Jump to content

boss

CCTH Member
  • Posts

    32
  • Joined

  • Last visited

Reputation Activity

  1. Like
    boss reacted to tri in งานมาอีกละครับ บิดกุญแจ เงียบ!!! ไม่สตาร์ท เป็นๆ หายๆ   
    สวิทซ์ตัดสตาร์ท
    ใครเจอแบบนี้ลองถอดออกดูนะครับ แค่ดึงปลั๊กสีน้ำตาลมาต่อกันเลยก็ได้ไม่ต้องถอดออกมาครับ
     

     

  2. Like
    boss reacted to S_Limited in งานมาอีกละครับ บิดกุญแจ เงียบ!!! ไม่สตาร์ท เป็นๆ หายๆ   
    xxxตัวต้นเหตุที่แท้จริงคือพวกอุปกรณืที่ตัดสตาร์ท เพราะมันทำให้ไฟวิ่งได้ไม่เต็มที่ เมื่ออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเริ่มประสิทธิภาพน้อยลง เลยทำให้สตาร์ทไม่ติด แบตใหมาไฟแรงสตาร์ทติดง่าย เมื่อนานเข้าเริ่มไฟอ่อนก็ไม่ติด เปลี่ยนแบตใหม่หาย ใส่ตัวช่วยสตาร์ท ดึงไฟจากแบตตรง หาย
  3. Like
    boss reacted to oyabin in งานมาอีกละครับ บิดกุญแจ เงียบ!!! ไม่สตาร์ท เป็นๆ หายๆ   
    อาการใกล้เคียงกับผมเลยครับ 
     
    1. สตาร์ทเงียบ ขยับเกียร์/เหยียบเบรคย้ำๆ สตาร์ทติดเป็นบางครั้ง แรกๆจะนานๆเป็นที หลังๆเป็นแทบทุกที
    2. ติดล็อคเทค + อัพเกรด ABG
     
    ผมเคยวิ่งไปศูนย์ล็อคเทค ให้เค้ารื้อระบบออกมาดู แล้วประกอบกลับเข้าไปใหม่ อาการหายไปเลย ประมาณเกือบๆปี หลังจากนั้นกลับมาใหม่ มาเยอะกว่าเก่า
    เลยไปร้านไดนาโม เค้าบอกว่ามอเตอร์ไดสตาร์ทมันเริ่มเสื่อม ก็เลยเปลี่ยน พร้อมติดตั้งรีเลย์ช่วยสตาร์ทเพิ่มเข้าไปอีก จากวันนั้นจนวันนี้ 2 ปีแล้วมั้ง ไม่เคยมีอาการงอแงอีกเลยครับ
  4. Like
    boss reacted to tri in งานมาอีกละครับ บิดกุญแจ เงียบ!!! ไม่สตาร์ท เป็นๆ หายๆ   
    ข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามได้นะครับ
  5. Like
    boss reacted to tri in งานมาอีกละครับ บิดกุญแจ เงียบ!!! ไม่สตาร์ท เป็นๆ หายๆ   
    อาการเดียวกับผมเลย ไล่จนครบทุก จุด ที่เกี่ยวข้อง พยามหลีกเลี่ยงไดร์สตาร์ คิดว่าไม่ใช้ สุดท้ายเปลี่ยนใหม่ มือ 2 ใส่เข้าไป จบเลยครับ
  6. Like
    boss reacted to zarya in งานมาอีกละครับ บิดกุญแจ เงียบ!!! ไม่สตาร์ท เป็นๆ หายๆ   
    ถ้ายังขับไปซ่อมได้ก็ซ่อมครับ เพราะเปลี่ยนตัวใหม่แพงเหลือใจเลย ผมโดนมาแล้วครับ ตอนนั้นผมสตาร์ทไม่ได้ ให้ช่างมาถอดก็ไม่มีใครมา สุดท้ายต้องเรียก slide on มายกไปศูนย์รวมค่าซ่อมค่ายกก็เจ็ดพันกว่าบาทเลย แต่ถ้าถอดมอเตอร์สตาร์ทมาพันใหม่ เห็นว่าไม่กี่ร้อยเองครับ
  7. Like
    boss reacted to bleachoat in แชร์ประสบการณ์อีกแล้วค้าบบ   
    เนื่องจากเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว รถชาร์ตไฟเกิน ตอนเช้าผมได้สตาร์ทวอมเครื่องปกติแบบทุกวัน เนื่องจากช่วงนี้ไม่ค่อยได้ใช้รถนะคับ พอสตาร์ทเพื่อจะวอมเท่านั้น
     
    เกจในรถที่ติดเพิ่มร้องประสานเสียงกัน เตือนว่าไฟเกิน พอดูเลขที่เกจวัดได้อยู่ที่ 17-18V ผมรีบดับเครื่อง สตาร์ทใหม่ ก้ยังเป็น ผมเลยลองโทรถามช่างที่ศูนย์เนื่องจากพึ่งเปลี่ยนไดร์ชาร์ตมาจากศูนย์ ช่างขับรถมาดูให้เพราะผมกลัวไม่กล้าขับรถเลย
     
    ช่างมาดูบอกว่าให้ขับเข้าศูนย์เลย พอขับได้ ตอนขับออกไปไฟ ABS Airbag ไฟแบต ขึ้นเต็มหน้าปัดไปหมดเลยค้าบ ไปถึงศูนย์ทิ้งรถไว้ 2 วัน
     
    ข้ามไปวันรับรถเลยนะคับ ช่างแจ้งว่าไดชาร์ตไม่ได้เสีย แต่.... สายกราวน์ที่เป็นเหมือนตัวคำสั่งจาก ECU ให้ไดร์ลดไฟหรือเพิ่มไฟสกปรก ทำให้ECUสั่งไปไม่ได้ ช่างแจ้งว่าไฟที่ชาร์ตเกินมาคือ 29v ผมก็ไม่คิดไร รับรถออกมา
     
    กำลังจะขับออกจากศูนย์ วิทยุเปิดไม่ติด ช่างเลยเอาเข้าดูใหม่ ปรากฎว่าวิทยุไหม้จากไฟที่ดันเกิน ไฟในรถ ไฟหลังคา ไฟเท้า ขาดหมดเลยคับ
     
    ผมนี่เซ็งเลยคับ แค่สายกราวน์เพียงจุดเดียว จะทำให้รถเสียลามไปเยอะเลยคับ (สายกราวน์ที่ช่างบอกๆว่าเป็นสายที่มีสายไฟรวมอยู่ 5 เส้นตรงแถวๆใต้แบตคับ) ทั้งที่รถผมมีกราววายเต็มเลยนะคับ แต่มองข้ามกราวน์เดิมๆของรถไม่ได้เลยจิงๆ
  8. Like
    boss reacted to ppopp in รบกวนปรึกษาพี่ๆในห้องเรื่องกันชนถลอกด้วยครับ (มีรูป)   
    ถ้ารอยมันขัดๆตา  ยังไม่มีเวลาเข้าทำสี
     ก็หาสีสเปรย์ สีขาวมากระป๋๋อง  
    พ่นใส่กระดาษเเข็งที่ไม่ซึม เเล้วก้เอา cotton bud  จิ้มสี
    แล้วเอามาค่อยไล้ ทาที่รอยดำๆ ที่สีขาวมันลอกออก ทำซักสองสามรอบ ก้จะทำให้ไม่สะดุดตามาก  ยังดูหล่อ 100 เมตรได้  
  9. Like
    boss reacted to ppopp in รบกวนปรึกษาพี่ๆในห้องเรื่องกันชนถลอกด้วยครับ (มีรูป)   
    เข้า 0 ตรวจ คงไม่เกี่ยวกับเรื่องประกัน 
    ถ้าจะซ่อมสี ก้เเจ้งเคลมไป ประกันชั้น 1 ก้เเจ้งไปว่าเฉี่ยวกระถางต้นไม่หรือถอยเฉี่ยวฟุตบาทก้ว่ากันไป จะได้มีคุ่กรณี
    แต่อย่าไปแจ้งว่า ไม่รู้โดนอะไร หรือ โดนรถเฉี่ยวแต่ไม่รู้เลขทะเบียนเดี่ยวจะดดนเก้บตังส์ ค่าเอ๊กเซฟ
    แจ้งไปแล้วจะเข้าทำเมื่อไรก็เเล้วแต่เรา สะดวกได้ ถ้า ซ่อม 0 เเจ้งเคลมแล้วถ้าจะทำก้รอนัดคิวเข้าทำ ขั้นตอย 0 กับประกันอนุมัติ ราวๆ หนึ่งอาทิตย์
    ได้คิวค่อยเข้าไม่ต้องไปจอดทิ้ง หรือจะสะดวกยังไงลองนัดคิวดู เวลาซ่อม น่าจะประมาณ 7-10 วัน  
    ในภาพไม่รู้ว่า สองแผลนี่ กันชนหน้า และกันชนหลังป่าว ถ้าสองอย่างก้เเจ้งไปสองกรณี หน้าก็เลี้ยวเฉี่ยวกำแพงบ้าน หรือ ที่ทำงาน ก้ว่าไป 
  10. Like
    boss reacted to tri in รอบไม่นิ่ง รถสั่นครับเกิดจากอะไร   
    ข้างนอกถูกกว่า อยู่แถวไหน ครับ
  11. Like
    boss reacted to oomoishi in พวกมาลัยหนัก   
    ได้คำตอบมาแล้วครับ   พอดียางหุ้มเพลาขาดเลยเปลี่ยน ทั้งนอก-ใน  
    เลยให้ช่างเช็คช่วงล่างปรากฏว่า พวงน๊อตช่วงล่างทุกตัวหลวมหมด(ทุกตัวจริงๆ ผมยังงงเลย) เลยจัดการอัดแน่นๆคราวนี้กลับมาปกติล่ะครับ
  12. Like
    boss reacted to Tommie in แบ่งปันประสบการณ์เรื่องไดชาร์ตคับ   
    รู้จักวานิชมั๊ยคับ เป็นน้ำยาเคมีชนิดนึงไว้ชุบเคลือบขดลวดกันลัดวงจร กับกราวน์
     
    ลองเปิดมอเตอร์ใดๆ ในโลกนี้ ที่ใหญ่สักหน่อย จะเห็นคับ  ส่องไฟมองไดร์ที่รถก้อเห็นคับ 
     

     
    เวลาล้างรถแล้วไม่ได้เป่าให้ดี ตรงไดร์ให้หมดน้ำ ถ้าน้ำ มันขังระหว่างพวกขดลวด-ตัวโครง นี่คือความเสี่ยงที่มันจะลงกราวน์เลยครับ 
     
    เค้าเลยมีวานิชนี่แหละเคลือบ อินซุเลทสายไฟ  มันไว้ระดับนึงคอยช่วย 
     
    คราวนี้รถใช้ไปนานๆ ฝุ่นเยอะ เกาะสายไฟเยอะ เก็บน้ำ+ความชื้นเยอะ บวกกับวานิชเก่า เสื่อม เริ่มเปราะร้าว แตกลายงา
     
    มันก้อเป็นหนทางที่ดีในการลัดลงกราวน์ได้ครับ 
     
    เวลาล้างห้องเครื่อง ต้องเป่าจุดน้ำขังตาม Socket รูไดร์ พัดลม อะไรพวกนี้ด้วยครับ อย่าให้มีน้ำขังคับ 
     
     
    ไดร์ชาร์จ จะมี 2 ส่วนนะครับ ตัวไดร์กับแผงวงจร ตัวแผงวงจรพวกเรติฟาย รักษาแรงดัน
     
    ตัวนี้เปลี่ยนได้คับ ประมาณ 2-3 พัน มีอะไหล่แยกคับ 
     
    รูปนี่ไม่ใช่ของเรานะ เอามาเทียบให้ดู  ส่วนด้านหลัง ถัดจากโครงไดร์ ที่เป็นชุดเรติฟายดำๆนั่นน่ะ ของเรามีแยกคับ เป็นก้อนๆเลย
     

  13. Like
    boss reacted to asnbroker in วิธีแก้ปัญหา ทำไงยดีเมื่อยางแบน ขณะขับรถยนต์   
    ยางแบนขณะขับรถ เป็นปัญหาเหมือนฝันร้าย ที่ เจ้าของรถทุกคนไม่อยากพบเจอ แต่ถ้าคุณเป็นคนใช้รถ ไม่ว่ายังไงยก็ต้องพบเจอเข้าสักวัน
    ASN Broker ประกันภัยรถยนต์ จึงอยากนำความรู้ วิธีแก้ไขปัญหา ทำไงยดีเมื่อยางแบน ขณะขับรถยนต์ แต่จะไม่เป็นเช่นนั้นอีก
    หากคุณได้รู้วิธีการเปลี่ยนยางอย่างง่าย ๆ แล้วคุณจะรู้ว่าการเปลี่ยนยางง่ายกว่าการขับรถเสียอีก
     
    1.ก่อนใช้แม่แรงยกรถ
     
    - จอดรถบนไหล่ทางที่เรียบ
     
    - ใส่เกียร์จอด หรือถ้าคุณใช้รถเกียร์ธรรมดาให้ใส่เกียร์ว่างเพื่อกันไม่ให้รถเลื่อนไหล
     
    - ใส่เบรกมือ
     
    - เปิดไฟกะพริบหรือไฟฉุกเฉิน
     
    - บล็อกล้อเพื่อมั่นใจว่ารถจะไม่ไหลแน่นอน (วิธีการบล็อกล้อคุณสามารถใช้ หิน อิฐ แผ่นกระดาษ หรือของหนัก ๆ ที่สามารถดันใต้ยางได้วางไว้หลังล้อ)
    - เตรียมยางสำรอง
     
     
    2.การถอดฝาครอบดุมล้อและถอดน๊อต
     
    - ถอดฝาครอบดุมล้อ
     
    - ใช้ไขควงงัดฝาครอบดุมล้อออกจากล้อ (บางครั้งอาจมีตัวล็อกฝาครอบดุมล้อ คุณจำเป็นต้องไขล็อกออกก่อน)
    - ใช้ฝาครอบดุมล้อเป็นภาชนะ สำหรับใส่น็อตล้อไว้ตอนคุณเปลี่ยนยาง
     
    - ถอดน็อต
     
    - ไขน็อตล้อ
     
    - ถ้าน็อตล้อมีรูปตัว L ให้หมุนตามเข็มนาฬิกา
     
    - ถ้าไม่มีรูปตัว L หรือมีรูปตัว R แทนให้หมุนทวนเข็มนาฬิกา
     
    - เมื่อถอดน็อตล้อเสร็จแล้วอย่าเพิ่งถอดล้อเพราะอาจทำให้ขอบยางเสียหาย ให้ยกรถขึ้นก่อน
     

     
    3.ยกรถ
     
    - ตรวจดูด้วยมือ หรือแม่แรงว่าตำแหน่งไหนของรถที่แข็งแรงพอเหมาะสำหรับใช้เป็นฐานยกรถได้
     
    - ถ้าคุณไม่มีความรู้ด้านนี้ หรือไม่ทราบว่าตำแหน่งไหนสมควรใช้เป็นฐานยกรถ ให้ตรวจสอบจากคู่มือรถ
     
    - ตำแหน่งยกรถส่วนใหญ่อยู่ใต้โครงฐานรถ ซึ่งทำหน้าที่รองรับตัวถังและเครื่องยนต์ หรืออาจอยู่บริเวณท่อนเหล็กใหญ่ที่รองรับล้อหน้า หรือเพลาบริเวณหลัง
     
    - โยกแม่แรงปั้มขึ้น เมื่อรถอยู่ในตำแหน่งสูงพอจะถอดล้อที่ยางแบนได้แล้วจึงหยุด
     
    - ต้องมั่นใจว่ารถอยู่ในสภาพปลอดภัย ไม่สั่นหรือโคลงเคลงเพราะถ้ารถโคลงเคลง อาจทำให้เสียหลักตกจากแม่แรงได้ (นั่นเป็นเหตุผลที่คุณต้องหาที่จอดรถเป็นไหล่ทางเรียบ)
    - อย่าอยู่ใต้รถขณะที่รถลอยอยู่
     
    4.เปลี่ยนยาง
     
     
    - ถอดน็อตล้อ (จะเรียบร้อยในขั้นที่ 2) และวางไว้ในฝาครอบดุมล้อบนพี้น
     
    - ถอดล้อโดยการดึงเข้าหาตัวและเคลื่อนออก
     
    - ยกล้อสำรองใส่เข้าในสลักน็อต เพื่อเปลี่ยนแทนล้อที่ยางแบน
     
    - นำน็อตล้อใส่คืนที่ และขันให้แน่นทั้งหมดโดยขันในทิศตรงกันข้ามกับที่คุณไขออก
     
    - ปั้มแม่แรงลง จนกระทั่งยางแตะพื้น
     
    - ปั้มแม่แรงลง จนกระทั่งยางแตะพื้น
     
    - ขันน็อตล้ออีกครั้งหนึ่ง เพื่อมั่นใจว่าแน่นเพียงพอแล้ว
     
    - ใส่ฝาครอบดุมล้อคืนที่เดิม แต่หากคุณคิดว่าฝาครอบดุมล้อไม่พอดีเหมือนตอนแรก ให้เก็บไว้ท้ายรถก่อน
     
    - เก็บล้อที่ยางแบนและเครื่องมือไว้ท้ายรถ
     
    - เก็บวัสดุที่ใช้บล็อกล้อทั้งหมด
     
    จำไว้ว่าคุณจำเป็นต้องขันน็อตล้อให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
     
     
    Note : ล้อสำรองมักมีขนาดเล็ก ดังนั้นไม่ควรวิ่งด้วยความเร็วเกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเดินทางไกลไม่เกิน 70 กิโลเมตร
    ที่มา http://www.asnbroker.co.th
  14. Like
    boss reacted to Tommie in ผมงง รบกวนใครก็ได้ ช่วยตอบหน่อย   
    ลองอ่านๆดูก่อนครับ ถ้าจะโอยลอยจริงๆ ให้มีเอกสารครบๆ ถ้ามีปัญหาจะสามารถแจ้งความได้ถูกตัว
     
    แต่ตังค์อาจไม่ได้คืนง่ายคับ ต้องมั่นใจเลยคับ โอยลอยกันเนี่ย 
     
     
    "การโอนลอย" ตามความหมายของกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า
     
    คือการที่เจ้าของรถได้ขายรถของตนแล้ว และทำการลงนามในเอกสารการโอนรถ และใบมอบอำนาจให้แก่ผู้ซื้อ โดยมิได้มีการดำเนินการทางทะเบียนที่สำนักงานขนส่งฯ
     
    สำหรับเอกสารต่างๆ ที่ต้องใช้ในการโอนรถนั้น ประกอบไปด้วย
     
    1.สมุดคู่มือทะเบียนรถยนต์ โดยจะต้องตรวจสอบความถูกต้องดังต่อไปนี้
     1.1 เลขทะเบียนรถ จะต้องตรงกับป้ายทะเบียนรถยนต์ (ของแท้ต้องมีคำว่า "ขส.") ป้ายทะเบียน และพ.ร.บ.
     1.2 ปีที่จดทะเบียน 
     1.3 สี, หมายเลขเครื่อง, หมายเลขตัวถัง, ต้องตรงกับตัวถังรถยนต์และหมายเลขเครื่องยนต์ที่ติดอยู่กับตัวรถ
     1.4 ชื่อเจ้าของรถต้องตรวจดูชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์, เลขที่บัตร, ที่อยู่ ให้ตรงกับบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
     1.5 รายการเสียภาษี หน้า 16-17 ตรวจดูว่ามีการเสียภาษีครบทุกปีหรือไม่ ไม่ขาดต่อทะเบียน หรือแจ้งจอด ยกเลิกการใช้งาน
     1.6 รายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ หน้า 18-19 ตรวจดูว่ามีรายการบันทึกในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลรถอย่างไร เช่น การแจ้งย้าย แจ้งเปลี่ยนสี เปลี่ยนหมายเลขเครื่อง หรือขอใช้ทะเบียนบ้านในเขตไหน ต้องมีรายการบันทึกครบถ้วน
     1.7 ลายมือชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ ต้องเซ็นให้ถูกต้องชัดเจน ตรงกับลายเซ็นในหนังสือต่างๆ 
     
    2.หนังสือสัญญาซื้อ-ขายรถ
    เป็นหนังสือสัญญานิติกรรม ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ที่ทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันต้องกรอกทุกรายละเอียด เช่น วันที่, รายละเอียดผู้ขาย, รายละเอียดผู้ซื้อ, ราคาซื้อขาย, 
    กำหนดการมัดจำและรับรถยนต์ ค่าใช้จ่ายในการโอนว่าผู้ใดเป็นผู้ออกค่าโอน, ลงชื่อผู้ซื้อผู้ขายและพยาน, ระบุวันเวลาที่ขาย และที่ได้รับรถไปแล้ว, 
     
    หนังสือตัวนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างสูง ต้องถือไว้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ใช้แสดงประกอบการโอน มีผลทางกฎหมาย กรณีที่ผู้ซื้อนำรถไปเกิดอุบัติเหตุ หรือใช้รถในการกระทำความผิดกฎหมาย 
    หรือผู้ขายอาจนำไปแจ้งรถหายหรือนำเอกสารไปทำอย่างอื่น ต้องมีการตรวจเช็ครายละเอียดให้ดีทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย 
     
    3.แบบคำขอโอนและรับโอน 
    เป็นหนังสือของทางกรมขนส่งทางบก ต้องใช้เมื่อต้องยื่นประกอบเอกสารการโอนรถยนต์ ต้องระบุวันที่ ชื่อรายละเอียดผู้โอน ผู้รับโอน 
    เลขทะเบียน รายละเอียดเกี่ยวกับรถที่โอน ราคาซื้อขาย และต้องลงรายมือชื่อทั้งผู้โอนและผู้รับโอน ที่ระบุไว้ครบทุกช่อง 
     
    4.สำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนของผู้ขาย
    จะต้องไม่หมดอายุ บัตรประชาชนต้องตรงกับทะเบียนบ้าน มีการเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง 
    หรือกำหนดไว้ว่าใช้ในการโอนรถ, แจ้งย้าย, เปลี่ยนสี, เปลี่ยนเครื่อง, และหากมีการแจ้งย้าย, เปลี่ยนสี, หมายเลขเครื่อง, หรืออื่นๆ ต้องเพิ่มจำนวนสำเนาไว้อีกอย่างละชุด 
     
    5.หนังสือมอบอำนาจ
    เป็นหนังสือที่มอบหมายการกระทำใดๆ ที่เกี่ยวกับทะเบียนรถ ซึ่งเจ้าของรถไม่สามารถดำเนินการเองได้ 
    ต้องมีรายละเอียดดังนี้ วันที่, ชื่อผู้มอบและรับมอบ, ระบุรายการที่ผู้มอบอำนาจทำการแทน และลงลายมือชื่อให้ถูกต้องทั้งชื่อผู้มอบ, ชื่อผู้รับมอบ, พยาน และปิดอาการแสตมป์ 
     
    6.หนังสืออื่นๆ เกี่ยวกับผู้ขาย
    เช่น หนังสือเปลี่ยนชื่อและนามสกุล หนังสือหย่า, ใบมอบมรดก หรืออื่นๆ ที่ต้องใช้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเอกสารสำคัญทางราชการ 
    ในกรณีที่เป็นรถบริษัทไฟแนนซ์, ประกันภัย, หรือมอบมรดก ต้องเตรียมเอกสาร เช่น หนังสือรับรองบริษัท, ใบเสร็จรับเงิน, ใบเสียภาษี, และอื่นๆ ที่ใช้ต้องตรวจดูรายชื่อ ให้ถูกต้องและครบถ้วน 
     
    7.หนังสือยินยอม
    ในกรณีที่ขอใช้ในกรุงเทพฯ หรือในจังหวัดเดิมในทะเบียนรถ ต้องเตรียมหนังสือยินยอมให้ทางเจ้าของรถเดิมเซ็นยินยอมขอใช้รถในทะเบียนบ้านเดิมหรือหาเจ้าบ้านที่มีชื่อ 
    ที่อยู่ในเขตที่ต้องการขอใช้ทะเบียนรถและเซ็นลายมือชื่อ พร้อมแนบสำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชนอีกชุดหนึ่ง 
     
    8.ใบเสร็จต่างๆ เช่น ใบเสร็จซื้อเครื่องยนต์ในกรณีที่ยังไม่ได้เปลี่ยนหมายเลขเครื่อง ใบเสร็จค่าเปลี่ยนสีรถยนต์ที่ถูกต้องมีใบรับรองเสียภาษี 
    หรือใบวิศวกรรองรับการดัดแปลงรถยนต์ใช้กับรถที่ยังไม่ได้แจ้งการดัดแปลง เช่น ระบบขับเคลื่อน ระบบเบรค การเปลี่ยนหลังคา หรือการซ่อมจากอู่ที่ต้องมีการตัดต่อ หรืออะไหล่ตัวถังรถ 
     
    เว็บไซต์ที่กรมการขนส่งทางบก ได้รวบรวมเอกสารไว้สำหรับดาวน์โหลดเพื่อใช้ในการยื่นต่อกรมฯ ที่นี่  http://www.dlt.go.th/th/eform/
  15. Like
  16. Like
    boss reacted to ssupat in สอบถามเรื่อง Brake ครับ   
    ผมใช้รถมา 17x,xxx ยังไม่เคยเปลี่ยนจานเลย บางครั้งศูนย์ก็มั่วใส่เหมือนกันนะ เคยบอกผมให้เปลี่ยนจานเหมือนกัน พอเข้า cockpit ก็แค่เจียรจาน จบและใช้มาจนป่านนี้
     
    บางทีเอารถไปเช็คระยะ ศูยน์บอกผ้าเบรคหมด ผมบอกไม่ต้องเปลี่ยน (ปกติใช้ MU) พอไปรับรถ ก็ยังหนาอยู่ ใช้จนเข้าศูนย์อีกครั้ง แกล้งให้ช่างเช็คให้หน่อย ช่างศูนย์บอกว่า ยังหนาอยู่เลยพี่ 555 ยังงงว่ามันก็ศูนย์เดียวกันนี่เหว่
  17. Like
    boss got a reaction from Tommie in ประสบการณ์เปลี่ยนกระจกหน้า กับฝนตก   
    ขอบคุณครับพี่
    เดี๋ยวลองขัดดูครับ
     
    ตอนผมออกรถใหม่ ก็เข้าใช้บริการขัดเคลือบ7ขั้นตอน ของพี่ในคลับเลย กระจกอาจถูกขัดตอนนั้น
  18. Like
    boss reacted to Tommie in ประสบการณ์เปลี่ยนกระจกหน้า กับฝนตก   
    กระจกหน้า ไม่มีได้มีสารเคลือบแบบกระจกข้างไล่น้ำนะครับ มันแพงกว่า 3850 แน่นอน
     
    ถ้าเคลือบมาให้นี่ จขกท อาจจะเป็นกระจกเบนซ์ บีเอม ละคับ 
     
    กระจกเปลี่ยนมาใหม่ต้องขัดมือเอาน้ำยาเคลือบโรงงานออกสักนิด+เคลือบน้ำยากระจกอะไรต่างๆที่มีขายทั่วไปนี่แหละ สักพักครับ
     
    เพราะกระจกใหม่จะเคลือบอะไรซักอย่างมาจากโรงงานคับไว้กันฝ้ากันฝุ่นกันรอยอะไรของเค้านี่แหละ 
     
    แล้วพอเปลี่ยน ที่ร้านก้อไม่ได้ขัดออกหมดหรอก แค่เช็ดๆให้มันสะอาดคับ เป็นหน้าที่เราต้องดูแลต่อเอง 
  19. Like
    boss reacted to Tommie in อยากสอบถามผู้มีความรู้เรื่อง ยางหุ้มเพลาครับ !!   
    ยางหุ้มปริ ฉีก ทีละนิดคับตามความเสื่อมของมัน
     
    ยางจะฉีกขาดได้เพราะมันยืดตัวเท่านั้น นั่นคือ เลี้ยวสุดวง
     
    จะออกตัวแรงแค่ไหน เพลากับกะโหลกเพลามันไปด้วยกัน
     
    ยางหุ้มมันไม่ได้กระดิกอะไรเลยคับ มันขาดเพราะออกตัวแรงไม่ได้คับ
     
    ยางเก่าพอยางเเสื่อมจากความร้อนที่ถ่ายลงกะโหลก มันจะแข็งขึ้น
     
    พอเลี้ยวสุดวง ยาวๆ มันจะเกิดแรงบิดที่ยางตรงนี้แหละ แล้วมันจะเริ่มปริ
     
    สิ่งที่เราจะเห็นต่อไปคือ จารบีจะสะบัดออกมาจากจุดปริ
     
    กระจายเต็มซุ้มเพลาคับ มองง่าย นั่นน่ะค่อยขับไปเปลี่ยน
     
    ใช้ของเดิมๆแท้ๆ ก้อเหลือๆคับ อาศัยมองบ่อยๆ
     
    รักจะขับแรง ต้องหมั่นดูแล สังเกตเค้าด้วยคับ
  20. Like
    boss reacted to Lhorn in ล้างลิ้นปีกผีเสื้อด้วยตนเอง by Tommie เพิ่มเติม By jchoomal   
    ความเดิมตอนที่แล้ว ที่อยากจะล้างลิ้นผีเสื้อเอง
     

     
     
     
    เริ่มต้นก็เสียเวลาไปซะ เกือบๆ 1 ชั่วโมงในการ งัดแงะ แกะ ต่างๆ เพราะว่าไม่เคยทำ
     
     

    หลังจากแกะออกมา ก็มาดูซะหน่อยว่า มันสกปรกมากมั้ย  จากภาพ... ก็สกปรกเหมือนกัน ว่าทำไมรถมันสั่นจริงๆ เวลาเครื่องเย็นๆ
     
     

     
     
    ภาพด้านในของลิ้นผีเสื้อ   สกปรก มากๆ แหะ  บริเวณขอบๆ ลิ้น แสงไม่มีส่องผ่านเลย เพราะว่าเศษผงต่างๆ คราบน้ำมันไปปิดอัดกันซะแน่นเลย
     
     
     
     
    จากเท่าที่ดูๆมา จะแนะนำให้ใช้ Sonax กัน ซึ่ง จริงๆแล้วผมมองว่า Sonax มันอาจจะทำความสะอาดคราบต่างๆ ได้ไม่ดีเท่าน้ำยาล้าง ที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป
    ก็เลยไปเสาะแสวงหามาที่ Cantral ปิ่นเกล้า  เดินๆ ดูก็เจอเจ้านี่ กระป๋องละ 185 บาท  คนขายบอกว่ามันดีมาก   เอาวะ... ลองดู  ไหนๆ ก็จะลองทำละ
     
     

     
     
     
     

    หลังจากฉีดล้างเสร็จ  ฉีดล้างเบาๆ นะครับ  ฉีดไม่แรง  และผมก็ใช้พู่กัน ที่ปลายมันแข็งๆหน่อย ซื้อจาก ไทวัสดุ  เล็กๆ บางๆ แข็งๆ ค่อยปัดออกทีละนิด ทีละนิด
     
    บ่องตงๆ   การชะล้าง คราบน้ำมันและเขม่าดีมาก
     
     
    ข้อเสีย...  ต้องใส่ถุงมือ  หากสัมผัสโดยตรงระยะเวลานาน   แสบมือครับ ต้องรีบวางไปล้างมือเลย  
     

     
     
     
    อีกด้านของลิ้นผีเสื้อนะครับ ใช้เทคนิคเดียวกัน ค่อยๆฉีดเข้าไป และใช้พู่กัน  ค่อยๆ ปัดออกครับ   น้ำยาจะแห้งเร็วมาก  ต้องรีบทำครับ
     
     

     
     
    หลังจากทำเสร็จก็ทำการประกอบเข้าที่ให้เรียบร้อย และ Start รถ ทำวิธี Idle learning ในหน้าแรกๆ ครับ
     
     
    สรุป.
    ใช้เวลาไปทั้งหมด 1.30 ชั่วโมง  เสียเวลาถอด ท่ออากาศเข้า และ จุดอื่นๆ ประมาณ 40 นาที  กว่าจะรู้เทคนิคต่างๆ
     
    หลังจากเสร็จประกอบ และทดลอง Start รถรอบไม่ค้าง และ ออกตัวดี เครื่องไม่สั่น และไม่กระตุก ในจังหว่ะออกตัวต่างๆ
     
    วิ่งด้วยน้ำมัน ในหมู่บ้าน 2 รอบ และวิ่งด้วย Gas อีก 2 รอบ
     
    พอใจกับการทำครั้งนี้ครับ
     
    ขอ ขอบคุณ กระทู้นี้ และ พี่ๆทุกคนที่ให้ความรู้และเทคนิคต่างๆในการทำทีละขั้นตอน
    ปล. ภาพจาก Iphone 5 ซึ่ง ทำไปถ่ายไป สกปรกมากกก
     
     
    ขอบคุณครับ
  21. Like
    boss reacted to olkeyn in ล้างลิ้นปีกผีเสื้อด้วยตนเอง by Tommie เพิ่มเติม By jchoomal   
    ล้างลิ้นปีกผีเสื้อ...Credit by..Tommie....เพิ่มเติม By....jchoomal

    ขอเกริ่นก่อนครับ เนื่องจากผมได้ห่างหายจากการรีวิวประกอบดนตรีไปนาน เพราะเหตุหลายๆอย่าง (หนักไปทางขี้เกียจ )
    ดังนั้นงานนี้รายละเอียดอาจจะได้ไม่ครบนัก (เพราะยังขี้เกียจอยู่) แต่คิดว่าน่าจะชัดเจนเพียงพอจะทำกันได้แบบไม่มีปัญหาใดๆครับ

    เหตุว่าห้วงเวลานี้ รถผมใช้งานมานานกว่า 3 ปีแล้วมีงานที่ต้อง Maintenance เองบ้างแล้ว (ประกันหมดนั่นแหละ )
    เลยถ้าอันไหนถ้าได้ทำเองจะมา DIYให้ชมละกัน

    งานล้างชุดลิ้นปีกผีเสื้อจัดเป็นงาน Corrective Maintenance ครับไม่มีในระบบงาน Maintenance ตามระยะที่เราเข้าๆกันครับ

    ลิ้นปีกผีเสื้อจะเป็นตัวปิด-เปิด ให้อากาศปริมาณหนึ่งเข้าไปผสมกับเชื้อเพลิงในห้องเผาไหม้ ในอัตรส่วนที่เหมาะสม
    ตามจังหวะการเหยียบคันเร่งในระบบ Drive by wire
    โดยปริมาณอากาศที่เข้าไป จะขึ้นกับเวลาและระยะยกตัว ในการเปิด-ปิดลิ้น
    ดังนั้นชุดลิ้นที่สะอาด จะทำให้การไหลผ่านของอากาศได้ดี

    คือ ได้อากาศในปริมาณที่เหมาะสมในเวลาสั้น เครื่องจะสั่นในระยะเวลาสั้นลง หรือ นิ่งนั่นแหละ

    รถที่ใช้งานไปนานๆ จะมีการสะสมของเขม่าควันท่อไอเสีย ที่ถูกสูบดูดผ่านกรองอากาศเข้าไป เกิดเป็นคราบเกล็ดตะกรัน Carbon
    ไปจับเกาะตัวตามผิวชิ้นส่วนต่างๆ ในชุดลิ้นปีกผีเสื้อ เมื่อตะกรันเกาะสะสมจนหนา ทำให้การผ่านของอากาศในรอบเดินเบา ไม่ flow ดีอย่างเดิมแล้ว
    ทำให้เครื่องยนต์จะมีอาการสั่นบ้างในรอบเดินเบา และจะสั่นมากขึ้นยามที่มี Load มากระทำเช่น ขณะพัดลมความร้อนทำงาน หรือ แอร์ทำงาน



    การล้างลิ้นปีกผีเสื้อ ไม่ได้ต้องทำบ่อยครับ ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น เพราะถ้ารักษาระบบการกรองอากาศดี คราบเขม่านี้จะมีปริมาณเล็กน้อย
    ไม่ส่งผลต่อเครื่องมากนัก และ ระบบ ECU จะทำการคำนวณ และ ชดเชยการเปิดลิ้นรับอากาศในรอบเดินเบาให้อยู่แล้วในระดับหนึ่ง

    รถผม ประมาณ 7 หมื่นโล ยังไม่มีอาการเครื่องสั่นเวลาใดๆจนรู้สึกผิดปกตินะครับ
    ส่วนหนึ่งเพราะผมดูแลเรื่องกรองอากาศและพยายามหนีจากการตามตูดรถเมล์ หรือกระบะที่มีควันดำมาตลอด
    ที่ทำครั้งนี้ เพราะ เห็นน้องหลายๆท่านทำไว้นานแล้ว (น้องถัง น้องเอ็ม ) ครานี้เลยอยากลองบ้าง
    จะให้ศูนย์ทำก้อได้ครับ แต่ทำเองได้ก้อไม่นาน ผมทำจนเสร็จรวมล้าง ห้องเครื่อง ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
    งานนี้ผมไม่แกะแผงจิ้งหรีดกับชุดใบปัดออกนะครับ เพราะตัว Bolt ของ Throttle Body สามาถถอดได้ด้วยประแจต๊อกแต๊กได้เลยครับ



    เริ่มเลย

    1. หลังจากจอดรถ ก้อ รอรถเครื่องเย็นสนิทนะครับ ไม่งั้นทำงานไม่สนุกครับ เสี่ยงด้วย
    แล้ว หลังจากนั้น ก้อ ถอด แบตขั้วลบ ซะ เพราะเราจะถอดปลั๊กหลายตัว ทำหลายอย่าง กันงานเข้า

    2. ถอด ชุด Air Cleaner Housing ครับ ชุดกล่องกรองอากาศดำๆ นั่นแหละ ตามลายแทงเลย ไม่ยากครับ


    3. อันนี้ แยกขยายมาให้ชม ก่อนยก Housing ออก ให้ปลดท่อคู่นี้ออกก่อนครับ


    4. ก่อนเริ่มถอด Throttle Body เอาท่อนนี้ออกซะก่อนดีกว่า ไม่ยากครับ แล้วปลด Connector ออกด้วยเลย


    5. เริ่มถอด Throttle Body ครับ บล๊อคเบอร์ 12 ต่อขา 15 ซม สามารถเข้าถอด Bolt ได้ครบทั้ง 4 ตัวครับ ไม่ติดบน สบายมาก


    6. เปิดมาจะเห็น ประเก็นยางครับ เอามาล้างๆหน่อย พอแล้ว



    7. มาดูคราบ Carbon ที่บอกครับ อันนี้ ขนาดขับระวังๆ ดูแลอย่างดีนะครับ ซกมกเชียว
    แต่ขนาดนี้ก้อยัง ไม่มีผลทำให้เครื่องสั่นแบบรู้สึกผิดปกติครับ


    ด้านใน ซกมกกว่าอีกเยอะเลย



    8. ล้างซะครับ เอา Sonex หรือ เบนซิน ล้าง ก้อตามใจกันเถิด อย่าใช้น้ำยาพิสดารงานอื่นมาลองล่ะ
    ก้อทำไปเรื่อยๆ ล้างๆ เช็ดๆ เเอา Sonex ฉีด เอาพู่กันค่อยๆปาดๆ หน่อย สักพักก้อหมดละครับ

    ปล. ระวังจุดตรงแกนหมุนครับ คู่มือเค้าบอกว่ามันเคลือบ Molybdenum หล่อลื่น กันสึกหรอไว้ อย่าไปยุ่งมาก











    เพิ่มเติม...by jchoomal

    เพิ่มเติมให้ครับ
    การทำความสะอาด อย่าใช้แรงมากเกินไป องศาปิดในสภาวะปกติจะต้องอยู่ที่ 0-3 องศา หากใช้แรงมาก
    และมีผลทำให้องศาในจุดเริ่มต้นนี้เปลี่ยน การทำงานของมันจะเพี้ยนไปหมด ผลคือเปลี่ยนตัวใหม่ลูกเดียว

    การทำความสะอาดใช้น้ำยาที่ป๋าทอมแนะนำ ร่วมกับ Cotton Bud ที่ออกแบบมาเพื่อทำความสะอาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์โดยเฉพาะ (ปลายจะแหลมๆ พันกันแน่นมากๆ ใยไม่หลุดง่าย) หรือ กระดาษที่ใช้ทำความสะอาดโดยเฉพาะ (Clean wipe paper )
    .
    ข้อควรระวัง

    1 ระวังคมอาจจะปาดนิ้วมือได้

    2 อย่าทำความสะอาดบริเวณที่เป็นจุดหมุนของแบริ่งและเพลา เพราะเคลือบด้วยสารหล่อลื่น molybdenum coating, หากสารเคลือบนี้หลุดออกไปจะทำให้เพลาหมุนของปีกผีเสื้อหมุนไม่คล่อง ฝืด ปิด เปิดไม่คล่อง มีผลต่อการเร่งเครื่อง ความเร็วค้าง (เมื่อเบาคันเร่ง แต่ปีกผีเสื้อไม่คืน ) เครื่องสั่น เพราะปีกผีเสื้อไม่หมุนปิด เปิดวาล์วคล่องตัว

    3 พยายามหลีกเลี่ยงที่จะเสปร่ย์หรือใส่น้ำยาล้างโดยตรงบน the throttle body. (ให้เสปร่ย์บน cotton bud หรือ กระดาษที่ใช้ทำความสะอาดโดยเฉพาะ (Clean wipe paper ) แล้วนำไปทำความสะอาด เพราะน้ำยาทำความสะอาดอาจจะแรกตัวเข้าไปตามจุดหมุน ไปทำลายสารเคลือบ หรือ นำพาเอาสิ่งสกปรกเข้าไปได้

    4 แนะนำให้ใช้อุปกรณ์ล้าง และน้ำยาทำความสะอาดของฮอนด้า (อันนี้ ฮา....)

    เมื่อล้างเสร็จ อาจทำตามที่ป๋าทอมบอกคือทำความสะอาดส่วนอื่นๆ ด้วยเลย
    แล้วประกอบกับ

    และทุกครั้งที่ล้างวาล์วปีกผีเสื้อต้องทำ Idle Learn ทุกครั้ง

    เรื่องการทำ Idle Learn มีเทคนิคด้วย เดี๋ยวไปคอมเม้นต์เพิ่มเติมให้ครับ



    9. พ่น Sonex ล้างคราบนิ้วมือ สะบัดเบาๆ หรือเอาลมเป่าไล่น้ำยาสักหน่อย แล้วปล่อยแห้งซัก 15 นาที ใส่คืนได้ครับ
    อ้อ ก่อนใส่คืน ล้างๆ ห้องเครื่องแถวนั้นซะหน่อยก้อดีครับ นานๆถอดมาที เอาซะให้คุ้ม



    10.ใส่คืนแบบย้อน Step พร้อมเช็ดให้เรียบร้อยครับ
    อ้อ ถ้าจะล้าง MAF Sensor ก้อจัดซะเลยครับ เอาผ่าน Contact cleaner ซะหน่อยก้อโอแล้ว



    ที่นี้ มาว่านี่กันต่อ Idle Learn

    หลังจาก ใส่ขั้วแบตกลับเรียบร้อย ทำตามนี้ครับ

    1. แน่ใจว่าปิดอุปกรณ์ใช้ไฟทั้งหมดก่อนครับ แล้ว เสียบกุญแจ บิดไป IG II
    2. รอ 2 วินาที หรือจะเอา Sure ก้อ รอจน Engine check light ดับก้อได้ แล้ว สตาร์ท
    3. รอ เครื่องร้อนถึงอุณหภูมิใช้งาน หรือจะเหยียบคันเร่ง ไปที่ 3000 Rpm แช่ไว้จนพัดลมความร้อนเริ่มทำงานครั้งนึงก้อตามใจ
    4. อันใดอันหนึ่งมาถึงก่อน ก้อจับเวลาได้ครับซัก 5 นาที ปล่อยเครื่องเดินเรียบๆไปนั่นแหละ จนครบเวลา ดับเครื่อง จบข่าวครับ

    รอบเดินเบามันจะนิ่งครับ แต่พอออกมาวิ่งอาจจะมีเหวอๆ แรงๆ พุ่งๆ เกินๆบางจังหวะนะครับ
    เพราะลิ้นมันยังเปิดเท่าเดิมแต่ได้อากาศมากขึ้น

    ขับไปเรื่อยๆ พักนึง หรือ ช่วงวัน 2 วันน่ะ ECU มันจะปรับทริมกลับมาให้ค่าที่ดีที่สุด เรียบเนียนเองครับ คอยเบรคดีๆละกัน



    เพิ่มเติม...by jchoomal
    เพิ่มเติมให้ในการทำ ECM/PCM Idle Learn Procedure
    ในการทำ ECM/PCM Idle Learn ช่างจะต้องทำทุกครั้งเมื่อ
    1. เปลี่ยน ECM/PCM.
    2. Reset ECM/PCM.
    3. Update ECM/PCM.
    4. Replace or clean the throttle body.


    NOTE: ในการทำECM/PCM Idle Learn ไม่จำเป็นต้องลบข้อมูลก่อนด้วย HDS

    ขั้นตอน Procedure

    1. Make sure all electrical items (A/C, audio, lights, etc.) are off.
    มั่นใจว่าอุปกรณ์ไฟฟ้า อิเล็ทรอนิคส์ อื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับระบบเครื่องยนต์ได้ปิดทั้งหมดแล้ว
    2. Reset the ECM/PCM with the HDS.
    ทำการ Reset the ECM/PCM with the HDS อันนี้ ป๋าทอมทำโดยการถอดแบตออกในระหว่างที่ล้างวาล์วปีกผีเสื้อ
    ถือว่าโอเค
    3. Turn the ignition switch ON (II), and wait 2 seconds.
    บิดสวิตไปที่ ON (II), และให้รอ 2 วินาที
    4. Start the engine. Hold the engine speed at 3,000 rpm (min-1) without load (in Park or neutral)
    until the radiator fan comes on, or until the engine coolant temperature reaches 90 °C (194 °F).
    สต๊าดเครื่องยนต์ เร่งรักษาความเร็วรอบให้คงที่ที่ 3,000 rpm โดยไม่มีโหลด อยู่ที่เกียร P หรือ N
    รอจนพัดลมทำงาน หรือรอจนความร้อนเพิ่มขึ้นจนอยู่ที่ระดับปกติที่ประมาณ 90 °C (194 °F).
    5. Let the engine idle for about 5 minutes with the throttle fully closed.
    แล้วให้เครื่องยนต์รักษารอบเดินเบา ไปจนครบ 5 นาที ในตำแหน่งที่วาล์วปีกผีเสื้อปิดเต็มที่ (จะอยู่ที่ 0-3 องศา)

    NOTE: If the radiator fan comes on, do not include its running time in the 5 minutes.
    ถ้าพัดลมทำงาน, จะไม่นับเวลารวมใน 5 นาทีนะครับ อันนี้ป๋าทอมไม่ได้บอกไว้

    6. Verify on the HDS data list that the idle learn procedure is complete.
    ตรวจสอบข้อมูลบน HDS data list ว่าการทำ idle learn ถูกต้องครบถ้วนหรือเปล่า
    อันนี้ไม่ต้อง เพราะเราไม่มี HDS แบบศูนย์เขา

    แล้วดับเครื่อง จบ ครับ
  22. Like
    boss reacted to bleachoat in เครื่องดับ กินน้ำมันเป็นสองเท่า กลิ่นน้ำมันออกท่อไอเสีย   
    ผมว่าทำ idel learn ใหม่ก้ดีนะคับ
    ถอดแบตทิ้งไว้นานๆหน่อยก้ดีคับ หลาย ชม ผมว่ายิ่งดี
    แล้วลองทำ idel learn ดูคับ
  23. Like
    boss reacted to bleachoat in เครื่องดับ กินน้ำมันเป็นสองเท่า กลิ่นน้ำมันออกท่อไอเสีย   
    เคยตั้งวาร์ว ล้างลิ้นปีกผีเสื้อ บ้างรึเปล่าคับ
     
    หรือไม่ก็ลองล้าง MAP senser บนตัวกรองอากาศดูก่อนนะคับ พวกนี้เป็นพื้นฐานอาการเบาดับอะค้าบบ
  24. Like
    boss reacted to Tommie in เครื่องดับ กินน้ำมันเป็นสองเท่า กลิ่นน้ำมันออกท่อไอเสีย   
    ตอนนี้รถอยู่ศูนย์ป่าวคับ  ฝากถามอาการจากช่างด้วย ทำอะไรไปบ้างเป็นอยา่งไร อยากอัพเดตนิด อาการนี้จะเป็นได้ทุกคัน
     
    ผมเคยเป็นแต่ไม่หนักเท่า จขกท
     
    แบบนี้เป็นอาการฉับพลัน เปลี่ยนอะไรมาให้ไปดูตรงนั้นก่อน 
     
    ที่ผมทำนะ ต้องเปิดดูหัวเทียนเลยคับ เขม่าจับกี่หัว  ถ้าจับทุกหัว เท่าๆกัน หัวเทียนตัดไปได้คับ 
     
    หัวเทียนเขม่าจับทุกหัว คือ ระบบสั่งน้ำมันหนา เผาไม่หมด นั่นคือให้ไปดูตัวการสั่งน้ำมัน
     
    MAF สกปรกหรือเปล่า ล้าง MAF แล้ว ลองดูอาการ 
     
    o2 sensor อันนี้ยากนิด จับค่าดู 
     
    EGR ทำงานไม่ปกติ (อันนี้ไม่น่าส่งผลมาก ถอด EGR ยังวิ่งได้ปกติเลย)
     
    เยอะ เลอะเทอะไปละ เดี๋ยวออกทะเล 555  ฝากจขกท อัพเดตช่างก่อนดีกว่า อยากรู้อาการล่าสุด ได้เดาๆต่อให้ 
     
    เข้าใจ ว่ายากนิดคับ ผมเข้าศูนย์ไปนั่งดูกับช่าง ยังไม่เจอค่าอะไรผิดปกติเลย ใช้เครื่องมือจับ 
     
    บางทีจังหวะเซนเซอร์บางตัว สกปรกฉับพลัน อ่านค่าเพี้ยน ส่งค่าผิดมันเกิดได้ครับ  มันไม่ได้เสียนะครับ 
  25. Like
    boss reacted to Tommie in เครื่องดับ กินน้ำมันเป็นสองเท่า กลิ่นน้ำมันออกท่อไอเสีย   
    ถ้ารถอยู่บ้าน เบื้องต้น ลองเสิช ล้าง MAF นะครับ
     
    ถอดล้างเองได้เลย ก่อนถอดทิ้งรถให้เย็นนิดคับ
     
    เวลาใส่ฝาครอบกรองอากาศกลับ มองดีๆให้ฝาครอบลงล๊อค
     
    รอบด้านนะครับ มันควรจะรู้สึกดีขึ้น หรืออาจจะหายเลยครับ
     
    ถ้าทำไปแค่ที่เล่ามา ไม่ควรอาการหนักคับ น่าจะ MAF สกปรก
     
    หรือใส่พวกฝาครอบอะไรพวกนี้ไม่แน่นครับ
     
    จ่ายน้ำมันผิดส่วนผสมทั้งหมดทุกหัว ไม่ใช่หัวเทียนละคับ
×
×
  • Create New...