Jump to content

รีวิวบ้างไรบ้าง ยาวนึดนึง เรื่องการ upgrade ระบบเบรค oem ของ honda


Recommended Posts

          อยากมาขอแชร์ทางเลือกสำหรับคนที่อยาก upgrade ระบบเบรค oem ของ honda ในแนวทางที่ต้องการประสิทธิภาพล้วนๆ ไม่แคร์ความงาม หรือจะใช้ซิ่งในสนามโดยยังคงใช้คาลิปเปอร์ oem

ขอเหลานิดนึงก่อนว่าแนวทาง upgrade นี้ จะมี 2 brand aftermarket หลักๆ ที่ผลิตสินค้ามาให้ใช้กันคือ EBC กับ dixcel จากการหาข้อมูลอ่าน review ทั้ง 2 แบรนด์นี้ยอมรับว่าเลือกไม่ถูกจริงๆ

EBC มีรีวิวมีให้อ่านเยอะมาก กระแสตอบรับดีทั้งนั้น ต่างกับ dixcel ซึ่งอาจดีจริง แต่กระแสผู้ใช้ยังน้อย หรืออาจเยอะ แต่ไม่ค่อยมี feedback กัน และราคาผ้าเบรคโหดมาก ผมจึงตัดสินใจเลือกใช้ EBC

ผมขอเรียงจากสิ่งที่ผมเริ่มใส่เข้าไปหลังจากที่ได้อัพระบบเป็นคาลิปเปอร์ civic 2.0 และเพื่อความน่าเชื่อถือผมขอเปรียบเทียบกับของเดิม oem ในฐานะผู้ใช้แบบ street use ประสาทสัมผัสพอได้ ^^

 

เริ่มจากผ้าเบรค

          เลือกใช้ Ebc yellow stuff  หน้า-หลัง ทนความร้อนได้ถึง 900 c

xYvSKq.JPG

ตัวเลขทนความร้อนคงมีไว้แค่ประดับ ในระดับ street use คงได้ใช้ประโยชน์จากค่า friction ที่สูง และคงเส้นคงวาซะมากกว่า จากการใช้งานผมขอแบ่งเป็นหัวข้อตามที่เหล่านักผู้ทดสอบได้เคยแบ่งไว้

             - Handling : แป้นเบรคลึกขึ้น ระยะฟรีมีให้รู้สึก แต่เมื่อลงน้ำหนักจะคอนโทรลก็ทำได้ง่าย รถผมไม่มี abs เรียกว่าเลี้ยงน้ำหนักให้ยางร้องครางงิดงิดโดยที่ล้อยังหมุนอยู่ได้ แบบไม่ต้องเกร็ง

          -  ประสิทธิภาพการหยุด : บาลานซ์ดีมากหยุดลงแบบหน้าไม่ทิ่ม ระยะเบรคสั้นลงจริง แรงดูดใช้งานได้เลยทันทีไม่ต้องรอร้อน ผู้ผลิตเคลมรุ่น red stuff ที่ 160-0 สั้นกว่าเดิม 13 เมตร

มันช่วง 2 คันรถเลยนะนั้น!!! แต่แปลก รุ่นนี้ทำไมไม่บอก

          - เสียง : คาดว่าเสียงจะมาเมื่อจานเป็นรอยเยอะ และจะมาเฉพาะตอนเลียเบรค แต่ไม่ดังมาก พอเปลี่ยนจานทำความสะอาดเสียงหายครับ

          - อายุการใช้งานรวมไปถึงความกินจาน : 8 เดือน กับ 20000 กม. ผ้าหายไปประมาณ 5 mm ส่วนจานหายไปประมาณ 1 mm. *อ้างอิงระยะเวลาใช้งาน 10 เดือนกับระยะทาง

ประมาณ 20000 กม. วิ่งถนนบ้าง บนดิน-ใต้ดินบ้าง *

H05OAA.jpg

ความโหดของเนื้อผ้าเบรค ถึงบางอ้อว่าทำไมฝรั่งถึงให้จับคู่กับจานตัวเอง

            สรุปแล้ว...อะไรอะไรก็ดีเกือบทุกอย่าง ยกเว้นราคากับฝุ่น ตามรูป ฝุ่นหลังจากใช้งาน 400 กม.

lQMT3B.jpg

อ้อ...ผ้าเบรคตัวนี้ สำหรับคาลิปเปอร์ civic 2.0 ,G8 , Odessy ราคากลับถูกกว่า ตัว 1.8 นะครับ

 

ต่อด้วยจานเบรค

          ผมเลือกใช้จาน ebc รุ่น usr เป็นจานเซาะร่องช่วยสลัดผ้าเบรค โครงสร้างสามารถระบายความร้อนได้ดี วัสดุเนื้อเหล็กดีกว่า oem เป็น hi graphite cast iron แต่ยังไม่ใช่ hi-carbon

มีข้อสังเกตุว่าจานลักษณะนี่มันน่าจะกินผ้าเบรค และทำให้เกิดฝุ่นมากกว่าปกติ แต่ปรากฎว่า จานแบบนี้สลัดผ้าเบรคได้ดีจนฝุ่นดันกลับติดล้อน้อยลง ตามรูปเลยครับ วิ่ง 400 กม. ล้อหน้าจาน ebc

ฝุ่นน้อยกว่าล้อหลังอีก ซึ่งเป็นจานเดิม

Oj5MPb.jpg

 มาดูเนื้อจาน ebc เห็นได้ชัดว่ามีความเงากว่า สึกหรอน้อยกว่า แม้จะจับคู่กับผ้าเบรคเกรด racing

ucFYDH.jpg

นี้ขนาดผมเทียบแบบไม่แฟร์นะเนี่ย เพราะไปเทียบกับล้อหลัง ซึ่งปกติล้อหลังจะสึกหรอน้อยกว่าล้อหน้า

               เรื่องเสียงผู้ผลิตบอกว่าใช้งานจะมีเสียงลมดังกว่าของเดิม แต่ผมใช้แล้วก็ไม่เห็นว่าจะดังขึ้นแต่อย่างใด เรื่องระบายความร้อนบอกได้แต่เพียงว่า หลังจากที่วิ่งลองเอามือแตะที่ล้อ

รู้สึกร้อนน้อยกว่าจานเบรกเดิมแบบรู้สึกได้ ลองเบรคแบบชนิดไม่เสียดายยางเลยนะครับ และหลายครั้งด้วย

               เนื่องจากในชีวิตนี้ก็เพิ่งจะเคยใช้จาน upgrade แบบนี้ เอาเป็นว่าขออธิบายด้วยภาพกับสิ่งที่พอจะตัดสินได้แล้วกัน เพราะฉะนั้นจึงขอจบเรื่องจานแต่เพียงเท่านี่ T-T

 

สุดท้ายสายอ่อนถักเบรค

            Item นี้ เหล่านักซิ่งส่วนใหญ่จะบอกว่า อยากให้เป็นสิ่งสุดท้ายในการอัพเกรค เพราะอะไรหรือ................... เพราะว่าไม่ได้ช่วยให้ระยะเบรคสั้นลง limit ระบบเบรคยังคงเหมือนเดิม

แต่เฟิร์มขึ้น ถ้าจะให้เปรียบคงเหมือนขับรถใส่ยาง comfort แก้มสูง แต่มีวันนึงไปลองขับรถยางแก้มซิ่งเตี้ย แล้วรู้สึกได้ว่า เฮ้ย !!! มันตอบสนองพื้นถนนดีขึ้น ควบคุมรถมั่นใจมากขึ้นฉันใด

เปลี่ยนสายถักก็ให้ผลแบบเดียวกันแต่เป็นการควบคุมเบรคนะ สำหรับ item นี้ผมเลือกใช้ของ russell เพราะมีของตรงรุ่นและราคาต่อ 4 ล้อไม่แพงมาก

ric4kj.jpg

ตามรูปขยายที่เห็นเป็นรูๆเส้นถักนั้นผ่านการเคลือบด้วยวัสดุใสๆ เพื่อกันฝุ่นกันน้ำ ฉะนั้นไม่ต้องกังวลครับ

            มาถึงความรู้สึกหลังติดตั้งอาจต้องปรับตัวนิด แป้นเบรคแข็งและตื้นขึ้นนิดนึง หนืดๆ อ้อออนี้แหล่ะที่เค้าเรียกว่า "เฟิร์ม" มันให้ความมั่นใจ และช่วยเกลี่ยระยะฟรีระยะทำงานเบรค

ให้ไล่น้ำหนักเบรคได้ง่ายขึ้นอีก ตอนนั้นในใจคิดว่าคงต้องหาสายถักครัชมาลองซะแล้ว

 

อุ่นใจด้วยน้ำมันเบรค

          ผมเลือกใช้ Ate super blue

3qYkfp.JPG

จากตาราง เปรียบเทียบคุณสมบัติ ทนร้อน 285 c และอย่าลืมว่าในระบบมีแรงดันฉะนั้นจุดเดือดก็น่าจะไปไกลกว่านั้นอีก ซึ่งแน่นอน street use อย่างผมขนาดผ้าเบรคยังใช้ไม่เฟดเลย

แล้วลำพังน้ำมันเบรคจะเดือดหรือ 5555 item นี้ใช้อารมณ์เลือกล้วนๆครับ ก่อนหน้านี่ใช้ ate sl.6 ก็ยังไม่เคยเดือด คงมีแค่ระยะเวลาการเปลี่ยนถ่าย 3 ปีเท่านั้นที่อาจได้ใช้

 

               บทสรุป... คือ set แบบ one make race นั้นเอง ขยายขีดจำกัดเบรค oem แต่ยังคงสมรรถนะความแรง กับช่วงล่าง ไม่ให้ drop ลง จานไม่ได้หนักไปกว่าเดิม street use

ใช้เยี่ยม step แข่งพึ่งได้ ไม่ต้องกังวลกับล้ออะไหล่ บำรุงรักษาถูก เสียที่ไหนเข้า service ได้ทุก honda ทั่วไทย

qPR8Kx.jpg

หากหวังเรื่องความงามมีเพียงแค่ร่องของจานที่แพมออกมาให้รู้ว่าไม่เดิม เท่านั้นจริงๆ

               เรื่องของเบรคใช้เกิน spec ไปก็คงอาจไม่คุ้มกับเงินที่ลงทุน แต่ผมอยากให้คิดว่าแม้เราใช้ไม่ถึง Limit มัน แต่ในการขับขี่แบบปกติมันสำแดงประโยชน์กับเราตั้งแต่เราขับออกจากบ้านแล้วครับ

กับรถที่วิ่งถึง 200 แบบไม่ยาก ก็ควรให้ความสำคัญไม่ต่างจากยางหรือโช้คซิ่งๆ จึงอยากมาขอแชร์จากการใช้งานจริง ขับขี่ปลอดภัยครับ ^^

Link to comment
Share on other sites

เทียบราคา กับ ประสิทธิภาพแล้ว ผมว่า EBC ชนะขาดครับ

 

เมื่อคืน นั่ง search ดู ราคา EBC เมืองนอกไม่ได้แพงเลยครับ ถูกกว่าที่ขายในไทยเยอะ แต่พอจะสั่ง คุณจะโดนค่าขนส่ง + ค่าภาษี เบ็ดเสร็จก็พอกับที่ขายในไทยนี่แหละ (ว่าคนขายไม่ได้เนอะ)

 

กับ Dixcel ผมสนใจนะ แต่

 

1. ราคาโหดร้ายจัง

2. เบอร์ตรงรุ่นรถผม (CR-V G3) ดันมีแต่เกรด 450 C  แต่ผมอยากได้ Type Z นี่สิ ไม่มีขาย ... พอดีไม่ชอบใช้ผ้าเบรคลูกผสมหน้ายี่ห้อนึง หลังยี่ห้อนึง ด้วยสิ

 

 

แชร์มั่ง ...

 

-- รถคันปัจจุบันผม CR-V G3 2.0S ผมเปลี่ยน EBC Yellow Stuff ทั้ง 4 ล้อ + ATE Super Blue Racing ตั้งแต่ออกรถได้ 1 สัปดาห์ หรือ 1,000 กม.ครับ ทุกวันนี้ รถคันนี้เข้าปีที่ 2 แล้ว กับเลขไมล์ 40,XXX กม.ครับ

 

Yellow Stuff ของผม เป็นเกรดสำหรับพวกรถ Heavy Duty, Truck อะไรประมาณนั้นนะ ส่วนผสมจะผิดจากพวกเก๋งสักหน่อย (เทียบเบอร์แล้ว เป็นผ้าเบรคใน Odyssey) ใช้กับจานเดิมติดรถครับ เพราะหาจานของ EBC ไม่ได้ครับ

 

Handling

-- ตอนใช้ หน้าเหลือง หลังเขียว ใน FD นั้น แป้นลึกขึ้นเยอะ ลึกสุดใจ ตอนเย็นๆ ตอนเช้าๆ ที่เพิ่งใช้รถ รถจะเบรคไม่อยู่ ไหลยาว ต้องเลีย ต้องเน้นๆสักสองที จึงจะอยู่ครับ แล้วก็ยิ่งร้อน ยิ่งหนึบ ยิ่งดูดเท้า ครับ

-- ปัจจุบัน ใน CR-V (เหลือง 4 ล้อ) แตกต่างกันเยอะ ทำงานตั้งแต่ออกรถ ไม่ว่า ภายนอกจะหนาวเย็นแค่ไหน แป้นเบรคลึกขึ้นบ้าง จาก STD สัก 20% แต่ไม่ได้มากเท่าตอน FD ครับ รวมถึง อาการยิ่งร้อน ยิ่งหนึบ ไม่เจอแฮะ เหมือนมันคงเส้นคงวากว่า

 

ประสิทธิภาพการหยุด

-- ขับปกติก็เหมือนรถทั่วไป ขับในเมือง ต้องเผื่อระยะหน่อด้วยซ้ำ เพราะแป้นมันลึกขึ้น จับช้าลง ไม่ได้จับแบบหัวทิ่มแบบของศูนย์ แต่เมื่อไหร่ ที่ใช้ความเร็วสูง กลับกลายเป็นว่า ความมั่นใจเพิ่มขึ้นอีกเยอะ กล้ากระทืบ กล้าเบรค แบบไม่คิดกลัวว่ามันจะเอาไม่อยู่ .... คิดภาพว่า แซงรถมา 2 คัน กำลังถึงท้ายคันที่ 3 ทันใดนั้น มีรถฝั่งตรงข้าม สวนลงเนินมาด้วยความเร็วสูง ที่ทำได้ตอนนั้นคือ หักหลบ จ่อท้ายคันที่กำลังจะแซง พร้อมกับกระทืบเบรคเต็มแรง ด้วยระยะเพียงไม่กี่เมตร ... EBC เอาอยู่ครับ แค่เน้นเท้าลงไปให้มากกว่าปกตินิดเดียว รถมันหยุดตรงนั้นแหละ หยุดแบบงงๆ เพราะนึกว่า ชนซะแล้ว อะไรประมาณนั้นครับ

-- จะสั้นลงกี่เมตร ผมไม่รู้แหละ รู้แต่ ผมรอดมาได้ หลายครั้ง หลายครา เพราะประสิทธิภาพของมันนี่แหละ

-- Balance เบรค หายห่วง รถนิ่งสนิท ยิ่งตอน FD ใส่ TEIN SS ด้วย หน้าแทบไม่ทิ่มเลย ส่วน CR-V รถสูง เลยมีอาการสักนิด แต่น้อยกว่า คันเดิมๆมากๆครับ

 

เสียง

-- ตอนเปลี่ยนผ้า ผมไม่ได้เจียร์จาน เพราะจานใหม่เอี่ยม ไม่มีรอยเลย เรื่องเสียงหายห่วงครับ ดังไปหมด โดยเฉพาะตอนเลียนี่ ดังสนั่นหวั่นไหว ... แต่ไม่รู้ล่ะ ผมปิดกระจก ผมก็ไม่ได้ยินละ ส่วนข้างนอก ก็มีคนเก็บตังค์ค่าทางด่วน มองค้อนหน่อย ล่ะครับ

 

อายุการใช้งาน

-- 40,000 กม. จานเบรคที่ดูด้วยตา สึกลงไปเยอะเอาเรื่อง กินจานสุดๆครับ ทั้ง 4 ล้อเลย ส่วนผ้านั้น ล้อหน้าเหลือราวๆ 60% ครับ ล้อหลังหายไปเยอะหน่อย เหลือ 40% (ฝีมือ EBD หรือเปล่าหนอ)

-- แต่ไม่แคร์อยู่แล้วครับ กะว่า ปลายปีนี้ ครบ 60,000 กม. กับอายุ 3 ปี เดี๋ยวผมยกชุด ทั้งผ้าเบรค, น้ำมันเบรค และก็ จานเบรค ทั้งชุดเลยล่ะ

 

เพิ่มเติม

-- สิ่งที่ชอบใน EBC

 

1. คายความร้อนเร็วมาก ... นั่ง 4 คน วิ่งจากอินทนนท์ ไป แม่แจ่ม ตอนกลางคืน ไม่มีแสงไฟ ด้วยความขี้เกียจเชนจ์เกียร์ ก็ใช้เบรคอย่างเดียว สักพัก กลิ่นไหม้โชยครับ รู้ตัวละว่า เบรคไหม้ (900 องศา ก็ไหม้ได้ 55+) ก็จัดการเชนจ์เกียร์แทน ใช้เบรคให้น้อยที่สุด เพราะรถไม่สามารถจอดได้ ทางเขาแคบๆ ถ้าจอดอันตรายมาก ไม่เกิน 10 นาทีครับ เจ้า EBC กลับมาทำงานได้เหมือนเดิม เบรคอยู่เหมือนเดิม

-- ปกติ ถ้ายี่ห้ออื่น ถ้ามันลื่นแล้ว จบเลย ต้องจอดสถานเดียว อย่างน้อย 30 นาที ไม่งั้นตกเขาแน่

 

2. คืนตัวได้หลังไหม้ .... ยี่ห้ออื่น ถ้าผ้าเบรคไหม้แล้ว พอเย็นกลับมา ประสิทธิภาพจะหายไปเยอะมาก เบรคไหล จนต้องเปลี่ยนทิ้ง เพราะความร้อนมันเบิร์นส่วนผสมที่เป็น Organic เรียบร้อยไปแล้ว friction ที่ความเร็วต่ำไม่มี แต่ EBC นี่ หลังไหม้ มันจะมีลื่นๆอยู่สักพัก ไม่ต้องไปทำอะไรมัน ขับสัก 1,000 กม. ก็กลับมาเหมือนเดิม

-- ใน CR-V ผมใส่ผ้าเบรคมาตั้งแต่ออกรถ หลังจากนั้น ผมไม่เคย service เบรคเลยนะ เข้าศูนย์ ผมสั่งห้ามถอดล้อ มีไหม้อยู่ 2 ครั้ง ทุกวันนี้ก็ขับปกติดีครับ

 

สุดท้าย ... เรื่องฝุ่น ทำใจครับ ฝุ่นเยอะ เพียบ แต่แลกกับการหยุดของมัน ยอมครับ

Link to comment
Share on other sites

  • 3 weeks later...
  • 5 months later...

ขุดกระทู้หน่อย

 

แวะมาบอกว่า EBC เหลือง ที่ล้อหลัง CR-V ผมเกลี้ยงแล้ว ใส่ผ้าเบรคสำรองอยู่ ตอนนี้สั่ง

 

1. ผ้าเบรค Dixcel Type X 0-700 C for suv หน้า-หลัง 16,900 บาท

2. จานเบรคหน้า Dixcel Type SD เซาะร่อง ราคา 12,500 บาท

 

ไปเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าของน่าจะเข้าสัปดาห์หน้า แต่กว่าผมจะได้เข้า กทม. ก็ปลายเดือนหน้าล่ะครับ

 

ไว้ใส่แล้วจะเอามาอวด ยอมเสียเงินร่วม 3 หมื่น เพราะอยากรู้ว่า มันดีจริงแบบตามรีวิวไหมครับ

Link to comment
Share on other sites

ขุดกระทู้หน่อย

 

แวะมาบอกว่า EBC เหลือง ที่ล้อหลัง CR-V ผมเกลี้ยงแล้ว ใส่ผ้าเบรคสำรองอยู่ ตอนนี้สั่ง

 

1. ผ้าเบรค Dixcel Type X 0-700 C for suv หน้า-หลัง 16,900 บาท

2. จานเบรคหน้า Dixcel Type SD เซาะร่อง ราคา 12,500 บาท

 

ไปเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าของน่าจะเข้าสัปดาห์หน้า แต่กว่าผมจะได้เข้า กทม. ก็ปลายเดือนหน้าล่ะครับ

 

ไว้ใส่แล้วจะเอามาอวด ยอมเสียเงินร่วม 3 หมื่น เพราะอยากรู้ว่า มันดีจริงแบบตามรีวิวไหมครับ

 

ปูเสื่อรอเลยครับ :D

Link to comment
Share on other sites

ขุดกระทู้หน่อย

 

แวะมาบอกว่า EBC เหลือง ที่ล้อหลัง CR-V ผมเกลี้ยงแล้ว ใส่ผ้าเบรคสำรองอยู่ ตอนนี้สั่ง

 

1. ผ้าเบรค Dixcel Type X 0-700 C for suv หน้า-หลัง 16,900 บาท

2. จานเบรคหน้า Dixcel Type SD เซาะร่อง ราคา 12,500 บาท

 

ไปเรียบร้อยแล้ว เห็นว่าของน่าจะเข้าสัปดาห์หน้า แต่กว่าผมจะได้เข้า กทม. ก็ปลายเดือนหน้าล่ะครับ

 

ไว้ใส่แล้วจะเอามาอวด ยอมเสียเงินร่วม 3 หมื่น เพราะอยากรู้ว่า มันดีจริงแบบตามรีวิวไหมครับ

เอาเสื่อมาเพิ่มนั่งรอรีวิวผ้าเบรค Dixcel จับคู่กับจาน Dixcel ครับ Edited by devil_102
Link to comment
Share on other sites

  • 4 weeks later...

มาแล้วๆๆๆ

 

ไปเปลี่ยนมาวันนี้เองครับ ที่ตัวแทนจำหน่ายแถว พระราม 2 ซอย 18 ครับ

 

สิ่งที่เปลี่ยน

1. ผ้าเบรคหน้า Dixcel Type X 0 - 700 C

2. ผ้าเบรคหลัง Dixcel Type X 0 - 700 C

3. จานเบรคหน้า Type SD (เซาะร่องระบายความร้อน)

 

คุยถึงของเดิม

เล่าให้ฟังก่อนว่า รถคันที่ใส่นี้ เป็น HONDA CR-V G3 2.0S (4WD) ปี 2011 นะครับ รถคันนี้ ถูกเปลี่ยนผ้าเบรคทั้งชุด เป็น EBC Yellow Stuff เกรด SUV กับ น้ำมันเบรค ATE Super Blue Racing หลังจากออกรถมาได้ไม่ถึงเดือน วิ่งได้ไม่ถึง 500 กม.ครับ

 

กับ EBC Yellow Stuff นั้น ต้องบอกว่า พอใจในระดับสูงนะครับ ตอนนั้นจ่ายไปหมื่นต้นๆ กับ ประสิทธิภาพที่ดีกว่า ผ้าเบรคเดิมติดรถแบบเทียบไม่ได้เลย (น้องสาวผม ใช้ CR-V รุ่นเดียวกันอยู่ ผมขับประจำ เลยเป็นเหตุผลว่า ทำไมพอผมออกรถตัวเอง ผมถึงโยนผ้าเบรคเดิมทิ้งทั้งหมด)

 

EBC ชุดนี้ ผมใช้งานมา 50,000 กม. ครับ มาเริ่มลื่นๆ ตอนแตะ 40,000 กว่ากม. แต่ต้องบอกก่อนว่า ตั้งแต่เปลี่ยนผ้าเบรคมา ผมไม่เคยแตะต้องอะไรกับมันเลย แม้แต่ครั้งเดียวนะครับ (เข้าศูนย์ก็สั่งห้ามถอดล้อ) และมาออกอาการชัด ตอนทริปวันเข้าพรรษา ที่ผมไปเที่ยวภูทับเบิก พอขาลงมา ที่ผมว่า ผมย่องลงแล้ว ดันเจออาการเบรคหยุ่น คือ ไม่ได้ไหม้นะ แต่มันหยุ่นเท้าผิดปกติ ต้องออกแรงกดเยอะขึ้น ซึ่งตามประสบการณ์ก็คือ ผ้าเบรคมันร้อน

 

แต่มันก็ทำให้คิดต่อว่า เอ ก่อนหน้านั้น ลงอินทนนท์ชันกว่าตั้งเยอะ ไม่เห็นมันเป็นไรนี่หว่า แปลว่า รอบนี้ต้องมีอะไรสักอย่าง ... พอกลับกทม. ก็เลยเข้าร้านเบรค แล้วก็เจอว่า ผ้าเบรคหลังเหลือแค่ 2 ม.ม. ในขณะที่ล้อหน้า ยังเหลือราวๆ 40% ครับ ... เห็นแล้วก็ขนลุกขึ้นมาในบัดดล ก็เลยให้ร้านเปลี่ยนผ้าเบรคของทางร้านใส่ไปก่อนครับ พร้อมกับเปลี่ยนน้ำมันเบรคใหม่ (ของเดิมจะครบ 3 ปีละ) เป็น ATE SL.6 (ร้านไม่มี Super Blue ขาย)

 

พอขับออกมา อาการเบรคผิดไปจากเดิมมากครับ เบรคไวขึ้น จับหัวทิ่ม แต่ดันไหล ไม่ดูดลงเหมือนตอน EBC ทั้งชุด ... ซึ่งบอกตรงๆว่า พอขับกลับไปปราจีน ผมก็จอดรถทิ้งไว้อย่างนั้นเลย ไม่ใช้รถเลยครับ เพราะกลัว (บอกก่อนว่า เบรคมันดีกว่า เบรคเดิมติดรถ แต่กับคนที่ชินเบรคดีๆมา มาเจอเบรคที่ด้อยลง มันก็รับไม่ได้น่ะครับ)

 

หลังจากนั้นก็ติดต่อไปที่ EBC กะประหยัดสั่งแค่ผ้าหลังมาเปลี่ยน ... แต่ปรากฎว่า ทาง EBC แจ้งว่า ผ้าหลังสีเหลือง ของรถผม ต้องสั่งจาก USA ซึ่งทาง EBC ไม่มีรอบสั่งครับ ตอนนี้สั่งจาก UK ซึ่งมีแต่สีเขียวเท่านั้น .... อืมมม ตอนใส่หน้าเหลือง หลังเขียว ใน FD ผมยังรู้สึกว่า มันไม่สุดอ่ะ มันต้องดีกว่านี้ ... คิดไปคิดมา เอาไงดีหว่า กลัวสั่งเขียวมา แล้วไม่ถูกใจ ผมได้เสียเงินหลายต่อแน่ๆ

 

ว่าแล้ว เห็นโฆษณา Dixcel ก็เลยลองติดต่อคนขายดูครับ ซึ่งก็ยอมรับว่า ให้ข้อมูลละเอียด ตรงไปตรงมา ดีมากๆครับ (เหตุผลหนึ่งที่สั่ง) ก็ช่วยกันดูเบอร์จากใน website ที่ญี่ปุ่นนี่แหละ ก็ไปได้รุ่น Type X เกรดสำหรับ SUV  ซึ่งเป็นเกรด Street คิดแล้ว น่าจะเพียงพอต่อความต้องการของผม ก็เลยสั่งทั้งหน้าหลังเลย เพราะผมนิยมเปลี่ยนเป็นยี่ห้อเดียวกันทั้ง 4 ล้อครับ มันจะได้คุยกันรู้เรื่องครับ ไม่เบรคแล้วหัวทิ่มครับ

 

จบเรื่องผ้าเบรค ก็มา สองจิต สองใจ เรื่องจานเบรค ใจนึงก็อยากประหยัด เบิกจานศูนย์ใหม่ ใส่แทน ... แต่เอ อ่านแล้ว มีคนบอกว่า จาน Dixcel มันต่างในเรื่อง friction ที่ดีกว่า เอาฟะ ลองสักตั้ง ว่าแล้วก็กลั้นใจสั่งมา แต่เฉพาะคู่หน้านะ (เหตุผลที่เปลี่ยนจาน เพราะจานเดิมสึกมากครับ สึกจนเกือบหมดไซส์ละ)

 

โม้ซะเยอะ มาดูฟิลลิ่งกันดีกว่า

เปลี่ยนเสร็จ (ใช้น้ำมันเบรคเดิม เพราะเพิ่งเปลี่ยนมา) ทางร้านก็เอาไปขับวนซะรอบนึง จากนั้นก็ส่งรถให้ผม พร้อมแจ้งว่า ในช่วง 500 กม.แรก ให้ระวังเรื่องการเบรคกระทันหัน เบรคอย่างรุนแรง ด้วย

 

ขับออกมา รถยังออกอาการลื่นๆอยู่ครับ ซึ่งก็เป็นปกติของผ้าเบรคใหม่ จานใหม่ล่ะครับ ... ช่วงพระราม 2 ก็พยามใช้เบรคบ่อย แต่ไม่แรง ครับ จากนั้นพอขึ้นทางด่วนได้ ก็เริ่มลงน้ำหนักเท้ามั่ง ...

 

แป้นเบรค ... ตื้นขึ้นครับ สมมติว่า ถ้าติดพื้นคือ 100%

-- เจ้า EBC เกรดรถซิ่ง ติด Civic FD จะต้องกดราวๆ 50 % เบรคจึงจะเริ่มจับ

-- เจ้า EBC เกรด SUV ติด CR-V จะกดราวๆ 30%

-- เจ้า Dixcel จะกดราวๆ 20% ครับ เอาว่า แป้นตื้นกว่าเบรคโรงงานด้วยซ้ำ

 

แต่แป้นตื้นไม่ได้หมายความว่า มันจะจับไว แบบ Toyota นะ มันจับอย่างนุ่มนวล อาการหัวทิ่ม แทบไม่มีให้เห็นครับ ที่ประทับใจมากๆก็คือ ที่ความเร็ว 100 กม./ช.ม. แค่วางน้ำหนักเท้าลงไป แรงดูดมันเพิ่มขึ้นเองครับ รู้เลยว่า ผ้าเบรคมันทำงานทั้ง 4 ล้อ ประสานงานกัน กดความเร็วลงมาเหลือ 40 ในชั่วพริบตาครับ ลงมาแบบเนียน ไม่ออกอาการใดๆทั้งสิ้นครับ

 

สรุปเบื้องต้น

ณ ตอนนี้ พอใจกับ Dixcel ที่แม้ยังไม่พ้นรันอิน ... ก็ให้คะแนนมันไประดับ 90 จาก 100 แล้วล่ะครับ ฟิลลิ่งตอนนี้ กิน EBC ขาดล่ะครับ แต่ก็นะ ก็ต้องแลกกับราคาค่าตัว ที่แพงกว่า EBC พอสมควรล่ะครับ

 

อ้อ อีกอย่าง จานเบรค Dixcel ที่มีร่องเหมือนตอนใช้ จาน EBC USR แต่เจ้า Dixcel กลับเงียบกริบ ไม่ส่งเสียงฟืดฟาด ตอนลงเบรค เหมือน EBC ครับ

 

พอดีรูปอยู่ในกล้อง เดี๋ยวไว้อัพโหลดให้อีกทีนะครับ

Link to comment
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

Loading...
×
×
  • Create New...