-
Posts
35 -
Joined
-
Last visited
Content Type
Profiles
Forums
Events
Everything posted by Sam LADDER
-
Regulator น้ำมันของ FD อยู่ตรงไหน
Sam LADDER replied to sceng_me's topic in Drivers Talk | ห้องคนขับ
คือหมายเลข 6 ตามไดอะแกรมที่คุณทอมมี่เอาให้ดู ทำไม ไม่เอาของ FB มาใส่ครับ -
พี่เห็นต่างน่ะ - ไหนๆก็เสียเงินแล้ว ควรใช้จานแบบ 2 ชิ้น และอัพขนาดไปจานเต็ม limit ของล้อ คือล้อ 17" สามารถลงจานได้ประมาณ 330 - 335 แล้วแต่ขนาดความใหญ่โตของตัวปั๊ม - จานโตๆ แบบชิ้นเดียว ข้อเสียคือหนัก หนักจนรู้สึกได้ว่าออกตัวแล้วอืด .. มันจะกินแรงกำลังของเครื่อง - ความหนาของจาน ให้ดูที่ spec ของตัวปั๊มเป็นหลัก +/- ได้นิดหน่อย เน้นไปทาง + จะดีที่สุด เช่นสเปคของปั๊ม จับจาน 28 mm. ก็ควรใช้จานไม่เกิน 29 mm. เป็นต้น ข้อนี้ มีเหตุผลเรื่อง ระยะการบีบตัวของลูกสูบ .. เข้ามาเกี่ยวข้อง - ระวังเรื่องความหนาของตัวจาน หลายๆร้านมักจะเอาจานหนาๆ มาปาดหน้าปาดหลัง เพื่อให้ฟิต / ลงตัวกับปั๊ม ข้อเสียคือ ระยะ Max / Min ของความหนาตัวจาน มันมี limit อยู่ .. หากบางเกิน limit ก็จะมีปัญหาเรื่องความแข็งแรง ฯลฯ
-
วางK20A ใน FD1 รุ่น 2.0
Sam LADDER replied to et2207's topic in Dress up & Tuning | ห้องสนทนานักแต่งรถ
ที่อเมริกาจะอยู่ใน TSX 205 hp -
วางK20A ใน FD1 รุ่น 2.0
Sam LADDER replied to et2207's topic in Dress up & Tuning | ห้องสนทนานักแต่งรถ
ไหนๆก็วางแล้ว .. ไป K24A2 ดีกว่า วันใดนึกคึก ก็ซิ่งได้ไม่อายใคร ราคาคงไม่แตกต่างกัน -
ฮอนด้า .. วัดน้ำมันเกียร์ตอนดับเครื่อง - สตาร์ทรถสักพักนึง พอเครื่องร้อนหรือพัดลมทำงาน .. ดับเครื่อง - ทิ้งไว้สัก 30 วิ - 1 นาที แล้วค่อยดึงก้านวัด - ระดับน้ำมันเกียร์ที่เหมาะสม จะอยู่ประมาณรอยหยักของก้าน จำนวนการเติมน้ำมันเกียร์ ไม่แน่ ไม่นอน ผมถ่ายเอง ทำเอง .. ถ่ายทิ้งแบบเนียนๆ ให้หยดหมดทุกเม็ด .. ก็ใช้มากกว่าศูนย์ (เปิดคู่มือดูด้านหลังๆได้)
-
ดูที่เพลาขับครับ
-
อยากทราบว่า FD สามารถจูนรอบเดินเบาได้มั้ยครับ
Sam LADDER replied to Toonjung4's topic in Drivers Talk | ห้องคนขับ
ล้างลิ้นมี 2 วิธีครับ คือถอดก็ได้ / ไม่ถอดก็ได้ ช่างบางคนไม่อยากถอด เพราะลิ้นไฟฟ้ามีโอกาสเสี่ยงกับผลที่ตามมา หากถอดมาล้างแล้วผล effect ตามมาเช่นรอบเดินเบาไม่นิ่ง .. ก็ทำ ecu learning ฯลฯ -
สอบถามผู้รู้หน่อยค่ะ เรื่องไฟเกียร์ D กระพริบที่หน้าปัดรถ
Sam LADDER replied to Piak20's topic in Drivers Talk | ห้องคนขับ
โดยปกติทั่วไป หากไฟเกียร์ D กระพริบ แสดงว่ามีปัญหาในระบบการขับเคลื่อน ซึ่งหมายถึงตัวเกียร์ และ sensor ที่ควบคุมระบบเกียร์ - อาการแบบนี้หากมีไฟ check engine ขึ้นโชว์ด้วย เราก็จะวิเคราะห์ปัญหาได้ถูกต้องแม่นยำ ด้วยการใช้ OBDll SCANNER แบบที่ช่างทำให้ .. แต่ - ช่างที่น้องเจอ คงไม่มีประสพการณ์ หรือมีความรู้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะ กลายเป็นให้ล้างเกียร์ ซึ่งที่ถูกต้องควรมุ่งไปที่ระบบไฟ หรือตัว Sensor ก่อน - หากระบบไฟ ระบบ sensor ไม่มีปัญหา .. ก็แสดงว่าตัวเกียร์ใกล้จะได้อายุของมันแล้ว (ประมาณ +/- 250,000 กม.) .. โอเวอร์ฮอล ก็คง +/- 25,000 บาท . . - หากเป็นผม .. การล้างเกียร์นั้นจะใช้กับรถที่มีอายุพอประมาณระดับหนึ่งเท่านั้น จะไม่ใช้กับรถที่มีอาการแบบนี้ (เพราะถือว่าสายเกินไปนิดนึง) ฯลฯ -
K24a2 มีที่ไหนรับวางบ้างครับ
Sam LADDER replied to alohapapiga's topic in Dress up & Tuning | ห้องสนทนานักแต่งรถ
ผมเคยแนะนำน้องๆ ไปหลายคน ให้เล่นเครื่องตัวนี้แทน K20 ฝาแดง เพราะราคายังไม่แรง .. โมนิด โมหน่อย ไปไกลกว่าฝาแดงเยอะ วางแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะทอร์คเยอะ ฯลฯ -
มันยากที่จะชี้ขาดว่าใครกินใคร ใครชนะใคร .. เพราะมีปัจจัยหลายๆอย่าง จริงอยู่ที่ M/T จะได้เปรียบ A/T .. แต่หากเป็นรถบ้านเดิมๆทั่วไปเหมือนกัน รุ่นเดียวกัน แต่งดีๆ มันก็ไม่หนีกันเท่าไหร่ สรุปคือใช้งานทั่วไป M/T A/T ไม่หนีกัน แต่หากแต่งเพื่อการแข่งขัน จุดอ่อนของ A/T ก็อยู่ที่ระบบเกียร์เท่านั้น คนเลยไม่นิยมกัน คำถามของ จขกท. คือ อยากแรงในแบบฉบับ A/T ซึ่งสามารถทำได้ในระดับหนึ่ง คือประมาณวิ่งไหลๆ ลื่นๆกว่าเดิม น่าจะประมาณนั้น แนะนำ Light Turbo หรือไม่ก็ Supercharger ไปเลยครับ
-
หากน้องกังวลเรื่องแบบนี้ - หลังจากถ่ายน้ำมันเครื่อง flushing oil ทิ้ง ให้เติมน้ำมันเครื่องจริงๆชนิดราคาถูกลงไป แล้วสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ ทำเหมือนขั้นตอนการ flushing (แต่รอบนี้ใช้น้ำมันเครื่องจริงๆ) - สักพักก็ถ่ายน้ำมันเครื่องถูกๆนั้นทิ้ง .. แล้วค่อยใส่น้ำมันเครื่องดีๆลงไป (double flushing) มีอะไรโพสไว้ หากว่างจะเข้ามาช่วยตอบ (เท่าที่รู้) ครับ
-
หมายเหตุ การวัดที่เฮดเดอร์ หมายถึง วัดที่จุดร่วมของไอเสีย เครื่อง K เดิมๆมักจะเป็น 4 > 1 .. ดังนั้นเราวัดที่จุดร่วม 1 ครับ (ไม่ใช่วัดที่ 4)
-
วัดที่ใกล้ๆจุดออกของไอเสีย .. จะได้ค่า A/F ที่ถูกต้องแม่นยำที่สุด คนไทย / จูนเนอร์ไทย .. มักจะมั่วๆ เลยแยกแยะกันไม่ออกว่าอะไร เป็นอะไร
-
วัดแม่นที่สุด ต้องใช้ wideband ฝังไปที่เฮดเดอร์ ต่อปลั๊กสาย ไปที่ A/F Meter ในห้องโดยสาร .. ใช้งบประมาณ +/- 8,000 บาท (อเมริกา) แต่หากใช้ของจีน ของไต้หวันก็จะถูกลงหน่อย
-
วิธีการทำ flushing น้ำมันเครื่อง - ซื้อ flushing oil หนึ่งแกลลอน ราคาประมาณ 500 บาท - ถ่ายน้ำมันเครื่อง ของเดิมออกทิ้ง (แบบถ่ายปกติ) อย่าเพิ่งเอากรองเดิมทิ้ง - เอาน้ำมัน flushing oil (ที่ใสแบบตาตั๊กแตน) เติมใส่ลงในเครื่อง ทำแบบเติมน้ำมันเครื่องปกติทั่วไป - สตาร์ตเครื่องทิ้งไว้สัก 10 นาที - ถ่ายน้ำมัน flushing oil ทิ้ง ถึงตอนนี้ เราจะเห็นว่า .. น้ำมันที่ถ่ายทิ้ง ดำปี๋ .. ดำแบบที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ซากตะกอน ที่เคยตกค้าง หมกหมมในระบบเครื่องยนต์ จะออกมากับน้ำมัน flushing นั่นแหละ - สุดท้าย ถอกรองเดิมทิ้ง เอาน้ำมันเครื่องปกติ เทใส่เติมลงไป เหมือนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทั่วไป เสร็จสิ้นขบวนการ
-
มองในมุมกลับกัน ทุกครั้งที่เราเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง .. ถ่ายออกหมดไหม ถ่ายออกไม่หมดแล้วมันไปค้างอยู่ตรงไหน .. ค้างอยู่นานเท่าใดแล้ว ค้างสะสมนานๆไปแล้วเกิดอะไรขึ้น .. สิ่งเหล่านี้คิดกันบ้างหรือเปล่า ลอง flush ดูสักครั้งแล้วน้องๆจะต้องตกตะลึง กับสิ่งที่ได้เห็น โดยเฉพาะตัวของน้ำมันที่ระบายออกมา ไม่เสียหายอะไรหรอกครับ .. ลองทำดู กล้าพูดแบบนี้เพราะเคยทำ และทำมานานหลายปีแล้ว ทุกคนสามารถ flush ด้วยตัวเองที่บ้านหรือที่อู่ไหนๆ ไม่ยากครับ (แต่เกียร์อาจจะยากนิดนึง)