enaril

หาอู่ที่มีฮ้อยยกรถลอยขึ้นหมุนล้อเอามือจับที่สปริงหากรู้สึกสะเทือนไม่เรียบก็จับเปลี่ยน

ยกรถขึ้นล้อลอยพ้นพื้นเข้าเกียร N มือหนึ่งหมุนล้อ อีกมือจับสปริงหากยิ่งหมุนยิ่งสะเทือน

คุณ Yutaki ต้องลองดูก่อนนะครับ สิ่งที่ผมคิดอาจไม่ถูกต้องได้ครับ คุณ Tommie ต้องขอขอบคุณทางเว็ปครับที่เปิดให้หลายท่านนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาลงแชร์กัน เพื่อก่อให้เกิดการให้และรับแบ่งปันกัน ผมได้เพียงเสนอสิ่งที่เคยพบจากการใช้รถและเป็นปัญหามาแชร์ในฐานะผู้ใช้งานเว็ปอีกคนหนึ่งครับ

เข้า DIY หากระทู้ catalogue part เปิดหา 49 รูป B-33-13 กรณีเครื่อง 2.0 B-33-11 และ -20 กรณีเครื่อง 1.8 เอารถขึ้นฮ้อย ดูอะไหล่หมายเลข 8 และ 22 ในกรณี เครื่อง 2.0 ส่วน 1.8 ดูหมายเลข 4 (-11) และหมายเลข 20 (-20) หากบูชยางทั้งสองเริ่มเสื่อมสภาพอาจทำให้แร็คให้ตัวขณะรับแรงกระทำ

วิ่งเร็วแล้วเปลี่ยนเลนกระทันหัน รถจะแฉลบ ขึ้นหลังเตาหรือหนอนกำพวงมาลัยตรงจะรู้สึกพวงมาลัยดิ้น นำรถขึ้นฮ้อย ถอดล้อบูชตัวที่ไปไวคือตัวหน้า

ทำขณะใช้น้ำมันเนื่องจาก map หลักของการทำงานทั้งระบบของเครื่องที่อยู่ในระบบความจำของ ECM รถถูกเขียนจากการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ส่วน ECM ของแก๊สอาศัยการดึงสัญญาณที่ ECM รถส่งมาอีกทีเช่นใน autronic mistral 2 ดึงสัญญาณจากหัวฉีดน้ำมัน แล้วเราจะจูนสร้าง map เองเพื่อเลียนแบบการจ่ายเชื้อเพลิงให้ใกล้ข้อมูลที่อยู่ในกล่อง ECM ของรถ

ปกติเวลาที่สตาร์ทไม่ได้เพราะทุ่นถ่านสึก จะเอาค้อนยางมาตีที่ตูดไดสตาร์ทจะช่วยให้สตาร์ทได้อีกสอง สามครั้ง แต่เครื่อง r18a ตัวไดอยู่ใต้ท่อร่วมไอดี และการถอดเปลี่ยนต้องถอดท่อไอเสียเส้นสี่หนึ่งออก ทำให้ใช้เวลานานกว่า เครื่องของโตโยต้ามาก ค่าใชจ่ายลองสอบถามจากร้านไดใกล้นครับ ส่วนหญ่ผมเข้าใจว่าค่าแรงเปลี่ยนอยู่หลักร้อย

ทุ่นถ่านไดสตาร์ทอาจจะสึกจนจับไม่ถึงหน้าสัมผัส

เปิดประตู ขาเหียบชายขอบประตัวถัง ออกแรงขย่มรถสุดแรง ถ้ารถไมเคลื่อนไหวเมื่อเทียบกับด้านหลัง อาจเป็นไปได้ว่าโช็คตาย

ตรวจสอบยางรองแท่นเครื่องโดยเฉพาะตัวหน้าเครื่อง ฝั่งที่มีสายพานว่ามีระยะให้ตัวหรือไม่

1. ตามความเห็นของคุณ Nui และคุณ Tommie แล้วดูค่า spec. ของมุมล้อใน service manual ไป 2. ดูบูทยางปีกนกตัวใหญ่ว่าแตกมากไหม เนื่องจากเป็นตัวรับแรงที่เกิดขึ้นจากการกระทำของโช๊คอัพที่เกิดในแนวตั้งฉาก 3. หากไม่จบหาศูนย์ที่รับฟังเรื่องราว ขอให้ศูนย์คลายน๊อตยึดแพเครื่องทั้ง 4 ตัว แล้วปรับองศาของล้อใหม่หน้าใหม่

ลูกหมากใหม่ๆ อาจจะไม่จำเป็นเพราะเป้าที่รับหัวกระโหลกยังแน่นอยู่

พูดกับหัวหน้าช่าง 1. ขอให้วัดค่าแรงดันน้ำมันเครื่องในช่วง idle และที่ 3000rpm เพื่อดูค่าแรงดันที่ปั๊มน้ำมันทำได้ หน่วยจะเป็น kPascal . นาที เทียบกับ spec. ของ service manual ของเครื่องไทย ใน shop ช่างหากในช่วง idle ต่ำมาก ขอให้เปิดอ่างน้ำมัน ดูร่องรอยว่ามีเศษโลหะปนมากไหม โดยให้ช่างชี้จุดของกรองบริเวณฝักบัว ถ้ามากเดินเซียงกงคุ้มกว่ายกเครื่องโดยการตีปลอกใหม่ 2. หากแรงดันได้ตาม spec. เช็ค oil pressure switch 2.1 ช่างจะต่อ HDS กับ DLC ที่รถและสั่ง HDS ให้ตรวจการทำงานของ switch และแผงหน้าปัดว่าจุดใดก่อปัญหา 2.2 หาก 2.1 ไม่ใช่สาเหตุ ช่างจะถอดปลั๊ก b ของขั้วที่ต่อกล่อง ecm ในห้องเครื่องออกและทำการต่อสายไฟที่ด้่นปลายมีหลอดไฟทดสอบความสมบรูณ์ของวงจรอยู่ หากจุดต่อที่ขั้ว ecm และปลายของ switch หลอดไฟไม่ติดอาจเป็นไปได้ว่าสายไฟที่ส่งสัญญาณเข้า ecm ขาดใน

สาเหตุที่ผมเขียนเรื่องซื้อฝาหม้อน้ำใหม่ เนื่องจากเห็นคราบสีเขียวของน้ำหล่อเย็นซึ่งแห้งแล้วบริเวณคอของหม้อน้ำ แต่ผมก็ลังเลเพราะคราบดังกล่าวอาจเกิดจากการเปิดฝาหม้อน้ำครั้งก่อนหน้านี้ที่คุณไม่ได้เช็ดออก หากเป็นผม ฝาเดิมใช้มาสักสามหน้าร้อนผมก็จับเปลี่ยนครับ เพื่อความสบายใจของผมเองครับ

1. ซื้อฝาหม้อน้ำใหม่และน้ำยาหล่อเย็นแบบไม่ต้องผสมน้ำมา 1 ลิตร (หรือเทน้ำหล่อเย็นที่เินจากถังพักมาใช้) 2. ตอนเช้าต่อสายยางล้างแผงแอร์และหม้อน้ำ เอาคราบสีเขียวออกให้หมด ถอดหม้อพักน้ำมาปรับระดับน้ำยาหล่อเย็นให้อยู่กึ่งกลาง 3. เปิดฝาหม้อน้ำ หาผ้าขนหนูมาพันรอบคอของฝาเติมน้ำหล่อเย็น สตาร์ทเครื่อง ปล่อยเดินเบา ไม่เปิดแอร์ รอให้พัดลมทำงานคอยเติมน้ำที่พร่องไปเรื่อยๆ แล้วปิดฝา 4. ดับเครื่อง ตรวจสอบระดับน้ำยาหล่อเย็นให้อยู่กึ่งกลาง ขีดระดับดเพื่อใช้ตรวจสอบ 5. เอารถออกไปทำธุระ กลับมาเปิดกระโปรง ขีดระดับน้ำขึ้นสูงสุด 6. สังเกตุระดับน้ำหล่อเย็นในช่วงเช้า และหลังใช้รถ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงก็น่าจะจบปัญหา

หากเครื่องเย็นน้ำไม่หายยังคงระดับเดิมเป็นปกติทุกวัน และระดับความยังคงที่เดิม ระบบหล่อเย็นไม่น่าจะมีความผิดปกติใดๆ ครับ

ขอบคุณครับ คุณ Tommie หากน้ำยังล้นในหม้อพักต้องลองเปิดฝาหม้อน้ำดูว่าน้ำขาดไหม ปกติเครื่องร้อนมากจะเกิดแรงดันในระบบสูงจนกระทั่งชนะแรงต้านของฝาหม้อน้ำที่กดไว้ น้ำจะถูกแรงดันผลักไปที่หม้อน้ำสำรอง และเมื่อเครื่องเย็นน้ำจะถูกดูดกลับที่หม้อน้ำหลักตามเดิม ทำให้ระดับน้ำลดเป็นปกติเมื่อเครื่องเย็น แต่ถ้าไม่เป็นไปตามวัฐจักรนี้ และน้ำในหม้อพักยังคงสูงอยู่ ลองเปลี่ยนฝาหม้อน้ำดูก่อน หากยังไม่หายและน้ำเริ่มหายจากหม้อน้ำหลักต่อเนื่อง อันนี้ให้เปิดฝาหม้อน้ำ ติดเครื่องจนพัดลมทำงาน ลองดูว่ามีฟองอากาศหลุดออกมากับน้ำในระบบไหม ถ้ามีอาจจะต้องเปิดฝาสูบดูปะเก็นและวัดความโก่งของฝาสูบอีกที

แล้วตอนก่อนออกจากบ้านระดับน้ำในถังพักยังอยู่ตำแหน่งเดิมเหมือนทุกวันไหมครับ หากเป็นปกติ ลองเอาน้ำฉีดล้างแผงรังผึ้งแอร์และฉีดย้อนกลับจากด้านในมากนอกของหม้อน้ำด้วยก็ดีครับ ช่วงอากาศร้อนๆ หม้อน้ำจะได้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น

หากเป็นลูกปืน ทั้งช่วงเครื่องเย็นและร้อนน่าจะส่งเสียงอยู่นะครับ สงสัยว่าลูกปืนตัวไหน หรือจุดหมุนจุดไหน ลองเอาไขควงยาวๆ เป็นเครื่องมือทดสอบนะครับ จิ้มไปใกล้ๆ จุดหมุนช่วงที่มีเสียงจะรู้สึกถึงอาการสะท้านขึ้นมาที่ด้ามจับ หรือหากปลายไขขวงเป็นด้ามตอกลองฟังเสียงจากด้ามอาจจะไม่ชัดเท่าการใช้อุปกรณ์เฉพาะแต่ก็ใช้จับอาการได้นะ ลองพิจารณาอีกจุดนะครับ สายพานหน้าเครื่องว่าเริ่มแตกตามขวางหรือหย่อนจะกระทั้งตัวตั้งความตึงเคลื่อนเลยจุด service แล้ว

เข้าศูนย์ หรือหาอู่ที่มีเครื่อง OBD-2 reader เพื่ออ่านค่า error code ค่าที่ได้มาทั้งหมดให้ใช้ google เพื่อหาข้อมูลปัญหาและการซ่อมหากไม่มี factory service manual อยู่ การทำเช่นนี้ช่วยจำกัดวงของปัญหาให้แคบลง จะได้ไม่เสียเวลากับการลองผิดลองถูก ส่วนน้ำมันเกียร์หากอู่เปลี่ยนน้ำมันตามเกรดที่คู่มือประจำรถกำหนดและไม่มีการรั่วซึมใดๆ ผมคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์

pbr และ ate เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ

ในกรณีของเครื่อง r และ k ที่ใช้ระบบไร้สายคันเร่ง ตัวลิ้นเร่งและ idle speed control จะรวมเป็นชุดเดียวกันต่างจากเครื่องบล็อค B และ H ที่แยกชุดออกมาก สาเหตุหนึ่งที่ทำให้รอบตกเวลามีโหลดมาก เช่น การหักเลี้ยว หรือ การเบิดแอร์ พร้อมเข้าเกียร์คือ ด้านหลังของลิ้นเร่งมีคราบเขม่าจับเป็นหลุ่มใหญ่ทำให้ลิ้นเร่งเปิดไม่ได้ตามองศาที่ ECM ส้่งเพื่อรับอากาศเข้าท่อร่วมไอดี จึงมีความจำเป็นต้องล้างคราบสกปรกเหล่านั้นออกไป โดยปกติศูนย์จะตรวจสอบโดยใช้ HDS โดยการเร่งเครื่องที่ 3000rpm เพื่อให้เครื่องร้อนถึงจุดที่เหมาะสมเมื่อเครื่องไม่มีโหลด (ปกติค่า ECM ของเครื่องที่ใช้ในไทยอย่าง K20Z2 ตัว ECM จะสั่งจ่ายไฟเข้าพัดลมหม้อน้ำทั้งสองตัวเมื่อ ETC ขึ้นถึง 96C) เมื่อพัดลมทำงานช่างจะอ่านค่า angle ที่ลิ้นเร่งเปิดหากค่าที่อ่านได้สูงกว่า 2.7องศา ทางศูนย์จึงจะทำความสะอาดลิ้นเร่งให้ และภายหลังจากการทำความสะอาดลิ้นช่างจะทำ idle leran process เพื่อให้ ECM รู้องศาของลิ้นเร่งเริ่มต้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับคันเร่งไฟฟ้า เนื่องจากการเปิดปิดของลิ้นอาศัยกฏของ hall effect (หาข้อมูลเพิ่มจาก google นะครับ) จึงจำเป็นต้องทำการเทียบองศาของขาคันเร่งและองศาของลิ้นเร่ง

เข้าร้านทำช่วงล่างใกล้ๆ บ้าน ที่มีฮ้อยยกรถ ให้ช่างตรวจสอบดูว่าลูกหมากตัวไหนเสื่อมสภาพ ช่างจะจับล้อที่มุม 3 และ 9 นาฬิกา โยกดู หากมีระยะคลอนมากจนให้ตัวได้ อาจเป็นไปได้ว่าลูกหมากคันชัก-คันส่ง และลูกหมากปลายแร็คเสื่อมสภาพ ในทางตรงข้าม ช่างจะจับที่มุม 12 และ 6 นาฬิกา โยก หากคลอนแสดงว่าลูกหมากปีกนกหมดสภาพ สุดท้ายช่างจะต้องตรวจสอบโดยการใช้คีบจับลูกหมากเหล็กกันโคลงแล้วบิดดูหากขยับตัวได้ง่ายแสดงว่าเสื่อม จดตัวที่มีปัญหา ถามราคาศูนย์และขอ part number หากต้องการประหยัดก็เดินซื้ออะไหล่จากตัวแทนใกล้ๆ จะได้ส่วนลด 15% + vat 7% หากจะประหยัดก็หายี่ห้อ 555 แต่ของเทียมเยอะหากไม่เคยดูจะโดนเอาง่ายๆ เวลาเปลี่ยนให้เปลี่ยนเป็นคู่นะครับ ในกรณีลูกหมากเหล็กกันโคลงใช้ของเทียบก็ได้เนื่องจากราคาถูกกว่ามากและเปลี่ยนง่ายกว่ามาก แต่ลูกหมากอีกสามตัวที่เหลือควรใช้ของแท้ หรือ ของ 555 เพราะถอดยากและเป็นตัวรองรับแรงที่เกิดขึ้นเป็นหลัก ในส่วนของลุกหมากเหล็กกันโคลง ให้ช่างตรวจสอบยางรัดเหล็กกันโคลงว่าปลิ้นหรือย้อยไหม หากมีอาการก็จับเปลี่ยนอันนี้ควรเบิกของแท้พวกยี่ห้อ japa หรือ rbi ราคาถูกกว่ามากแต่ไม่คุ้ม สุดท้ายรถเป็นตามรูปในลายเซ็นต์หรือเปล่าครับ หากใช่ ศูนย์อาจจะปฏิเสธการเคลมเนื่องจากดัดแปลงสภาพใช้ล้อผิดไปจากโรงงาน อืมท้ายสุด ลองให้ช่าวดูบูชยางปีกนกตัวใหญ่ว่าฉีกมากไหม ถ้ามาก ก็เบิกของแท้ก้อนละ 450 บาท ตัวนนี้อัดได้ ส่วนบูชตัวเล็กห้างไม่มีขาย เนื่องจากไม่เสียบ่อย