noThinGz

ผมว่าการที่จะรู้อะไร ควรจะขวนขวายหาข้อมูลบ้าง
ไม่ใช่คิดและออกความเห็นแบบไร้ข้อมูล
ผมถึงถามคำถามแรกมาก่อนว่า
 
กล่องสร้างแรงม้าได้เพิ่มขึ้นกี่ %
เกียร์กระปุก ทำแรงม้าหายไปในระบบส่งกำลังกี่ % 
และ เกียร์ออโต้ ทำแรงม้าหายไปในระบบส่งกำลังกี่ %
 
พอผมเอาหลักฐานกราฟแรงม้าและอธิบาย
ประกอบให้คุณทราบแล้วว่า แรงม้าหายไปในระบบ
เกียร์ออโต้ กี่ % การที่คุณจะออกไปหาข้อมูลเพิ่ม
เติมว่าระบบเกียร์ธรรมดา แรงม้าหายไปกี่ตัว กี่ %
ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก หากต้องการจะหาจริงๆ
 
ยกเว้นแต่คุณจะไม่อยากยอมรับหรือ
ไม่ได้สนใจเรื่องข้อเท็จจริงมาก
เท่ากับอยากเอาชนะ
 
อย่ามาบอกว่าผมทราบคนเดียว
เพราะผมมีหลักฐานกราฟแรงม้า
มาลงประกอบแบบนี้ครับ
 
คิดว่าคงจะจบนะครับ ผมไม่ได้มาหักหน้าใคร
ผมมาเพื่อบอกข้อเท็จจริง หากคุณมีหลักฐาน
ก็เอามาแสดงเพื่อหักล้าง มันจะเป็นประโยชน์กว่าครับ

ถูกครับว่าแก็สย่อมทำให้เครื่องเสื่อมสภาพมากกว่าน้ำมันเพราะแก็สมันร้อนกว่า แต่ถ้าหากมีการดูแลรักษาที่ดีบวกกับการใช้อย่างรู้ลิมิตแล้ว วิ่งไปเหอะครับไม่พังกันง่ายๆ
ต่อมาหากว่าคุณอยากเซ็ทเทอร์โบแล้วใช้พลังงานทางเลือก มันใช้ได้ครับ แต่Hardware ของระบบแก็สคุณเพียงพอต่อการใช้งานไหม เช่น ต้องเป็นระบบหัวฉีด หม้อต้มที่รองรับม่้า300-400 ตัว หัวฉีดแก็สที่ใหญ่เพียงพอในการฉีดแก็สเข้าห้องเผาไหม้ หัวเทียนต้องเปลี่ยนเป็นเบอร์ที่สูงกว่าแล้วทนความร้อนและจุดไฟได้เสถียร และที่สำคัญที่สุดคือ การจูนแก็ส ควรหาคนที่มีความรู้เรื่องแก็สแล้วเรื่องเครื่องยนต์เป็นอย่างดีในการจูน หากจูนแล้วแก็สจ่ายไม่เพียงพอตอนเทอร์โบทำงาน(บูสมา) เครื่องก็๋จะร้อน จะเขก แล้วก็พังครับ จุดนี้ถือว่าสำคัญ ควรหาคนจูนที่ไว้ใจได้ครับ
ต่อมาสำหรับการเซ็ทโบในCivic FD 1.8 AT นั้น สิ่งที่น่าห่วงคือ เกียร์ครับ เพราะเกียร์จะรับภาระทั้งแรงบิดแรงม้าอีกเกือบเท่าตัวจากการเซ็ทโบ อาจทำให้เกิดความร้อนสะสมมากกว่าเดิม หากใช้ไม่รู้ลิมิตหรือใช้ผิดวิธี เช่น เบิลN ตบ D มันอยู่ไม่นานแน่ครับ ตัวช่วยที่ช่วยลดความร้อนในระบบเกียร์ก็คงมีแต่ Oil Gear นั้นแหละครับ ผมว่ามันสมควรมีนะครับสำหรับรถเกียร์ออโต้ ไม่ว่าจะNA หรือ Turbo  และที่สำคัญอย่าให้บูสเกิน 0.7 เป็นดีครับ ส่วนใหญ่FD เกียร์ออโต้ที่เซ็ทเทอร์โบจะบูสอยู่ที่ 0.5 ครับ
ส่วนกล่องนั้นก็ขอให้เป็นกล่องทีีสามารถจูนไฟกับจูนน้ำมันได้ก็พอครับ เช่น F con S,IS,V pro หรือ Unichip ถ้าต้องการออฟชั่นเยอะๆก็คงต้องเป็นกล่อง F con Vpro หรือ Unichip ครับ ซึ่งราคาก็ตามออฟชั่นครับ ถ้าให้แนะนำก็ F con S ก็พอครับ แต่ต้องยอมถอด Oxygen Sensor ออกนะครับซึ่งทำให้ไฟEngine โชว์ครับ  ส่วนสาเหตุของการต้องถอดผมว่าคุณลองถามจูนเนอร์เอาเองละกันครับ เค้าคงอธิบายได้  ต่อมาที่ตัวเทอร์โบ ก็ควรเลือกเทอร์โบให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ และนิสัยส่วนตัวของเทอร์โบแต่ละลูกที่คุณชอบ หากต้องการบูสมาไว ก็เลือกใช้เทอร์โบลูกเล็กๆ เช่น TD04 เป็นต้น ส่วนตัวผมใช้เทอร์โบของเครื่อง SR20DET ของ Nissan S15 ครับ ซึ่งเป็นเทอร์โบรถเครื่อง2000 เอามาใส่1800 มันก็เวิกอยู่แล้ว ส่วนคุณจะเอารุ่นไหนอะไรยังไง ปรึกษาช่างเซ็ทจะดีกว่าครับ ส่วนม้าที่จะได้นั้น มันแปลผันตามบูสครับ บูสมากก็ได้มาก บูสน้อยก็ได้น้อย จะให้กำหนดเป็นตัวเลขเลยมันก็คงไม่ได้ครับ เพราะรถแต่ละคัน ช่างแต่ละคน จูนเนอร์แต่ละสำนัก มีผลต่อแรงม้าทั้งนั้นครับ ส่วนตัวผมได้เพิ่มมา 100 ม้าครับ ที่ บูส 0.7 เกียร์ธรรมดา ในเรื่องค่าใช้จ่าย ก็เตรียมไว้สัก 150000+- เพราะการเซ็ทเทอร์โบ มันต้องมี Defi กล่องจูน(รวมค่าจูน) แค่2อย่างนี้เหยียบแสนละครับ ไหนจะมีท่อ อินเตอร์ เขาเทอร์โบ เวสเกต โบออฟ อื่นๆจิปาถะอีกมากมายเอาเป็นว่าเตรียมไว้ตามตัวเลขนั้นละกันครับ ส่วน+มากหรือ-มากนั้น อยู่ที่คุณภาพของแต่ละชิ้น และช่างแต่ละอู่
ส่วนอู่นั้น ลองศึกษาดูครับว่าศรัทธาอู่ไหน หรือถามจากเพื่อนฝูงที่ขับรถเทอร์โบดูครับ ส่วนตัวผมเซ็ทที่ SPP Garage ช่างนต ลองไปเสริท์หาดูผลงานพี่เค้าได้ครับ ส่วนเรื่องท่อนั้น ส่วนใหญ่จะเส้นตรง2.5นิ้วทั้งเส้นครับ ง่ายๆ เอาโล่งไว้ก่อน รถเทอร์โบห้ามอั้นครับ เด่วจะพัง!!  เรื่องที่คุณถามผมก็๋ตอบให้หมดแล้วนะครับ ผมก็ตอบจากประสบการณ์ตรงบ้าง+กับข้อมูลที่ผมได้ศึกษามา  หากคิดจะทำแล้วอย่ากลัวที่จะพังครับ เพราะ พังไม่พังอยู่ที่คน 3 คนครับ 1 ช่าง 2 จูนเนอร์ 3 ตัวคุณเอง  หากช่างเซ็ทจบงานดี จูนเนอร์จูนผ่านเดินเรียบ  สุดท้ายก็อยู่ที่ตัวคุณละครับว่่า มันจะพังหรือไม่พัง  สุดท้ายรถบ้านเอาไปเซ็ทเทอร์โบก็คึือการยัดอุปกรณ์ต่างๆลงไปเพื่อเพิ่มการอัดอากาศมีการจุดระเบิดที่มากและเร็ว ย่อมทำให้เครื่องยนต์มีภาระที่เพิ่มขึ้น ความร้อนสะสมมากขึ้น ความเสื่อมโทรมของเครื่องยนต์ก็ไวขึ้น แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ หากมีการศึกษาวิธีการใช้และการดูแลรักษาที่ถูกต้องแล้ว เทอร์โบมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดครับแถมมันยังทำให้คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่คุณเสียไปอีกด้วย ผิดถูกยังไงขออภัยด้วยครับ

ผมมองว่าในการใช้งานประจำวันนั้น ผ้าเบรค 2 ตัวนี้ผมว่าตัดทิ้งไปได้เลยครับ ผมมองว่ามันเกินความจำเป็น N800 ทนได้ 800 องศา ถามว่าคุณใช้เบรคหนักขนาด 800 องศาเลยหรือไม่ เพราะถ้าคุณเบรคขนาดนั้นจานคุณแหลกแน่นอน ผ้าเบรคคุณภาพสูงข้อดีก็มีข้อเสียก้เยอะ งั้นผมพูดถึงข้อเสีย 1.ราคาแพงเกินความจำเป็น 2.ผ้าเบรคคุณภาพสูงๆกินจานแน่นอน 3.กินจานปุ๊บเสียงก็จะมาตามปั๊บ 4.ผ้าเบรคมีความแข็งมากช่วงผ้าเบรคเย็นๆถ้าไม่รันอินให้ร้อน เบรคไม่อยู่แน่นอน!! 5.ฝุ่นเยอะเป็นปกติของผ้าเบรคเกรดสูงครับ
การจะควบคุมรถให้อยู่นั้น ผ้าเบรคเป็นปัจจัยหนึ่งแต่ไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมดครับ การใช้ผ้าเบรคดีดีแต่ปั้มคาริเปอร์เดิมๆ แรงกดมันก็ไม่มากพอที่จะสมดุลกับผ้าเบรคครับ กลับกลายจะส่งผลเสียให้คุณอีกตางหาก
ถ้าอยากซิ่ง ผมมองว่าเล่นพวก 4pot ผ้าเบรคเกรดกลาง ยางดีดีสักชุด ผมว่ามันคงจะเห็นผลมากกว่ามาทุ่มกับผ้าเบรคเพียงอย่างเดียวครับผม
ส่วนในเรื่องควรใช้ผ้าเบรคอะไรนั้น ผมขอไม่เสนอความคิดเห็นละกันครับ เพราะนานาจิตตัง แต่ผมไม่อยากให้คุณไปเสียเงินมากๆแต่ใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพครับผม  ผิดถุกประการใดขอโทษด้วยนะครับ

ถูกครับว่าแก็สย่อมทำให้เครื่องเสื่อมสภาพมากกว่าน้ำมันเพราะแก็สมันร้อนกว่า แต่ถ้าหากมีการดูแลรักษาที่ดีบวกกับการใช้อย่างรู้ลิมิตแล้ว วิ่งไปเหอะครับไม่พังกันง่ายๆ
ต่อมาหากว่าคุณอยากเซ็ทเทอร์โบแล้วใช้พลังงานทางเลือก มันใช้ได้ครับ แต่Hardware ของระบบแก็สคุณเพียงพอต่อการใช้งานไหม เช่น ต้องเป็นระบบหัวฉีด หม้อต้มที่รองรับม่้า300-400 ตัว หัวฉีดแก็สที่ใหญ่เพียงพอในการฉีดแก็สเข้าห้องเผาไหม้ หัวเทียนต้องเปลี่ยนเป็นเบอร์ที่สูงกว่าแล้วทนความร้อนและจุดไฟได้เสถียร และที่สำคัญที่สุดคือ การจูนแก็ส ควรหาคนที่มีความรู้เรื่องแก็สแล้วเรื่องเครื่องยนต์เป็นอย่างดีในการจูน หากจูนแล้วแก็สจ่ายไม่เพียงพอตอนเทอร์โบทำงาน(บูสมา) เครื่องก็๋จะร้อน จะเขก แล้วก็พังครับ จุดนี้ถือว่าสำคัญ ควรหาคนจูนที่ไว้ใจได้ครับ
ต่อมาสำหรับการเซ็ทโบในCivic FD 1.8 AT นั้น สิ่งที่น่าห่วงคือ เกียร์ครับ เพราะเกียร์จะรับภาระทั้งแรงบิดแรงม้าอีกเกือบเท่าตัวจากการเซ็ทโบ อาจทำให้เกิดความร้อนสะสมมากกว่าเดิม หากใช้ไม่รู้ลิมิตหรือใช้ผิดวิธี เช่น เบิลN ตบ D มันอยู่ไม่นานแน่ครับ ตัวช่วยที่ช่วยลดความร้อนในระบบเกียร์ก็คงมีแต่ Oil Gear นั้นแหละครับ ผมว่ามันสมควรมีนะครับสำหรับรถเกียร์ออโต้ ไม่ว่าจะNA หรือ Turbo  และที่สำคัญอย่าให้บูสเกิน 0.7 เป็นดีครับ ส่วนใหญ่FD เกียร์ออโต้ที่เซ็ทเทอร์โบจะบูสอยู่ที่ 0.5 ครับ
ส่วนกล่องนั้นก็ขอให้เป็นกล่องทีีสามารถจูนไฟกับจูนน้ำมันได้ก็พอครับ เช่น F con S,IS,V pro หรือ Unichip ถ้าต้องการออฟชั่นเยอะๆก็คงต้องเป็นกล่อง F con Vpro หรือ Unichip ครับ ซึ่งราคาก็ตามออฟชั่นครับ ถ้าให้แนะนำก็ F con S ก็พอครับ แต่ต้องยอมถอด Oxygen Sensor ออกนะครับซึ่งทำให้ไฟEngine โชว์ครับ  ส่วนสาเหตุของการต้องถอดผมว่าคุณลองถามจูนเนอร์เอาเองละกันครับ เค้าคงอธิบายได้  ต่อมาที่ตัวเทอร์โบ ก็ควรเลือกเทอร์โบให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ และนิสัยส่วนตัวของเทอร์โบแต่ละลูกที่คุณชอบ หากต้องการบูสมาไว ก็เลือกใช้เทอร์โบลูกเล็กๆ เช่น TD04 เป็นต้น ส่วนตัวผมใช้เทอร์โบของเครื่อง SR20DET ของ Nissan S15 ครับ ซึ่งเป็นเทอร์โบรถเครื่อง2000 เอามาใส่1800 มันก็เวิกอยู่แล้ว ส่วนคุณจะเอารุ่นไหนอะไรยังไง ปรึกษาช่างเซ็ทจะดีกว่าครับ ส่วนม้าที่จะได้นั้น มันแปลผันตามบูสครับ บูสมากก็ได้มาก บูสน้อยก็ได้น้อย จะให้กำหนดเป็นตัวเลขเลยมันก็คงไม่ได้ครับ เพราะรถแต่ละคัน ช่างแต่ละคน จูนเนอร์แต่ละสำนัก มีผลต่อแรงม้าทั้งนั้นครับ ส่วนตัวผมได้เพิ่มมา 100 ม้าครับ ที่ บูส 0.7 เกียร์ธรรมดา ในเรื่องค่าใช้จ่าย ก็เตรียมไว้สัก 150000+- เพราะการเซ็ทเทอร์โบ มันต้องมี Defi กล่องจูน(รวมค่าจูน) แค่2อย่างนี้เหยียบแสนละครับ ไหนจะมีท่อ อินเตอร์ เขาเทอร์โบ เวสเกต โบออฟ อื่นๆจิปาถะอีกมากมายเอาเป็นว่าเตรียมไว้ตามตัวเลขนั้นละกันครับ ส่วน+มากหรือ-มากนั้น อยู่ที่คุณภาพของแต่ละชิ้น และช่างแต่ละอู่
ส่วนอู่นั้น ลองศึกษาดูครับว่าศรัทธาอู่ไหน หรือถามจากเพื่อนฝูงที่ขับรถเทอร์โบดูครับ ส่วนตัวผมเซ็ทที่ SPP Garage ช่างนต ลองไปเสริท์หาดูผลงานพี่เค้าได้ครับ ส่วนเรื่องท่อนั้น ส่วนใหญ่จะเส้นตรง2.5นิ้วทั้งเส้นครับ ง่ายๆ เอาโล่งไว้ก่อน รถเทอร์โบห้ามอั้นครับ เด่วจะพัง!!  เรื่องที่คุณถามผมก็๋ตอบให้หมดแล้วนะครับ ผมก็ตอบจากประสบการณ์ตรงบ้าง+กับข้อมูลที่ผมได้ศึกษามา  หากคิดจะทำแล้วอย่ากลัวที่จะพังครับ เพราะ พังไม่พังอยู่ที่คน 3 คนครับ 1 ช่าง 2 จูนเนอร์ 3 ตัวคุณเอง  หากช่างเซ็ทจบงานดี จูนเนอร์จูนผ่านเดินเรียบ  สุดท้ายก็อยู่ที่ตัวคุณละครับว่่า มันจะพังหรือไม่พัง  สุดท้ายรถบ้านเอาไปเซ็ทเทอร์โบก็คึือการยัดอุปกรณ์ต่างๆลงไปเพื่อเพิ่มการอัดอากาศมีการจุดระเบิดที่มากและเร็ว ย่อมทำให้เครื่องยนต์มีภาระที่เพิ่มขึ้น ความร้อนสะสมมากขึ้น ความเสื่อมโทรมของเครื่องยนต์ก็ไวขึ้น แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ หากมีการศึกษาวิธีการใช้และการดูแลรักษาที่ถูกต้องแล้ว เทอร์โบมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดครับแถมมันยังทำให้คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่คุณเสียไปอีกด้วย ผิดถูกยังไงขออภัยด้วยครับ

อีกอย่างนะครับที่จะแนะนำสำหรับ R18A MT ควรเปลี่ยนแค่ผ้าก้พอครับ ถ้าเปลี่ยนหวีที่จับขึ้น โอเคครับมันจับดีขึ้นแบบเห็นได้ชัด แต่ข้อเสียมากกว่าข้อดีครับ
ข้อดี
1. รีดม้าลงพื้นได้เยอะ
2. ได้อารมณ์กบกระโดด
3. ได้เปรียบในการออกตัว
ข้อเสีย
1. แพง
2. ยางแท่นเครื่่่องไปไว
3. เมื่อย
4. ออกตัวลำบากเพราะ ท้อคเราไม่เยอะ ต้องอาศัยการเลียคลัชซึ่งจะทำให้เกิด ข้อ 5
5. คลัชหมดไว
6. โอกาสเกียร์แตกสูง เพราะการที่คลัชจับแน่นเกินไป เวลากระแทกคลัช ไม่มีช่วงฟรีเวลาคลัชจับ แรงกระแทกที่คลัชจะลงที่ตัวเกียร์กระทันหัน ลองนึกภาพ เอาค่อยๆจับไข่ให้แน่น กับ จับแรงๆกระทันหันให้แน่น ไข่ใบไหนมันจะแตก ไข่นี่ไข่ไก่นะครับอย่าคิดไปไกล
ถูกผิดประการใดขอโทษด้วยนะครับ

DRMDAY

นานจะได้เจอกันครบๆซักที

 

 



 



 



 



 



 



 



 



 



 



 



 



 



 



 



 

R18 เป็นวีเทคประหยัดครับ ถ้าไปเปิดรอบสูง
 
มันก็คายอากาศทิ้งออกมา ทำให้อากาศในห้องเผาไหม้น้อยลง
 
แรงก็น้อยลง ไม่มีประโยชน์ที่จะไปทำแบบนั้นครับ

สายไฟของเนวิ ต่างกับ ไม่มีเนวิครับ เพราะจะต่างกันในส่วนของวิทยุและระบบนำทางครับ
ส่วนในกรณีหาเกียมาเองนั้น มันไม่ใช่แค่เกียร์เท่านั้นนะครับที่ต้องเปลี่ยน ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องเปลี่ยน เช่่น เพลาขับ หม้อน้ำ ปั้มคลัช ฯลฯ  ซึ่งดูแล้วมันหลายเงินครับถ้าจะหามาเองทั้งหมด  แต่ถ้าจะทำจิงๆในส่วนของระบบเดิมของรถใช้กล่องเดิมควบคุม แต่ระบบขับเคลื่อนเช่น การจุดระเบิด รอบเครื่อง ความเร็ว สามารถใช้สแตนอโลนได้ครับ ถือว่าจบ แต่ใช่งบประมาณสูงครับ

ซุปผมไม่แนะนำครับ ไม่ค่อยคุ้มค่ากับการลงทุน เทอร์โบคุ้มค่ากับการลงทุนที่สุดครับ
ที่ผมพูดได้เต็มปาก เพราะผมเซ็ทเทอร์โบ ม้าที่ได้ 237 ที่ล้อนะครับ ซึ่ง 1.8 MT เดิมๆ ยังไงก็แตะ 140 ตัวยากครับ
พูดง่ายๆ เซทโบม้ามา100+ตัวเห็นๆครับ
ถ้าไม่อยากเซทโบ ก็สเต็ปNA
สเต็ปแรก ท่อ กรองแผ่น คลัช(MT) กล่อง แค่นี้พอครับ นอกนั้นทำไปไม่เห็นผลเลยครับ อย่าหลงเชื่อคำโฆษณามากนะครับ ต้องเอาหลักวิทยาศาสตร์เป็นหลัก
สเต็ปต่อไป ก็เปิดฝา ขัดพอท เจียวาวล์ เปลี่ยนลูกเพิ่มกำลังอัด ใช้ E85 ก็ได้ขึ้นมาอีกนิดครับ แต่งบที่ลงไปอาจดูไม่คุ้มค่าครับ
 
พูดง่ายๆ จะเค้น R18A นั้น ถ้าไม่พึงเทอร์โบหรือซุป แรงม้าที่ได้ 1 ตัว อาจกินเงินคุณไป 4000-5000 บาท ถ้าเช่นนั้น วางK20A มันจะเวิกกว่า
หรือไม่ก็เทอร์โบหรือชุปก็ได้ครับ อันนี้แล้วแต่ศรัทธาของแต่ละคนครับ

พังไม่พังนั้น ขึ้นอยู่หลายๆปัจจัยครับ แต่ปัจจัย 3 อย่างที่ส่งผลต่อความเสียหายมากที่สุดคือ
1.ช่างเซ็ทเทอร์โบ
2.ช่างจูน
3.คนขับ
 
ส่วนเฮดที่พี่ว่านั้น คือเขาเทอโบเปล่าครับ ยากง่ายผมว่าอันนี้อยู่ที่คนกลึงนะครับ แต่ดูแล้วไม่น่าจะยากอะไรเกินช่างไทยครับ
 
 
บูส0.7บาร์ครับ ม้า 237 ที่ Styder ครับ บูสมาประมาณ 3000เป็นต้นไปครับ ผมเทอร์โบ SR20 เป็นเทอร์โบที่เหมาะสมกับเครื่อง1800 ครับ เพราะมันเป็นเทอร์โบที่อยู่ในรถ 2000 เอามาใส่รถ 1800 มันก็โอเคอยู่

เครื่องรถบ้านเดิมเดิม จะแรงได้คงไม่กี่วิธีครับ อันดับหนึ่ง คงหนีไม่พ้นระบบอัดอากาศ เช่น Tubro Charger และ Super Charger

กระทู้นี้ตั้งขึ้นเพื่อเป็นความรู้และแนวทางของคนที่จะสนใจสับเกียร์ ไม่ได้มีเจตนาในการสนับสนุนหรือโฆษณาใดๆทั้งสิ้น
เริ่มเลย เนื่องจากผมเองที่อยากแรงอยากมันในงบประมาณที่ไม่มาก ก็เลยเกิดโปรเจ็คนี้ขึ้นมา รถผมเป็นรุ่น S AT(AS) ส่วนคู่สับผมเป็น S MT ซึ่งบางคนสงสัยว่าต่างรุ่นกันจะมีปัญหาไหมเพราะส่วนมากจะสับกันตรงรุ่นเพราะจะไม่มีปัญหา คือ S MT กับ S AT หรือไม่ก็ S AT(AS) กับ E MT(AS)<<รุ่นนี้นับคันได้ถือว่าเป็นลิมิเต็ด ซึ่งหาคู่สับยากมาก แล้วคิดว่าคนใช้รุ่นนี้เค้าจะสับหรอ?? นั้นแหละประเด็นหลัก
ส่วนเรื่องปัญหามันมีแน่นอน แต่แก้ไขได้ ซึ่งผมขอเกริ่นก่อนเลยเผื่อคนที่สนใจจะได้ทราบปัญหาก่อนที่จะทำ คือ
ในส่วนของMT>AT
1.ไฟเกียร์ตำแหน่ง D บนเรือนไมล์เกียร์ออโต้กระพริบตลอดเวลา เพราะฟ้องว่าไม่มีABSในระบบเพราะกล่องมีฟังชั่นแต่ไม่มีตัวอุปกรณ์
2.ไฟAirbag ABS โชว์เพราะรถเดิมๆไม่มีอุปกรณ์แต่กล่องมันมีฟังชั่นนี้
การแก้ไขปัญหา
ในกรณีข้อ 1 ต้องหากล่องECU รุ่น S AT ซึ่งไม่มีAirbag ABS มาใส่ ซึ่งเบิกใหม่ราคา2xxxx หามือสองราคา xxxx อันนี้แล้วแต่สะดวก
ข้อดีคือ ไฟไม่กระพริบใช้ได้ปกติไม่น่ารำคาญ ข้อเสียคือ ต้องเสียค่ากล่องและค่าแก้อิมโมใหม่ (แต่เราก็สามารถเอากล่องของคู่สับไปขายต่อได้เพื่อมาชดเชยค่ากล่องที่หามา)
ในกรณีข้อ 2 หาเรือนไมล์ รุ่น S AT ซึ่งไม่มีไฟตำแหน่ง Airbag ABS มาใส่ หรืออีกทางเลือกถอดไมล์แกะหลอดไฟในตำแหน่งนั้นออกวิธีนี้ดีคือไม่ต้องหาเรือนไมล์ใหม่ เสียคือ เสียเวลาวิ่งไปหาที่ทำที่แก้
ข้อดีคือ ไฟไม่โชว์ให้รำคาญ ข้อเสียคือ มีค่าใช้จ่ายและเสียเวลานิดหน่อย
ต่อมาในส่วนของAT>MT
จะไม่สามารถใช้อุปกรณ์ที่ติดมาได้คือ Airbag ABS เพราะกล่อง ECU S MT ไม่มีฟังชั่นนี้ และCruise Control เพราะเรือนไมล์ของ S MT ไม่มีฟังชั่นนี้
การแก้ปัญหาในส่วนAirbag ABS คือ ต้องหากล่องECU รุ่น E MT(AS) เบิกใหม่ก็ราคา2xxxx หามือสองราคา xxxx(หายากมากแทบพลิกแผ่นดินหา) และต้องใช้สายไฟเมนหลักที่มีAirbag ABSด้วย อันนี้ผมแก้ปัญหาโดยใช้สายไฟเดิมซึ่งมี Airbag ABS แม้จะเป็นสายไฟของ S AT(AS)ก็สามารถใช้ได้เพราะ จากAT>MT จุกจิกน้อย โดยที่ผมก็หาสายไฟเมนหลักของเกียร์ออโต้ที่เป็นรุ่น S ATหรือS AT(AS)มาให้คู่สับผม ซึ่งผมก็จะได้สายไฟของเกียร์ธรรมดามาเป็นสแปรไว้ขายได้ พยายามอย่าเอาสายไฟของรุ่น E ATหรือE AT(AS) มาให้คู่สับ เพราะคู่สับเราเป็นรุ่น S MT จะเป็นแอร์ธรรมดา ปลั๊กแอร์จะไม่ตรงกัน
และในส่วนการแก้ปัญหาในส่วน Cruise Control ต้องหาเรือนไมล์ที่มีฟังชั่นของ Cruise Control อันนี้หายากหน่อยเพราะเท่าที่ทราบมาที่เป็นเกียร์MTจะมีในเรือนไมล์ของรุ่น E MT(AS) ปี 2007 ตรงนี้ผมแก้ปัญหาโดยใช้ไมล์เดิมโดยเอาหลอดไฟโชว์ตำแหน่งเกียร์ออก ก็เป็นไมล์เกียร์MTแล้ว แล้วก็ต้องหาไมล์เกียร์ATให้คู่สับโดยที่เราจะได้เรือนไมล์MT ของคู๋สับมาเป็นสแปรเช่นเดียวกัน
ส่วนข้อดีข้อเสียเหมือนกับข้างบน
ต่อมา มาในส่วนอุปกรณ์ที่ต้องสับกัน
1.เกียร์+น้ำมันเกียร์+กระปุกน้ำมันคลัช+น้ำมันคลัช+คาเบรค+คาคลัช
2.กล่อง ECU (กรณีAT>MTอันนี้ผมหามาตรงรุ่นเอง)
3.เรือนไมล์ (กรณีAT>MTใช้ของเดิมแต่หาของตรงรุ่นให้คู่สับ)
4.สายไฟเมนหลัก (กรณ๊AT>MTใช้ของเดิมแต่หาของตรงรุ่นให้คู่สับ)
5.เพลาขับ
6.หม้อน้ำ
7.กระปุกเกียร์+ครอบเกียร์เล็ก
8.คอกุญแจ+เบ้ากุญแจประตูฝั่งคนขับและฝาท้าย (กรณีสับกล่องกันแล้วไม่อยากเสียค่าแก้อิมโม)
9.แพหน้า(อันนี้ไม่แน่ใจ)
10.ที่พักเท้า(ของผมเอาออกปล่อยโล่งๆไม่อยากลื้อพรม ส่วนของคู่สับก็ใช้ของเกียร์MT)
11.อื่นๆเล็กๆน้อยๆ
ต่อมา หลังจากตกลงกับคู่สับกันได้แล้ว(ต้องแจ้งให้เค้าทราบถึงปัญหาและสิ่งที่ต้องเปลี่ยนรวมถึงค่าใช้จ่าย)
ผมก็ได้ติดต่อกับทางอู่ ซึ่งได้คุยรายละเอียดกันครบถ้วนไว้ก่อนแล้ว กำหนดระยะเวลา 2 คัน 1อาทิตย์ ค่าใช้จ่ายต่อคัน 10000 บาท ค่าแก้อิมโมคันละ 2500 (กรณีแก้อิมโม) คุยเสร็จก็นำรถเข้าไปทำตามเวลาที่นัดไว้ ซึ่งเวลาผ่านไป 2 วันรถผมก็เสร็จจาก AT(AS)>MT(AS) ที่เร็วเพราะผมใช้สายไฟเดิมเลยไม่ต้องรื้อคอนโซลและอีกหลายๆจุด ซึ่งวันไปรับรถ ก็ได้ลองได้เทสรถ รถสมบรุณ์ 99% อีก1%สำหรับการถอดและประกอบที่ยังไงก็ไม่สมบรูณ์100% อีก 5 วันคู่สับผมก็เสร็จจากMT>AT รถคู่สับผมก็ใช้ได้ปกติไม่มีปัญหา มีแค่ในส่วนของไฟตำแหน่งเกียร์ D กระพริบเพราะ คู่สับผมรับได้กับปัญหาตรงนี้เลยไม่ได้มีการแก้ไข ซึ่งมันเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ ผลออกมาเป็นที่โอเคทั้ง 2 คัน ค่าใช้จ่ายไม่มีเพิ่มเติมจากที่ตกลงคันละ 12500 บาทรวมแก้อิมโม ซึ่งรถทั้ง2คันไม่มีปัญหาอะไรเลยถือว่า จบ!!โปรเจ็คนี้
ขอเสริมนิดในส่วนของปัญหานั้นเกิดจากตัวผมเอง ที่ต้องการให้สามารถใช้ Airbag ABS ได้และเนื่องเพราะสับกันไม่ตรงรุ่นด้วย เลยอาจจะต้องมีอะไรเพิ่มเติมให้ยุ่งยากกันนิดหน่อย
ถ้าผมจะให้ไม่มีปัญหาก็ได้คือ ก็สับกันตามปกติโดยที่จะไม่สามารถใช้ Airbag ABS ได้ ซึ่งผมซีเรียสเรื่องนี้มากซึ่งมันเกี่ยวกับความปลอดภัย ซึ่งผมถือคติว่า มีแล้วไม่ได้ใช้ ดีกว่าเวลาจะใช้แล้วไม่มี!! เลยเกิดโปรเจคนี้ขึ้น
 
สรุป ทั้งผมและคู่สับแฮปปี้มากกับโปรเจคนี้ อาจมีอะไรติดๆขัดๆเล็กน้อย แต่รถก็ออกมาสมบรูณ์ 99% ผมก็สามารถใช้ Airbag ABS รวมถึงCruise Control ได้ ส่วนคู่สับก็ใช้รถได้ตามปกติ
ผมเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับมารวมถึงปัญหาในการทำโปรเจ็คนี้ด้วยเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจอยากจะทำโปรเจ็คนี้บ้าง แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ผมไม่มีเวลาไปถ่ายรูปในวิธีการทำเลยต้องขอโทษทุกท่านด้วยบางสิ่งบางอย่างอาจมองภาพไม่ออก แต่ผมยินดีที่จะอธิบายและแนะนำสำหรับคนที่ต้องการจะทำ ท่านใดสนใจอยากทราบรายละเอียดต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่าย อู่ ระยะเวลา ข้อดี ข้อเสีย ฯลฯ ติดต่อผมมาได้เลยตามเบอร์นี้ 085-335-8385 น็อต
ส่วนข้อมูลบางอย่างถ้าถูกผิดหรือไม่ตรงกับข้อมูลของบางท่านผมยินดีรับฟังและแก้ไขครับผม และต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะครับ

ถ้าเป็นผม ผมคงมองที่จุดประสงค์และความต้องการที่จะซื้อรถใหม่ของตัวเองครับ ถ้ามี 3 ช้อยที่คุณให้มา
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่ใหญ่ขึ้นสบายขึ้นปลอดภัยขึ้นและราคาไม่แรงมาก โดยไม่สนใจมือหนึ่ง ผมคงเลือกข้อ 1
ถ้ามองว่าอยากได้รถใหม่เพื่อหนีปัญหาที่จะต้องซ่อมคันเก่า ผมคงเลือกข้อ 2 3
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่ทันสมัย ผมคงเลือกข้อ 2
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่สามารถนำมาต่อยอด ผมคงเลือกข้อ 2 3
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่คุ้มค่า ผมคงเลือกคันเดิมใช้ให้คุ้มจนมันพังกันไปข้าง
ถ้ามองว่าอยากได้รถโดยไม่เป็นหนี้สิน ผมก็คงเลือกคันเดิม
และสุดท้ายถ้ามองว่าอยากได้รถที่ไม่ใช่คันที่ขับอยู่แล้ว ผมก็คงพิจาณาจุดประสงค์และความต้องการของตัวเอง
โดยเลือกที่มันตอบโจทย์ในใจเราได้มากที่สุดครับ
 
ยังไงก็ขอให้สมหวังสมปรารถนาที่ตั้งใจไว้ละกันนะครับ

แก้ไขครับอันนี้ของเวปเราครับ http://www.civicclubthailand.com/board/index.php/topic/2303-review-%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C-atmt/

กระทู้สับเกียร์ของผมลองอ่านดูครับ http://www.civicfdth...howtopic=151439

ถ้าเป็นผม ผมคงมองที่จุดประสงค์และความต้องการที่จะซื้อรถใหม่ของตัวเองครับ ถ้ามี 3 ช้อยที่คุณให้มา
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่ใหญ่ขึ้นสบายขึ้นปลอดภัยขึ้นและราคาไม่แรงมาก โดยไม่สนใจมือหนึ่ง ผมคงเลือกข้อ 1
ถ้ามองว่าอยากได้รถใหม่เพื่อหนีปัญหาที่จะต้องซ่อมคันเก่า ผมคงเลือกข้อ 2 3
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่ทันสมัย ผมคงเลือกข้อ 2
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่สามารถนำมาต่อยอด ผมคงเลือกข้อ 2 3
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่คุ้มค่า ผมคงเลือกคันเดิมใช้ให้คุ้มจนมันพังกันไปข้าง
ถ้ามองว่าอยากได้รถโดยไม่เป็นหนี้สิน ผมก็คงเลือกคันเดิม
และสุดท้ายถ้ามองว่าอยากได้รถที่ไม่ใช่คันที่ขับอยู่แล้ว ผมก็คงพิจาณาจุดประสงค์และความต้องการของตัวเอง
โดยเลือกที่มันตอบโจทย์ในใจเราได้มากที่สุดครับ
 
ยังไงก็ขอให้สมหวังสมปรารถนาที่ตั้งใจไว้ละกันนะครับ

ถ้าเป็นผม ผมคงมองที่จุดประสงค์และความต้องการที่จะซื้อรถใหม่ของตัวเองครับ ถ้ามี 3 ช้อยที่คุณให้มา
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่ใหญ่ขึ้นสบายขึ้นปลอดภัยขึ้นและราคาไม่แรงมาก โดยไม่สนใจมือหนึ่ง ผมคงเลือกข้อ 1
ถ้ามองว่าอยากได้รถใหม่เพื่อหนีปัญหาที่จะต้องซ่อมคันเก่า ผมคงเลือกข้อ 2 3
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่ทันสมัย ผมคงเลือกข้อ 2
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่สามารถนำมาต่อยอด ผมคงเลือกข้อ 2 3
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่คุ้มค่า ผมคงเลือกคันเดิมใช้ให้คุ้มจนมันพังกันไปข้าง
ถ้ามองว่าอยากได้รถโดยไม่เป็นหนี้สิน ผมก็คงเลือกคันเดิม
และสุดท้ายถ้ามองว่าอยากได้รถที่ไม่ใช่คันที่ขับอยู่แล้ว ผมก็คงพิจาณาจุดประสงค์และความต้องการของตัวเอง
โดยเลือกที่มันตอบโจทย์ในใจเราได้มากที่สุดครับ
 
ยังไงก็ขอให้สมหวังสมปรารถนาที่ตั้งใจไว้ละกันนะครับ

ถ้าเป็นผม ผมคงมองที่จุดประสงค์และความต้องการที่จะซื้อรถใหม่ของตัวเองครับ ถ้ามี 3 ช้อยที่คุณให้มา
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่ใหญ่ขึ้นสบายขึ้นปลอดภัยขึ้นและราคาไม่แรงมาก โดยไม่สนใจมือหนึ่ง ผมคงเลือกข้อ 1
ถ้ามองว่าอยากได้รถใหม่เพื่อหนีปัญหาที่จะต้องซ่อมคันเก่า ผมคงเลือกข้อ 2 3
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่ทันสมัย ผมคงเลือกข้อ 2
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่สามารถนำมาต่อยอด ผมคงเลือกข้อ 2 3
ถ้ามองว่าอยากได้รถที่คุ้มค่า ผมคงเลือกคันเดิมใช้ให้คุ้มจนมันพังกันไปข้าง
ถ้ามองว่าอยากได้รถโดยไม่เป็นหนี้สิน ผมก็คงเลือกคันเดิม
และสุดท้ายถ้ามองว่าอยากได้รถที่ไม่ใช่คันที่ขับอยู่แล้ว ผมก็คงพิจาณาจุดประสงค์และความต้องการของตัวเอง
โดยเลือกที่มันตอบโจทย์ในใจเราได้มากที่สุดครับ
 
ยังไงก็ขอให้สมหวังสมปรารถนาที่ตั้งใจไว้ละกันนะครับ

ผม MT 5 Speed แต่มีตัวช่วยนะคร้าบ อิอิ
 
ขอบคุณครับผม
ขอบคุณมากครับไอน้อง

ถ้าจูน NA แล้วติด Close loop(CL) มันไม่ค่อยมีผลมากเท่าเทอร์โบนะครับ
 
ถ้าเป็น Turbo ติด Close loop จะพาพังเอาครับ เพราะช่วงที่ยังเป็น CL แต่บูสมาแล้ว มีจำเป็นต้องฉีดน้ำมันมากกว่าที่ CL คุมไว้ คือต้องหนากว่า 14.6
 
แต่ถ้า NA step ใช้งาน ติด CL นั้นไม่ซีเรียสครับ เพราะยังไง CL มันแค่ดึงเฉพาะน้ำมันกลับมาที่ AF 14.6
ไฟที่ปรับจูนไว้ มันไม่ได้ถูกดึงกลับ ถ้าจูนดียังไงก็วิ่งดีกว่าเดิม
 
เครื่องไม่ได้เป็นสเตปเข่ง จูน NA วิ่งสนุกแบบ Steert use ไม่ต้องไปซีเรียสเรื่อง CL มากครับ
ซีเรียสเรื่องหาคนจูนดีกว่าครับ เพราะ แรงไม่แรง กล่องเป็นแค่องค์ประกอบครับ สำคัญที่คนจูน

รถคันนี้เติมน้ำมัน E285 ลิตรละ 300 กว่าบาท วิ่งได้ทั้งคืน 5555

เถียงกันไปก็ไม่มีประโยชน์ครับ ฝ่ายที่ได้ประโยชน์เค้าก็เห็นด้วย ฝ่ายที่ไม่ได้ประโยชน์และเดือดร้อนก็ไม่เห็นด้วยหรอกครับ เป็นธรรมดาของมนุษย์ เราควรตะหนักและคิดให้รอบคอบมากกว่ากับนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าฝ่ายไหนว่าใครกันแน่ได้ประโยชน์และใครกันแน่เสียประโยชน์ เราควรช่วยกันแก่้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ไช่มาต่อสู้กันด้านความคิดที่เป็นปัญหา สำหรับนโยบายนี้ผมมองว่า คนที่ได้ประโยชน์ยังไงเค้าก็ว่าดีครับ ส่วนคนที่ไม่ได้ประโยชน์เค้าก็ว่าไม่ดีครับ ส่วนคนที่ไม่ได้ไม่เสีัยเค้าก็เฉยๆครับ เอาเป็นว่า ผมสงสารประเทศนี้ครับ 

น้องคนนี้ เชี่ยวทั้ง 2 เรื่องเลยครับ ทั้งเลียคลัช ทั้งกำไข่

เอาคลัชเดิมไปเปลี่ยนผ้ากึ่่งทองแดงก็พอสำหรับรถเราแล้วครับ (ยกเว้นเซ็ตโบ)
 
 
เพราะปัจจุบันใช้ คลัชทองแดง หวีสองชั้น
 
 
ข้อเสีย 1. คลัชแข็งนรก แข็งกว่า exedy ม่วงแผ่นเดียวที่เคยใช้
 
2. จับหนักไป เดือนเดียว ยางแท่นเครื่องพังหมดครับ เวลาซัดก็มันส์ เพราะกระโดดเป็นกบเลย แต่รถติดก็น้ำตาจะไหล