับไว้กลางๆ 
ควรซื้อกล่องที่ปรับได้ ไม่ว่าจะกดเปลี่ยนตำแหน่งชนิดน้ำมัน หรือ หมุนๆ ก็ใช้ได้หมด
เพราะหลักการเหมือนกัน ดูคุณภาพ การรับประกัน การบริการ และราคาเป็นสำคัญ
อีกอย่ากล่องจีนที่ขาย Noname อย่าได้ไปลองนะครับ จีน Copy มาขาย ราคาถูก
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มันต้องเป็น ชนิดที่ใช้กับรถยนต์ เอากล่องไว้ในห้องโดยสารก็ดี
ไม่ร้อนทำให้ทำงานเสถียนขึ้น ทนทานขึ้น 


ถ้าเปลี่ยนน้ำมันก็ปรับ % ให้เหมาะสม เช่นกลับมาเติม E10 ,E20 ก็ 0%

Link to comment
Share on other sites

หาข้อมูลแล้วไปเจอมา ผมพอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมต้องเปลียนหัวฉีดหรือไม่เปลี่ยนก็ได้โดยติดกล่อง E85 Kit ไปเจอใน Pantip เครดิตคุณ Tan NB ขอ อนุญาติก็อปปี้ข้อมูลนะครับ

 

กล่อง E85 หลักการมันง่ายนิดเดียวคือ ยกหัวฉีดให้นานขึ้น เพื่อให้จ่ายน้ำมันเยอะ

ขึ้นตาม % ที่กำหนด เช่น ECU รถสั่งยกเป็นเวลา 10msec กล่องก็จะรับสัญญาน

ไฟฟ้านั้นมาแล้วก็คงสัญญานไฟฟ้าที่ส่งไปยกหัวฉีดให้นานขึ้นเช่น ตั้งไว้ 20%

สัญญานที่ไปที่หัวฉีดก็จะเป็น 12 msec ก็ทำให้น้ำมันไหลเข้าห้องไอดีมากขึ้น

 

กล่องแก้ปัญหาไฟ เครื่องขึ้นเพราะ ECU รถมันเตือนว่าจ่ายบาง พอติดกล่อง

มันก็จะจ่ายหนาขึ้นตาม % ที่เราตั้ง ECU มันก็เลิกเตือนว่าจ่ายบาง พอน้ำมันหนา

ขึ้น ECU รถที่ฉลาดๆ มันก็เพิ่มไฟแก่ขึ้นเพื่อเผาน้ำมันให้หมด สมบูรณ์ แต่ E85 

มีแอลกอฮอลผสมอยู่ 85% ในแอลกอฮอล มีของแถมคือออกซิเจนซึ่งใช้ในการ

สันดาบของเครื่องยนต์อยู่แล้ว ก็เลยช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์ดีขึ้น ทั้งที่ตัวมัน

ให้พลังงานความร้อนต่ำกว่าเบนซิน และกล่องช่วยให้ เครื่องยนต์ Start ติดง่าย

ขึ้น เนื่องจากแอลกอฮอลมีจุดวาบไฟ สูงคือจุดติดยากกวาเบนซิน เค้าเลยต้องผสม เบนซินลงไป 15% เพื่อให้จุดติดง่าย และ คนเอาไปกินไม่ได้ ถ้า E100 

คนซื้อไปผสมเหล้า กินแน่ เลยต้องผสมให้มันกินไม่ได้ และ ช่วยปรับค่าออกเทน

หรือจุดวาบไฟไม่ให้สูงเกินไป กล้องก็จะไปช่วยในจุดนี้ด้วยเพราะช่วยจ่ายหนา

ทำให้ Start ติดง่ายขึ้นตอนเช้าๆ ถ้าใช้ E85 ไม่ติดกล่องจะ Start ยาว แต่ถ้าติดกล่องก็จะ Start ยาวนิดๆ กว่าปกติที่เติม E10 หรือ E20 นิดเดียว โดยเฉพาะ ECO car ทั้งหลาย เซนเซอร์มันไว้มากเพราะว่าเป็นรถรุ่นใหม่ที่ ECU ทำงานเร็ว

และตลอดความเร็วรอบ มันจะจ่ายบาง จนไฟขึ้น 

 

นอกนั้นเรื่องท่อทางน้ำมันต่างๆ ถ้ารถเก่าและ ไม่รองรับ E20 แนะนำให้เปลี่ยนใหม่แต่ถ้ารถใหม่ตั้งแต่ 2008 ที่รองรับ E20 แล้ว หลังจากใช้ E85 ไปสัก 3-4 ถัง

ให้ไปเปลี่ยน กรองน้ำมันเชื้อเพลิง ทิ้งไป เพราะ E85 มันจะไปล้างคราบน้ำมัน

และสิ่งสกปรก ในระบบ น้ำมัน ออกมาอยู่ที่กรอง ถ้าไม่เปลี่ยนแล้วสกปรกมาก

ปั้มติ๊กก็จะพัง ตามมา อย่างที่เค้าว่าๆกันใช้ E85 แล้วปั้มติ๊กพัง เพราะกรองมันตัน

ปั้มมันดูดไม่ขึ้นความร้อนสูงมอเตอร์มันก็พัง เป็นเรื่องปกติ 

ที่นี้ก็ใช้ E85 กันได้ยาวๆ บำรุงรักษาตามปกติ กล่องมันทำงานแค่นั้นแหละ 

นอกนั้น ECU กับเซนเซอร์ เดิมๆของรถทำงานตามปกติ จ่ายหนาจ่ายบาง

ชดเชยต่างๆ แค่โดนกล่อง + % เวลาของการยกหัวฉีด แปรฝันตามกัน

เช่น ECU บอกน้ำมันหนาไป ลดการฉีดจาก 10msc ยกจริง 12 msc เหลือ 8 หัวฉีดจะยกจริง = 8 X 1.2 = 9.6 msc และเป็นแบบนี้ตลอกการทำงาน ของสัญญานหัวฉีด ที่ ECU สั่งมา 

 

พอรู้หลักการแล้ว อาจจะไม่ต้อง ติดกล่องก็ได้อย่างในคลับ Jazz บางคนก็ไม่ติดกล่อง แต่เปลี่ยนหัวฉีด K20 ฝาดำที่ฉีดน้ำมันได้เยอะขึ้นในเวลายกเท่าเดิมมาใช้

ชุดละ 3000 รวมเปลี่ยน ก็ใช้ E85 ได้ เพราะจ่ายน้ำมันเยอะขึ้นตามที่ ECU สั่ง

เหมือนกัน แต่แค่ปรับเปลี่ยนไม่ได้ สมมุติ หัวฉีด Jazz เดิม ฉีดได้ 2 cc ต่อการที่ ECU สั่งยก 10 msc พอเปลี่ยน เป็นหัวฉีด K20 ยก 10msc เท่ากันแต่ฉีดได้ 2.4 cc ในเวลาเท่ากัน น้ำมันก็เข้าไปมากขึ้น 20%  

 

ใช้ E85 แล้วไอเสียหอมละมุด ไม่เหม็นแสบจมูก เคยเกือบโดนตำรวจให้เป่าหาว่าเมากลิ่นละมุดหึ่ง แอร์เย็นขึ้น

ยังไม่รู้สมเหตุ แต่ควดว่าน่าจะเกิดจากอุณภูมิน้ำหล่อเย็นมันลดลง เดาเอา น้ำมันเครื่องไม่ค่อย

ดำ เพราะแอลกอฮอลเขม่าน้อย เพราะมีออกซิเจนทำให้เผาไหม้หมดจด ถ่ายน้ำมันวิ่งมา 5000

km แล้วน้ำมันแทบไม่ต่างจากตอนถ่ายใหม่ๆ เข้มขึ้นนิดหน่อยแต่ไม่ดำปี้เหมือนตอนใช้ E20

 

รถคันไหนใช้ E85 วิ่งผ่านได้กลิ่นรู้เลย รถยุโรป หรือรถที่ถังน้ำมันเป็นเหล็กไม่แนะนำให้ใช้ E85 

เพราะว่า มีโอกาศเกินสนิมในถังและสร้างปัญหาตามมาในภายหลัง ใช้ E85 ควรใช้ให้หมด 

หรือเติมให้เต็มเสมอ ป้องกันอากาศ (ไฮโดรเจน) เข้าไปทำปฏิกิริยากับ ออกซิเจนใน E85 

เกินเป็นน้ำ ไฮโดรเจน (H2)+ ออกซิเจน (O) = น้ำ หรือที่เรียกน้ำมันบูด ถ้าต้องจอดนานกว่า 1 

อาทิตย์ มี 2 อย่าคือถ้าถังว่างให้เติม เบนซินไว้ให้เต็ม หรือ ถ้าถังมี E85 เยอะให้เติมให้เต็มๆไว้

พวกรถจอดมากกว่าวิ่งก็ไม่ค่อยแนะนำ E85 ปัญหาน้ำมันบูดจะถามหา แล้วจะว่า E85 ไม่ดี

 

กล่องยี่ห้อที่ไม่มีที่ปรับ เติมอะไรก็ได้ จริงๆเค้ามีที่ปรับแต่อยู่ในกล่องปรับไว้กลางๆ 

ควรซื้อกล่องที่ปรับได้ ไม่ว่าจะกดเปลี่ยนตำแหน่งชนิดน้ำมัน หรือ หมุนๆ ก็ใช้ได้หมด

เพราะหลักการเหมือนกัน ดูคุณภาพ การรับประกัน การบริการ และราคาเป็นสำคัญ

อีกอย่ากล่องจีนที่ขาย Noname อย่าได้ไปลองนะครับ จีน Copy มาขาย ราคาถูก

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มันต้องเป็น ชนิดที่ใช้กับรถยนต์ เอากล่องไว้ในห้องโดยสารก็ดี

ไม่ร้อนทำให้ทำงานเสถียนขึ้น ทนทานขึ้น 

 

 

ถ้าเปลี่ยนน้ำมันก็ปรับ % ให้เหมาะสม เช่นกลับมาเติม E10 ,E20 ก็ 0%

 

เยี่ยมเลยครับ ตอบโจทย์ที่ผมอยากรู้ได้หลายข้อเลยครับ ยังไงก็ขอบคุณมากครับที่เอามาฝาก

Link to comment
Share on other sites

รถผมปี 09 รองรับ E20 รถเดิมๆเติมE85 มา12 ถังแล้วยังใช้ได้ปกติ วิ่งยาวๆจันทบุรี-เชียงใหม่ ประจำ ความรู้สึกส่วนตัวอืดกว่า E20 นิดหน่อยอย่างอื่นปกติ

Link to comment
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

Loading...
×
×
  • Create New...