Thanin_FD Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 http://www.youtube.com/watch?v=iBgook9ioaY kornriver 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
ppopp Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 อ๊ากกกกกกกส์ หยองงงอ่ะ อี๊ยยยยยยยะ zarya 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
Rewat6 Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 ผมเห็นในตี10 จากนั้นเลยเข้ามาดูแบบเต็ม ๆ ใน youtube บอกเลยว่า "หยองอย่างแรง" เห็นเค้าบอกว่า พยาธิชนิดนี้ มาจากดิน ส่วนมากไข่ของพยาธิไส้เดือนจะติดมากับผักสด สำหรับใครที่ชอบทานผักสด ๆ แล้วเป็นผักที่ปลูกจากดิน สำหรับคนที่ชอบทานสลัดแล้วเป็นผักที่ปลูกแบบออแกนิค ก็จะลดความเสี่ยงไปได้ tonnaruto 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
tonnaruto Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 หย๋าาาา.... ตัวใหญ่มากอ่ะ มันอยู๋ใน ไส้ หรือนั่น แล้วแบบนี้ ผู้ป่วยทำไมถึงได้มารักษาแบบนี้ แล้ว แบบนี้เรียกว่าการรักษาอะไร ใครพอทราบบ้างอ่ะครับ (ในท้องมีxxxตัวแบบนี้มั้ยเนี่ย ?!!) Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
+KoRn Stock Photo+ Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 แหยะ....สปาร์เก็ตตี้ไส้อั่วปะเนี๊ยะ Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
golf_pdt31 Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 เห็นแล้วสยองครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะเยอะขนาดนี้ Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
juone Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 ดูแล้วขยะแขยงมากๆ ไม่รู้คนไข้รายนี้ชอบกินอะไรถึงได้มีเยอะขนาดนี้ แต่ที่แน่ๆ ไม่น่าใช่คนไทย เพราะได้ยินในช่วงนาทีที่ 6-8 ว่าไม่ใช่พม่าก็เป็นกะเหรี่ยงนะครับ เย็นนี้ว่าจะไปฮะจิบังคงขอเลื่อนแบบไม่มีกำหนด รวมทั้งอาหารเส้นเหลืองๆ ทั้งหลาย Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
kriang83 Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 หยึย น่ากลัวโครต Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
ppopp Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 ดูแล้วขยะแขยงมากๆ ไม่รู้คนไข้รายนี้ชอบกินอะไรถึงได้มีเยอะขนาดนี้ แต่ที่แน่ๆ ไม่น่าใช่คนไทย เพราะได้ยินในช่วงนาทีที่ 6-8 ว่าไม่ใช่พม่าก็เป็นกะเหรี่ยงนะครับ เย็นนี้ว่าจะไปฮะจิบังคงขอเลื่อนแบบไม่มีกำหนด รวมทั้งอาหารเส้นเหลืองๆ ทั้งหลาย มันเหมือนเส้นโซบะจริงๆ เน๊อะ juone 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
abudareen Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 ยอมรับเลยว่าดูไม่จบ ขนหัวลุกเลย Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
Tiger_sum Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 น่ากลัวครับ Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
bird_ie8 Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 น่ากลัวอะๆ Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
nemohappy Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 เห็นแล้ว น้ำลาย ใหล Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
ppopp Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 รถติด ฝนตกหนัก แวะตลาดไม่ได้ กลับบ้านเปิดตู้เย็นหาอะไรกิน อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เหลือนี่อยู่กล่องเดียว จำเป็นต้องอุ่นเวปกิน และเพื่อให้ได้อารมณ์ กินไปแล้วก็ดูคลิปไป เจริญอาหารเป็นอย่างยิ่ง เทรนมากๆ Thanin_FD, aMity aOr and sk2514 3 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
Thanin_FD Posted September 20, 2012 Author Report Share Posted September 20, 2012 รถติด ฝนตกหนัก แวะตลาดไม่ได้ กลับบ้านเปิดตู้เย็นหาอะไรกิน อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เหลือนี่อยู่กล่องเดียว จำเป็นต้องอุ่นเวปกิน และเพื่อให้ได้อารมณ์ กินไปแล้วก็ดูคลิปไป เจริญอาหารเป็นอย่างยิ่ง เทรนมากๆ เป็นผมคง Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
werayutsa Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 รอดตัวไป....ดูจากไอแพตเปิดไม่ได้อะ Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
sk2514 Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 รถติด ฝนตกหนัก แวะตลาดไม่ได้ กลับบ้านเปิดตู้เย็นหาอะไรกิน อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เหลือนี่อยู่กล่องเดียว จำเป็นต้องอุ่นเวปกิน และเพื่อให้ได้อารมณ์ กินไปแล้วก็ดูคลิปไป เจริญอาหารเป็นอย่างยิ่ง เทรนมากๆ จัดมาสองจานเลยพี่ป๊อบ :0061: :0061: Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
kornriver Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 ใครเห็นแล้วเสียวท้องเหมือนผมบ้าง Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
patcha Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 ถ้าอ้อเป็นคนดึงออกมาคงรู้สึกดี มาเป็นก้อนๆๆ ออกมาให้หมด อ่าาาา ฟินนนน เอ๊ะ เหมือนตัวเองจะแปลกคนนะเนี่ย Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
aMity aOr Posted September 20, 2012 Report Share Posted September 20, 2012 รถติด ฝนตกหนัก แวะตลาดไม่ได้ กลับบ้านเปิดตู้เย็นหาอะไรกิน อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เหลือนี่อยู่กล่องเดียว จำเป็นต้องอุ่นเวปกิน และเพื่อให้ได้อารมณ์ กินไปแล้วก็ดูคลิปไป เจริญอาหารเป็นอย่างยิ่ง เทรนมากๆ ไม่อยากกิน...ไปอีกนานเลยค่ะพี่ Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
TongFD Posted September 21, 2012 Report Share Posted September 21, 2012 เอิ่ม Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
JeamsBall Posted September 21, 2012 Report Share Posted September 21, 2012 ลองอ่านดูครับ หลังจากชมแล้ว แค่ คราว ๆ ครับ ^^ โรคพยาธิไส้เดือน ลักษณะของพยาธิ มีรูปร่างทรงกระบอก หัวและท้ายแหลม ขณะมีชีวิตอยู่จะมีสีขาวนวลหรือชมพูเรื่อๆ เป็นพยาธิตัวกลมที่ใหญ่ที่สุดที่อาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก ตัวแก่จะมีขนาดโตขนาดประมาณหลอดกาแฟ ยาวประมาณ 25 เซนติเมตรพยาธินี้ชอบอาศัยในช่องว่างของลำไส้เล็ก ไม่เกาะติดผนังลำไส้เล็ก คอยแย่งอาหารที่ย่อยจากลำไส้เล็กแล้ว วงจรชีวิตและการติดต่อ เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะผสมพันธุ์กัน ตัวเมียออกไข่ครั้งละประมาณ2แสนฟองต่อวันไข่มีขนาดเล็กมากมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น มีลักษณะเป็นผิวขรุขระคล้ายผลน้อยหน่า ไข่จะปนออกมากับอุจจาระของผู้ป่วย สาเหตุ กินผัก อาหารหรือน้ำดื่มที่มีไข่พยาธิปนมาด้วย เมื่อไข่พยาธิถูกกลืนเข้าสู่กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กแล้ว ตัวอ่อนที่อยู่ในไข่จะออกมาและไชทะลุผนังลำไส้านกระแสเลือดไปยังตับและหัวใจและปอด แล้วไชทะลุถุงลมปอดเข้าไปฟักและเจริญเติบโต จากนั้นก็จะคลานไปตามหลอดลม จนถึงลิ้นไก่บริเวณหลอดอาหารก็จะถูกกลืนลงกระเพาะอาหารแล้วเจริญเป็นตัวแก่ในลำไส้เล็กต่อไป อาการ มักไม่แสดงอาการชัดเจน แต่ร่างกายจะถูกพยาธิแย่งสารอาหารไป เป็นสาเหตุทำให้ผู้ป่วยมีสติปัญญาเสื่อม ร่างกายอ่อนแอไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร ผอมแห้ง หัวโต พุงโร ก้นปอด ถ้าพยาธิไชเข้าปอด จะทำให้ปอดอักเสบ ไข้สูง และไอ การรักษา ปรึกษาแพทย์ การรับประทานยาถ่ายพยาธิไส้เดือนต้องใช้ยาที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันพยาธิไส้เดือนไชทะลุลำไส้ ยาถ่ายพยาธิไส้เดือนที่ใช้ได้ผลคือ "ปิบเปอราซีนไซเตรท"ขององค์การเภสัชกรรม การป้องกัน ใช้ส้วมที่ถูกสุขลักษณะ รักษาความสะอาของร่างกายก่อนรับประทานอาหารและหลังจากเข้าห้องส้วม อย่าให้เด็กอมนิ้วหรือสิ่งของต่างๆ ดื่มน้ำสุก และล้างผักผลไม้ก่อนรับประทาน โรคพยาธิเส้นด้าย ลักษณะของพยาธิ เป็นพยาธิตัวกลมขนาดเล็กที่มีรูปรางคล้ายด้ายหรือเข็มหมุด ตัวเมียใหญ่กว่าตัวผู้เกือบเท่าตัว ตัวแก่ตัวเมียมีขนาดยาวประมาณ1เซนติเมตร อาศัยอยู่บริเวณลำไส้ใหญ่กับไส้ติ่ง วงจรชีวิตและการติดต่อ เมื่อพยาธิเส้นด้ายตัวเมียได้รับการผสมพันธุ์จากตัวผ้แล้ว จะคลานจากลำไส้ใหญ่ไปออกไข่ที่รอบๆปากทวารหนัก เมื่อออกไข่ประมาณ 10,000-15,000ฟองแล้วก็จะตายไปเพราะถูกอากาศแห้งภายนอก ไข่จะฟักตัวรอบๆปากทวารหนักภายใน2-3ชั่วโมง ไข่จะมีตัวหนอนขดอยู่ภายในกลายเป็นไข่ระยะติดต่อ ถ้าคนรับประทานไข่พยาธิในระยะนี้เข้าไป ตัวอ่อนจะออกจากไข่แล้วเจริญเติบโตเป็นตัวแก่ และผสมพันธุ์กันที่ลำไส้ใหญ่ต่อภายใน2-3สัปดาห์ จะมีชีวิตอยู่ในร่างกายได้นานประมาณ2เดือน สาเหตุ มีไข่พยาธิระยะติดต่อติดอยู่ที่มือ และไข่พยาธิอาจหลุดมาติดที่เสื้อผ้า และเครื่องใช้ต่างๆ และเข้าสู่ปากคน อาการ เกิดความรำคาญขณะที่พยาธิออกมาวางไข่ที่ปากทวารหนัก สำหรับผู้หญิง ตัวพยาธิอาจกลับเข้าทางช่องคลอด ทำให้ปากมดลูกอักเสบ การรักษา ทานยาขับพยาธิไส้เดือนกลมขององค์การเภสัชกรรม การป้องกัน ตัดเล็บให้สั้น ล้างมืออยู่เสมอให้สะอาด ทำความสะอาดเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มและหมั่นนำไปผึ่งแดด กวาดเช็ดถูพื้นบ้านเสมอ โรคพยาธิปากขอ ลักษณะของพยาธิ มีลำตัวทรงกระบอก หัวและท้ายแหลม ขณะมีชีวิตอยู่จะมีตัวสีขาวอมเทาหรือชมพูอมแดง ตัวแก่ยาวประมาณ1เซนติเมตร ขนาดใกล้เคียงกับเส้นด้ายหรือเข็มหมุด อาศัยอยู่บริเวณลำไส้เล็ก โดยใช้เขี้ยวเกาะที่ผนังลำไส้ วงจรชีวิตและการติดต่อ เมื่ออยู่ในร่างกายนาน5สัปดาห์ กจะเจริญเต็มที่ เมื่อผสมพันธุ์กันแล้ว ตัวเมียจะวางไข่ประมาณ6,000-20,000ฟองต่อวัน วางไข่ได้ตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ในร่างกาย ไข่ของพยาธิปากขอจะปนมากับอุจจาระของผู้ป่วยด้วย ถ้าผ้ป่วยถ่ายตามพื้นดิน ประมาณ1-2วันจะมีตัวอ่อนฟักออกจากไข่ ผ่านไปประมาณ2-3สัปดาห์ ตัวอ่อนจะโตเต็มที่ ระยะนี้จะปิดปากไม่กินอะไร คอยที่จะไชเข้าสู่ร่างกายคนตามผิวหนังอ่อนๆเช่น ง่ามนิ้วมือ ง่ามนิ้วเท้า ผิวหนังบริเวณก้น จากนั้นจะไชเข้าสู่กระแสเลือดดำ แล้วไหลไปตามกระแสเลือดจนถึงหัวใจและปอด เมื่อถึงปอดก็จะไชเข้าถุงลมปอดแล้วเจริญเตบโต จากนั้นกคลานไปตามหลอดลมสู่หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก แล้วใช้เขี้ยวกัดเกาะติดกับผนังลำไส้เล็ก เจริญเติบโตต่อไป และสามารถอยู่ในลำไส้ได้ประมาณ6ปี อาการ ถ้ามีพยาธิปากขอในร่างกายจำนวนน้อย จะไม่มีอาการ แต่ถ้ามีเป็นจำนวนมาก จะทำให้สูญเสียเลือดมาก อ่อนเพลีย สติปัญญาเสื่อม เกิดอาการคันบริเวณที่ถูกตัวอ่อนไช เมื่อเกาจะเป็นแผล ระหว่างที่ตัวอ่อนอยู่ในปอดและไชทะลุถุงลม ผ้ป่วยจะมีอากรคล้ายปอดบวมอยู่ระยะหนึ่ง การรักษา ทานยาถ่ายพยาธิปากขอตามคำแนะนำขแงแพทย์ การป้องกัน 1. ถ่ายอุจจาระในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ 2. สวมรองเท้าขณะถ่ายอุจจาระหรือเดินบนพื้นดิน เพื่อป้องกันตัวอ่อนไชเข้าบริเวณง้ามเท้า พยาธิใบไม้ในตับ ลักษณะของพยาธิ ตัวแก่จะมีลักษณะคล้ายใบกระถิน ลำตัวแบน กว้างประมาณ2มิลลิเมตร ยาวประมาณ7มิลลิเมตร หัวเรียวไปสุดที่ปากที่มีรูปร่างเหมือนถ้วยสำหรับดูดเกาะ มีสีเนื้อหรือน้ำตาล มีอวยวะเพศผู้และเพศเมียอยู่ในตัวเดียวกัน วงจรชีวิตและการติดต่อ เมื่อตัวแก่อาศัยอยู่ในท่อน้ำดีภายในตับ จะออกไข่ปนกับน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็ก และจะออกปะปนไปกับอุจจาระ ถ้าผู้ป่วยถ่ายอุจจาระลงในน้ำ ไข่พยาธิจะถูกหอยน้ำจืดที่มีลักษณะคล้ายหอยขมกินเข้าไป ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนและเจริญเติบโตในตัวหอย ต่อมาจะไชทะลุตัวหอยออกมาว่ายอยู่ในน้ำ เมื่อพบปลาบางชนิด เช่น ปลาขาว ปลากระมัง ก็จะไชทะลุไปอาศัยในตัวปลา จนถึงระยะติดต่อจะสร้างถุงหุ้มตัวเองที่เรียกว่า"ซีสต์"ในเนื้อปลา ถ้าคนนำปลานั้นมาทานสุกๆดิบๆ ถุงหุ้มพยาธิระยะติดต่อจะถูกน้ำย่อยในกระเพาะอาหารละลาย ตัวพยาธิจะออกมาอยู่ในลำไส้เล็ก และหาทางเข้าไปในท่อน้ำดีที่ตับ แล้วเจริญเติบโตเป็นตัแก่ที่ออกไข่ได้ รวมแล้วมีวงโคจรประมาณ3เดือน อาการ เมื่อรับประทานอาหารสุกๆดิบๆที่มีพยาธิใบไม้ในตับแล้ว ระยะติดต่อเข้าไปนานประมาณ1เดือนจะเริ่มแสดงอาการของโรคอกมามีความรุนแรงมากขึ้น รุนแรงหรือไม่รุนแรงขึ้นอยู่กับจำนวนพยาธิที่มีอยู่และระยะเวลาของการเจ็บป่วย ดังนั้นผู้ป่วยจึงมีอาการในลักษณะดังนี้ 1. อาการเล็กน้อย พบในผู้ป่วยที่มีพยาธิใบไม้ในตับน้อยกว่า1,000ใบต่ออุจจาระ1กรัม ผู้ป้วยจะท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดหลังรับประทานอาหารเป็นบางครั้ง 2. อาการปานกลาง พบในผู้ป่วยที่มีไข่พยาธิตั้งแต่1,000-3,000ใบในอุจจาระ1กรัม ผู้ป่วยจะแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยจะมีอาการหลังทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันมาก ผู้ป่วยจะมีไข้ต่ำ ท้องเดิน ถ่ายอุจจาระเหลววันละ3-4ครั้ง เบื่ออาหาร เจ็บท้องและชายโครงบริเวณตับ 3. อาการหนัก พบในผู้ป่วยที่มีไข่พยาธิเกิน3,000ใบในอุจจาระ1กรัม ผู้ป่วยจะซูบซีด เลือดจาง ตับโต หนังหน้าท้องบางจนมองเห็นเส้นเลือดดำชัด ท้องมานและบวมตามขา และถ้าพยาธิรบกวนท่อน้ำดีก็จะทำมให้เป็นโรคตับแข็ง ถ้าพยาธิไปอุดขวางท่อน้ำดีไว้ น้ำดีจะไหลลงสู่ลำไส้ไม่สะดวก ทำให้ย่อยอาหารประเภทไขมันไม่เต็มที่ ผู้ป่วยจะท้องอืดท้องเฟ้อ มีอาการดีซ่าน เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย การรักษา ให้แพทย์ตรวจรักษา การป้องกัน 1. ไม่ทานเนื้อปลาดิบ หรือสุกๆดิบๆ 2. ถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ ไม่ถ่ายลงในน้ำหรือพื้นดิน 3. ถ้าสงสัยว่าจะมีพยาธิใบไม้ในตับ ให้แพทย์ตรวจอุจจาระ ถ้าพบก็ให้แพทย์ทำการรักษาต่อไป พยาธิตัวตืดหรือพยาธิตัวแบน ลักษณะของพยาธิ มีลักษณะแบนและยาวมองดูคล้ายบะหมี่ขดตัวไปมา บางตัวอาจยาวถึง4-6เมตร มีส่วนกว่างที่สุดประมาณ1.2เซนติเมตร ส่วนหัวมีขนาดเท่าหัวเข็มหมุด และมีเบ้าคล้ายเบ้าขนมครก4อันสำหรับไว้ยึดเกาะติดกับผนังลำไส้ ลำตัวจะแบ่งออกเป็นปล้องๆ ส่วนคอของพยาธิมีลักษณะเรียว สามารถงอกและแบ่งตัวเป็นปล้องใหม่ได้เรื่อยๆ เพื่อชดเชยปล้องตอนท้ายที่ต้องหลุดไป เมื่อแก่ปล้องทุกปล้องจะดดกินอาหารจากลำไส้เล็กได้ และสามารถสืบพันธุ์ได้ วงจรชีวิตและการติดต่อ ปล้องทุกปล้องจะมีอวัยวะเพศทั้ง2เพศ เมื่อเป็นตัวแก่จะผสมพันธุ์กันที่ปล้อง และจะออกไข่เก็บสะสมในปล้อง เมื่อปล้องแก่จัดจะหลุดออกมานอกร่างกายพร้อมกับอุจจาระ ถ้าผู้ป่วยถ่ายอุจจาระลงพื้นดินหรือตามหญ้า ปล้องนั้นสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมได้นาน เมื่อวัวหรือหมูมากินหญ้าหรืออาหาร ก็จะกินปล้องพยาธิที่ติดอยู่ไปด้วย ตัวอ่อนของพยาธิจชอนไชเข้าสู่ผิวหนังและหลอดเลือด แล้วตัวอ่อนจะไหลไปตามหลอดเลือดไปอาศัยตามกล้ามเนื้ต่างๆ และเจริญติบโตต่อไปที่กล้ามเนื้อ เมื่อถึงระยะหนึ่งพยาธิก็จะสร้างฝักหุ้มตัวเองไว้เปนระยะติดต่อ โดยจะมีลักษณะเป็นเม็ดขุ่นขาวที่เรียกว่า"เม็ดสาคู" ถ้าหากคนนำเนื้อที่มีเม็ดสาคูมาประกอบอาหารโดยไม่ทำให้สุก เม็ดสาคูนั้นจะตกไปที่ลำไส้ ตัวอ่อนก็จะออกจากฝัก แล้วใช้ส่วนหัวดูดยึดเกาะผนังลำไส้ ล้วเจริญต่อตัวเป็นปล้องๆยาวขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นตัวแก่ อาการ บางครั้งพยาธิจะคลานออกมาทางทวารหนักในขณะที่ไม่รู้ตัว ทำให้อับอายได้ พยาธิชนิดนี้จะแย่งอาหารโดยเฉพาคาร์โบไฮเดรต ทำให้ผู้ป่วยหิวง่าย ทำให้เกิดลำไส้อาการทางประสาท นอนไม่หลับ เวียนศีรษะ ปวดท้อง ถ้าตัวอ่อนติดอยู่ตามกล้ามเนื้อสมอง ตับ หัวใจ หรือนัยน์ตา ทำให้เกิดอาการต่างๆเช่น ลมบ้าหมู แลถ้าเป็นมากๆอาจตายได้ การรักษา ทานยาขับถายพยาธิตามคำแนะนำของแพทย์ การป้องกัน ถ่ายอุจจาระในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ ก่อนซื้อเนื้อวัว เนื้อกระบือ หรือเนื้อหมู มาทาน ควรตรวจดูด้วยว่าเนื้อนั้นมีเม็ดสาคูหรือไม่ รับประทานเนื้อวัว เนื้อกระบือ หรือเนื้อหมู ที่ผ่านการทำให้สุกแล้วเท่านั้น +KoRn Stock Photo+, clickkupopz, tonnaruto and 3 others 6 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
JeamsBall Posted September 21, 2012 Report Share Posted September 21, 2012 ที่มา http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/4-5/no12/payadsaidern.html baee 1 Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
tonnaruto Posted September 21, 2012 Report Share Posted September 21, 2012 ลองอ่านดูครับ หลังจากชมแล้ว แค่ คราว ๆ ครับ ^^ โรคพยาธิไส้เดือน ลักษณะของพยาธิ มีรูปร่างทรงกระบอก หัวและท้ายแหลม ขณะมีชีวิตอยู่จะมีสีขาวนวลหรือชมพูเรื่อๆ เป็นพยาธิตัวกลมที่ใหญ่ที่สุดที่อาศัยอยู่ในลำไส้เล็ก ตัวแก่จะมีขนาดโตขนาดประมาณหลอดกาแฟ ยาวประมาณ 25 เซนติเมตรพยาธินี้ชอบอาศัยในช่องว่างของลำไส้เล็ก ไม่เกาะติดผนังลำไส้เล็ก คอยแย่งอาหารที่ย่อยจากลำไส้เล็กแล้ว วงจรชีวิตและการติดต่อ เมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะผสมพันธุ์กัน ตัวเมียออกไข่ครั้งละประมาณ2แสนฟองต่อวันไข่มีขนาดเล็กมากมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น มีลักษณะเป็นผิวขรุขระคล้ายผลน้อยหน่า ไข่จะปนออกมากับอุจจาระของผู้ป่วย สาเหตุ กินผัก อาหารหรือน้ำดื่มที่มีไข่พยาธิปนมาด้วย เมื่อไข่พยาธิถูกกลืนเข้าสู่กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กแล้ว ตัวอ่อนที่อยู่ในไข่จะออกมาและไชทะลุผนังลำไส้านกระแสเลือดไปยังตับและหัวใจและปอด แล้วไชทะลุถุงลมปอดเข้าไปฟักและเจริญเติบโต จากนั้นก็จะคลานไปตามหลอดลม จนถึงลิ้นไก่บริเวณหลอดอาหารก็จะถูกกลืนลงกระเพาะอาหารแล้วเจริญเป็นตัวแก่ในลำไส้เล็กต่อไป อาการ มักไม่แสดงอาการชัดเจน แต่ร่างกายจะถูกพยาธิแย่งสารอาหารไป เป็นสาเหตุทำให้ผู้ป่วยมีสติปัญญาเสื่อม ร่างกายอ่อนแอไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร ผอมแห้ง หัวโต พุงโร ก้นปอด ถ้าพยาธิไชเข้าปอด จะทำให้ปอดอักเสบ ไข้สูง และไอ การรักษา ปรึกษาแพทย์ การรับประทานยาถ่ายพยาธิไส้เดือนต้องใช้ยาที่มีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันพยาธิไส้เดือนไชทะลุลำไส้ ยาถ่ายพยาธิไส้เดือนที่ใช้ได้ผลคือ "ปิบเปอราซีนไซเตรท"ขององค์การเภสัชกรรม การป้องกัน ใช้ส้วมที่ถูกสุขลักษณะ รักษาความสะอาของร่างกายก่อนรับประทานอาหารและหลังจากเข้าห้องส้วม อย่าให้เด็กอมนิ้วหรือสิ่งของต่างๆ ดื่มน้ำสุก และล้างผักผลไม้ก่อนรับประทาน โรคพยาธิเส้นด้าย ลักษณะของพยาธิ เป็นพยาธิตัวกลมขนาดเล็กที่มีรูปรางคล้ายด้ายหรือเข็มหมุด ตัวเมียใหญ่กว่าตัวผู้เกือบเท่าตัว ตัวแก่ตัวเมียมีขนาดยาวประมาณ1เซนติเมตร อาศัยอยู่บริเวณลำไส้ใหญ่กับไส้ติ่ง วงจรชีวิตและการติดต่อ เมื่อพยาธิเส้นด้ายตัวเมียได้รับการผสมพันธุ์จากตัวผ้แล้ว จะคลานจากลำไส้ใหญ่ไปออกไข่ที่รอบๆปากทวารหนัก เมื่อออกไข่ประมาณ 10,000-15,000ฟองแล้วก็จะตายไปเพราะถูกอากาศแห้งภายนอก ไข่จะฟักตัวรอบๆปากทวารหนักภายใน2-3ชั่วโมง ไข่จะมีตัวหนอนขดอยู่ภายในกลายเป็นไข่ระยะติดต่อ ถ้าคนรับประทานไข่พยาธิในระยะนี้เข้าไป ตัวอ่อนจะออกจากไข่แล้วเจริญเติบโตเป็นตัวแก่ และผสมพันธุ์กันที่ลำไส้ใหญ่ต่อภายใน2-3สัปดาห์ จะมีชีวิตอยู่ในร่างกายได้นานประมาณ2เดือน สาเหตุ มีไข่พยาธิระยะติดต่อติดอยู่ที่มือ และไข่พยาธิอาจหลุดมาติดที่เสื้อผ้า และเครื่องใช้ต่างๆ และเข้าสู่ปากคน อาการ เกิดความรำคาญขณะที่พยาธิออกมาวางไข่ที่ปากทวารหนัก สำหรับผู้หญิง ตัวพยาธิอาจกลับเข้าทางช่องคลอด ทำให้ปากมดลูกอักเสบ การรักษา ทานยาขับพยาธิไส้เดือนกลมขององค์การเภสัชกรรม การป้องกัน ตัดเล็บให้สั้น ล้างมืออยู่เสมอให้สะอาด ทำความสะอาดเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มและหมั่นนำไปผึ่งแดด กวาดเช็ดถูพื้นบ้านเสมอ โรคพยาธิปากขอ ลักษณะของพยาธิ มีลำตัวทรงกระบอก หัวและท้ายแหลม ขณะมีชีวิตอยู่จะมีตัวสีขาวอมเทาหรือชมพูอมแดง ตัวแก่ยาวประมาณ1เซนติเมตร ขนาดใกล้เคียงกับเส้นด้ายหรือเข็มหมุด อาศัยอยู่บริเวณลำไส้เล็ก โดยใช้เขี้ยวเกาะที่ผนังลำไส้ วงจรชีวิตและการติดต่อ เมื่ออยู่ในร่างกายนาน5สัปดาห์ กจะเจริญเต็มที่ เมื่อผสมพันธุ์กันแล้ว ตัวเมียจะวางไข่ประมาณ6,000-20,000ฟองต่อวัน วางไข่ได้ตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ในร่างกาย ไข่ของพยาธิปากขอจะปนมากับอุจจาระของผู้ป่วยด้วย ถ้าผ้ป่วยถ่ายตามพื้นดิน ประมาณ1-2วันจะมีตัวอ่อนฟักออกจากไข่ ผ่านไปประมาณ2-3สัปดาห์ ตัวอ่อนจะโตเต็มที่ ระยะนี้จะปิดปากไม่กินอะไร คอยที่จะไชเข้าสู่ร่างกายคนตามผิวหนังอ่อนๆเช่น ง่ามนิ้วมือ ง่ามนิ้วเท้า ผิวหนังบริเวณก้น จากนั้นจะไชเข้าสู่กระแสเลือดดำ แล้วไหลไปตามกระแสเลือดจนถึงหัวใจและปอด เมื่อถึงปอดก็จะไชเข้าถุงลมปอดแล้วเจริญเตบโต จากนั้นกคลานไปตามหลอดลมสู่หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก แล้วใช้เขี้ยวกัดเกาะติดกับผนังลำไส้เล็ก เจริญเติบโตต่อไป และสามารถอยู่ในลำไส้ได้ประมาณ6ปี อาการ ถ้ามีพยาธิปากขอในร่างกายจำนวนน้อย จะไม่มีอาการ แต่ถ้ามีเป็นจำนวนมาก จะทำให้สูญเสียเลือดมาก อ่อนเพลีย สติปัญญาเสื่อม เกิดอาการคันบริเวณที่ถูกตัวอ่อนไช เมื่อเกาจะเป็นแผล ระหว่างที่ตัวอ่อนอยู่ในปอดและไชทะลุถุงลม ผ้ป่วยจะมีอากรคล้ายปอดบวมอยู่ระยะหนึ่ง การรักษา ทานยาถ่ายพยาธิปากขอตามคำแนะนำขแงแพทย์ การป้องกัน 1. ถ่ายอุจจาระในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ 2. สวมรองเท้าขณะถ่ายอุจจาระหรือเดินบนพื้นดิน เพื่อป้องกันตัวอ่อนไชเข้าบริเวณง้ามเท้า พยาธิใบไม้ในตับ ลักษณะของพยาธิ ตัวแก่จะมีลักษณะคล้ายใบกระถิน ลำตัวแบน กว้างประมาณ2มิลลิเมตร ยาวประมาณ7มิลลิเมตร หัวเรียวไปสุดที่ปากที่มีรูปร่างเหมือนถ้วยสำหรับดูดเกาะ มีสีเนื้อหรือน้ำตาล มีอวยวะเพศผู้และเพศเมียอยู่ในตัวเดียวกัน วงจรชีวิตและการติดต่อ เมื่อตัวแก่อาศัยอยู่ในท่อน้ำดีภายในตับ จะออกไข่ปนกับน้ำดีเข้าสู่ลำไส้เล็ก และจะออกปะปนไปกับอุจจาระ ถ้าผู้ป่วยถ่ายอุจจาระลงในน้ำ ไข่พยาธิจะถูกหอยน้ำจืดที่มีลักษณะคล้ายหอยขมกินเข้าไป ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนและเจริญเติบโตในตัวหอย ต่อมาจะไชทะลุตัวหอยออกมาว่ายอยู่ในน้ำ เมื่อพบปลาบางชนิด เช่น ปลาขาว ปลากระมัง ก็จะไชทะลุไปอาศัยในตัวปลา จนถึงระยะติดต่อจะสร้างถุงหุ้มตัวเองที่เรียกว่า"ซีสต์"ในเนื้อปลา ถ้าคนนำปลานั้นมาทานสุกๆดิบๆ ถุงหุ้มพยาธิระยะติดต่อจะถูกน้ำย่อยในกระเพาะอาหารละลาย ตัวพยาธิจะออกมาอยู่ในลำไส้เล็ก และหาทางเข้าไปในท่อน้ำดีที่ตับ แล้วเจริญเติบโตเป็นตัแก่ที่ออกไข่ได้ รวมแล้วมีวงโคจรประมาณ3เดือน อาการ เมื่อรับประทานอาหารสุกๆดิบๆที่มีพยาธิใบไม้ในตับแล้ว ระยะติดต่อเข้าไปนานประมาณ1เดือนจะเริ่มแสดงอาการของโรคอกมามีความรุนแรงมากขึ้น รุนแรงหรือไม่รุนแรงขึ้นอยู่กับจำนวนพยาธิที่มีอยู่และระยะเวลาของการเจ็บป่วย ดังนั้นผู้ป่วยจึงมีอาการในลักษณะดังนี้ 1. อาการเล็กน้อย พบในผู้ป่วยที่มีพยาธิใบไม้ในตับน้อยกว่า1,000ใบต่ออุจจาระ1กรัม ผู้ป้วยจะท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดหลังรับประทานอาหารเป็นบางครั้ง 2. อาการปานกลาง พบในผู้ป่วยที่มีไข่พยาธิตั้งแต่1,000-3,000ใบในอุจจาระ1กรัม ผู้ป่วยจะแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ โดยจะมีอาการหลังทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันมาก ผู้ป่วยจะมีไข้ต่ำ ท้องเดิน ถ่ายอุจจาระเหลววันละ3-4ครั้ง เบื่ออาหาร เจ็บท้องและชายโครงบริเวณตับ 3. อาการหนัก พบในผู้ป่วยที่มีไข่พยาธิเกิน3,000ใบในอุจจาระ1กรัม ผู้ป่วยจะซูบซีด เลือดจาง ตับโต หนังหน้าท้องบางจนมองเห็นเส้นเลือดดำชัด ท้องมานและบวมตามขา และถ้าพยาธิรบกวนท่อน้ำดีก็จะทำมให้เป็นโรคตับแข็ง ถ้าพยาธิไปอุดขวางท่อน้ำดีไว้ น้ำดีจะไหลลงสู่ลำไส้ไม่สะดวก ทำให้ย่อยอาหารประเภทไขมันไม่เต็มที่ ผู้ป่วยจะท้องอืดท้องเฟ้อ มีอาการดีซ่าน เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย การรักษา ให้แพทย์ตรวจรักษา การป้องกัน 1. ไม่ทานเนื้อปลาดิบ หรือสุกๆดิบๆ 2. ถ่ายอุจจาระลงในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ ไม่ถ่ายลงในน้ำหรือพื้นดิน 3. ถ้าสงสัยว่าจะมีพยาธิใบไม้ในตับ ให้แพทย์ตรวจอุจจาระ ถ้าพบก็ให้แพทย์ทำการรักษาต่อไป พยาธิตัวตืดหรือพยาธิตัวแบน ลักษณะของพยาธิ มีลักษณะแบนและยาวมองดูคล้ายบะหมี่ขดตัวไปมา บางตัวอาจยาวถึง4-6เมตร มีส่วนกว่างที่สุดประมาณ1.2เซนติเมตร ส่วนหัวมีขนาดเท่าหัวเข็มหมุด และมีเบ้าคล้ายเบ้าขนมครก4อันสำหรับไว้ยึดเกาะติดกับผนังลำไส้ ลำตัวจะแบ่งออกเป็นปล้องๆ ส่วนคอของพยาธิมีลักษณะเรียว สามารถงอกและแบ่งตัวเป็นปล้องใหม่ได้เรื่อยๆ เพื่อชดเชยปล้องตอนท้ายที่ต้องหลุดไป เมื่อแก่ปล้องทุกปล้องจะดดกินอาหารจากลำไส้เล็กได้ และสามารถสืบพันธุ์ได้ วงจรชีวิตและการติดต่อ ปล้องทุกปล้องจะมีอวัยวะเพศทั้ง2เพศ เมื่อเป็นตัวแก่จะผสมพันธุ์กันที่ปล้อง และจะออกไข่เก็บสะสมในปล้อง เมื่อปล้องแก่จัดจะหลุดออกมานอกร่างกายพร้อมกับอุจจาระ ถ้าผู้ป่วยถ่ายอุจจาระลงพื้นดินหรือตามหญ้า ปล้องนั้นสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมได้นาน เมื่อวัวหรือหมูมากินหญ้าหรืออาหาร ก็จะกินปล้องพยาธิที่ติดอยู่ไปด้วย ตัวอ่อนของพยาธิจชอนไชเข้าสู่ผิวหนังและหลอดเลือด แล้วตัวอ่อนจะไหลไปตามหลอดเลือดไปอาศัยตามกล้ามเนื้ต่างๆ และเจริญติบโตต่อไปที่กล้ามเนื้อ เมื่อถึงระยะหนึ่งพยาธิก็จะสร้างฝักหุ้มตัวเองไว้เปนระยะติดต่อ โดยจะมีลักษณะเป็นเม็ดขุ่นขาวที่เรียกว่า"เม็ดสาคู" ถ้าหากคนนำเนื้อที่มีเม็ดสาคูมาประกอบอาหารโดยไม่ทำให้สุก เม็ดสาคูนั้นจะตกไปที่ลำไส้ ตัวอ่อนก็จะออกจากฝัก แล้วใช้ส่วนหัวดูดยึดเกาะผนังลำไส้ ล้วเจริญต่อตัวเป็นปล้องๆยาวขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นตัวแก่ อาการ บางครั้งพยาธิจะคลานออกมาทางทวารหนักในขณะที่ไม่รู้ตัว ทำให้อับอายได้ พยาธิชนิดนี้จะแย่งอาหารโดยเฉพาคาร์โบไฮเดรต ทำให้ผู้ป่วยหิวง่าย ทำให้เกิดลำไส้อาการทางประสาท นอนไม่หลับ เวียนศีรษะ ปวดท้อง ถ้าตัวอ่อนติดอยู่ตามกล้ามเนื้อสมอง ตับ หัวใจ หรือนัยน์ตา ทำให้เกิดอาการต่างๆเช่น ลมบ้าหมู แลถ้าเป็นมากๆอาจตายได้ การรักษา ทานยาขับถายพยาธิตามคำแนะนำของแพทย์ การป้องกัน ถ่ายอุจจาระในส้วมที่ถูกสุขลักษณะ ก่อนซื้อเนื้อวัว เนื้อกระบือ หรือเนื้อหมู มาทาน ควรตรวจดูด้วยว่าเนื้อนั้นมีเม็ดสาคูหรือไม่ รับประทานเนื้อวัว เนื้อกระบือ หรือเนื้อหมู ที่ผ่านการทำให้สุกแล้วเท่านั้น ขอบคุณครับ ข้อมูล ดีๆรู้ไว้จะได้เลือกทาน ได้ถูกสุขลักษณะ มากขึ้นครับ Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
Kwun_Aon Posted September 21, 2012 Report Share Posted September 21, 2012 เหวอ.................................. Quote Link to comment Share on other sites More sharing options...
Recommended Posts
Join the conversation
You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.