Jump to content

vittyz

CCTH Member
  • Posts

    306
  • Joined

  • Last visited

Everything posted by vittyz

  1. มีหอในนิครับพี่ ตรง ยูเซนเตอร์ ครับ ค่อนข้างจะใกล้มหาวิทยาลัยมากครับ หรือ ถ้าไม่สะดวกอยากได้ส่วนตัว ที่ลองไล่หา ละแวก ซอยตรง ด้านหลัง โรงแรมเอเชีย พญาไท แถวๆ นั้นนะครับ มีเยอะอยู่ กับอีกอัน ไม่แน่ใจมีคนปล่อยเช่า หรือยังนะครับ คอนโด ตรง สามแยกใกล้ๆ สามย่าน บนนถนนสี่พระยา นะครับ จำชื่อไม่ได้ อันนี้ก็ใกล้เลยครับ
  2. ผม รถใหม่ๆ วิ่งมาไม่ถึง 2 หมืนโล น้ำมันเครื่อง w20 , 0w30 กิ๊งๆ ขับ จรัญ 13 ออก จรัญ ข้ามสะพานพระราม 3 ลงเจริญกรุง สี่พระยา สามย่าน 6-7 โล ลิตรครับ เฉลี่ยเอาแถวๆ 6 ต้นๆ ซะส่วนใหญ่ครับ รถติดบัดซบ เกิน เยียวยา
  3. หลอดไฟไม่รับประกันครับ ของผม 6 เดือนไฟท้ายขาดยังต้องจ่ายเองเลยครับ
  4. ผมว่าย้ายกลับไป ตาโต ไม่ค่อยคุ้มนะครับ ยกเว้นใจรักครับ บอดี้มันไม่กว้าง สบายเท่า FD นะครับ ผมใช้ EK ตาโตมาก่อน ช่วงล่าง FD ก็ดีกว่า ตอนนี้มัน work ตรงทรงสวย ของแต่งเยอะ ลงเครื่องแรงๆ ได้เพียบ นะครับ แต่ขาย FD ไปทำนี่ น่าจะงบบานนะครับ เล่น FD ไปน่าจะดีกว่านะครับ แต่ถ้าใจรักจัดเลยครับ
  5. ไม่น่าเกี่ยวนะครับ เปลี่ยนกรอง แล้ว ไม่รับผิดชอบเกียร์ งั้น น่าจะต้องสวน ถ้าไม่เปลี่ยน แล้วเกินแสนโลไปรับผิดชอบ ลด ค่าซ่อม 50% ให้ไหม
  6. จริงๆ ถ้าเราสั่ง ยืนยันไปก็น่าจะทำให้นะครับ อารมณ์ เหมือน สลับยางถ่วงล้อ ผมเลย ศูนย์มันขี้เกียจทำ เลยบอกไม่จำเป็นซะงั้น
  7. ลืมร้าน แถวนั้น คุ้นๆ SSS Audio k.ไมค์ หรือไงนี่แหละครับลองหาดู
  8. แนะนำ คู่หลังไม่ต้องเปลี่ยน front เดิมใช่ไหมครับ จัด DLS R6a ไปเลย ครับ หาได้แถวๆ 8500 ให้ร้านติด ค่าแรง 500 ค่าสาย + เปิดหน้าลำโพง ราวๆ 3000 แล้ว แดมป์ นอกใน อีก ประมาณ 3000 รับรองดีขึ้นกว่าเดิมเยอะครับ
  9. BOSCH 52AMP ใช่ไหมครับ work ไหมครับ ดูๆ ขนาดพอๆ กัน BOSCH ได้ AMP เยอะสุดนิครับ
  10. อย่าลืมเปลี่ยนกรองน้ำมันเกียร์ตัวนอก ทุกสัก 6-80,000 โล ก็น่าจะดีนะครับ เหตุ เกียร์ FD ทน กว่าก่อนๆ น่าจะ มีเรื่อง กรองน้ำมันเกียร์ อยู่นอกเกียร์ สามารถเปลี่ยนได้ ถ้าตัวก่อน เหมือนว่า พอxxxตัวนี้ตัน ก็พาลจะทำให้ภายในมีปัญหาต่อครับ
  11. ถอยป้ายแดงมา 1 ปี วิ่งไป หมื่นห้าพันโล ได้ เข้าศูนย์ไป บอกเจ้าหน้าที่ สลับยางให้ด้วยนะ 2-3 คนบอกว่า ไม่จำเป็นกันทั้งนั้นเลยครับ เอาจริงๆ ควรไม่ควรยังไงครับ หรือรอจัดตอนสัก 2 หมื่นรอบหน้าดีครับ ใจจริงอยากทำ จะได้เปลี่ยนเอาตะกั่วหนีบออก ไปใส่แบบแปะแทน จะได้งามๆ ด้วยครับ
  12. ผมว่าเพิ่มอีกนิดได้ vavoline ตรง spec มากกว่าครับ ตามคู่มือ รุ่นพวกเราเริ่มที่ w30 ไม่ใช่หรอครับ น้ำมันตัวนี้ พร่องไว เหมือนกัน ครับ
  13. แบบไม่ไหวละครับ ปวดหลัง เมียก็งอน ตอนเช้าจะรีบออกไป ตจว พอดีครับ เลย ทำมึน เรียก honda ฉุกเฉินมาเลยดีกว่าครับ ดูๆ ถ้าถอดแบตจะจิ้มง่ายเลยครับ รอบหน้าคาดว่าจะซนแงะ ไฟส่องป้ายทะเบียนจากด้านนอกดูครับ ด้านในดันแดมป์ปิดทึบไปซะแล้ว T_T
  14. ความซน พยายามเพ่งน้ำมันหายไปเยอะไหม ปรากฏเลยเถิด ถอดกระปุกออกมา พยายามเอาเข้าเท่าไรไม่ได้ ซวยแล้นพรุ่งนี้้ ออก ตจว ซะด้วย เลยตัดสินใจ เรียก ฉุกเฉิน honda ดีกว่า พนักงานมา ก็ พยายามอีก ครึ่ง ชม กว่า ก็ไม่เข้า เลยตัดสิน ถอดครอบแบต ขยับๆ ดันๆ ให้มีพื้นที่ ปรากฏเข้าได้ รอดตัวไป เลยอยากทราบทริคอ่ะครับ ยัดกันยังไงให้ลงล๊อค ปล. ขับมาปีนึงไม่ดูน้ำเลย หายไป เกือบแตะขีด min ปกติไหมครับนี่
  15. ผมก็เกือบละ 55 โชคดี เจอก่อน ผมว่า เอาจริงๆ หาทาง ลดความร้อนที่แผงคอยย์ร้อนด้านหน้ารถ น่าจะ ดีกว่า
  16. ไปเจอมา http://www.pajerosport-thailand.com/forum/index.php?topic=7166.0 สังเกตกันไหมครับว่า ในห้องเครื่องจะมีท่ออยู่เส้นนึง ทุกครั้งที่เปิดแอร์จะมีความเย็นที่ท่อนั้นอยู่ตลอดเ วลา บางคนคิดว่านั้นคือท่อส่งความเย็น เลยเอาผ้าไปพัน หรือ เอาท่อยางอ่อนสีดำที่ใช้กับแอร์บ้านไปพัน โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่า นั้นเป็นการทำลายคอมเพรสเซอร์ทางอ้อม อธิบายเพิ่มเติมแล้วกัน เพราะพักหลังๆคนเข้าใจผิดอย่างมาก ------------------------------- 1. ท่อเย็นที่เห็นน้ำเกาะ เป็นท่อน้ำยาที่ออกมาจากตู้แอร์มาสู่ภายนอก เรียกว่าท่ออีวาปอเรเตอร์ หรือท่อ L (L = Low Pressure) ซึ่งมีการขยายตัวต่ำ จึงทำท่อให้มีขนาดใหญ่ โดยน้ำยาแอร์จะดูดซับความร้อนวนเวียนอยู่ตามท่อทางเด ินที่ขดไปมาบนแผงคอยล์เย็นจนแปรสภาพเป็นก๊าซ ไหลออกจากคอยล์เย็นไปตามท่อ เข้าสู่คอมเพรสเซอร์อีกครั้ง แต่เพราะระหว่างทางกลับคอมเพรสเซอร์ ตัวน้ำยาเองยังไม่แปรสภาพเป็นก๊าซอย่างเต็มที่ จึงยังพอมีคุณสมบัติในการดูดซึมความร้อนหลงเหลืออยู่ เค้าถึงออกแบบท่อให้เดินผ่านห้องเครื่องเพื่อดูดซับค วามร้อน เพื่อเริ่มต้นกระบวนการอัดความดันของน้ำยาแอร์รอบใหม ่วนเวียนไปจนกว่าคอมเพรสเซอร์หยุดการทำงาน อีกอย่างคือ การดูดซับความร้อนจากท่อ = การเพิ่มแรงดันให้กับคอมเพรสเซอร์ไปในตัว จากนั้นเข้าสู่คอมเพรสเซอร์อีกครั้ง เพื่อเริ่มต้นกระบวนการอัดความดันของน้ำยาแอร์รอบใหม ่ ------------------------------ 2. หลังจากคอมเพรสเซอร์ดูดกลับมา ก็ทำการอัดน้ำยา จากนั้นพออัดเสร็จก็จะส่งผ่านท่อซึ่งมีความร้อนอยู่ ท่อร้อนคือ เป็นท่อน้ำยา หรือ ท่อ H (H = High Pressure) ตัวท่อจะมีขนาดเล็กเพื่อสร้างแรงดัน โดยน้ำยาที่ผ่านการอัดจากคอมเพรสเซอร์เรียบร้อยแล้ว จะดันออกมาเข้าแผงระบายความร้อนหน้ารถ และสภาพน้ำยาแอร์นั้นยังเป็นก๊าซอยู่ จังหวะคอมเพรสเซอร์ทำงาน จะดูดน้ำยาแอร์ที่มีสภาพเป็นก๊าซเข้ามาอัดความดันและ อุณหภูมิให้สูงขึ้น จากนั้นส่งไปตามท่อทางออกของเข้าสู่คอยล์ร้อนซึ่งพัด ลมหม้อน้ำจะทำหน้าที่ระบายความร้อนก๊าซเหล่านี้ออกไป จากครีบระบายความร้อน กระทั่งก๊าซกลายเป็นของเหลวที่มีความดันสูงไหลออกจาก คอยล์ร้อนผ่านท่อทางออกไป และน้ำยาจะไหลเข้ามาดรายเออร์ เพื่อกรองสิ่งแปลกปลอม และดูดความชื้นไปด้วย จากนั้นน้ำยาแอร์ไปตามท่อเข้าสู่วาล์วปรับความดัน ซึ่งจะลดความดันของน้ำยาแอร์ให้อุณหภูมิลดต่ำลงอย่าง มาก เพื่อป้อนเข้าสู่คอยล์เย็น โดยเจ้าวาล์วนี้ก็จะทำหน้าที่ลดแรงดัน (หรือฉีดน้ำยาให้เป็นฝอย) อย่างรวดเร็วจนเกิดการควบแน่น และแทรกไปในคอยล์เย็นเพื่อไปดูดความร้อนที่บริเวณรอบ ๆตัวออกมา อาศัยพัดลมโบลว์เวอร์จะทำหน้าที่ดูดอากาศในห้องโดยสา รผ่านแผงคอยล์เย็น ผ่านทางท่อลมจนออกไปจากช่องปรับอากาศด้านหน้าคอนโซล อากาศร้อนในห้องโดยสารจะถูกดูดซับออกไปด้วยวิธีนี้ จากนั้น.... ขั้นตอนก็จะย้อนไปที่ข้อแรกเหมือนเดิม --------------------------- เพราะฉะนั้นแล้ว ห้ามเอาอะไรไปพันท่อ L หรือ ท่อเย็นที่มีน้ำเกาะโดยเด็ดขาดครับ เพราะจะทำให้แอร์กลับบ้านเร็วกว่าเวลาอันควร ซึ่งท่อ L จำเป็นต้องดูดซึมความร้อนในห้องเครื่องเพื่อส่งให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำการอัด ถ้าเราเอาอะไรไปขวางทาง เช่น ไปหุ้มมัน จะทำให้สภาวะการเปลื่ยนแปลงจากของเหลวเป็นก๊าซผิดเพี ้ยนไปอย่างมาก เราจึงควรปล่อยมันไว้ อย่าไปยุ่งกับมันเกินเหตุ ถ้าเครื่องปรับอากาศในรถคุณเย็นดีอยู่แล้ว อย่าไปยุ่งกับมันเด็ดขาด สิ่งที่จะช่วยยืดอายุคอมเพรสเซอร์ให้ยาวนานคือ 1. หมั่นทำความสะอาดแผงระบายความร้อนหน้ารถ โดยการใช้น้ำฉีดเข้าไปทุกครั้งที่ล้างรถ (ถ้าใช้เครื่องฉีดน้ำ ระวังครีบล้ม) 2. เป็นไปได้ ใช้ลมเป่าบริเวณพัดลมหม้อน้ำหน้ารถ และเป่าย้อนแผงรังผึ้งออกมา 3. เป่าไส้กรองแอร์ หรือเปลื่ยนบ่อยๆ ก่อนกำหนดได้ยิ่งดี 4. บางคนขี้ร้อน เปิดสวิตช์ ON แต่ไม่ติดเครื่อง แล้วเปิดแอร์.. นั้นเป็นการทรมานคอมเพรสเซอร์แอร์อย่างที่สุด คอมจะพังอย่างรวดเร็ว 5. หมั่นดูช่องตาแมวว่า มีฟองสีขาว (ไม่ใช่ฟองสบู่เล็กๆ) โผล่ขึ้นมาหรือเปล่า 6. ตรวจสอบสาพานขับ อย่าให้หย่อน 7. สังเกตหัวข้อต่อน้ำยา ว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ เพียงเท่านั้น ระบบแอร์ก็จะอยู่คู่กับรถไปจนกว่าจะเบื่อ แล้วก็ขายทิ้ง
  17. อยากเห้นรูปก่อนล้าง และหลังล้างครับ ถ้าหลงเชื่อไปนี่ งานเข้ารุนแรงเลยนะครับ
  18. เซ็งแทนนะนี่ พวก แบบ ตัดสินใจพลาดทำเราซวยไปด้วย แต่ยังไงยินดีกับรถใหม่ นะครับ ทำเสร็จออกมา แจ่มมากๆ ครับ
  19. ผมว่าน่าจะกำลังดี เจอฝน ไม่ละลายหายไปกับสายฝนจนมองทางไม่เห็น ครับ
  20. ปีนึงผมวิ่งแค่ หมื่นโลเองครับ ตอนนี้เปลี่ยนเสร็จ กลิ่นแอร์อับๆ หายไปละครับ สบายปอดเยอะเลย
  21. ไม่ได้เปลี่ยนมา จะปีนึงแล้วครับ ตั้งแต่ออกรถปีที่แล้ว เป็นกรองเดิมศูนย์ครับ ด้านบน ซูมๆ ด้านล่าง ฝุ่นหนาเตอะมาก ... เห็นแล้วสยองเลย ถ้าไม่กรองแอร์คงไปอยู่ที่ตู้คอยล์เย็น แน่ๆ เลยจับเปลี่ยนของ artech เข้าไปแทนครับ แต่ดูๆ ขอบๆ มันนิ่มกว่า สอดเข้าช่องแผ่นกรองแอบปลิ้นนิดๆ ต่อไปคงกะๆ สัก 6 เดือนเปลี่ยนทีดีกว่า เพื่อสุขภาพ
  22. ล้างไม่ถอดตู้แบบนี้สะอาดพอใช้ได้ใช่ไหมครับ k.ทอมมี่ ครับ ถอดล้างนี่ ยกออกมา ต้องรื้อเยอะไหมครับหรือแค่เกะ พอครับ
  23. โดนค่าส่งไปเท่าไรหรอครับ อันนี้ใส่เองหรือศูนย์ใส่ให้ครับ
  24. ไม่แน่ใจมุมไหน ของผม มันถลอกออกไปเคลมได้อ่ะครับ มันมองออกเป็นปริ ครับ
×
×
  • Create New...