Jump to content

Mc Motiv

CCTH Member
  • Posts

    13
  • Joined

  • Last visited

About Mc Motiv

Mc Motiv's Achievements

Newbie

Newbie (1/14)

5

Reputation

  1. ตามกระทู้นี้เลยครับ ชวนเพื่อนๆ พี่ๆ ไปวิ่งกันครับ ไม่จำกัดรถ อะไรก็ไปได้ครับ http://www.siamsubaru.com/subaruboard/index.php?topic=97417.0
  2. Mc Motiv / Dixcel เตรียมเปิดคอร์ส Safety Driving เพิ่มทักษะการขับขี่ การควบคุมรถ ทั้งการใช้ถนนทั่วไป หรือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมไปถึงพัฒนาทักษาไปสู่การขับขี่ในสนามแข่งขัน หรือ Track day ต่างๆ นำทีมดำเนินการสอนและให้ความรู้โดย นักขับและอาจารย์สอนชื่อดัง (อาจารย์อั๋น สิรคุปต์ เมทะนี และทีมนักขับชื่อดัง) สำหรับ CCTH เปิดรับสมัครแน่นอน จำกัดจำนวน แต่ยังไม่ได้เปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการนะครับ อยากให้ลองเสนอแนะกันได้ครับ เรื่องสนามที่อยากใช้ในการเรียนครั้งนี้ 1. Thailand Circuit นครชัยศรี ข้อดี - ใกล้ และสะดวกกับการเดินทาง - ได้เรียนรู้กับโค้งที่หลายหลาย ได้ฝึกการใช้เบรค - พิทมาตรฐาน สะดวกสบาย - run-off area เยอะ ค่อนข้างปลอดภัย ข้อเสีย - บรรยากาศเฉยๆ อากาศร้อน 2. Bonanza Intl' Speedway ข้อดี - สนามสวย ที่เที่ยวต่อมีเยอะ - สนามยังใหม่ ตื่นเต้น เร้าใจ - อากาศดี ข้อเสีย - ไกล - ต้องใช้เต๊นท์แทนพิท ลองเลือกกันมาดูนะครับ ทางทีมงานจะสำรวจความต้องการจากสมาชิกที่สนใจ โดยทำการสำรวจจากหลายๆคลับด้วยเช่นกัน เมื่อได้กำหนดการ สถานที่ จะมาเปิดรับสมัครอย่างเป็นทางการ พร้อมรายละเอียดกัยต่อไปครับ ทีมงาน Mc Motiv Engineering
  3. ถ้าต้องการแบบฝุ่นน้อย ลองดูอันนี้ครับ Dixcel
  4. บท ความทดสอบ การใช้งานของผ้าเบรก Dixcel Type Z ในสนาม BRC และการใช้งานทั่วไป « เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2008, 02:21:03 PM » เขียนโดยคุณ Azzy - เนื้อหาของบทความนี้เดิมทีอยู่ในเว็บ Siam Subaru Society แต่ผมเห็นว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจในสินค้าตัวนี้ แล้วอยากจะหาข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่ก็เป็นการแบ่งปันหรือแชร์ประสพการณ์ เหมือนๆกับที่เราไปลองโช๊คอัพ หรือ รถรุ่นต่างๆ แล้วมาเล่าสู่กันฟัง ผมจึงคิดว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยในการใช้เป็นแหล่ง ข้อมูล ต้องขอขอบคุณคุณ Azzy มากๆครับในการแบ่งปันประสพการณ์ให้เพื่อนๆอีกครั้งนึง wavey ***เนื้อหาขอบทความ*** บทความทดสอบ การใช้งานของผ้าเบรก Dixcel Type Z ในสนาม BRC และการใช้ งานทั่วไป โดยมีระยะการใช้งานแล้วรวม 5000 กิโลเมตร ก่อนอื่นต้องบอกก่อน เลยว่า บทความนี้เขียนขึ้นจากการ ทดสอบด้วย อารมณ์ความรู้สึกของผู้ทดสอบเท่านั้น อาจจะมีค่าอุหภูมิการใช้งานอ้างอิง ตามความจริง จากเครื่องวัดอุหภูมิพื้นผิวของจานเบรก แต่ไม่ใช่การทดสอบอย่างถูกต้องในการทดสอบผ้าเบรกของ OEM และการทดสอบนี้ เพื่อเป็นการทดลองการใช้ ในสนาม และบนถนนเท่านั้น ไม่สามารถเอาการทดลองนี้ นำไปวิจัยอะไรใดๆ ทั้งสิ้น หลายเดือนก่อนหน้านี้ ผมได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์ จาก เอส นราศักดิ์ แชมป์ Rally ประเทศไทย ซึ่งก็เป็นรุ่นๆน้องผมเอง เจอกันไม่กี่ครั้งตามสนามแข่งบ้าง โดยการแนะนำให้รู้จักจากเจ้าก้อง อ้วน Omac ก่อนอื่นก็คงต้องบอกว่า เอส เป็นน้องที่น่ารักคนนึงมากครับ ไม่เคยถือตัวว่าเป็นแชมป์ แล้วหยิ่ง เวลาพูดกับเค้าก็จะติดคำว่า “ครับ” ตลอด เรียกได้ว่า เป็ฯน้องคนนึงที่มี สัมมาคาราวะ มากๆ เอส : พี่ครับ ผมอยากให้พี่ช่วยเขียนบทความเกี่ยวกับผ้าเบรกหน่อยอะครับ คือผมเอาผ้าเบรก Dixcel เข้ามาขายอะครับพี่ แล้ว Azzy : โห้ เอางั้นเลยหรอเอส เอส : พี่เขียนได้น่าอ่านนะครับ แล้วถ้าเกิดว่าผมไปให้พวกๆผม test ด้วยก็จะออกแนว Over แล้วจะเข้าข้างกันเอง ด้วยครับพี่ Azzy : ได้เลยครับ เอส แต่ผมบอกก่อนนะครับ ว่าถ้าให้ผมเขียน ผมเขียนตามจริงนะครับ คือดีก็ต้องยอมรับว่าดี ไม่ดีก็คงต้องว่าตามนั้นนะครับเอส เอส: ได้เลยครับพี่ เอาตามนั้นเลยครับ เอสได้อธิบายคร่าวๆเกี่ยวกับผ้า เบรกยี่ห้อนี้ว่า เป็นเบรกที่ถูกพัฒนา จากผู้ผลิต เบรกที่ใช้ในสนามแข่งยี่ห้อดัง นั้นคือ AP Racing ซึ่งผ้าเบรกนั้นเรียกได้ว่ามีคุณภาพที่เทียบเท่าของ AP เลยทีเดียว โดยเป็นผ้าเบรกนั้นจะทำมาให้ใส่กับ คาลิปเปอร์ เดิมๆของรถ เช่น ของ Imp มี 4 pot ก็จะเป็นแบบแตนๆเลย Brambro ก็จะมีแบบแตนๆเลย และที่สำคัญ เอสบอกว่า เค้าได้มาในราคาที่ถูก ก็เลยจะขายในราคาที่ถูก ซึ่งเมื่อผมได้ยินราคาแล้ว ผมเป็นห่วงคนที่เอาของ Import ยี่ห้ออื่นๆมาขายเลยทีเดียว เอส ยังเล่าให้ฟังอีกว่า ยังมีในเรื่องของพวกจานเบรกต่างๆ ซึ่งราคาบอกได้เลยว่าต่ำมาก จนผมน้ำลายไหล และยิ่งอยากลอง แถมยังมี Spec ที่ใช้กับรถยุโรป ซึ่งบอกตามตรงว่า ราคานั้นเมื่อเทียบกะเจ้า A6 ที่บ้าน ราคาถูกกว่าอีกเมื่อเข้าศูนย์ เหตุที่เอส สามารถนำเข้ามาได้ถูกนั้นผมก็ถึงบางอ๋อตรงที่ว่า เค้าเป็น Sponser หลักของเจ้าเอสในการแข่งขันนั้นเอง แถมกล้าเคลมอีกว่า ถ้าชำรุด คด แตก สั่น คืนเงิน 100% ส่วนนึ่งก่อนที่ผมจะได้มีโอกาสทดสอบ ก็คงต้องบอกว่าลึกๆแล้ว ผมเองก็เป็นคนนึงที่รักเพื่อนพ้อง คือใครมาขอความช่วยเหลือผมยินดีที่จะช่วยเหลือและเชียร์ให้ใจขาด เพราะผมเองก็เป็นคนนึงที่ขายของในตลาดเหมือน ก็เข้าใจว่า การจะเอา Product เข้าในตลาดนั้น ส่วนนึงก็ต้องมาจากความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ช่วยๆกัน แต่ก็อีกแหล่ะครับ ถ้ามั่นใจจะให้ผมทำแล้ว ผมก็เลือกที่จะทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าผลจะออกมาดีหรือไม่ดี ก็คงต้องว่ากันตามตรง แล้วยิ่งเป็นเจ้าเอสด้วย ผมยิ่งช่วยใจขาดเลย เพราะเป็นน้องที่น่ารักคนนึง ก่อนหน้าจะถึงวันที่ได้ทดสอบ เอสโทรมาแจ้งผมว่า ของที่เค้าสั่งไว้ ถึงมือแล้ว ถ้าผมว่างให้นัดวัน test ได้เลย เรานัดกันวัน อาทิตย์ 11 พฤษภา ที่ผ่านมา โดยที่ผมเองก่อนหน้านั้นก็ง่วนมากๆครับ เพราะพอดี ใกล้วันแต่งงานของเพื่อนสนิท ที่ผมต้องไปเป็นพิธีกรให้ ผมได้รับผ้า เบรกในคืนวันเสาร์ที่ 10 พฤษภา ผมกับเอสนัดเจอกันที่ปั้มแห่งหนึ่งแถวบ้าน ผ้า เบรกที่ผมได้รับนั้นเป็นผ้าเบรก Dixzel Type Z กล่องสีทอง อุหภูมิการทำงานของเบรก 0-850 องศา ก่อนอื่นเลยหลังจากรับมา ผมเปิดกล่องตรวจดูสภาพผ้าเบรก ว่าไม่เคยมีการใช้งานใดๆมา แต่สิ่งนึ่งที่ต้องถือว่า แปลกใจในรายละเอียดก็คือ เจ้าผ้าเบรคตัวนี้ไม่มีร่องระบายฝุ่นในตัวเอง คือเป็นผ้าเบรกหน้าแบนเรียบ ไม่มีร่อง ดูจากเนื้อแล้วค่อนข้างหยาบ โดยจากการมองด้วยตาครั้งแรก ในใจก็คิดว่า อาจจะมีเสียงดังเล็กน้อย เนื่องจากฝุ่นภายนอก(เพราะไม่มีร่องระบาย) หรือไม่ก็โลหะที่ใช้ทำเนื้อผ้าเบรก แต่โดยร่วมแล้วก็ไม่ต่างอะไร เมื่อมองด้วยตา แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะประหลาดกว่าเพื่อนคือ เมื่อแกะกล่องออกมาแล้ว เค้าแถม จาราบี มาให้ 1 หลอด ซึ่งตรงนี้ เอส กำชับเลยว่า ขอให้ผมใส่ตรงเหล็กประกับ ระหว่างลูกสูบเบรกและผ้าเบรก โอ........... อันนี้ถือว่าไม่เคยเจอครับ !!! เพราะเท่าที่เคยซื้อผ้าเบรกมา ไม่เคยมีใครแถมมาให้เลย โดยในแง่ของ Engineer แล้ว ความร้อนที่เกิดจากเบรก ทำให้หน้าสัมผัสนั้นเปลี่ยนไป การที่เค้ามี จารบีเกรดพิเศษมาให้นั้น ถือเป็นความรอบคอบ ของผู้ผลิตเพื่อให้ได้ผลตาม Spec ที่เค้าตั้งใจไว้ เค้า แถมมาให้กับเบรกหน้าครับ แต่ดูจากปริมาณแล้ว สามารถใส้ได้ ทั้งหน้าและหลังเลยทีเดียว และเพื่อการทดลองให้เต็มประสิทธิภาพ ผมก็เห็นด้วยกับเอส ครับที่จะใส่ เพราะถือว่าเป็น Condition นึงที่ถือว่าเหนือกว่าคู่แข่ง เช้า วันที่ 11 ผมนำรถเข้าไปเปลี่ยนผ้าเบรกที่อู่แถวๆ หน้าสนาม BRC ก่อนอื่นขอมา ว่ากันคราวๆ สำหรับ Spec ของรถ ผ้าเบรค และ Track รถยนต์ : Subaru Impreza GDA 218 แรงม้า เครื่องยนต์ Standard ไม่มีการปรับบูสใดๆ ทั้งสิ้น เปลี่ยนแค่ Front Pipe เบรก 4 pot standard หลัง 2 pot ผ้าเบรก Dixzel Type Z ทั้งด้านหน้าและหลัง ยาง : RE 001 Adrenalin หมดสภาพ!!! ช่วงล่าง : Tein HA ปรับอยู่ที่ หน้า 22 หลัง 20 เวลา ที่เคยทำได้ดีที่สุดในสนาม BRC ขับโดยตัวผมเอง : 57.66 วินาที อุปกรณ์ ในการทดสอบ : ปืน Laser วัดอุหภูมิพื้นผิว หน้าสัมผัส และแน่นอนครับ ผ้าเบรก Dixzel Type Z 0-850 บ่าย 2 โมงผมนัด เอส เจอที่สนามครับ โดยในการทดสอบครั้งนี้ ผมเชิญ อาจารย์อั๋น ซึ่งถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด่านการขับในสนาม มาเป็นผู้ขับ และเชิญ ประธาน เคน และ ก้อง มาเป็นพยานในการทดสอบครั้งนี้ อากาศวันนั้น จัดว่าไม่ได้ร้อนมาก ประมาณ 28-29 องศา ไม่มีแดด ผมตัดสินใจ เริ่ม Test Run เองก่อน เพื่อทดสอบ อาการต่างๆ ซึ่งสิ่งที่ขาดตกบกพร่องไปในครั้งนี้คือ ผ้าเบรกที่เราเปลี่ยนใส่ไปนั้น ไม่ได้ผ่านการ Run in เลย เพราะเราไม่มีเวลา จึงมีการ Run in แบบคราวๆ ในสนามด้วยตัวผมเอง หลังจากวิ่งผ่านไปไม่กี่รอบ ผมตัดสินใจเริ่ม Test Run โดยอาจารอั๋นเลย โดยเรามี Test Course ง่ายๆ ก็คือ เราจะวิ่ง 5 รอบแบบ เบรกลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเราจะลองมาวัดอุหภูมิกันดู ว่า อุหภูมิ ที่อุหภูมิที่ทำได้ในสนาม 5 รอบ แบบเบรกแบบเค้นๆแล้ว จะได้ประมาณเท่าไหร เกิดจากที่ผ้าเบรกจะทนไหวไหม แล้วในการทำงานของมันจากผ้าเบรกเย็นๆ ไปถึงร้อนๆ มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการทำงานในช่วงต่างของอุหภูมิไหม ในรอบ แรก อาจารย์อั๋นขับไป 5 รอบ แบบเค้นๆ หลังจากกลับเข้ามาที่ Pit สิ่งที่ผมเห็นคือ จานเบรก เป็นสีส้ม แบบเหล็กหลอมเลยทีเดียว วัดอุหภูมิ พื้นผิวจานเบรกตอนนั้น 650 องศา อาจารย์บอกว่า การจับในช่วง Initial Bite หรือ จากจับเมื่อเราแตะเบรกไปครั้งแรก มันจะดีมาก และเมื่อเราต้องการให้มันจับมากขึ้น ก็เพียงแค่เติมน้ำหนักเท่าลงไปนิดๆ ไม่มีเกินไม่มีขาด Control ได้ง่ายๆมากๆ และ ไม่มีอาการเปลี่ยนไป แม้ว่าตอนที่ผมดูนั้น จานเบรกแดงเถือก แต่อาจารย์ก็บอกเองว่า ไม่มีอาการ อะไรเลย !!!! โอ้...........แม่เจ้า !!! มันชัวร์ขนาดนั้นเลยหรอ อาจารย์ นำรถออกไป Cool down และกลับเข้ามา พัก อาจารย์บอกว่าชอบมากในช่วง Initial Bite เพราะมันจะทำให้ นักขับหรือนักแข่ง Control น้ำหนัก เวลา เบรกเข้าไปในโค้งได้อย่างมั่นใจ เราตัดสิ้นใจ เอารถออกไป Test กันอีกรอบ โดยคราวนี้ จัดกันไว้ว่า วิ่ง 5 รอบ Cooldown 2 รอบ แล้วก็กดต่อเนื่องเลย 5 รอบ โดยคราวนี้ก็เหมือนเดิมครับ ผ่าน 5 รอบไป จานเบรกแดงเถือก 650 องศาเดิมเหมือนคราวที่แล้ว โดยให้จานอั๋นเข้ามาวัดแล้วปล่อยออกไป Cooldown เพื่อที่จะกดต่อเนื่องอีก 5 รอบแบบหนักๆ อาการของรถเท่าที่ผมดูกับเอสแล้ว เบรกอาการแถบจะไม่เปลี่ยนเลย แต่ยางที่หมดสภาพจากการกรำทั้งสนามพีระ และ BRC รวมถึงนครชัยศรี ดูเหมือนจะไม่เป็นใจเสียแล้ว เสียงยางเริ่มร้องยาวขึ้น แม้จะเบรคที่จุดเดิมๆ แต่จากการเข้ามาเช็ค อุหภูมิก่อนที่จะไปอัดต่อนั้น อาจารย์ก็ยังย่ำว่า “อาการไม่เปลี่ยน” ช่วง Initial Bite ยังจับได้เต็มๆ เหมือนรอบแรกๆ หรือเหมือนที่อุหภูมิเท่าเดิม สรุปวันนั้นที่อาจารย์ อั๋นขับไปรวม 20 รอบ รวมๆรอบ Cooldown ด้วย อาการนั้นไม่เปลี่ยน แม้ว่าจานจะร้อนแดงยังไงก็ตาม แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือ.......... เวลาครับ รถเดิมๆของผม ยางแบบหมดสภาพ แต่เพิ่มเบรกของ Dixcel ไป เพื่อเบรกที่ลึกกว่าเดิม ทำเวลาลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 56 วินาที ลงมาจากที่ผมขับเอง 1 วินาที!!! วันนั้นเมื่อเทียบกับกล้วยไข่ ที่เป็น GC เครื่องยนต์คอแดงตากลม ทำเวลาเฉลี่ย 55 วินาที โห้.................... นี่รถกรูหรอว๊ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ยางเน่าๆนี่วิ่งขนาดนี้ ถ้ายางเต็มๆ นี่น่าจะไล่รถชาวบ้านเค้าได้น๊า หลังจากอาจารย์ Test จบ ผมเองก็ขอลงไปลองอีกที ต้องยอมรับว่า อาการมันไม่เปลี่ยนจริงๆครับ ไม่ว่าจะขับไปกี่รอบ การทำงานของมันก็ยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยน ผมลองขยี้ จนยางที่หมดสภาพเอาไม่อยู่แล้ว จึงจบการ Test วันนั้นด้วยฝนตก เราและทีมงานการ Test ครั้งนี้สรุปได้ว่า ชอบครับ ต้องบอกว่าชอบมากๆ ส่วน ตัวแล้ว ผมบอกเอสว่า ยังไม่หมดนะเอส ส่วนตัวผมอยาก Test การใช้งานบนถนนจริงๆอีก เพราะถ้ามันดีแค่ในสนาม มันก็เท่านั้นละครับ รถเราๆท่านๆส่วนใหญ่วิ่งถนนมากกว่าสนามอยู่แล้ว จากวันนั้นถึง วันนี้ ระยะทาง 5000 กิโลเมตร ที่ผมได้ Test เจ้า Dixzel Type Z ยังไม่มีครั้งไหนที่เมื่อเท้ากดเบรกลงไปแล้ว จะไม่มั่นใจ เพราะอย่างที่อาจารย์อั๋นบอกว่า ช่วงที่มันจับในตอนแรกนั้น ดีมาก เรียกได้ว่าจับแน่นมากๆครับ แล้วก็เมื่อเราเติมน้ำหนักเท่าไป มันตอบสนองเราได้อย่างดี อาจารย์อั๋นยังบอกอีกว่า นี่เป็นการ Upgrade จากเบรก 4 Pot ธรรมดา ให้เหนือกว่า Brambro ในราคาถูก!!! การใช้งาน ในชีวิตประจำวันถือว่าดีมากครับ รถติดรถไม่ติด เบรกจาก 200 ลงมาเหลือ 0 นี่จัดได้ว่า แน่มมากๆครับ ผมลองเบรกจากทางยาวๆ ก่อนเข้าจ่ายตังค่าทางด่วนด่านบางนา นี่เรียกได้ว่าเหลือๆ เพราะจากเดิม ที่ผมเบรก ผมสามารถขยับจุดเบรกให้ใกล้ขึ้นได้มากกว่าเดิม สรุปได้คำ เดียวครับว่า ชอบมากๆ จากที่เปลี่ยนผ้าเบรกมา กับคาลิปเปอร์แตนๆ ผมว่ามันดีที่สุดเท่าที่เคยใส่มาเลยทีเดียว และอีกอย่างที่ผมเองประทับใจมากๆ คือ ฝุ่นจากการเบรกนั้นน้อยมากครับ เมื่อเทียบกับคู่แข่ง ทำให้ล้อของเราไม่เละเทอะ หลายคนอาจจะบอกว่าผม เวอร์เกินไปหรือป่าว ถ้าถามผมว่ามันมีข้อเสียอะไร มีครับ!!! สำหรับ ข้อเสียของมันก็คือ การที่ผ้าเบรกไม่มีร่องระบาย ทำให้เกิดการติดของเม็ดฝุ่นในเนื้อผ้าเบรกได้ง่ายๆ ทำให้เมื่อเจอฝุ่น มันจะทำให้เกิดเสียง แต่เสียงนี้จะไม่เหมือนผ้าเบรกเกรดสูงๆ ที่เบรกแล้วดังๆนะครับ แต่เป็นเสียงของสิ่งสกปรกที่ติดตามผ้าเบรกและสัมผัสกับจานเบรกเมื่อเราเบรก เท่านั้น แต่ตรงนี้ หากเราไปเลือกใช้จานที่มีเป็ฯจานเซาะร่อง ก็น่าจะหมดปัญหาตรงนี้ไปซึ่ง ผมก็กำลังอยากได้อยู่พอดี ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สุด ท้ายนี้ หลังจากได้รายงานผมกับเอสแล้วในการใช้ประจำวัน ผ่านไป 5000 กิโล ผมก็ได้เริ่มเขียนบทความนี้ เพื่อเป็นบทความของการทดสอบผ้าเบรกของ Dixcel Type Z Project ต่อไปของผม ก็คือ เอสเล่าให้ฟังว่า ทางผู้ผลิตบอกว่า ถ้าเปลี่ยนจานที่โลหะเข้ากับเนื้อผ้าเบรกมันจะเพิ่ม ประสิทธิภาพได้อีก 30-50% ซึ่ง ผมกำลังเก็บตังค์เพื่อไปถึงตรงนั้นอยู่ แถมมีให้เลือกหลายแบบอีกต่างหาก ถ้าได้ลองยังไง จะมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง สรุป อีกครั้งว่า อยากให้เพื่อนๆลองครับ อาจจะไม่ต้องเชื่อผมทั้งหมด แต่มันคือสิ่งดีๆที่เพื่อนใช้แล้วดี ก็อยากบอกต่อให้เพื่อนๆได้ลอง ผมได้ลองแล้ว อยากให้เพื่อนๆได้ลองใช้ดูครับ ว่ามันดีอย่างที่ผมว่าหรือป่าว แต่ผมบอกได้คำเดียวว่าถ้าผมเปลี่ยนผ้าเบรกอีกครั้ง ก็ Dixcel ครับ!!!
  5. แนะนำ Dixcel ครับ Type M ฝุ่นน้อยที่สุดในตลาดแล้ว ณ ตอนนี้ ไม่เฟด กับลักษณะการขับแบบ จขกท. ผ้าเบรคออกแนว ดูดเท้า เบรคหนัก เบา อยู่ที่เราบังคับ ไม่เหมือน 0n-off ทาง subaru และ evo ใช้แล้วยังประทับใจครับ ถือเป็นผ้าเบรคไม่แพ้ยี่ห้ออื่นๆ ในตลาดตอนนี้ รูปเมื่อใช้งานผ่านไป 1000 km. เทียบกับผ้าเบรคเกรด OEM ครับ จะเห็นว่าต่างกันชัดเจน
  6. ถ้าเอาจริงๆ ไม่ผิดครับ ตามกฏหมายระบุว่า ต้องติดป้ายทะเบียนด้านหน้ารถให้เห็นได้ชัดเจน แต่ไม่ระบุว่าตรงกลาง แต่ถ้าป้ายพับ ผิดครับ
×
×
  • Create New...