Jump to content

1100pm

CCTH Member
  • Posts

    151
  • Joined

  • Last visited

  • Days Won

    2

Everything posted by 1100pm

  1. กำลังเล็งอยู่เหมือนกัน ถ้ามีความเห็นเรื่องการใช้งาน นั่งสบายมั้ย กระชับมั้ย จะดีมากเลยครับ เคยนั้งแต่เบาะ type r แล้วรู้สึกหลวมไปนิด
  2. ขออนุญาต จขกท ถามด้วยนะครับ ของผมอาการกลับกัน Start ตอนเช้าปกติ แต่ตอนเครื่องร้อนจะลากยาวแต่ไม่ทุกครั้ง จูนกล่อง e85 เหมือนกัน ไม่รู้เข้าข่ายหัวเทียนเย็นไปหรือร้อนไป ปล. วิ่งได้ปกติไม่มีสดุดทุกช่วงรอบ
  3. ตามความเข้าใจผมถ้าตอนเช้า start ยากอยู่แล้ว ใช้หัวเทียนเย็นขึ้นไม่ยิ่ง start ยากหรอครับ แต่จะดีถ้าชอบแช่รอบสูง
  4. ถ้ามีงบอยากแนะนำให้ติดกล่อง ซื้อความแรง แถมประหยัดขึ้นอีก
  5. ของผมอาการกลับกัน ตอนเช้าหรือเครื่องเย็น start ปกติ แต่ถ้าตอนเครื่อนร้อนจะลากยาวกว่าปกติ เห็นได้ชัดตอนเติมน้พมัน กล่อง unichip
  6. http://orsenparts.blogspot.com/?m=0 อันนี้ก็น่าลอง ดูในคลิปแล้วเหมือนดู tv direct เลย
  7. ถ้าจะติดก็คงติดได้แต่อากาศก็น่าจะกักบริเวณ skirt แต่ก็เข้ากันชนน้อยลงยกเว้นพวกท้าย type r ชุด diffuser สำนัก mugen หรือ mugen rr นี้ไล่อากาศได้จริงแถมสร้างแรงกดด้วย
  8. แผ่นปิดใต้ท้องรถด้านท้าย ของ honda access หรือเรียกให้ซิ่งว่า "diffuser" ประโยชน์ คือช่วยไล่ช่วยกระแสลมวนที่วิ่งผ่านใต้ท้องรถให้ออกไปเร็วที่สุด เพื่อลดแรงต้านอากาศในขณะที่วิ่งด้วยความเร็วสูง จริงๆ แล้ว honda เองออกแบบมาแทบทุกจุดที่อยู่ใต้ท้องเลย แต่มาเมืองไทยถูกตัดทิ้งหมดทั้ง fd และ fb แต่รถ eco car อย่าง "honda brio amaze" honda ไทยให้แบบจัดเต็มลำ!!! Daigram แผ่นปิดใต้ท้องรถ CIVIC FD ที่มีจำหน่าย - แผ่นชิ้นกลาง2ข้าง : ชิ้นนี้ตัวถังไทยไม่ได้ทำจุดยึดไว้ครับ ครั้นจะเจาะก็อาจทะลุถึงด้านในห้องโดยสาร ถ้าอยากติดจริงอาจจะต้อง DIY เสริมหูยึดใหม่แทน - แผ่นปิดด้านท้าย สำหรับปี 2010 ขึ้นไป ตัวนี้ติดได้เลย แต่มันจะมีจุดยึดที่ขาดอยู่ 1 จุด คือจุด A จุดนี้จะยึดหรือไม่ยึดแล้วแต่พิจารณาครับ ซึ่งผมเองก็ไม่ยึด เพราะจากการลองดันดึงขยับมันก็ยังแข็งแรงอยู่ และไม่อยากเจาะรถ แต่รถก่อนปี 2010 ตัวถังจะไม่มีรูครับ ถ้าอยากได้จุดยึดครบๆจะต้องเจาะแชสซีเพิ่มอีก 2 จุด คือ A-B วัสดุเป็นพสาสติกสีดำ มีทั้งตรงรุ่น fd1 fd2r fb ก็ยังมี สังเกตได้ของ type r มีมิติของสัน ที่คม เส้นสายต่อเนื่องไปยัง diffuser เรียกว่าสวยกว่า ตั้งแต่เกิดจริงๆ ถ้าได้ลองก้มไปดูใต้กันชนอย่างจริงจัง....นี้มันแทบจะกลางร่มวิ่งเลยนะเนี่ย ถึงว่าทำไมถึงรถ circuit ถึงเจาะกันชนกันเป็นแถว เจ้าแผ่นตัวนี้มันไปปิดช่องว่างของแนวล่างกันชน เพื่อไม่ให้อากาศเข้าไปปั่นป่วนในกันชนสนิทเลยครับ ดูแล้วแผ่นชิ้นหลังนี้น่าจะดูคุ้มเงินสุดถ้าอยากติด แต่น่าเสียดายยังคงเหลือช่องโหว่เบอเร่อด้านซ้ายอยู่ ถ้าใครเคยเห็นของ fb จะปิดมิดทั้งแนวกันชนเลย เรื่องความงามก็ไม่ค่อยจะเห็นเท่าไร look จะดูเรียบหรูขึ้น ความโหดดิบลดลงไปบ้าง แนวทางโหดที่จัด subframe หรือค้ำต่างๆไปแล้วคงมองข้ามหันไปเจาะกันชนแทน ภาพเปรียบเทียบก่อนติด หลังติด
  9. ราคาตั้งจากตัวแทนจำหน่ายนะครับBuddy club 5xxx มาเฉพาะ ลูกหมากปีกนก S wave 11xxx มาทั้ง set
  10. ส่วนนึงที่ทำให้ตัดสินใจลอง ebc เพราะเคยอ่าน รีวิวคุณ sanru 9595 นี้แหล่ะคับ
  11. อยากมาขอรีวิวอุปกรณ์ upgrade ช่วงล่าง เหมาะกับคนที่เห็นโค้งแล้วชอบถลาเข้าใส่ และสำหรับคนที่ทำช่วงล่างมาเต็มลำแล้ว ไม่ว่าจะเป็น โช้ค-กันโคลง ฯลฯ แล้วยังรู้สึกว่างเปล่าไม่หายคันซักที มาลองดูสิ่งนี้ครับ มันคือ "roll center adjuster " ศัพท์ค่อนข้างเทคนิค หลักๆมีเรื่องของ จุด CG กับ RC ที่จะต้องทำความเข้าใจ สำหรับผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจเชิงลึก ขอแนะนำศึกษาจาก link นี้เลยครับ http://board.eg3d-club.com/index.php/topic,40651.0.html แต่เพื่อให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น ผมขออนุญาตอธิบายสไตล์ผม แบบบ้านๆ อย่างนี้ครับ.....คือเมื่อเราโหลดรถลงมากๆ ให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง เพื่อหวังผลการควบคุมให้ดีขึ้นนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกับช่วงล่างบ้าง ไปดูรูปกัน Credit รูปจาก http://www.meganracing.com/tech/faqs.asp?id=106&subject=Suspension: ฉะนั้นอุปกรณ์ตัวนี้มีหน้าที่ใส่เข้าไปเพืิอแก้ไขทิศทางที่ผิดเพี้ยนของปีกนก และคันชัก ให้กลับสู่ทิศทางเดิมตามที่โรงงาน setting มา เสมือนว่ามันไปจัดการกับทิศทางแนวแรงต่างๆ ที่หนีศูนย์กลาง ให้ขมวดไว้ใกล้ๆ กัน และจัดการส่งแนวแรงไปในทิศทางที่ถูกต้อง ทำให้รถมีการยกตัวน้อยลงเมื่อเกิดแรงเหวี่ยงจากการเข้าโค้งนั้นเอง อุปกรณ์ตัวนี่ในตลาดก็พอจะมีตัวแทนจำหน่ายในไทยอยู่เหมือนกัน ผลิตมาให้ใช้กันเป็นชุด kit buddy club ball joint adjuster เทียบของเดิม ในชุดจะมีเฉพาะ ตัว adjuster ของปีกนก อันนี้ ของ S WAVE เรียกว่าขายกันเป็นแพคคู่ ขอซื้อแยกก็ไม่ได้ มาเป็นชุด kit มีตัว adjuster ของปีกนก พร้อม tie rod end (ลูกหมากคันชัก) ตัดสินใจอยู่นานหาข้อมูลอยู่นาน สุดท้ายยอมจ่ายครับ วัสดุเป็นเหล็กขึ้นรูปด้วยวิธี forged ชึ่งเนื้อเหล็กจะหนาแน่น-เหนียว-ยืดหยุ่นกว่า ของ honda ซึ่งขึ้นรูปด้วยวีธี Cast (คนเล่นกอล์ฟจะเข้าใจดี) สิ่งที่ตามมาด้วยอีกอย่างที่ไม่อยากได้เลยคือน้ำหนักมากกว่าของเดิมครับ วิธีการติดตั้งง่ายนิดเดียว คือติดตั้งเข้าไปแทนที่ลูกหมากปีกนกล่างเดิม กับลูกหมากคันชักเดิมนั้นเอง ตาม spec ของอุปกรณ์ตัวนี้จะช่วยปรับระดับปีกนก และคันชักลง 25 มม. ครับ ตัวลูกหมากจะแข็งแรงมากกว่าของstd. ผู้ผลิตว่างั้น (ใช้งานมาปีครึ่ง ระยะทางประมาณ 30000 กม. ยังแน่นอยู่ครับ) ***เมื่อติดตั้งเสร็จอย่าลืมตรงไปตั้งศูนย์ล้อก่อนเลยนะครับ เพราะอาจไม่ปลอดภัย*** เมื่อตั้งศูนย์ เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้มันทำให้ มุม camber หน้ากางออกจากเดิมนิดนึง ประมาณ 30 ลิปดา และเพื่อความน่าเชื่อถือจึงปรับมุมล้อให้กลับเหมือนเดิม ก่อนเอาไปวิ่งทดสอบ จัดการขึ้นทางด่วนเลยครับเดี๋ยวชิน - ขับเข้าโค้งแคบ-กว้าง ตามทางด่วน : รู้สึกได้ว่า รถโยนตัวน้อยลง พวงมาลัยคมและเบาขึ้น เหมือนกับว่ารถเรามันเบาขึ้น คันเล็กขึ้น ไม่ใช่รถเบาลอยแบบไม่เกาะนะครับ คนละอย่างกัน หน้าจิกโค้งขึ้นอย่างรู้สึกได้ - ขับแบบมุด : มุดง่ายไปทั้งคัน รู้สึกทุกอย่างไม่ต่างจากข้อแรก อ้าวเอ๊ะ! แล้วถ้าไปเพิ่มขนาดเหล็กกันโคลง กับเพิ่ม rate สปริงแข็งๆซัก ชุดน่าจะได้ผลลัพธ์เดียวกันใช่มั้ย คำตอบคือนั้นมันก็ใช่ครับ แต่มาพร้อมความกระด้างเพิ่มขึ้น บทสรุป...ในระดับ street use เป็นชุด kit อัพเกรคเพื่อเพิ่ม limit การเข้าโค้งโดยไม่ต้องเพิ่มความกระด้างของช่วงล่างได้อย่างดี ส่วนที่ผู้ผลิตแจ้งว่าช่วยยืดอายุของบุชยาง หรือลูกหมากต่างๆให้ใช้งานได้นานขึ้น อาจจริงเพราะอาการฝืนของช่วงล่างเมื่อเข้โค้ง เมื่อมุด จะน้อยลงนั้นเอง ลองเอารูปปีกนกนี้เทียบกับรถตัวเองได้นะครับว่าต่างกันมากรึป่าว
  12. อยากมาขอแชร์ทางเลือกสำหรับคนที่อยาก upgrade ระบบเบรค oem ของ honda ในแนวทางที่ต้องการประสิทธิภาพล้วนๆ ไม่แคร์ความงาม หรือจะใช้ซิ่งในสนามโดยยังคงใช้คาลิปเปอร์ oem ขอเหลานิดนึงก่อนว่าแนวทาง upgrade นี้ จะมี 2 brand aftermarket หลักๆ ที่ผลิตสินค้ามาให้ใช้กันคือ EBC กับ dixcel จากการหาข้อมูลอ่าน review ทั้ง 2 แบรนด์นี้ยอมรับว่าเลือกไม่ถูกจริงๆ EBC มีรีวิวมีให้อ่านเยอะมาก กระแสตอบรับดีทั้งนั้น ต่างกับ dixcel ซึ่งอาจดีจริง แต่กระแสผู้ใช้ยังน้อย หรืออาจเยอะ แต่ไม่ค่อยมี feedback กัน และราคาผ้าเบรคโหดมาก ผมจึงตัดสินใจเลือกใช้ EBC ผมขอเรียงจากสิ่งที่ผมเริ่มใส่เข้าไปหลังจากที่ได้อัพระบบเป็นคาลิปเปอร์ civic 2.0 และเพื่อความน่าเชื่อถือผมขอเปรียบเทียบกับของเดิม oem ในฐานะผู้ใช้แบบ street use ประสาทสัมผัสพอได้ ^^ เริ่มจากผ้าเบรค เลือกใช้ Ebc yellow stuff หน้า-หลัง ทนความร้อนได้ถึง 900 c ตัวเลขทนความร้อนคงมีไว้แค่ประดับ ในระดับ street use คงได้ใช้ประโยชน์จากค่า friction ที่สูง และคงเส้นคงวาซะมากกว่า จากการใช้งานผมขอแบ่งเป็นหัวข้อตามที่เหล่านักผู้ทดสอบได้เคยแบ่งไว้ - Handling : แป้นเบรคลึกขึ้น ระยะฟรีมีให้รู้สึก แต่เมื่อลงน้ำหนักจะคอนโทรลก็ทำได้ง่าย รถผมไม่มี abs เรียกว่าเลี้ยงน้ำหนักให้ยางร้องครางงิดงิดโดยที่ล้อยังหมุนอยู่ได้ แบบไม่ต้องเกร็ง - ประสิทธิภาพการหยุด : บาลานซ์ดีมากหยุดลงแบบหน้าไม่ทิ่ม ระยะเบรคสั้นลงจริง แรงดูดใช้งานได้เลยทันทีไม่ต้องรอร้อน ผู้ผลิตเคลมรุ่น red stuff ที่ 160-0 สั้นกว่าเดิม 13 เมตร มันช่วง 2 คันรถเลยนะนั้น!!! แต่แปลก รุ่นนี้ทำไมไม่บอก - เสียง : คาดว่าเสียงจะมาเมื่อจานเป็นรอยเยอะ และจะมาเฉพาะตอนเลียเบรค แต่ไม่ดังมาก พอเปลี่ยนจานทำความสะอาดเสียงหายครับ - อายุการใช้งานรวมไปถึงความกินจาน : 8 เดือน กับ 20000 กม. ผ้าหายไปประมาณ 5 mm ส่วนจานหายไปประมาณ 1 mm. *อ้างอิงระยะเวลาใช้งาน 10 เดือนกับระยะทาง ประมาณ 20000 กม. วิ่งถนนบ้าง บนดิน-ใต้ดินบ้าง * ความโหดของเนื้อผ้าเบรค ถึงบางอ้อว่าทำไมฝรั่งถึงให้จับคู่กับจานตัวเอง สรุปแล้ว...อะไรอะไรก็ดีเกือบทุกอย่าง ยกเว้นราคากับฝุ่น ตามรูป ฝุ่นหลังจากใช้งาน 400 กม. อ้อ...ผ้าเบรคตัวนี้ สำหรับคาลิปเปอร์ civic 2.0 ,G8 , Odessy ราคากลับถูกกว่า ตัว 1.8 นะครับ ต่อด้วยจานเบรค ผมเลือกใช้จาน ebc รุ่น usr เป็นจานเซาะร่องช่วยสลัดผ้าเบรค โครงสร้างสามารถระบายความร้อนได้ดี วัสดุเนื้อเหล็กดีกว่า oem เป็น hi graphite cast iron แต่ยังไม่ใช่ hi-carbon มีข้อสังเกตุว่าจานลักษณะนี่มันน่าจะกินผ้าเบรค และทำให้เกิดฝุ่นมากกว่าปกติ แต่ปรากฎว่า จานแบบนี้สลัดผ้าเบรคได้ดีจนฝุ่นดันกลับติดล้อน้อยลง ตามรูปเลยครับ วิ่ง 400 กม. ล้อหน้าจาน ebc ฝุ่นน้อยกว่าล้อหลังอีก ซึ่งเป็นจานเดิม มาดูเนื้อจาน ebc เห็นได้ชัดว่ามีความเงากว่า สึกหรอน้อยกว่า แม้จะจับคู่กับผ้าเบรคเกรด racing นี้ขนาดผมเทียบแบบไม่แฟร์นะเนี่ย เพราะไปเทียบกับล้อหลัง ซึ่งปกติล้อหลังจะสึกหรอน้อยกว่าล้อหน้า เรื่องเสียงผู้ผลิตบอกว่าใช้งานจะมีเสียงลมดังกว่าของเดิม แต่ผมใช้แล้วก็ไม่เห็นว่าจะดังขึ้นแต่อย่างใด เรื่องระบายความร้อนบอกได้แต่เพียงว่า หลังจากที่วิ่งลองเอามือแตะที่ล้อ รู้สึกร้อนน้อยกว่าจานเบรกเดิมแบบรู้สึกได้ ลองเบรคแบบชนิดไม่เสียดายยางเลยนะครับ และหลายครั้งด้วย เนื่องจากในชีวิตนี้ก็เพิ่งจะเคยใช้จาน upgrade แบบนี้ เอาเป็นว่าขออธิบายด้วยภาพกับสิ่งที่พอจะตัดสินได้แล้วกัน เพราะฉะนั้นจึงขอจบเรื่องจานแต่เพียงเท่านี่ T-T สุดท้ายสายอ่อนถักเบรค Item นี้ เหล่านักซิ่งส่วนใหญ่จะบอกว่า อยากให้เป็นสิ่งสุดท้ายในการอัพเกรค เพราะอะไรหรือ................... เพราะว่าไม่ได้ช่วยให้ระยะเบรคสั้นลง limit ระบบเบรคยังคงเหมือนเดิม แต่เฟิร์มขึ้น ถ้าจะให้เปรียบคงเหมือนขับรถใส่ยาง comfort แก้มสูง แต่มีวันนึงไปลองขับรถยางแก้มซิ่งเตี้ย แล้วรู้สึกได้ว่า เฮ้ย !!! มันตอบสนองพื้นถนนดีขึ้น ควบคุมรถมั่นใจมากขึ้นฉันใด เปลี่ยนสายถักก็ให้ผลแบบเดียวกันแต่เป็นการควบคุมเบรคนะ สำหรับ item นี้ผมเลือกใช้ของ russell เพราะมีของตรงรุ่นและราคาต่อ 4 ล้อไม่แพงมาก ตามรูปขยายที่เห็นเป็นรูๆเส้นถักนั้นผ่านการเคลือบด้วยวัสดุใสๆ เพื่อกันฝุ่นกันน้ำ ฉะนั้นไม่ต้องกังวลครับ มาถึงความรู้สึกหลังติดตั้งอาจต้องปรับตัวนิด แป้นเบรคแข็งและตื้นขึ้นนิดนึง หนืดๆ อ้อออนี้แหล่ะที่เค้าเรียกว่า "เฟิร์ม" มันให้ความมั่นใจ และช่วยเกลี่ยระยะฟรีระยะทำงานเบรค ให้ไล่น้ำหนักเบรคได้ง่ายขึ้นอีก ตอนนั้นในใจคิดว่าคงต้องหาสายถักครัชมาลองซะแล้ว อุ่นใจด้วยน้ำมันเบรค ผมเลือกใช้ Ate super blue จากตาราง เปรียบเทียบคุณสมบัติ ทนร้อน 285 c และอย่าลืมว่าในระบบมีแรงดันฉะนั้นจุดเดือดก็น่าจะไปไกลกว่านั้นอีก ซึ่งแน่นอน street use อย่างผมขนาดผ้าเบรคยังใช้ไม่เฟดเลย แล้วลำพังน้ำมันเบรคจะเดือดหรือ 5555 item นี้ใช้อารมณ์เลือกล้วนๆครับ ก่อนหน้านี่ใช้ ate sl.6 ก็ยังไม่เคยเดือด คงมีแค่ระยะเวลาการเปลี่ยนถ่าย 3 ปีเท่านั้นที่อาจได้ใช้ บทสรุป... คือ set แบบ one make race นั้นเอง ขยายขีดจำกัดเบรค oem แต่ยังคงสมรรถนะความแรง กับช่วงล่าง ไม่ให้ drop ลง จานไม่ได้หนักไปกว่าเดิม street use ใช้เยี่ยม step แข่งพึ่งได้ ไม่ต้องกังวลกับล้ออะไหล่ บำรุงรักษาถูก เสียที่ไหนเข้า service ได้ทุก honda ทั่วไทย หากหวังเรื่องความงามมีเพียงแค่ร่องของจานที่แพมออกมาให้รู้ว่าไม่เดิม เท่านั้นจริงๆ เรื่องของเบรคใช้เกิน spec ไปก็คงอาจไม่คุ้มกับเงินที่ลงทุน แต่ผมอยากให้คิดว่าแม้เราใช้ไม่ถึง Limit มัน แต่ในการขับขี่แบบปกติมันสำแดงประโยชน์กับเราตั้งแต่เราขับออกจากบ้านแล้วครับ กับรถที่วิ่งถึง 200 แบบไม่ยาก ก็ควรให้ความสำคัญไม่ต่างจากยางหรือโช้คซิ่งๆ จึงอยากมาขอแชร์จากการใช้งานจริง ขับขี่ปลอดภัยครับ ^^
  13. ขอไปลองซักครั้งก่อนปิดดีกว่า เผื่อได้ดูดวิชา^^
  14. ตอนนี้ แคมคลอดแล้วครับ รอติดตามผลไดโนอยู่ คอยให้กำลังใจคนทำหน่อยนะครับ จะได้มีของดีใช้กันเร็วๆ
  15. เกรงว่าน่าจะบางไปช่วงรอบสูงนะครับ อุณหภูมิไอเสียจะร้อนมาก ไม่ดีต่อแคท แต่ก็นั้นแหล่ะครับ ยังไม่มีใครลองเสี่ยง ว่าระยะยาวจะเป็นไง กับหัวฉีดเดิม แล้วอัดรถ openloop บ่อยๆ
  16. ประเด็นที่ 1 ในแนวทางเข้าใจถูกต้องแล้วครับ แต่ตัวเลขอัตราส่วนมันจะไม่เป๊ะขนาดนั้น เมื่อออกจาก close loop แล้ว อัตราส่วนน้ำมันจะหนาขึ้น ใน e10 จากเดิม 14.7 อาจหนาไปถึง 10-11 ยิ่ง e85 ยิ่งกว่านี้อีกครับ ประเด็น 2 คิดว่ากล่อง e85 สำคัญแค่ช่วงออกจาก close loop ไปแล้ว โดยกล่องสั่งชดเชยน้ำมันตามตรรกะของผู้ผลิต หรือ ตามแต่ความรู้สึกของคนขับ(ปรับได้) ให้ฉีดคาบเวลานานกว่าเดิม ซึ่งพอหรือไม่พอก็ยังไม่มีใครออกมาฟันธง แต่ที่แน่ๆหัวฉีดจะไปเร็วขึ้นเพราะต้องรับภาระหนักกว่าเดิม ส่วนช่วง Close loop ecu เดิมน่าจะชดเชยให้ตามความเหมาะสมไดัอยู่แล้ว แต่วิธีนี้จะเสี่ยงตรงความเสถียรของกล่อง e85 นี้แหล่ะเพราะถ้าน้ำมันบางไปช่วงออกจาก close loop พังแน่ครับ
  17. ขับหน้าถ้าเอา performane ต้องหน้าใหญ่กว่า ตามทษฎี จะช่วยลดอาการ understeer กับออกตัวนิ่งๆได้ เพียงแต่เวลามองรถจากด้่านหลังมันจะดูไม่ค่อยโหด ในสนาม นอกจากล้อหน้าใหญ่กว่าหลังแล้วโช็คกับสปริงหลังยังแข็งกว่าหน้าด้วย บางคนอาจบอกว่ามันในสนาม แต่ผมลอง set รถแบบนี้ขับถนน ก็รู้สึกควบคุมรถได้ดีกว่า จิกโค้งกว่านะครับ
  18. ชอบมากยางแก้มตั้ง ที่ราคาถูกลงมาหน่อยแล้วตั้งๆ ก็มี nitto nt555 ส่วน re002 มันก็ oversize แต่มัันดูไม่ค่อยตั้งมันจะอัวนๆ ถ้าชอบแก้มตั้งเวลาเลือกหน้ายางเลือกให้พอดีล้อนะครับ ไม่งั้นอาจถูกหน้ากว้างล้อดึงแก้มยางให้กลายเป็นแก้มหลบได้
  19. Eibach ครับ ได้อารมณ์หน้าทิ่มตูดโด่งเหมือนเดิม แต่จะสูงกว่า s tech นิดนึงครับ ต้องจับกับช็็อคหนืดกว่าเดิมนะครับถึงจะดี
  20. ความเตี้ยก็ไม่ต่างจากท่อปาก 4" ทั่วไปครับ ส่วนหม้อพักที่ใหญ่มหึมาของทรงนี้ ก็ไม่ต้องกังวลครับ เพราะทรงนี้ต้นแบบใช้หม้อพักใหญ่ก็จริง แต่มิติทรงท่อคือดันหม้อพักไว้ลึกกว่ารุ่นอื่นๆ แล้วใช้วิธียื่นปากท่อออกมายาว คือถ้าจะครูดจริงๆ ผมว่าท่อทรงที่หม้อพักใกล้กับปากท่อยังมีโอกาส ครูดได้ง่ายกว่าเลยครับ
  21. ต้น-ปลายดีกว่าเดิม แรงบิดเพิ่มทุกช่วงทุกรอบ งานเชื่อมสวยแบบ handmade ครับ แต่ท่อทรงแบบซิ่งมีให้เลือกน้อยไปหน่อย แนะนำทรง toda ผมใส่อยู่ครับ ดูดิบๆดี
  22. จากการใช้งานจริง กล่อง Unichip นะครับ ผมเปิดรอบตามที่จูนเนอร์แนะนำคือ 7200 เพื่อ save เครื่อง เคยลากที่เกียร์ 4 จนถึง 7200 ก็ยังไปแค่ 210 km/hr จริงๆประโยชน์การเปิดรอบสำหรับเครื่องเดิม คงมีแค่ตอนออกตัว ลาก 1 ไปจน 7200 พอสับ 2 รอบจะตกมาที่แรงบิดสูงพอดีรอบจะไม่ห้อยเพราะเกียร์ 1-2 อัตราทดห่างกัน มากกว่าเกียร์อื่น ส่วนเกียร์อื่นผมสับที่ 6500 แหล่มสุดครับ ลองดูกราฟก็ได้ครับ สำหรับเครื่องไส้ในเดิม แคมเดิม หลัง 6500 กราฟตกจนแทบไม่เหลืออะไรแล้ว คือถ้าจะเล่น Top speed เครื่อง Na คงต้องเปลี่ยนแคม ลูกสูบ ก้านสูบ ปลดรอบถึงซัก 8000 เป็นอย่างต่ำ หรือใครมีสูตรไหนมาแชร์กันนะครับ ส่วนตัวก็อยากได้ Top speed มากว่านี้อีกนิด <a href="http://image.ohozaa.com/view2/xgcLz3gIvNsovHqR" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/g4b/bA10pb.jpg" /></a> จากกราฟนะครับ เชื้อเพลิง E85 หัวฉีด R20 ปั๊มติ๊ก Walbroโดย Carup ท่อเบสสูตรใหม่ กรองเดิมๆ
  23. รอบไม่เกิน 3000 ในคู่มือ honda ถ้าอยากให้ประหยัด และเกิดมลพิษน้อยสุดให้สับ 1-2 ที่ 25 km/h 2-3 ที่ 43 km/h 3-4 ที่ 65 km/h 4-5 ที่ 85 km/h โดยประมาณนะครับจำตัวเลขแน่นอนไม่ได้ เครื่องเดิม na ลากไปเถอะครับ จะลาก จะแช่ก็ได้ แค่คอยดูเกจ์ความร้อนนิดนึง ใช้ นมค. สังเคราะห์ดีดี ใช้กันยาวครับ
×
×
  • Create New...