ponsit

ถ้างบไม่อั้น ผมแนะนำใหม่ ท่อนบน K20 ฝาแดง
ท่อนล่าง K24
เซ็ตโบ 400 ม้า++ 
 
ถ้าไม่คิดมาก แก๊งค์ผมเซ็ต R18 บูสต์ 0.6 บาร์ 251 ม้าครับ
 
https://www.facebook.com/video.php?v=401312186707772

เท่าที่อ่านเสียงปุ๊บ น่าจะเป็น Missed Fire
หรือ จุดไม่ติด ซึ่งเกิดจากกล่องจูนครับ
 
ส่วนที่กินน้ำมันมาก
คาดว่าเกิดจาก Disabled Closed Loop
ซึ่ง Closed Loop จะคอยทำหน้าที่สั่งจ่ายน้ำมัน
ให้เหมาะสม ซึ่งค่าที่จูนปรกติ กับค่าใน Closed Loop
จะจ่ายน้อยกว่ากันประมาณ 10% +/- ซึ่งเอาง่ายๆ ก็
ประหยัดกว่าอย่างน้อยๆ 10% อ่ะครับ
 
ผนวกกับตัว E85 ต้องจ่ายปริมาณเชื้อเพลิงมากกว่า
เบนซินเพียวๆ ประมาณ 35% อยู่แล้วด้วย เลยยิ่ง
ทำให้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองไม่น่าดูเอาซะเลย
 
ดังนั้น รถที่จูน Open Loop ล้วนๆ จะรับประทานน้ำมัน
หนักกว่ารถที่ ยังมี Closed Loop ทำงานอยู่ครับ
 
ทางเลือกคือกลับไปใช้กล่องเดิม
หรือ กล่องจูนที่มี Closed Loop ครับ

พักกลาง จุดประสงค์ไม่ได้ช่วยให้ช่วงต้นรถวิ่งดีขึ้น
แต่เพื่อลดเสียงให้ดังน้อยลง ดังนั้น หากต้องการได้ต้น
แต่ใช้การเพิ่มพักกลาง จะทำให้เสีย ช่วงปลายไปครับ
 
เพราะพักกลางจะทำให้รอบต่ำไอเสีย ไหลลื่นกว่าเดิม (ตอนนี้โล่ง)
แต่จะอั้น เมื่อไปรอบสูง (เนื่องจากต้องผ่านพักกลางก่อน)
 
ดังนั้น หากจุดประสงค์อยากได้ต้น
ลองเปลี่ยนกรองแผ่น K&N ดูก่อนมั้ยครับ ?

ถ้าชอบเสียงปลายตัวนี้ ใส่พักกลาง เสียงมันจะเงียบลงครับ
ระบบเครื่องยนต์ มันก็มีแค่ ดูด อัด ระเบิด คาย
 
- อัด (เป็นที่ลูก กะข้อเหวี่ยง)
- ระเบิด (น้ำมัน, องศาไฟจุดระเบิด) เราทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เพราะกล่องเดิมมันปรับไม่ได้
- คาย ชอบเสียงนี้อยู่แล้ว ปรับเปลี่ยนท่อ ก็เสียงเปลี่ยน
- เหลือก็แค่ดูดนั่นแหละครับ
 
ยังไงลองฟังความเห็นท่านอื่นๆ ดูก็ได้ครับ

พักกลาง จุดประสงค์ไม่ได้ช่วยให้ช่วงต้นรถวิ่งดีขึ้น
แต่เพื่อลดเสียงให้ดังน้อยลง ดังนั้น หากต้องการได้ต้น
แต่ใช้การเพิ่มพักกลาง จะทำให้เสีย ช่วงปลายไปครับ
 
เพราะพักกลางจะทำให้รอบต่ำไอเสีย ไหลลื่นกว่าเดิม (ตอนนี้โล่ง)
แต่จะอั้น เมื่อไปรอบสูง (เนื่องจากต้องผ่านพักกลางก่อน)
 
ดังนั้น หากจุดประสงค์อยากได้ต้น
ลองเปลี่ยนกรองแผ่น K&N ดูก่อนมั้ยครับ ?

ก่อนอื่น  ขอบคุณทุกคำตอบ ทุกความคิดเห็นนะครับ

เพื่อเป็นวิทยาทาน แก่ท่านต่อๆไปในการจะล้างแล้วกันนะครับ
 
แนะนำใช้น้ำยาล้าง เป็นกระป๋อง ฉีดแล้วเป็นโฟมขาวๆ ล้างแล้วเกลี้ยงเหมือนกันไม่ต้องเสียงแบบผมด้วย 5555+
 
แต่ทำยังไงได้ ผมมันแนวลูกทุ่ง คนโบราณครับ ก็เลยทำแนวลูกทุ่งๆไป 
 
สาเหตุ... ECU ไม่สามารถ รู้ตำแหน่ง องศา ของปีกที่เปิดอยู่ จึงไม่สามารถ Learning ได้ด้วยตัวมันเอง เรียนจบแล้ว็เลยยังคงสภาพเดิม
 
เนื่องจาก ผมล้างแบบถอดหมด ถอดแบต ถอดปลั๊ก .... แถมที่สำคัญที่สุด ตอนล้าง ผมทำการเอามือ กดลิ้นที่ปีก เพื่อทำการล้างอีก
 
พอซึ่ง องศาปีกตอนที่เด้งกลับมาด้วยแรงสปริง เปลี่ยนไปแน่ๆ ถ้าถอดล้างแต่ ไม่เอามือไปกดอะไรที่ปีกเลย ก็จะไม่มีปัญหาอะไรนะครับ 
 
การถอดล้างที่อันตรายอีกอย่างก็คือ ปีกผีเสื้อจะมีสาร เป็นฟิล์ม ดำๆ เคลือบอยู่ที่ปีก ซึ่งถ้าล้างด้วยเบนซินและขัดจนแรงไปอันนี้ งานเข้าแน่ๆนะครับ
 
มันจะทำให้ปริมาณอากาศ ในปีก การไหลผ่าน เปลี่ยนไป จนอาจไม่สามารถทำได้ค่าเดิมจากโรงงาน อย่างมากก็ได้แค่ใกล้เคียง... ระวังด้วยนะครับ
 
วิธีที่สามารถแก้อาการนี้ก็คือ หาอู่ ต่อ OBD2 Reset ครับ จะใช้กล่องฮอนด้า หรือ แค่มีโปรแกรม ของฮอนด้าก็ได้
 
ต้อง Reset ระบบ ปีกผีเสื้อไฟฟ้า (ETC = Electronic Throttle Control ) เนี๊ยหล่ะครับ หาย 100% แต่จะกลับไปเหมือนเดิมได้ขนาดไหนขึ้นอยู่กับสภาพอุปกรณ์ด้วย

บ้างอู่ มีกล่อง H มีโปรแกรม แต่ทำไม่ได้ก็มี เนื่องจากไม่ทราบว่าต้องไป Reset ตรงไหน พอ Reset ไม่ได้ไม่เป็น ก็เชียร์ลูกค้าเปลี่ยนใหม่อย่างเดียว
 
อ้างว่ามันเสียแล้วจากการที่คุณไปถอดล้างมานั้นแระ อันนี้พึงระวังอู่ที่แสวงหาผลประโยชน์อย่างนี้กันไว้หน่อยนะครับ
 
บางอู่คิดว่าการ เคลียนโค้ด, Reset ECM, PCM-Fi ก็น่าจะหายแล้ว ผมบอกเลย อาการนี้ยังไงก็ไม่หายครับ
 
ยังไงก็หวังว่าจะได้ความรู้ กันมากขึ้นสำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่รู้นะครับ  
 
ปล. ขอบคุณพื้นที่ดีๆ สำหรับข้อมูลดีๆ
 
ปล2. มีปัญหาอะไรช่วยแก้ไขแนะนำได้จะพยายามอย่างเต็มที่ครับ จริงๆ ถ้าเป็นอย่าง Altis ซ่อมง่ายไม่จุกจิกเหมือน FD เลยครับ ลายละเอียดต่างกันเยอะ 
 
ปล3. เพิ่งถอยมือสองมา เนื่องจาก เห็นว่าปีนี้ราคามันพอแตะต้องไหวแล้ว ยังไงฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ 5555+

เข้าใจว่า จขกท คงหาอ่านวิธีมาอย่างดีแล้วนะครับ 
 
ถ้ามีเวลาว่าง ลองถอดแบตไว้อีกทีนะครับ ซัก 30 นาที ใส่กลับ  สตาร์ท รอจนพัดลมหม้อน้ำทำงาน 
 
ระหว่างรอ ลองเอามืออังปลายท่อไอเสีย แล้วลองดมกลิ่นไอน้ำมัน ซัก 2-3 ครั้ง มันจะเข้มซัก 15 วินาทีแรก แล้วจางหายจนหมดไป ถ้าแบบนี้ ไม่ต้องวอรี่เรื่อง VAC รั่วครับ 
 
เดินเล่น อ่านหนังสือ รอไปสัก 10-15 นาที พอได้ยินเสียง พัดลมหม้อน้ำทำงานแล้ว ลองดูรอบเครื่องถ้าลงมาได้ระหว่าง 750-800 โอเคแล้วครับ เดี๋ยวใช้สักพักจะลงมาเองจนนิ่ง 
 
ให้ดับเครื่องเลย เพื่อให้ ECU จำค่าเดินเบาใหม่  แต่ถ้ายัง 1000 อยู่ ณ เวลานั้น เข้าศูนย์รีเซตเลยครับ 440 บาท 
 
 
ปกติรถผมตอน idle learn จบ จะลงมา ที่ช่วง 740-760 ครับ แต่พอเอาไปวิ่ง แตะคันเร่งปั๊บรอบจะกดไป 1000 1200 เลยเหมือนกันนี่แหละ พุ่งสนุกมาก ชอบ 
 
หลังจากอาทิตย์นึงผ่านไป ความสนุกผมก้อหมดลง กลับมาประหยัดอืดๆ เหมือนเดิม มันจะเป็นประมาณนี้ครับ 
 
ผมเข้าใจว่า ฐานข้อมูลการขับใน ECU ยิ่งเยอะ ยิ่งTrim นานครับ แต่สุดท้ายยังไงก้อลงมาต่ำสุดจนรอบแทบตกครับ เค้าออกแบบมาให้ประหยัดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

เท่าที่อ่านเสียงปุ๊บ น่าจะเป็น Missed Fire
หรือ จุดไม่ติด ซึ่งเกิดจากกล่องจูนครับ
 
ส่วนที่กินน้ำมันมาก
คาดว่าเกิดจาก Disabled Closed Loop
ซึ่ง Closed Loop จะคอยทำหน้าที่สั่งจ่ายน้ำมัน
ให้เหมาะสม ซึ่งค่าที่จูนปรกติ กับค่าใน Closed Loop
จะจ่ายน้อยกว่ากันประมาณ 10% +/- ซึ่งเอาง่ายๆ ก็
ประหยัดกว่าอย่างน้อยๆ 10% อ่ะครับ
 
ผนวกกับตัว E85 ต้องจ่ายปริมาณเชื้อเพลิงมากกว่า
เบนซินเพียวๆ ประมาณ 35% อยู่แล้วด้วย เลยยิ่ง
ทำให้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองไม่น่าดูเอาซะเลย
 
ดังนั้น รถที่จูน Open Loop ล้วนๆ จะรับประทานน้ำมัน
หนักกว่ารถที่ ยังมี Closed Loop ทำงานอยู่ครับ
 
ทางเลือกคือกลับไปใช้กล่องเดิม
หรือ กล่องจูนที่มี Closed Loop ครับ

บ้านผมอยู่ อ. นครไทย ภูหินร่่องกล้า พอดีครับ ถ้าลงทางทับเบิก จะชันมากๆ แต่ถ้าลงมาทางตัว อ. นครไทย ไม่ชันเท่าไร 
 
วิเคระห์แล้ว น่าจะเกิดจากความไม่ชินทางครับ  อาจจะไม่ได้ Change Gear D3 หรือ 2 ลง แทนการเบรก ทำให้เกิดอาการความร้อนสะสม จนผ้าเบรคทนความร้อนไม่ได้เลย มีกลิ่นไหม้ จนควันลุก
 
วิธีก่ารขับ ให้ลง D3 เป็นหลักครับ ไม่ต้องเหยียบคันเร่ง ปล่อยไหล D3 ไปเรื่อยๆ ควบคุมความเร็วไม่ไห้เกิน 60 
 
พอถึงช่วงโค้ง ให้ทำการเบรค ก่อนถึงโค้ง จนได้ความเร็วประมาณ 20-40 ตามความาแรงของโค้ง ถ้าโค้งมากๆ พวกหักศอก แนะนำ Change เป็น เกียร์ 2  แล้วหักเข้าโค้ง ไม่แนะนำไห้เหยียบเบรค ขณะหักพวกมาลัยนะครับ...
 
 
จากนั้น แนะนำ ให้ถอดผ้าเบรค มาขัดผิวหน้าสัมผัสออก เช็คจานเบรคมีรอยใหม้ หรือเปล่า  
 
ที่สำคัญ สลักเบรค กับ จารบี ให้ช่างถอดเช็คดูเลยครับ ถ้าเสื่อมสภาพ ก็จัดการเปลี่ยนใหม่   จารบีที่ใช้ ให้ใช้กับจารบีที่หล่อลื่นเลรคโดยเฉพาะ
 
จารบี ทั่วไป ทนความร้อนสูงจากการเบรค ไม่ได้ครับ....
 
ขอบคุณครับ.........ผิดพลาดตรงไหน ชี้แนะ ด้วยครับ

ดูๆเหมือนDVD น่าจะมีปัญหาระบบจ่ายไฟ แปลงไฟคับ 
 
หรือสายไม่แน่น อะไรแนวๆนี้คับ 

ถ้างบไม่อั้น ผมแนะนำใหม่ ท่อนบน K20 ฝาแดง
ท่อนล่าง K24
เซ็ตโบ 400 ม้า++ 
 
ถ้าไม่คิดมาก แก๊งค์ผมเซ็ต R18 บูสต์ 0.6 บาร์ 251 ม้าครับ
 
https://www.facebook.com/video.php?v=401312186707772

ถ้างบไม่อั้น ผมแนะนำใหม่ ท่อนบน K20 ฝาแดง
ท่อนล่าง K24
เซ็ตโบ 400 ม้า++ 
 
ถ้าไม่คิดมาก แก๊งค์ผมเซ็ต R18 บูสต์ 0.6 บาร์ 251 ม้าครับ
 
https://www.facebook.com/video.php?v=401312186707772

ของเดิม ECU เบอร์อะไรครับ ??
 
เปิดครอบกล่องออกมา มันจะมีเลขบอกอยู่
 
37820-???-???
 
เวลาไปหา ต้องให้ตรงรุ่นนะครับ ไม่งั้นวุ่นวายฮะ

ถ้าปรกติทั่วไป 32 ก็พอ
ถ้าถนนไม่ดี จะเติม 35 ก็ได้
ถ้าต้องการให้เกาะถนน เติม 28
 
*ขึ้นกับช่วงล่างด้วยนะครับ

ถ้าสะดวก เอารถมาเสียบ OBD2 ดูน่าจะบอกได้ชัดกว่านี้
 
ถ้าไม่สะดวก ทาง K-Nimaru บอกว่า สงสัยเรื่องการจูน Gas
ให้ลองถอดแบตเตอรี่ ทิ้งไว้ 15 นาที เสร็จแล้วสตาร์ท โดยงดใช้แก็สเด็ดขาด
หลังจากนั้นให้สังเกตุอาการดูครับ ถ้าใช้น้ำมันหมดถังแล้วอาการหายไป
ชัดเลยว่าเป็นที่ Gas ครับ
 
ถ้าจะมาให้ดู พี่อยู่แถวลาดพร้าว-สุทธิสารครับ
 
ป.ล. ไม่ใช่ร้าน ไม่ใช่อู่ บริการฟรี
(บอกให้มาหลายคนละ ยังไม่เคยมีใครมาจริงซักคน 555+++)

ถ้าสะดวก เอารถมาเสียบ OBD2 ดูน่าจะบอกได้ชัดกว่านี้
 
ถ้าไม่สะดวก ทาง K-Nimaru บอกว่า สงสัยเรื่องการจูน Gas
ให้ลองถอดแบตเตอรี่ ทิ้งไว้ 15 นาที เสร็จแล้วสตาร์ท โดยงดใช้แก็สเด็ดขาด
หลังจากนั้นให้สังเกตุอาการดูครับ ถ้าใช้น้ำมันหมดถังแล้วอาการหายไป
ชัดเลยว่าเป็นที่ Gas ครับ
 
ถ้าจะมาให้ดู พี่อยู่แถวลาดพร้าว-สุทธิสารครับ
 
ป.ล. ไม่ใช่ร้าน ไม่ใช่อู่ บริการฟรี
(บอกให้มาหลายคนละ ยังไม่เคยมีใครมาจริงซักคน 555+++)

ส่วนเรื่องชี้แนะ คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ
 
พี่ก็หาข้อมูลไปเรื่อยๆ สนุกดีครับ เคยอ่านเจอ
 
เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ ก็เลยเอามาบอกต่อ
 
ว่าไม่ควร ประมาณนั้น...

จริงๆ ผมไม่แนะนำให้แก้ปัญหาล้อติดซุ้มด้วยช่วงล่างที่แข็งขึ้นเลยครับ
เหตุผลง่ายๆ คือเราเกาไม่ถูกที่คันกัน ล้อติดซุ้มเพราะอ็อปเซ็ตมันผิด
 
หากเราแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนช่วงล่างซิ่งที่แข็งขึ้น
รถเราจะเกาะถนนมากขึ้น ช่วงล่างแน่นขึ้น
ซึ่งนั่นแปลว่านั่งสบายน้อยลง ผู้ใหญ่ อาจจะไม่ชอบนัก
แต่ยังพอรับได้ เพราะประสิทธิภาพดีขึ้น
 
แต่ถ้าเอาช็อคไปอัดน้ำมันให้มันแข็งขึ้น
นั่นแปลว่า ช็อคไม่ยอมยุบตัว ไม่ใช่แน่นนะครับ
ซึ่งอันนี้ อาจจะทำให้หลุดโค้งได้เลย
เพราะจังหวะเจอถนนไม่เรียบรถจะลอยขึ้น
แต่ช็อคไม่ยอมยุบตัวซับแรงนั้น
ทำให้ล้อลอยจากถนน 
อันนี้ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
 
วิธีที่ดีที่สุดคือใส่อ็อปเซ็ตที่ถูกต้อง
หรือพับซุ้มที่มันติดครับ

ปรกติครับ เนื่องจากพวงมาลัยเพาเวอร์ของ 1.8 และ 2.0 ต่างกัน
 
ของ 1.8 เป็นแบบ Hydraulic Power Steering คือใช้ปั๊มไฮดรอลิก
ซึ่งใช้กำลังจากเครื่องโดยตรงในการสร้างแรงดันมาผลักแร็คพวงมาลัย
 
ส่วนของ 2.0 เป็น Electronics Power Steering (EPS) ซึ่งจะใช้พลังงานไฟฟ้า
เป็นตัวสร้างแรงผลักแร็คพวงมาลัยให้เรา แปลว่าใช้กำลังจากแบตเตอรี่ ไม่ได้ใช้จากเครื่องโดยตรงครับ
 
ดังนั้นอาการรอบตกใน 1.8 จึงเป็นอาการปรกติของรถทุกคัน
ที่ใช้พวงมาลัยเพาเวอร์แบบ Hydraulic Power Steering

http://www.civicclubthailand.com/board/index.php/topic/281-fd2-for-street-use-powered-by-hondata/?p=529031
 
สิ่งที่ต่างดูได้ในลิ้งครับ สิ่งที่ได้เพิ่มมาคือ ไฟหน้ามันลิ้งกับ level sensor ที่ปีกนกหลังครับ

อัพเดทหน่อยครับ
 
ไอเท็มชิ้นนี้ไม่เคยให้ความสำคัญกับมันเลย จนถึงเหตุที่ไฟหน้าที่ใส่อยู่ เป็นไฟก่อนไมเนอร์ ไปรมดำมาครับ ซีลกาวมันเสื่อมสภาพ น้ำเข้าและแล๊คเกอร์มันก็ลอกครับ เลยตั้งใจจะเปลี่ยนไฟหน้า
 
ก็เริ่มพยายามหาไฟหน้า r แต่มันเป็นของหายากครับ อะไหล่ติดหัวมาไฟหน้าก็แตกหมด คนที่มีก็ไม่มีใครปล่อย จะเบิกใหม่ก็ไม่ไหว จนถอดใจ หาไฟ 2.0 กับบัลลาส oem ด้วยความโชคดีผม วันที่กำลังจะนัดรับไฟหน้า 2.0 พอดี มีพี่ๆโทรเข้ามามีไฟ r ลงขาย ก็ตัดสินใจแบบไม่ต้องคิดครับ
 
ในที่สุดก็มีกะเค้า
 

 
ดูภายนอกไม่ต่างกับไฟเดิมเลยครับ 55
ได้มาตอนแรกว่าจะใส่เลย แต่ มันต้องมีอุปสรรค์หน่อยเพื่อจะได้รู้คุณค่าครับ ^_0
 
1.สิ่งที่ต้องหาเพิ่มคือ เบ้าและหลอดไฟเลี้ยวโคมที่ได้มาไม่มีมา และที่สำคัญโคม r กับโคมบ้านเราไฟเลี้ยวและเบ้าใช้คนละชนิดกันครับ ( มันจะต่างกันทำไมเนี่ย 555 ) สุดท้ายไปได้ชิ้นนี้ที่อู่บางพลี ( หาอะไรไม่ได้ต้องมาจบที่นี่ทุกที )
 
 

 
ไฟเลี้ยวของไทป์อาร์คือข้างซ้ายนะครับ ถ้าใส่เข้าไปในเบ้าแล้ว จะไม่เห็นสีส้มออกมาจากมุมไฟเลี้ยว
 

ด้านหลังจุดที่ต่างกับ 2.0 คือ มอเตอร์และไฟเลี้ยวครับ
 
 
2.สายไฟที่ตัวรถโดนตัดมาหมดเลย !! สายไฟของรถมันเป็นสายไฟของfd2ครับ ตอนที่ลงเครื่องอู่เค้าก็ใจดี ตัดปลั๊กเดิมไทป์อาร์ มาซะเรียบเลย

สิ่งที่ต้องหาคือ ปลั๊กบัลลาส กับปลั๊กไฟเลี้ยว ส่วนปลั๊กที่อยู่ขวาสุด คือปลั๊กต่อกับมอเตอร์ซึ่งทำงานร่วมกับ level sensor ที่อยู่ที่ปีกนกหลังครับ ดีนะที่เค้าไม่ตัดตัวนี้ไปด้วย
ต้องขอบคุณพี่พรที่หาปลั๊กบัลลาสกะไฟเลี้ยวให้นะครับ
 
 
 


 
แสงไฟซีนอนโรงงานก็คมกว่าโคมเดิม แสงฟุ้งน้อย สบายตาครับ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ เสร็จสมบูรณ์

FD1ก็คือ FD ธรรมดาตามที่เจ้าของกระทู้เข้าใจ ใช้กันมาก เครื่อง 1.8 เป็น Halogen reflector ธรรมดาคับ ตามที่ป๋าบอก
 
FD2ก็คือ FD เครื่อง2000 ในบ้านเราก็มี เป็นเครื่อง K20Z ตัวโคมภายนอกจะเหมือน FD1ทุกอย่าง จุดยึด การประกอบเข้ากับตัวรถ สามารถประกอบเข้ากันได้หมด หลอดไฟต่างๆเหมือนกันหมด ยกเว้นไฟต่ำ จะเป็นไฟระบบ HID ซึ่งจะต้องมีบัลลาสและหลอดไฟของXENON จึงทำให้ ด้านหลังโคมมีความต่างกัน และปลั๊กจะไม่เหมือนกับกับตัว FD1 จึงไม่สามารถ ยกใส่ได้เลย ต้องมีการแปลงปลั๊กก่อน และดูจากภายนอก จานฉายของตัวไฟต่ำก็จะต่างกัน
 
FD2R คือ FD เครื่อง K20A ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรถที่บ้านเราชอบกันเป็นจำนวนมาก ไฟหน้า ระบบจะเหมือกับ FD2 บ้านเรา ยกเว้นหลอดไฟเลี้ยว ที่ปลั๊กจอง FD2 บ้านเราจะเสียบไม่ได้ และ โคมของ FD2R จะมีมอเตอร์ปรับระดับไฟหน้าสูงต่ำจากสวิทช์ภายในรถได้เป็นออฟชั่นเพิ่ม

ปรกติครับ เนื่องจากพวงมาลัยเพาเวอร์ของ 1.8 และ 2.0 ต่างกัน
 
ของ 1.8 เป็นแบบ Hydraulic Power Steering คือใช้ปั๊มไฮดรอลิก
ซึ่งใช้กำลังจากเครื่องโดยตรงในการสร้างแรงดันมาผลักแร็คพวงมาลัย
 
ส่วนของ 2.0 เป็น Electronics Power Steering (EPS) ซึ่งจะใช้พลังงานไฟฟ้า
เป็นตัวสร้างแรงผลักแร็คพวงมาลัยให้เรา แปลว่าใช้กำลังจากแบตเตอรี่ ไม่ได้ใช้จากเครื่องโดยตรงครับ
 
ดังนั้นอาการรอบตกใน 1.8 จึงเป็นอาการปรกติของรถทุกคัน
ที่ใช้พวงมาลัยเพาเวอร์แบบ Hydraulic Power Steering

อยากรีวิวให้ชมครับกับยาง model ที่เปน flagship ด้าน premium sport ของ BS
s001 ที่ผมจะมารีวิวเป็นขนาดยอดนิยม 215/45/17 ซึ่งเป็นยาง civic fb รถอีกคันที่บ้านครับ สภาพเดิมสนิทมีเพียงแค่ล้อ 17 ของตัวท๊อปเท่านั้น  
 
ก่อนที่ผมจะมีโอกาสได้ลอง ตัวผมเองก็มีงงๆกับการวางตัวของยาง s001 คือตกลงมันจะเกาะกว่า re002 มั้ย เงียบแค่ไหนเพราะในตารางบอกว่าเงียบและเกาะ และติดในรถสมรรถนะสูงหลายๆรุ่น ราคายางไม่ได้เป็นมิตรกับผู้ใช้นัก ราคาวางใน range เดียวกับ re11 เบอร์นี้ราคาคอกพิทมีหกปลาย  
แต่ด้วยความโชคดีของผม ไปเจอยางปลายปี13 ราคา4ต้นๆ เลยตัดสินใจได้อย่างไม่ต้องคิดเลย มีโอกาสได้ลองซะที
 
ดอกยางลายบ้าน ไม่ดุดัน ดูแล้วไม่น่าจะเกาะเหมือน re002 เลยครับ

 
แก้มยางจะค่อนข้างตั้งตามสไตล์ BS

 
ตัวยางมี Treadware 280 ซึ่งมากกว่าทั้ง Re002 และ RE11 เรื่องเทรดแวร์อยากแค่เอาไว้แค่ ref ครับเพราะไม่สามารถบอกได้ว่ายาง A เกาะกว่ายาง B เสมอไป เพราะคอมปาวด์ยางมันคนละอย่าง แต่ที่เชื่อได้คือ ใครจะหมดก่อนกัน   
 
 
ขอเทียบกะยางต่างๆที่เคยได้ลองนะครับ
1.ทางแห้ง ความคม เรสปอนด์แก้มยาง ( ขอเอา PS3 เข้ามาร่วมวงด้วยครับ )
  re11>s001>re002>PS3
2.เปียกไม่มีโอกาสลองเลย แต่คิดว่า ( PS3 เด่นด้านทางเปียกมากครับ เลยไม่รู้จะลงตรงไหนขอข้าม )
  s001>re002>re11
3.เงียบ 
  PS3>s001>re002>re11 
4.ความนุ่มของแก้ม
  PS3>re002>s001=re11 ข้อนี้แอบตกใจตรงความแข็งของแก้ม คือ มันไม่นุ่มเลย เหมือนขับ 11 ที่เงียบ 55
 
โดยรวมโครตชอบเลยครับ มันเกาะใกล้ re11 คม และเงียบ ตอนนี้ความรู้สึกคือยางเกาะเกินรถไปเยอะเลย ความคมความแม่นยำ อาการหน้าดื้อตอนเข้าโค้งความเร็วสูงนิดๆ ไม่มีหลงเหลือ มุมพวงมาลัยตอนเข้าโค้ง ไม่ต้องเพิ่มองศาการเลี้ยว แยกออกยากว่าจะเกาะน้อยกว่า 11 แต่เงียบกว่า 11 คนละเรื่องครับ
 
ถ้าเทียบด้านความนุ่มกับ re002 แล้ว s001 กระด้างกว่า เนื่องจากแก้มยางแข็งกว่า จะกระด้างกว่า แต่ก็ทำให้มันคมกว่าด้วยเช่นกัน ชอบยางสปอร์ตที่ติดนุ่ม และ เงียบ ( เงียบในกลุ่มยางสปอร์ตนะครับ เทียบกะสายเงียบไม่ได้ ) มองไปที่ PS3 ได้เลยครับ
 
ถ้าถามว่า s001 เหมาะกับใคร
ผมคงตอบว่า คนที่หวังยางที่เกาะกว่า re002  ที่ใช้งานทุกวันวิ่งเยอะ อยากได้ยางที่เกาะและมีความเงียบ
ถ้ารถเดิมสนิทไม่ค่อยแนะนำ ( ยกเว้นได้มาราคาเร้าครับ ) อย่างที่ผมใส่กับ fb ยางเกาะเกินช่วงล่าง พูดง่ายๆรถมัน Roll เอียงมากเกิน (ตอนเปลี่ยนเลนไวๆ) ถ้าได้ช่วงล่างซักชุด  ตอบโจทย์กับยางตัวนี้ครับ
 
 
สรุป ถ้าราคายาง s001 มันอยู่ในราคาหกพันปลาย ผมว่ามันก็แพงไปครับ ไม่น่าใช้ ใช้พวก RE002 ( RE003 ใกล้มาละ ) , GYAssymetric2 ( ยางตัวนี้ตัวชน S001 แต่ราคาอยู่ใกล้ 002 ) ,PS3 ดีกว่าครับ ถ้า S001 เจอราคาใกล้ตัวเลือกที่บอกมา คงไม่ต้องลังเลครับ ยางมันดีมากๆครับ สุดท้าย รีวิวนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคลนะครับ ไม่จำเป็นต้องเชื่อจนกว่าจะได้ลองด้วยเองครับ  

อยากใช้ลืมๆ ต้อง FD2 

ถ้าเอาของบ้านเราไปอุด พอถึงเวลาก็ยุบ ทุกกรณี