SCaReCRoWMan

วันนี้พอมีเวลาได้โอกาสล้างเครื่องยนต์ และ ทำความสะอาด MAF Sensor =Mass Air Flow Sensor (เซนเซอร์ ไอดี)
เริ่มต้นเครื่องมือที่ต้องใช้ครับ น้ำยาขจัดคราบห้องเครื่องยนต์ชนิดที่ไม่ทำลายพลาสติก สายไฟ ท่อยาง สายพาน และระบบไฟ+ น้ำยาทำความสะอาดอุปกรณ์อิเลคทรอนิค ครับ ผมซื้อมาจาก Lotus โดยคำแนะนำจาก สมาชิก ชมรม ช้างน้อยครับ



ข้อควรระวังน่ะครับ ต้องรอให้เครื่่องยนต์เย็นสนิทก่อนน่ะครับ เพื่อป้องกันความเสียหายของเครื่องยนต์ เช่น เครื่องยนต์วิ่งมาร้อนๆ จอดเปิดฝากระโปรง แล้วฉีดน้ำเลย วัสดุที่กำลังร้อนอยู่มากระทบกับความเย็นของน้ำอาจเกิดการปรับตัวไมทันทำให้บิดแตก เสียหายได้ครับ

หลังจากเครื่องยนต์เย็นแล้ว ให้ทำการหาถุงพลาสติก มาปิดตามจุด Sensor หรือขั้วต่อปลั๊กกันน้ำอาจเข้าไปทำความเสียหายหรืออาจช็อตได้
(เพราะผมเองเคยแนะนำน้องที่ขับ Civic ES ให้ลองล้าง แต่น้ำดันไปเข้าเซ็นเซอร์ทำให้เซ็นเซอร์เสีย เบิกใหม่ 5พันกว่าบาท
จุดที่ควรป้องกันน้ำเข้า ตามรูปครับ หาถุงพลาสติกมาคลุมไว้ครับ เซ็นเซอร์และปลั๊กไฟ



ปลั๊กไฟเข้ากล่อง ECU



ไดร์ชาร์จ และ ปลั๊กเซ็นเซอร์



ท่อดูดอากาศ



หลังจากที่เอาพลาสติกปิดจุดที่อาจจะเกิดอันตรายจากน้ำแล้ว เริ่มเลยครับน้ำอย่าแรงมากครับใล่คราบสกปรกออกก่อนบางส่วนหรือใช้แชมพูล้างรถช่วยล้างด้วยก็ดีครับ (จากตัวอย่างผมไม่ได้เอาพลาสติกคลุมน่ะ จัดสดเลย ทำตามระวังด้วยครับ)



ลงแชมพูก่อน 1 รอบครับ



จากนั้นล้างออก เช็ดให้ห้องเครื่องให้แห้ง เพื่อจะได้เห็นชัดว่าตรงใหนยังไม่สะอาด จัดการ เขย่าประป๋องสเปรย์ทำความสะอาดห้องเครื่องยนต์ แล้วฉีดเลยครับ ตามจุด ตามซอก ต่างๆ ปล่อยทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออก ครับ



ล้างออกเช็ดให้สะอาด สภาพที่ได้ OK เลยครับ ไม่เหนื่อยเปล่า ไม่ทิ้งคราบน้ำมัน เหนียวๆ เป็นตัวเก็บฝุ่นเหมือนที่ ตามศูนย์ใช้น่ะครับ



ต่อไปใหนๆ ก็ใหนๆ แล้ว ล้าง MAF Sensor ต่อเลยดีกว่า หลายคนอาจสงสัยว่าล้าง MAF Sensor ทำไม ที่ควรจะต้องล้างก็คือ อุปกรณ์ตัว Sensor อากาศนี้ ใช้ไปนานๆอาจเกิด การสกปรก ทำให้ คำนวน ค่าอากาศเข้าห้องเผาใหม้ไม่ดีเท่าที่ควร ปัญหาที่พบได้คือ เร่งไม่ขึ้น มีอาการอึด ลองล้างดูครับ อาจตอบโจทย์ได้บ้าง หรือถ้าไม่หวังอะไรก็ล้างมันหน่อยเหอะ

หน้าตา MAF Sensor ครับ ตำแหน่ง ของเครื่อง 1.8 และ 2.0 จะอยู่ต่อจาก กรองอากาศครับ



กดปลั๊กดึงออกมาเลยครับ ถอดน็อตสองตัวออก



หน้าตา MAF Sensor Civic FD 2.0 ครับ



เอาสเปรย์ฉีดอัดเข้าไปเลยครับ ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วประกอบกลับ **ต้องรอให้แห้งสนิทจริงๆนะครับ** แล้วสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้เพื่อใล่ความชื่นตามจุดต่างๆ ครับ



ฉีดเสร็จเป็นแบบนี้ รอให้แห้งสนิทก่อนน่ะ





หากมีไฟ engine รูปเครื่องสีเหลือง ไม่ดับ เบื้องต้น ให้ ดับ เครื่อง และ ถอดขั้วแบต ทิ้งไว้สัก 15-20 นาที ครับ ถ้าไม่หายก็ตัวใครตัวมันครับ

ห้ามกระดาษทรายนะครับ เหมือนจะจบแต่ไม่จบ ใช้สักพักมันจะมาอีก
 
โมเลกุลผิวพลาสติกเมื่อยุ่ยแล้ว ขัดอย่างไรความตึงผิวมันไม่ได้เหมือนเดิมแล้วครับ เหมือนโฆษณาสครับล้างหน้าเลย
 
น้ำมันเบรคชุบสำลีค่อยๆเช็ดครับ อย่าให้เปรอะส่วนอื่น เอาแต่แลคเกอร์ออก
 
ตามด้วยล้างรถหนักๆไปเลยครับ ล้างเอาไอน้ำมันเบรคออกให้หมด จบสวย รับรอง ทำมาหลายโคมละ

สงสัยสีไม่ถูกโฉลกจัดสีใหม่เลยครับ ยังไงก็ขอให้กลับมาหล่อเหมือนเดิมนะครับ

รถผมปี 08 ติด LPG ตอน 24,000 ปัจจุบัน 301,200 วิ่งดีจริงๆ

เดี๋ยวเจอคันตอนที่อยู่บ้านเก่า ติด NGV ยังจำกันได้ไหม ห้าแสนกว่าแล้ว

น้ำขนาดนี้ ต่อไปคงต้องหาเรือเพิ่มอีกลำแล้วล่ะครับ
 

ผมจัดมาลำ กลัวน้ำจะมา ไปไหนมาไหนไม่ได้ แต่น้ำมันมาไม่ถึง เรือเลยยังไม่เคยสัมผัสน้ำ จอดเแห้งเลย
 
วิตกจริตมากไปหน่อย 555555555

พวกนี้ เวลาผมเจอ ผมจะมองว่า มีปัญหาทางหู
 
รู้สึกสงสารนะคับ

ผมก็ไม่เข้าใจพวกรถเล็กร่วมพวกนี้จริงๆ คิดว่าเปลี่ยนสีรถ สันดานมันจะเปลี่ยนเหรอครับ ขสมก.
เจอพวกนี้อยู่ให้ห่างเลยครับ

รู้สึก จะเป็น สมาชิกที่โพสต์ถามบ้านนู้นไว้ แล้วไม่ได้คำตอบ เลยมาถามบ้านนี้ ยินดีต้อนรับน้ะครับ บ้านนี้ โปร่งใสครับผม^^

ลองตรวจสอบการตั้งค่าในนี้อีกทีนะครับ
 
http://www.civicclubthailand.com/board/index.php?app=core&module=usercp&tab=core&area=notifications

555555 ไม่ได้มีไรซีเรียสครับ อยากจะบอกมานานแล้วครับ ว่าชอบการออกแบบเวบนี้มาก รู้สึกจะไม่เคยเจอในเวบคลับอื่นๆเลย โดยเฉพาะ หัวข้อ Content I follow, View New Content อ่ะครับ ทำให้สามารถติดตามโพสของเรา และโพสล่าสุดได้ สะดวกมากครับ แล้วยังมีแจ้งเตือนมาทาง hotmail ผมด้วย5555 แถมมีให้กดไลค์อีก อินเทรนยจริงๆ
ปล.แต่ทะมายวีคนี้มันม่ะแจ้งเข้าใน hotmail ผมเลย สงสัยไม่รู้ไปตั้งอะไรผิดหรือป่าว

มองแบบวิเคราะห์ทั่วไปนะครับ ผมก็เป็นคนเชียงใหม่ หลายๆ ทีก็เบื่องาน office อยากกลับไปเปิดกิจการของตัวเองที่บ้าน
ร้านล้างรถคืออันนึงที่สนใจ แต่เราจะถอดแบบร้านล้างรถใน กทม. ไปที่เชียงใหม่ผมคิดว่าอยู่ยาก เพราะ
 
วิถีชีวิตคนเชียงใหม่ ใกล้เคียงคนกรุงเทพก็จริง แต่ไม่ทั้งหมด อาทิ
- รายได้ เทียบระดับปริญญาตรีทั่วไป เริ่มต้นทำงานใน กทม. เงินเดือนหมื่นอัพ แต่เชียงใหม่ 7-8 พันบาท ถ้าต้องการตลาด mass ราคากรุงเทพยังทำตลาดต่อเนื่องไม่ได้ ผมว่าคนยังรับไม่ได้กับราคา ล้างรถที่ 300-500 บาท / ครั้ง
- อาชีพ ส่วนใหญ่อาชีพคือ ทำการเกษตร มากกว่าทำงานออฟฟิต รวมทุกกลุ่มอายุนะครับ ลองดูคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ในเชียงใหม่แล้ว น้อยมากถ้าจะบอกว่าบ้านใครไม่มีสวนลำไย
- สภาพความเป็นอยู่ เชียงใหม่ไม่ใช่เมืองหลวง คนส่วนใหญ่อยู่บ้าน มากกว่าคอนโด หรือ หอพัก ตอนผมอยู่เชียงใหม่ ผมก็ล้างเองมากกว่าเข้าคาร์แคร์
- ทำเล เป็นส่วนสำคัญเหมือนกัน เชียงใหม่คือหัวเมืองก็จริงแต่ก็เจริญอยู่ใน อ.เมือง และ รอยต่อ อำเภอด้านนอก ถ้าจะเปิดแบบดีๆ ต้องเปิดในเมือง
ซึ่งค่าที่ และ การแข่งขันก็จะสูง ถ้าคุณภาพและบริการไม่ดีจริงก็อยู่ยาก เพราะคนก็จะเปลี่ยนร้านได้ง่ายๆ ไปร้านโน้นก็ไม่ยาก เปลี่ยนมาร้านนี้ก็ไม่ไกล
- เชียงใหม่เป็นเมืองที่ยังเดินทางลำบาก คนต้องใช้รถจริง แต่ที่ผมรู้สึกตั้งแต่อยู่มาเกือบ 30 ปี คนใช้มอไซด์เยอะกว่า ดังนั้น Supply มันมากกว่า Demand
 
ผมมีเพื่อนคนนึงเปิดร้านล้างรถ เปิดมาประมาณ 5-6 ปีตั้งแต่เรียนจบ เปิดในปั้มน้ำมัน เช่าที่ในปั้มบางจากแถว ศูนย์ราชการเชียงใหม่ ล้างดูดฝุ่น คันละ 150 มีบริการเคลือบสี เคลือบกระจกเหมือนกัน แต่เค้าไม่เน้นมากจนเอาแบรนด์ของน้ำยามาเป็นตัวชูร้านเค้า เพราะกลุ่มรายได้หลักคือ ล้างดูดฝุ่น 150 บาท Service มากกว่านั้นยังไม่ใช่ main profit แต่ก็มีไว้ จะขายได้ดีในช่วงเทศกาลแบบสงกรานต์ ล่าสุดเพื่อนผมก็ขยายร้านไปสาขา 2 เข้าไปอยู่ใน อ.แม่ริม ก็ยังคง concept ของร้านแบบเดิมเปิดในปั้มน้ำมัน ราคาชาวบ้านๆ 150 บาท วันนึงได้ล้าง 20-40 คันต่อสาขา อยู่ได้แบบสบายๆ ไม่ได้หวังร่ำรวยมาก เพื่อนผมบอกว่า วันใดที่ตลาดตอบรับร้านแบบ premium เค้าก็ขยับไปทำได้ไม่ยาก แบ่ง target group กันชัดเจน แต่วันนี้ยังไม่ถึงเวลา

ทางเหนือมีปัญหาเรื่องคนคนงานครับ วันดีคืนดี ก็หายไปเก็บลำใย เกี่ยวข้าว ไม่กลับมาทำงานอีก ร้านเลยผิดตัวไปหลายร้าน

สมาชิกที่นีเท่าที่ Verified ดู ตรงๆเกือบหมดนะคับ จำนวนที่เห็นนั่นลบไป 5% เหลือของแท้มีตัวตน บางท่านสมัครใหม่เปลี่ยนชื่อ ผมก้อไล่ลบไปเยอะ
เปิดขำๆ มาตั้งแต่ 15 may ยังไม่เดือนดี แต่เวบมีอัตราการผ่านข้อมูลสูงมากนะคับ สูงน่ากลัวเหมือนเวบทั่วไปซักเปิดมาปีนึงเลย ของเล่นมันเยอะ เข้าใจ
 
ต้องขอบคุณแอดมินผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ที่ดูแลให้ ไม่งั้นได้เดี้ยงไปนานละ
ทั้งเงินค่าเปิดจำนวนนึงที่ออกกันไป ยังไม่รู้จะได้คืนกันวันไหน ทั้งให้ฝากเวบไว้ใน Server ส่วนตัวยังไม่เคยเอ่ยคิดค่าเช่า
 
ตอนทำสติกเกอร์ก้อคิดกัน ว่าเอาเท่าไหร่ดี ยังไงดี เพราะเงินจมหลายหมื่น มีจุกอีกแน่ๆ แต่ก้อลุยกันมา เงินส่วนตัวทั้งนั้น วัดใจไปเลย 500 ชุด
มาถึงตรงนี้ยอดโอนจากสมาชิก ทำให้เห็นแล้วว่า สมาชิกที่นี่ของจริงทั้งนั้น และ CCTH เราได้ไปต่อแล้ว

น่าจะตรงมาที่ผมนะ ผมรับหน้าก่อนแล้วกัน
 
CCTH เปิดมาเพื่อชาว FD ในเบื้องต้นอย่างที่ทราบๆกัน แต่ ก่อนที่จะตั้งชื่อเราได้มองกันแล้วว่า เราจะไม่ปิดกั้นรุ่น
 
จึงได้ตั้งชื่อ Civic Club เพื่อเปิดให้เพื่อนๆที่อาจเปลี่ยนไปใช้ Civic รุ่นต่อๆไป ได้ใช้งานเวบบอร์ดต่อไปอย่างสะดวกใจ อย่างที่ จขกท ทำอยู่คับ
 
ไม่มีอะไรมากกว่านี้ คิดง่ายๆ เพื่อนๆกันทั้งนั้น ใครจะใช้อะไรก้อมาโพสท์เถอะ
 
ผมได้ยินเรื่องแบบนี้มาเยอะพอสมควร ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เดี๋ยวนี้เค้าทำเวบบอร์ดกันเพื่ออะไรไปแล้ว
 
ผมคงไม่วิเคราะห์ วิจารณ์อะไรนะคับ เดี๋ยวจะเป็นประเด็นบานปลาย
 
 
เวบ CCTH ไม่มีนโยบายการปิดกั้น URL ใดๆนะครับ สมาชิกจะเยอะหรือจะน้อย สปอนเซอร์จะมีไม่มี ไม่ได้เป็นสาระในการทำเวบของ CCTHครับ
 
เราแค่อยากทำเวบบอร์ดให้สวยงาม ใช้งานง่าย ผู้ใช้งานมีความสุข ก้อพอแล้ว แค่นั้น

ชกมวย ใช้ชื่อเค้าให้ผลตอบแทนเค้า อันนี้ก็พอเข้าใจ
 
แต่ถ้ารับงานอื่นแล้วต้องแบ่งผลประโยชน์ให้เค้าด้วย ผมว่ามันจะเกินไปหน่อยนะ

เพิ่งสังเกตุเห็นยางแท่นเครื่อง แต่ช้าไปแล้ว
อยากให้ใช้ยางแท่นเครื่องของตระกูล K เพราะน้ำหนักเครื่องมันหนักกว่า r18a เยอะอยู่เหมือนกัน

555+ ฮาดีครับ

ขอบคุณที่ส่งข่าวครับ แต่............ 
ไฟใน อย่านำออก
 
ไฟนอก อย่านำเข้า
 
ครับผม

ประมาณนี้หรือเปล่า !!!