Jump to content

กรอง K&N แบบแทนกรองกระดาษแบบเดิม ใช้งานดีไหมครับ


Recommended Posts

ลอง search ดู มี 2 กระแส คือ

 

1. ติดแล้ว แย่ลงนิดหน่อย ลิ้นปีกผีเสื้อ น้ำมันเครื่อง ดำ ไว

 

2. ติดแล้ว เหมือนเดิม หรือ ดีขึ้นนิดหน่อย

 

 

อยากทราบว่า ระหว่างกรองอากาศแบบเดิม กับ แบบ K&N ที่วางแทนที่ได้เลย

 

แบบไหนดีกว่ากันครับ และมีผลกับเครื่องมากหรือป่าว

Link to comment
Share on other sites

รวมๆ ดีขึ้นประมาณ 5% ครับ

 

-วิ่งดีขึ้น

-ประหยัดน้ำมันขึ้น

 

ข้อเสีย

 

ต้องหมั่นล้างบ่อยๆครับ สัก5000โล กำลังดี

Link to comment
Share on other sites

รวมๆ ดีขึ้นประมาณ 5% ครับ

 

-วิ่งดีขึ้น

-ประหยัดน้ำมันขึ้น

 

ข้อเสีย

 

ต้องหมั่นล้างบ่อยๆครับ สัก5000โล กำลังดี

 

หนับหนุนอีกเสียงครับ ผมใช้อยู่เหมือนกัน :D :D :D

Link to comment
Share on other sites

น่าสน ดีครับ เพราะ ของผมนี่่ออกรถมาใกล้จะหมื่นโลแล้ว แกะดูก็ยังไม่ดำมาก คิดว่าจะเปลี่ยนก่อนเลยดีไหม

 

แต่ว่า จะมีผลต่อเครื่องไหมครับ

Link to comment
Share on other sites

ผมว่ามันอยู่ที่การดูแลรักษาด้วยหมั่นล้าง ชุบน้ำยาเหมาะสม ก็น่าจะดีครับ

 

แต่ผมไม่ชำนาญเลยขอใช้กรองเดิมๆแทนครับ ^^~

Link to comment
Share on other sites

รู้สึก จะมีคนทดสอบ ขึ้น DYNO แล้วนะ

ยิ่งกว่านั้น ยังมีบางคนถอดกรองออกด้วย

เท่าที่จำได้ผลออกมาไม่แตกต่างครับ

เดี่ยวรอเจ้าตัวออกมายืยยันอีกทีล่ะกันนะครับ ผมจำ Log-in ไม่ได้จริงๆว่าใคร

แต่ข้อดีที่เห็นกันได้จะจะก็คือระยะยาวประหยัดนี้แหล่ะ

Link to comment
Share on other sites

บอกตามตรงนะครับของเดิมจากศูนย์คือที่สุดครับ

 

อยากได้ k&n ผมมี เอามะมือสอง กิ๊ปๆ ใส่แล้ววิ่งดีขึ้นจริง แต่น้ำมันเครื่องดำไวมาก แล้วแต่ท่านเลย

Link to comment
Share on other sites

บอกตามตรงนะครับของเดิมจากศูนย์คือที่สุดครับ

 

อยากได้ k&n ผมมี เอามะมือสอง กิ๊ปๆ ใส่แล้ววิ่งดีขึ้นจริง แต่น้ำมันเครื่องดำไวมาก แล้วแต่ท่านเลย

ขอราคาหน่อยจิ อยากรู้ว่ามันดีมั้ย

Link to comment
Share on other sites

บอกตามตรงนะครับของเดิมจากศูนย์คือที่สุดครับ

 

อยากได้ k&n ผมมี เอามะมือสอง กิ๊ปๆ ใส่แล้ววิ่งดีขึ้นจริง แต่น้ำมันเครื่องดำไวมาก แล้วแต่ท่านเลย

 

ทำไมน้ำมันเครื่องดำไวอ่ะครับ ฝุ่นเข้าเครื่องไวหรอครับ

Link to comment
Share on other sites

แบบไหนดีกว่า ตอบยาก

 

กรอง K&N อาจไม่ละเอียดเท่าของศูนย์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เครื่อง พัง เร็วกว่าแต่อย่างใด

 

เอาเป็นว่า ถ้าใครคิดว่า คุ้มค่า จ่ายเงินทีเดียว ไม่ต้องใช้ได้ถึง ล้านกิโล แบบที่เขาโฆษณาหรอก แค่ซัก แสนโล แล้วเปลี่ยนใหม่่

ผมก็ว่าคุ้ม น่าสนใจน่ะ สำหรับคนที่ไม่อยากเปลียนกรองศูนย์บ่อยๆ

 

แต่ถ้าใครขี้เกียจต้องมานั่งล้าง เพราะคิดว่าล้างแล้วก็งั้นๆ เปลี่ยนใหม่ดีกว่า ก็ใช้ของศูนย์ก็ได้ครับ เปลี่ยนบ่อยๆก็ดีเหมือนกัน

Link to comment
Share on other sites

ในความคิดเห็นของผมครับ

 

กรอง K&N

ข้อดี ความละเอียดของกรองน้อยกว่าของศูนย์ ทำให้อากาศไหลเข้าได้มากชึ้น, ทนทาน สามารถใช้งานได้ หนึ่งล้าน กิโลเมตร ตามสเปค

ข้อเสีย ต้องล้างทำความสะอาด ชโลมน้ำยาเคลือบเอง ครับ

 

กรอลศูนย์

ข้อดี ความละเอียดของกรองมากกว่า ทำให้สามารถดักจับสิ่งสกปรก ฝุ่นละออง ได้ดี, เปลี่ยนใหม่เมื่อถึงกำหนดเปลี่ยน สะดวก

ข้อเสีย นำกลับมาใฃใหม่เรื่อยๆ ไม่ได้

Link to comment
Share on other sites

เคยอ่านเจอว่าถ้าชโลมน้ำยามากไปอาจทำให้ลิ้นปีกผีเสื้อสกปรกได้

 

ปัญหาคือชโลมเท่าไรจึงจะเหมาะสมครับ อยากให้แนะนำวิธีหน่อยครับ

Link to comment
Share on other sites

เคยอ่านเจอว่าถ้าชโลมน้ำยามากไปอาจทำให้ลิ้นปีกผีเสื้อสกปรกได้

 

ปัญหาคือชโลมเท่าไรจึงจะเหมาะสมครับ อยากให้แนะนำวิธีหน่อยครับ

 

พ่นน้ำยาเฉพาะด้านที่อากาศเข้าครับ ด้านอากาศออกไม่ต้องพ่น พ่นบางๆก็พอครับไม่ต้องให้เยิ้ม

Link to comment
Share on other sites

ขอเอาข้อมูลเก่า มาเล่าใหม่นะครับ ;)

 

ประเภทของกรองอากาศหลักๆ ก็มี

 

1. กรองกระดาษ (กรองแห้ง)

 

กรองเดิมติดรถเป็นแบบแห้ง ตัวแผ่นกรองทำจากกระดาษ (dry, paper filter) แลัวพับเป็นจีบ (pleated) เพื่อเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสในการกรองอากาศให้มากขึ้น กรองฝุ่นผงได้ดีที่สุด แต่อากาศไหลผ่านได้ไม่ดี ไม่สามารถทำความสะอาดได้ ทำได้เพียงเป่ากรองเพื่อลดฝุ่นที่เกาะอยู่บนผิวกระดาษ อายุการใช้งาน 20,000 กิโลเมตร

 

oemfilterpleating.jpg

 

2. กรองแผ่นโฟม (กรองแห้ง)

 

เช่นกรอง HKS เป็นกรองแห้ง ตัวแผ่นกรองทำจากโฟม (dry, foam filter) อากาศผ่านได้ดี HKS ใช้โฟมความละเอียดต่างกัน 3 ชั้นเพื่อเพิ่มความสามารถให้การกรองฝุ่นให้ดีีขึ้น สามาทำความสะอาดโดยล้างน้ำตัวแผ่นกรองได้ อายุการใช้งาน 30,000 กิโลเมตร

 

shf_img_02.gif

 

3. กรองผ้ากอซ (กรองเปียก)

 

ส่วนกรอง K&N เป็นกรองเปียก ตัวกรองเป็นผ้ากอซ (wet, gauze filter) นำมาทำเป็บจีบอยู่ในโครงตาข่าย อากาศผ่านได้ดี แต่ความสามารถในการกรองผุ่นต่ำ จึงจำเป็นต้องอาศัยน้ำยามาฉีดที่ตัวกรองเพื่อเพิ่มดักฝุ่นให้เกาะอยู่ที่ผิวตัวกรอง เมื่อใช้ไปถึงระยะเวลาหนึ่ง ฝุ่นก็จะเกาะอยู่บนผิวของตัวกรองทำให้อากาศไหลผ่านได้ไม่ดี จึงต้องนำมาล้างแล้วฉีดน้ำยาใหม่ ข้อดีคือสามารถล้างน้ำและนำมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ

 

ข้อควรระวังก็คือ ไม่ควรฉีดน้ำยามากเกินไป เพราะน้ำยาอาจไปเกาะที่ตัว Mass Airflow Sensor ทีอยู่ในกล่องกรองอากาศได้ครับ

 

knmicro_2.jpgknmicro.jpg

 

cutaway_afe.jpg

 

gauzefilterexplode.jpg

Link to comment
Share on other sites

ขอเอาข้อมูลเก่า มาเล่าใหม่นะครับ ;)

 

ประเภทของกรองอากาศหลักๆ ก็มี

 

1. กรองกระดาษ (กรองแห้ง)

 

กรองเดิมติดรถเป็นแบบแห้ง ตัวแผ่นกรองทำจากกระดาษ (dry, paper filter) แลัวพับเป็นจีบ (pleated) เพื่อเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสในการกรองอากาศให้มากขึ้น กรองฝุ่นผงได้ดีที่สุด แต่อากาศไหลผ่านได้ไม่ดี ไม่สามารถทำความสะอาดได้ ทำได้เพียงเป่ากรองเพื่อลดฝุ่นที่เกาะอยู่บนผิวกระดาษ อายุการใช้งาน 20,000 กิโลเมตร

 

oemfilterpleating.jpg

 

2. กรองแผ่นโฟม (กรองแห้ง)

 

เช่นกรอง HKS เป็นกรองแห้ง ตัวแผ่นกรองทำจากโฟม (dry, foam filter) อากาศผ่านได้ดี HKS ใช้โฟมความละเอียดต่างกัน 3 ชั้นเพื่อเพิ่มความสามารถให้การกรองฝุ่นให้ดีีขึ้น สามาทำความสะอาดโดยล้างน้ำตัวแผ่นกรองได้ อายุการใช้งาน 30,000 กิโลเมตร

 

shf_img_02.gif

 

3. กรองผ้ากอซ (กรองเปียก)

 

ส่วนกรอง K&N เป็นกรองเปียก ตัวกรองเป็นผ้ากอซ (wet, gauze filter) นำมาทำเป็บจีบอยู่ในโครงตาข่าย อากาศผ่านได้ดี แต่ความสามารถในการกรองผุ่นต่ำ จึงจำเป็นต้องอาศัยน้ำยามาฉีดที่ตัวกรองเพื่อเพิ่มดักฝุ่นให้เกาะอยู่ที่ผิวตัวกรอง เมื่อใช้ไปถึงระยะเวลาหนึ่ง ฝุ่นก็จะเกาะอยู่บนผิวของตัวกรองทำให้อากาศไหลผ่านได้ไม่ดี จึงต้องนำมาล้างแล้วฉีดน้ำยาใหม่ ข้อดีคือสามารถล้างน้ำและนำมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ

 

ข้อควรระวังก็คือ ไม่ควรฉีดน้ำยามากเกินไป เพราะน้ำยาอาจไปเกาะที่ตัว Mass Airflow Sensor ทีอยู่ในกล่องกรองอากาศได้ครับ

 

knmicro_2.jpgknmicro.jpg

 

cutaway_afe.jpg

 

gauzefilterexplode.jpg

 

ขอบคุณข้อมูลดีๆ ครับ ขออนุญาตเอาไปเผยแพร่เป็นความรู้นะครับ

Link to comment
Share on other sites

ขอบคุณครับ

 

ตอนนี้ยังชั่งใจไม่ออก ว่าจะไป KN ดีไหม .. กลัวเรื่องมีผลต่อการขับ อืดขึ้น หรือ ทำให้เครื่องมีปัญหาระยะยาว แหละครับ

 

เพราะคันนี้กะใช้ยาวววววเลยครับ

Link to comment
Share on other sites

ใช้ดีขึ้นหรือแย่ลง คุณเท่านั้นคือผู้ตัดสินใจ เพราะว่า ของแต่งแต่ละอย่างไม่ได้เหมาะกับทุกคน ดีอย่างเสียอย่าง คุณรับได้ส่วนนึงแต่รับไม่ได้อีกอย่างนึง ก็ตัดสินใจเอง ของดีแต่ไม่เหมาะกับการใช้งาน ก็คือไม่ดี ของไม่ดีแต่เหมาะกับการใช้งาน ก็คุ้มค่ากันไป

 

การใช้ของแต่งต้องศึกษาว่าเหมาะสำหรับเราหรือเปล่า...ครับ....

Link to comment
Share on other sites

ขอเอาข้อมูลเก่า มาเล่าใหม่นะครับ ;)

 

ประเภทของกรองอากาศหลักๆ ก็มี

 

1. กรองกระดาษ (กรองแห้ง)

 

กรองเดิมติดรถเป็นแบบแห้ง ตัวแผ่นกรองทำจากกระดาษ (dry, paper filter) แลัวพับเป็นจีบ (pleated) เพื่อเพิ่มพื้นที่หน้าสัมผัสในการกรองอากาศให้มากขึ้น กรองฝุ่นผงได้ดีที่สุด แต่อากาศไหลผ่านได้ไม่ดี ไม่สามารถทำความสะอาดได้ ทำได้เพียงเป่ากรองเพื่อลดฝุ่นที่เกาะอยู่บนผิวกระดาษ อายุการใช้งาน 20,000 กิโลเมตร

 

oemfilterpleating.jpg

 

2. กรองแผ่นโฟม (กรองแห้ง)

 

เช่นกรอง HKS เป็นกรองแห้ง ตัวแผ่นกรองทำจากโฟม (dry, foam filter) อากาศผ่านได้ดี HKS ใช้โฟมความละเอียดต่างกัน 3 ชั้นเพื่อเพิ่มความสามารถให้การกรองฝุ่นให้ดีีขึ้น สามาทำความสะอาดโดยล้างน้ำตัวแผ่นกรองได้ อายุการใช้งาน 30,000 กิโลเมตร

 

shf_img_02.gif

 

3. กรองผ้ากอซ (กรองเปียก)

 

ส่วนกรอง K&N เป็นกรองเปียก ตัวกรองเป็นผ้ากอซ (wet, gauze filter) นำมาทำเป็บจีบอยู่ในโครงตาข่าย อากาศผ่านได้ดี แต่ความสามารถในการกรองผุ่นต่ำ จึงจำเป็นต้องอาศัยน้ำยามาฉีดที่ตัวกรองเพื่อเพิ่มดักฝุ่นให้เกาะอยู่ที่ผิวตัวกรอง เมื่อใช้ไปถึงระยะเวลาหนึ่ง ฝุ่นก็จะเกาะอยู่บนผิวของตัวกรองทำให้อากาศไหลผ่านได้ไม่ดี จึงต้องนำมาล้างแล้วฉีดน้ำยาใหม่ ข้อดีคือสามารถล้างน้ำและนำมาใช้ใหม่ได้เรื่อยๆ

 

ข้อควรระวังก็คือ ไม่ควรฉีดน้ำยามากเกินไป เพราะน้ำยาอาจไปเกาะที่ตัว Mass Airflow Sensor ทีอยู่ในกล่องกรองอากาศได้ครับ

 

knmicro_2.jpgknmicro.jpg

 

cutaway_afe.jpg

 

gauzefilterexplode.jpg

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับพี่
Link to comment
Share on other sites

ใช้ดีขึ้นหรือแย่ลง คุณเท่านั้นคือผู้ตัดสินใจ เพราะว่า ของแต่งแต่ละอย่างไม่ได้เหมาะกับทุกคน ดีอย่างเสียอย่าง คุณรับได้ส่วนนึงแต่รับไม่ได้อีกอย่างนึง ก็ตัดสินใจเอง ของดีแต่ไม่เหมาะกับการใช้งาน ก็คือไม่ดี ของไม่ดีแต่เหมาะกับการใช้งาน ก็คุ้มค่ากันไป

 

การใช้ของแต่งต้องศึกษาว่าเหมาะสำหรับเราหรือเปล่า...ครับ....

 

โดนใจจริงๆๆ ครับ

Link to comment
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

Loading...
×
×
  • Create New...