Jump to content

mnirun

CCTH Member
  • Posts

    192
  • Joined

  • Last visited

Reputation Activity

  1. Like
    mnirun got a reaction from Natthachai in [Review] Cyber Clean Car เจลทำความสะอาด กำจัดเชื้อโรคได้ถึง 99.999%   
    สว้สดีครับเพื่อนๆ ทุกท่าน วันนี้ขอมารีวิวอะไรเปลกๆ กันบ้าง กับเจ้า Cyber Clean Car เจลทำความสะอาด ที่ว่ากันว่าสามารถกำจัดเชื้อโรคได้ถึง 99.999%
     
    Cyber Clean เป็นเจลทำความสะอาด มี 4 ชนิด ได้แก่ Car, Home & Office, Hypoallergenic, และ For Inside Shoes แต่สำหรับในวันนี้ผมจะมารีวิวตัว Cyber Clean Car ครับ
     
    ก่อนอื่นเรามาลองดูวิดีโอก่อนสักนิด จะได้เข้าใจว่าเจ้า Cyber Clean มันคืออะไร
     

    http://www.youtube.com/watch?v=jKoH6A2CDyU
     
     
    มาดูของจริงกันเลย
     

     
    เปิดฝากระปุกมาก็เจอกันแผ่นฟอยด์
     

     
    แกะออกมา ก็จะเห็น Cyber Clean สีฟ้าในกระปุก
     

     
    ดูกันให้ชัดๆ สักนิด
     

     
    ถึงเวลาลองของจริงกันแล้ว
     

     
    ตัว Cyber Clean จะนิ่มๆ ผิวเหมือนจะมีน้ำอยู่นิดๆ แต่เมื่อใช้งานไม่ทำให้พื้นผิวเปียกแต่อย่างใด
     

     
    รอช้าอยู่ใย เริ่มกันเลย จัดช่องแอร์ไปเต็มๆ แบบนี้
     

     
    ดึงออกมาเป็นรูปช่องแอร์ไปแล้ว
     

     

     
    สังเกตว่าฝุ่นเริ่มหายไปแล้วแต่ยังไม่หมดดีนักเนื่องจากเป็นช่องเล็กๆ ก็ให้เราทำความสะอาดหลายๆ ครั้งหน่อยครับ
     

     
    จัดปุ่มบนพวงมาลัยไปสักชุด
     

     

     

     
    ดึงออกมาเป็นรูช่องพวงมาลัยเลย
     

     
    สะอาดเอี่ยม
     

     
    จัดไปอีกทุกที่ ที่เราต้องการ
     

     
    เมื่อใช้งานเสร็จแล้วก็เก็บกลับเข้าไปในกระปุก
     

     
    เราสามารถใช้งาน Cyber Clean ไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะสกปรกมากๆ จนเปลี่ยนสีไปเป็นแบบตัวอย่างข้างกระปุกครับ
     

     
    หาซื้อได้ที่ร้านคอมพิวเตอร์ Hardware House ตามห้างต่างๆ ใกล้บ้านท่าน ราคากระปุกละ 259 บาท แต่ผมซื้อมาจาก Hardware House สาขา Seacon Square ลดราคาเหลือแค่ 165 บาทครับ
     
    หวังว่าเพื่อนๆ จะมีความสนุกในการทำความสะอาดรถคันที่เรารักมากขึ้นอย่างที่ผมเป็นอยู่ครับ
  2. Like
    mnirun got a reaction from TeNNy in มาคุยกันเรื่องหลอดไฟหน้ากัน   
    อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่า Civic FD 1.8 เรานั้นใช้หลอดไฟหน้าชนิดฮาโลเจน (Halogen) ซึ่งผู้ใช้งานส่วนใหญ่ที่ผมได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก็บอกไปแนวทางเดียวกัน
    ว่าไม่ค่อยสว่างสักเท่าใดนัก ต่างกับรุ่น 2.0 ที่ใช้ไฟหน้าชนิด HID (High Intensity Discharge) ทำให้หลายๆ ท่านที่ใช้รถ 1.8 มองหาช่องทางเพิ่มประสิทธิภาพของไฟหน้ารถกัน ซึ่งก็มีทางเลือกหลากหลายทาง ตั้งแต่ การอัพเกรดหลอดไฟหน้า, การใช้ HID Conversion Kit ซึ่งมีหลากหลายเกรด แตกต่างกันไปตามราคา, การเปลี่ยนไปใช้ระบบไฟหน้าของรุ่น 2.0 ทั้งชุด, ไปจนถึง Retrofit แต่ทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากทางหนึ่งก็คือ การอัพเกรดหลอดไฟหน้า เพราะไม่ต้องไปยุ่งกับระบบเดิมของรถยนต์ แค่แปลี่ยนหลอดไฟใหม่เท่านั้นก็จะได้ความสว่างที่มากขึ้นได้ และค่าใช้จ่ายก็ยังไม่แพง ราคาเริ่มตั้งตั้งแต่หลักร้อยปลายๆ ไปจนถึงเกือบสองพันบาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ/รุ่นของหลอดไฟที่เราเลือก
     
    แต่เราทราบกันหรือไม่ว่า ความสว่างและอายุการใช้งานของหลอดไฟอัพเกรดนั้นเป็นอย่างไร ?
     
    ผมได้อ่านข้อมูลของคุณ Daniel Stern จาก Daniel Stern Lighting Consultancy and Supply (http://www.danielsternlighting.com/) ที่ตอบคำถามผู้ที่ได้เขียนอีเมล์ไปถามเขาเกี่ยวกับหลอดไฟ ก็ได้พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้ครับ
     
    Daniel Stern ใช้หลอด H1 เป็นตัวอ้างอิง จากนั้นจึงนำข้อมูลจาก 3 ผู้ผลิตหลอดไฟเจ้าใหญ่ในท้องตลาดมาเปรียบเทียบให้ดู (Osram-Sylvania, Philips-Narva, Tungsram-GE) ตัวเลขจริงอาจแตกต่างกันไปบ้างแต่ก็ไม่มีนัยสำคัญ
     

     

     
    จากข้อมูลข้างต้น เราจะเห็นได้เลยว่า ยิ่งหลอดสว่างมากกว่ามาตรฐานเท่าไหร่ อายุก็ยิ่งสั้นลงเท่านั้น ที่เป็นอย่างนั้นเพราะความสว่างของหลอดไฟส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับไส้หลอด (filament) ถ้าเราเปลี่ยนไส้หลอดเพื่อยืดอายุหลอดให้ยาวนานขึ้น โฟกัสของหลอดไฟก็จะลดลง ทำให้ระยะทางในการส่องสว่างลดลงนั่นเอง แสงที่ได้ก็จะมีสีขาวน้อยลงและมีสีน้ำตาลมากขึ้น
     
    ในทางกลับกัน ถ้าเราเปลี่ยนไส้หลอดให้สว่างมากขึ้น "Plus" (+30, +50, +80, +90) อายุของหลอดก็จะสั้นลง แต่เราก็จะได้ระยะโฟกัสที่ดีขึ้น ระยะทางในการส่องสว่างก็จะมากขึ้นด้วย แสงที่ได้ก็จะออกขาวมากขึ้นและมีสีน้ำตาลน้อยลง
     
    Daniel Stern เองบอกว่าในร้านของเขานั้น สต็อกหลอดไฟ +50 แทนที่จะเป็น +80/+90 ก็เพราะว่าประสิทธิภาพที่ได้เมื่อเทียบกับอายุที่สั้นลงของหลอด +50 นั้น คุ้มค่ากว่า +80/+90 ที่เราได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นจาก +50
     
    ผมเองนำข้อมูลมาเสนอ ก็ไม่ได้จะมาบอกว่าหลอดแบบไหนดีที่สุด เพราะวัตถุประสงค์และความต้องการของแต่ละท่านไม่เหมือนกัน เช่น เพื่อนผมที่เป็นเซลล์ต้องเดินทางต่างจังหวัดตอนกลางคืนค่อยข้างเยอะ บางช่วงในการเดินทางก็ไม่มีแสงไฟจากทางหลวงเลย แน่นอนว่าความสว่างย่อมมาเป็นประเด็นแรกในการตัดสินใจ แต่กลับกันกับผมที่ขับรถในตอนกลางวันเป็นหลักและขับในเส้นทางที่มีแสงไฟจากทางหลวงเกือบตลอดเส้นทาง จึงไม่ได้ต้องการหลอดไฟที่สว่างมากอย่างที่เพื่อนผมที่เป็นเซลล์ต้องการ
     
    หวังว่าบทความสั้น ๆ นี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เข้าใจว่าอายุของหลอด "Plus" นั้น น้อยกว่าหลอดมาตรฐานเสมอ ยิ่งสว่างมากอายุยิ่งสั้นลง และสิ่งสำคัญสำหรับท่านที่เปลี่ยนหลอด "Plus" ท่านควรเปลี่ยนหลอดไฟด้วยตัวเองเป็นและพกหลอดไฟมาตรฐานที่มากับรถติดเอาไว้ในรถเสมอ เพราะหากหลอด "Plus" ขาดลงเมื่อใด ท่านก็จะมีหลอดสำรองพร้อมที่จะใช้งานได้ทันทีครับ
  3. Like
    mnirun reacted to genicide in เปิด รับบริจาคสินค้า เพื่อนำมาลงประมูล ในงานกิจกรรมสร้างพระ   
    ทำบุญมันต้องให้หนักกว่าแต่งรถซิครับพี่น้อง
  4. Like
    mnirun got a reaction from puvit in CODE : รถเมีย!   
    เปลี่ยนกระจกมองข้างเป็น Spoon ด้วยจะหล่อกว่านี้อีก
  5. Like
    mnirun got a reaction from bigheads in [Review] Cyber Clean Car เจลทำความสะอาด กำจัดเชื้อโรคได้ถึง 99.999%   
    สว้สดีครับเพื่อนๆ ทุกท่าน วันนี้ขอมารีวิวอะไรเปลกๆ กันบ้าง กับเจ้า Cyber Clean Car เจลทำความสะอาด ที่ว่ากันว่าสามารถกำจัดเชื้อโรคได้ถึง 99.999%
     
    Cyber Clean เป็นเจลทำความสะอาด มี 4 ชนิด ได้แก่ Car, Home & Office, Hypoallergenic, และ For Inside Shoes แต่สำหรับในวันนี้ผมจะมารีวิวตัว Cyber Clean Car ครับ
     
    ก่อนอื่นเรามาลองดูวิดีโอก่อนสักนิด จะได้เข้าใจว่าเจ้า Cyber Clean มันคืออะไร
     

    http://www.youtube.com/watch?v=jKoH6A2CDyU
     
     
    มาดูของจริงกันเลย
     

     
    เปิดฝากระปุกมาก็เจอกันแผ่นฟอยด์
     

     
    แกะออกมา ก็จะเห็น Cyber Clean สีฟ้าในกระปุก
     

     
    ดูกันให้ชัดๆ สักนิด
     

     
    ถึงเวลาลองของจริงกันแล้ว
     

     
    ตัว Cyber Clean จะนิ่มๆ ผิวเหมือนจะมีน้ำอยู่นิดๆ แต่เมื่อใช้งานไม่ทำให้พื้นผิวเปียกแต่อย่างใด
     

     
    รอช้าอยู่ใย เริ่มกันเลย จัดช่องแอร์ไปเต็มๆ แบบนี้
     

     
    ดึงออกมาเป็นรูปช่องแอร์ไปแล้ว
     

     

     
    สังเกตว่าฝุ่นเริ่มหายไปแล้วแต่ยังไม่หมดดีนักเนื่องจากเป็นช่องเล็กๆ ก็ให้เราทำความสะอาดหลายๆ ครั้งหน่อยครับ
     

     
    จัดปุ่มบนพวงมาลัยไปสักชุด
     

     

     

     
    ดึงออกมาเป็นรูช่องพวงมาลัยเลย
     

     
    สะอาดเอี่ยม
     

     
    จัดไปอีกทุกที่ ที่เราต้องการ
     

     
    เมื่อใช้งานเสร็จแล้วก็เก็บกลับเข้าไปในกระปุก
     

     
    เราสามารถใช้งาน Cyber Clean ไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะสกปรกมากๆ จนเปลี่ยนสีไปเป็นแบบตัวอย่างข้างกระปุกครับ
     

     
    หาซื้อได้ที่ร้านคอมพิวเตอร์ Hardware House ตามห้างต่างๆ ใกล้บ้านท่าน ราคากระปุกละ 259 บาท แต่ผมซื้อมาจาก Hardware House สาขา Seacon Square ลดราคาเหลือแค่ 165 บาทครับ
     
    หวังว่าเพื่อนๆ จะมีความสนุกในการทำความสะอาดรถคันที่เรารักมากขึ้นอย่างที่ผมเป็นอยู่ครับ
  6. Like
    mnirun got a reaction from TeNNy in การเปลี่ยนหลอดไฟต่ำพร้อมรูปประกอบแบบ Step-by-Step   
    อุปกรณ์ที่ใช้
    หลอดไฟต่ำแบบ HB4
    ไขควงปากแบนที่ติดมากับรถ
    ไฟฉาย หากยังไม่มีติดรถหามาไว้สักอันนะครับ

    เวลาที่ใช้: ประมาณ 15 นาที
     
    ขั้นตอนการเปลี่ยนหลอดไฟ
     
    เริ่มแรกก็ไปหยิบไขควงปากแบนมาจากชุดเครื่องมือหลังรถก่อนเลยครับ ใครไม่เคยใช้ หรือไม่เคยเห็นหน้าตาชุดเครื่องมือหลังรถ วันนี้ได้เห็นแล้วครับ
     

     

     
    เราจะเริ่มเปลี่ยนหลอดไฟหน้าขวาก่อน ก็ให้เราสตาร์ทรถยนต์ หักพวงมาลัยไปทางซ้ายให้สุดแล้วดับเครื่อง จากนั้นให้มองหาหมุดยึดซุ้มล้อตรงตำแหน่งที่ลูกศรชี้ไว้ครับ
     

     
    รูปหมุดยึดซุ้มล้อแบบชัดๆ (ผมใช้รูปจากล้อซ้ายนะครับ เพราะรูปจากล้อขวาถ่ายย้อนแสงดูไม่ชัดครับ) เราจะเห็นช่องที่สามารถเสียบไขควงปากแบนเข้าไปได้ หากมองไม่เห็นสามารถหมุนหมุดยึดซุ้มล้อได้ครับ
     

     
    เสียบไขขวงปากแบนเข้าไป
     

     
    บิดไขควงเบาๆ หมุดก็จะหลุดออกมาอย่างง่ายดาย ไม่ต้องงัดครับ
     

     

     
    ใช้มือง้างพลาสติกซุ้มล้อออกมา แล้วมองเข้าไปข้างใน ก็จะเห็นปลั๊กหลอดไฟหน้า (ปลั๊กรถผมจะเลอะน้ำยากันสนิมสีน้ำตาลหน่อยนึง)
     

     
    ใช้มือบีบปลั๊กแล้วค่อยๆ ดึงหัวปลั๊กลงทางด้านล่าง จากนั้นเอาหัวปลั๊กหลบออกไปจะได้ดึงหลอดไฟออกอย่างสะดวก แล้วจึงบิดฐานหลอดไฟทวนเข็มนาฬิกาประมาณ 90 องศา ดึงหลอดออกมาช้าๆ อย่าเอามือหรือสิ่งอื่นใดไปโดนตัวหลอดอย่างเด็ดขาด ให้จับที่ฐานหลอดเท่านั้น เพราะหากมีคราบน้ำมันหรือเหงื่อติดอยู่ที่หลอด เมื่อเปิดไฟหน้าซึ่งเกิดความร้อนสูง สิ่งสกปรกที่อยู่ที่ผิวหลอดจะทำให้หลอดแตกหรือเสียหายได้ครับ
     

     
    นำหลอดไฟใหม่มาใส่เข้าไปที่โคมไฟ หลอดไฟติดรถจะเป็นหลอด Sylvania ฐานหลอดสีน้ำตาล ส่วนหลอดใหม่ของผมเป็น Philips VisionPlus ฐานหลอดสีขาว
     

     
    ใส่หลอดกลับเข้าไปแล้วก็บิดหลอดตามเข็มนาฬิกาประมาณ 90 องศา เสียบปลั๊กกลับเข้าไปให้แน่น
     

     
    อย่าพึ่งรีบดันพลาสติกซุ้มล้อกลับเข้าไป ให้เราเปิดไฟหน้ารถ (ไม่ต้องสตาร์ทรถก็เปิดไฟหน้าได้) แล้วดูว่าไฟหน้าสว่างหรือไม่ หากไฟหน้าสว่างก็ค่อยดันพลาสติกซุ้มล้อกลับเข้าไปให้เหมือนเดิม อาจใช้วิธีง้างกันชนบ้างนิดหน่อย จะช่วยให้ดันกลับเข้าไปง่ายขึ้นครับ
     

     
    ส่วนไฟหน้าอีกข้างก็ทำตามขั้นตอนเดียวกันเลยครับ
     
    สำหรับหลอดเดิมที่ติดมากับรถก็ให้เราเก็บเอาไว้ในกล่องหลอดไฟที่เราซื้อมาใหม่ ติดสติกเกอร์ให้เรียบร้อย แล้วเก็บเอาไว้ในรถจะได้มีหลอดไฟสำรองเอาไว้ใช้งานยามที่หลอดไฟหน้าขาดลงครับ หากสงสัยว่าทำไมต้องเก็บหลอดไฟหน้าเอาไว้ในรถด้วย ลองอ่านกระทู้นี้ดูแล้วก็จะเข้าใจครับ -> มาคุยกันเรื่องหลอดไฟหน้ากัน
     

     

     

     
    เห็นไหมครับว่าการเปลี่ยนหลอดไฟหน้านั้นไม่ได้ยากเลยครับ
  7. Like
    mnirun got a reaction from RabbittZ in [Review] กล้องติดรถยนต์ Provia P200 Season2   
    เกริ่นนำ
     
    ตัวผมเองอยากได้กล้องติดรถยนต์ที่ขนาดเล็ก ไม่จำเป็นต้องมีหน้าจอแสดงผล และราคาไม่แพงมากนัก เอาไว้บันทึกเหตุการณ์เผื่อต้องใช้ในยามจำเป็น แต่เอาเข้าจริงๆ นี่ก็เป็นตัวที่ 3 แล้ว เอาเงินมารวมกันซื้อยี่ห้อดีๆ ได้ 1 ตัวเลย เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายจริงๆ
     
    2 ตัวก่อนไม่น่าประทับใจเพียงพอต่อการรีวิวและการใช้งานสักเท่าใดนัก จนมาถึงตัวนี้ที่คิดว่าดีเพียงพอที่จะให้เพื่อนๆ อ่านกันในวันนี้ครับ
     
    แนะนำตัว
     
    ผมเลือกใช้กล้อง Provia รุ่น P200 Season2 จากเกาหลี มีคุณสมบัติคร่าวๆ ดังนี้
     
    - 2.0M pixels, 1/3" CMOS
    - เลนส์มุมกว้าง 120 องศา
    - บันทึกวิดีโอที่ความละเอียด 720x480 (D1), MPEG4
    - บันทึกเสียง AAC
    - 13 เฟรม/วินาที
    - G Sensor
    - Seamless recording (มารู้ตอนใช้งานจริง)
     
    แกะกล่อง
     
    กล่องของ Provia P200 Season2 มีขนาดไม่ใหญ่นัก ด้านบนระบุยี่ห้อและรุ่น มุมล่างระบุเอาชัดเจนว่า Made in Korea
     

     
    ของทั้งหมดในกล่อง ประกอบด้วย
     
    - ตัวกล้อง
    - ที่จ่ายไฟ
    - เทปกาวสำรอง 1 ชิ้น
    - ที่จัดระเบียบสายไฟ 3 ชิ้น
    - คู่มือใช้งานภาษาเกาหลี อ่านไม่ออก ก็ไม่ต้องไปอ่านมันครับ ฮา
     

     
    มาดูพระเอกของเรากันหน่อย ตัวกล้องสามารถปรับเอียงซ้าย-ขวา หน้า-หลังได้ มุมล่างจะเป็นช่องไมโครโฟน
     

     

     
    ซูมดูใกล้ๆ กันสักหน่อย
     

     
    ทางด้านขวาจะมีช่อง Video Out (ไม่มีสายมาให้), ช่องใส่ microSD ได้ตั้งแต่ 4-16GB (แนะนำให้ใช้ class 10) ผมลองเอา microSD 2GB มาใส่ดูว่าจะได้ไหม ปรากฎว่าใช้ไม่ได้ เครื่องไม่ยอมอัดวิดีโอครับ, ช่องเสียบไฟ 12V DC
     

     
    ส่วนด้านซ้ายและด้านล่างจะเป็นแบบนี้ครับ
     

     
    ด้านบนจะมีเทปกาวติดมาให้ กล้องตัวนี้ใช้ติดเทปกาว ไม่ได้ใช้ตัวดูดกระจกแบบกล้องทั่วไป ข้อดีคือติดแน่น ไม่มีเสียงขากล้องสั่น ภาพไม่สั่นไหว แต่ข้อเสียก็คือไม่สามารถถอดไปใช้กับรถคันอื่นได้ครับ
     

     
    ด้านหลังมีสวิทช์ เปิด-ปิด เราสามารถเปิดค้างเอาไว้ได้เลย เมื่อเราติดเครื่องรถกล้องก็จะเปิดขึ้นมาเองและเริ่มบันทึกวิดีโอโดยอัตโนมัติ และเมื่อดับรถกล้องก็จะปิดลงไปโดยอัตโนมัติเช่นกัน, ไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน เมื่อเปิดเครื่องมาไฟจะกระพริบ 10-15 วินาที จากนั้นก็จะติดค้างเป็นการบอกว่าบันทึกวิดีโออยู่ครับ หลอดไฟ LED ไม่แยงตาแต่อย่างใด
     

     
    ส่วนที่จ่ายไฟก็มีสายยาว สามารถเดินสายอ้อมมาทางเสา A หน้ารถ แล้วเดินผ่านมาด้านใต้พวงมาลัยได้สบายๆ ครับ
     

     

     
    การติดตั้ง
     
    การติดตั้งก็ไม่ยากครับ ใช้เวลา 10-15 นาทีก็เสร็จแล้วครับ ก่อนอื่นให้เล็งว่าเราต้องการจะติดตั้งไว้ตรงไหน ซึ่งจุดที่แนะนำก็คือด้านหลังกระจกมองหลัง เพราะเป็นจุดกึ่งกลางและไม่มีอะไรบดบังครับ แต่ของผมขยับออกมาทางด้านขวาก็เพราะว่าภาพวิดีีโอที่ได้ติดรูปสติกเกอร์หลวงพ่อมาในวิดีโอเยอะครับ แต่ถึงผมจะขยับออกมาเวลาเอาที่บังแดดลงจนสุดก็ไม่ชนกับตัวกล้องแต่อย่างใดครับ
     

     

     

     
    สายไฟก็เก็บไม่ยาก ใช้นิ้วดันสายไฟให้เข้าไปในฝ้าหลังคา ส่วนเสา A เราก็ดึงขอบยางประตูออกมาก่อน แล้วเอามือค่อยๆ ดึงเสา A ออก จากนั้นก็เอาสายไฟหลบเอาไว้ข้างในครับ
     

     

     
    รถผมฟิลม์หน้ามืดพอสมควร ถ้ามองจากด้านนอกก็จะเห็นประมาณนี้ครับ ขออภัยที่ถ่ายมาแล้วเป็นภาพสะท้อนหลังคาติดมาด้วย พยายามหาเหลี่ยมถ่ายแล้วแต่ยังไงก็หาไม่ได้ครับ
     

     
    ทดสอบการใช้งาน
     
    ผมทดสอบการใช้งานจริงทั้งกลางวันและกลางคืน โดยกล้องจะแยกบันทึกไฟล์ออกเป็น 3 โฟลเดอร์ตามเหตุการณ์ต่างๆ (ภาษาเกาหลีอีกเช่นเคย แต่อย่าได้แคร์ครับ) ได้แก่
     

     
    - Motion recording
     
    บันทึก "ความเคลื่อนไหว" เมื่อกล้องตรวจพบความคลื่นไหวในขณะที่เราจอดรถทิ้งเอาไว้ได้ โดยต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อใช้ไฟโดยตรงจากแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งผมจะไม่สามารถทดสอบความสามารถนี้ได้ เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์เสริมครับ
     
    - Normal recording
     
    บันทึกเหตุการณ์ทั่วไป โดยกล้องจะสร้างโฟลเดอร์ตามปีเดือนวันและเวลา โดยในหนึ่งโฟลเดอร์จะมีไฟล์ได้ 100 ไฟล์ เมื่อครบ 100 ไฟล์แล้วกล้องจะสร้างโฟลเดอร์ให้ใหม่ครับ
     

     

     

     
    - Event recording
     
    แยกบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยใช้ G Sensor ที่อยู่ในตัวกล้องเมื่อเกิดแรง G ขึ้น เช่น เบรคกระทันหัน เกิดการชนขึ้น โดยจะตัดเวลาก่อนเกิดแรง G 10 วินาที และหลังเกิดแรง G 10 วินาที (แต่ละไฟล์จึงยาวแค่ 20 วินาที) ไปเก็บเอาไว้ในโฟลเดอร์นี้ เพื่อให้สะดวกในการย้อนกลับมาดูเหตุการณ์ในภายหลัง โดยกล้องจะเก็บไฟล์เหตุการณ์ได้สูงสุด 100 ไฟล์ครับ ซึ่งข้อเสียของกล้องรุ่นนี้จุดหนึ่งก็คือ G Sensor มันไวไปหน่อย ขับรถเร็วหน่อยแล้วโยกหลบหลุม, โดดคอสะพาน, เบรคแรงหน่อยก็ตัดมา Event แล้ว
     

     
    โดยไฟล์ที่ได้จะเป็นนามสกุล (container) .avi เข้ารหัส (encoding) วิดีโอด้วย MPEG4 เข้ารหัสเสียงด้วย AAC ไฟล์นึงยาวไม่เกิน 2 นาที ใช้พื่นที่ประมาณ 30MB
     
    อ่านกันมาเยอะแล้ว มาดูของจริงกันบ้าง
     
    เริ่มจากตอนเช้าๆ บนทางด่วนวงแหวนรอบนอก
     


     
    ตอนสายๆ ในวันเมฆครึ้ม แดดไม่ค่อยมี กับ Civic Type R ขาวๆ
     


     
    ต่อด้วยลอดอุโมค์แยกอุดมสุขสักหน่อย
     


     
    มาดูตอนกลางคืนรถติดๆ หน้าด่านกันบ้าง
     


     
    ใช้ความเร็วบนทางด่วน ในยามค่ำคืน
     


     
    Seamless recording
     
    สิ่งหนึ่งที่ผมพึ่งมารู้ภายหลังจากที่ได้ใช้งานแล้วก็คือ P200 มี Seamless recording ด้วย!
     
    กล้องโดยทั่วไปจะเกิดการ "รั่ว" (leak) ของเหตุการ์ในระหว่างไฟล์ มากน้อยต่างกันไปขึ้นอยู่กับตัวกล้องและความเร็วของหน่วยความจำที่เราเลือกใช้ ซึ่งกล้องตัวก่อนหน้าที่ผมใช้กับ SanDisk Mobile Ultra microSD class 6 16GB ราคา 799 บาท (เมื่อเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา) จะ leak ไป 3 วินาที เมื่อนำไฟล์มาเปิดดูต่อกับไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นว่าเวลาหายไป 3 วินาที ถ้าหากเกิดเห็นการณ์ในระหว่างที่ leak แล้วละก็ เราก็จะไม่มีหลักฐานในช่วงเวลานั้นนั่นเอง
     

     
    ส่วนกล้อง P200 ผมใ้ช้ SanDisk Mobile Ultra microSD class 10 16GB ราคา 600 บาท (เมื่อต้นเดือนนี้) ซึ่งจากการใช้งานจริงพบว่าเป็น Seamless recording หากเราเอาไฟล์มาเปิดต่อกันก็จะไม่เห็นว่ามีวินาทีไหนหายไปเลย ไม่เว้นแม้กระทั่ง Event recording ผมทดลองเอาไฟล์จาก Normal กับ Event มาต่อกันก็ยังเป็น Seamless recoding ด้วย!
     
    มาลองดูของจริงกัน จบไฟล์ Normal แรกที่ 14:35:37
     

     
    เริ่มไฟล์ Event ที่ 14:35:37 หากดูภาพจะเหมือนไม่ต่อกัน แต่ถ้าเล่นไฟล์วิดีโอจะเห็นว่ามันต่อกัน ไม่มีส่วนไหนหายไปเลย กล้องตัดเข้า Event เพราะโยกซ้ายหลบถนนที่มันไม่เรียบครับ
     

     
    จบไฟล์ Event ที่ 14:36:17
     

     
    เริ่มไฟล์ Event ที่ 14:36:17 กล้องตัดเข้า Event เำพราะเบรคระหว่างทำความเร็ว เนื่องจากมีรถเข้ามาในเลนครับ
     

     
    จบไฟล์ Event ที่ 14:36:37
     

     
    เริ่มไฟล์ Normal ที่ 14:36:38 วินาทีเปลี่ยนพอดี แต่นั่งดูแล้วก็็ไม่มีส่วนไหนหายไปครับ
     

     
    จริงๆ แล้วผมใช้โปรแกรม Avidemux ต่อไฟล์แล้วเปิดดูว่าเป็น Seamless recording หรือไม่ครับ หากเปิดด้วยโปรแกรมดูหนังทั่วไปมันจะกระตุกตอนเปิดไฟล์ใหม่นิดนึง แต่ที่ผมใช้หน้าจอจากโปรแกรมดูหนังก็เพราะว่ามันเห็นชัดเจนว่าเริ่มไฟล์ไหนเมื่อไหร่ จบไฟล์ไหนเมื่อไร่ครับ
     

     
    สรุป
     
    ภาพที่ได้อาจไม่ชัดมากมายนัก แต่อย่างน้อยก็สามารถบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ใช้ในยามเกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งนั่นก็เพียงพอต่อความต้องการของผมแล้วครับ
     
    ข้อดี
     
    - ขนาดเล็ก กระทัดรัด
    - ไฟล์มีขนาดเล็ก microSD 16GB อัดวิดีโอได้ประมาณ 16 ชม.
    - Seamless recording ไม่มีหล่นหายไปไหน
     
    ข้อเสีย
     
    - G Sensor ไวไปหน่อย เบรคแรงหน่อยก็ตัดเข้า Event แล้ว
    - ภาพชัดในระดับกลางๆ เห็นป้ายทะเบียนชัดในระยะใกล้ๆ เท่านั้น
    - ใ้ช้งานในตอนกลางคืนต้องอาศัยแสงไฟจากไฟหน้าและถนน หากติดฟิลม์หน้ามืด ภาพอาจออกมามืดไปนิด
     
    ผมได้สร้าง playlist ไว้ใน YouTube ซึ่งมีไฟล์วิดีโอมากกว่าที่ลงเอาไว้ในรีวิวนี้ สามารถดูได้จาก link ด้านล่างครับ
     



    &list=PL02266F0993AF1D1D&feature=plpp_play_all 
    Provia P200 Season2 Seamless Recording


    &list=PL6C7948213F56CBF6&feature=plpp_play_all
  8. Like
    mnirun got a reaction from eieimetro in [Review] กล้องติดรถยนต์ Provia P200 Season2   
    เกริ่นนำ
     
    ตัวผมเองอยากได้กล้องติดรถยนต์ที่ขนาดเล็ก ไม่จำเป็นต้องมีหน้าจอแสดงผล และราคาไม่แพงมากนัก เอาไว้บันทึกเหตุการณ์เผื่อต้องใช้ในยามจำเป็น แต่เอาเข้าจริงๆ นี่ก็เป็นตัวที่ 3 แล้ว เอาเงินมารวมกันซื้อยี่ห้อดีๆ ได้ 1 ตัวเลย เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายจริงๆ
     
    2 ตัวก่อนไม่น่าประทับใจเพียงพอต่อการรีวิวและการใช้งานสักเท่าใดนัก จนมาถึงตัวนี้ที่คิดว่าดีเพียงพอที่จะให้เพื่อนๆ อ่านกันในวันนี้ครับ
     
    แนะนำตัว
     
    ผมเลือกใช้กล้อง Provia รุ่น P200 Season2 จากเกาหลี มีคุณสมบัติคร่าวๆ ดังนี้
     
    - 2.0M pixels, 1/3" CMOS
    - เลนส์มุมกว้าง 120 องศา
    - บันทึกวิดีโอที่ความละเอียด 720x480 (D1), MPEG4
    - บันทึกเสียง AAC
    - 13 เฟรม/วินาที
    - G Sensor
    - Seamless recording (มารู้ตอนใช้งานจริง)
     
    แกะกล่อง
     
    กล่องของ Provia P200 Season2 มีขนาดไม่ใหญ่นัก ด้านบนระบุยี่ห้อและรุ่น มุมล่างระบุเอาชัดเจนว่า Made in Korea
     

     
    ของทั้งหมดในกล่อง ประกอบด้วย
     
    - ตัวกล้อง
    - ที่จ่ายไฟ
    - เทปกาวสำรอง 1 ชิ้น
    - ที่จัดระเบียบสายไฟ 3 ชิ้น
    - คู่มือใช้งานภาษาเกาหลี อ่านไม่ออก ก็ไม่ต้องไปอ่านมันครับ ฮา
     

     
    มาดูพระเอกของเรากันหน่อย ตัวกล้องสามารถปรับเอียงซ้าย-ขวา หน้า-หลังได้ มุมล่างจะเป็นช่องไมโครโฟน
     

     

     
    ซูมดูใกล้ๆ กันสักหน่อย
     

     
    ทางด้านขวาจะมีช่อง Video Out (ไม่มีสายมาให้), ช่องใส่ microSD ได้ตั้งแต่ 4-16GB (แนะนำให้ใช้ class 10) ผมลองเอา microSD 2GB มาใส่ดูว่าจะได้ไหม ปรากฎว่าใช้ไม่ได้ เครื่องไม่ยอมอัดวิดีโอครับ, ช่องเสียบไฟ 12V DC
     

     
    ส่วนด้านซ้ายและด้านล่างจะเป็นแบบนี้ครับ
     

     
    ด้านบนจะมีเทปกาวติดมาให้ กล้องตัวนี้ใช้ติดเทปกาว ไม่ได้ใช้ตัวดูดกระจกแบบกล้องทั่วไป ข้อดีคือติดแน่น ไม่มีเสียงขากล้องสั่น ภาพไม่สั่นไหว แต่ข้อเสียก็คือไม่สามารถถอดไปใช้กับรถคันอื่นได้ครับ
     

     
    ด้านหลังมีสวิทช์ เปิด-ปิด เราสามารถเปิดค้างเอาไว้ได้เลย เมื่อเราติดเครื่องรถกล้องก็จะเปิดขึ้นมาเองและเริ่มบันทึกวิดีโอโดยอัตโนมัติ และเมื่อดับรถกล้องก็จะปิดลงไปโดยอัตโนมัติเช่นกัน, ไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน เมื่อเปิดเครื่องมาไฟจะกระพริบ 10-15 วินาที จากนั้นก็จะติดค้างเป็นการบอกว่าบันทึกวิดีโออยู่ครับ หลอดไฟ LED ไม่แยงตาแต่อย่างใด
     

     
    ส่วนที่จ่ายไฟก็มีสายยาว สามารถเดินสายอ้อมมาทางเสา A หน้ารถ แล้วเดินผ่านมาด้านใต้พวงมาลัยได้สบายๆ ครับ
     

     

     
    การติดตั้ง
     
    การติดตั้งก็ไม่ยากครับ ใช้เวลา 10-15 นาทีก็เสร็จแล้วครับ ก่อนอื่นให้เล็งว่าเราต้องการจะติดตั้งไว้ตรงไหน ซึ่งจุดที่แนะนำก็คือด้านหลังกระจกมองหลัง เพราะเป็นจุดกึ่งกลางและไม่มีอะไรบดบังครับ แต่ของผมขยับออกมาทางด้านขวาก็เพราะว่าภาพวิดีีโอที่ได้ติดรูปสติกเกอร์หลวงพ่อมาในวิดีโอเยอะครับ แต่ถึงผมจะขยับออกมาเวลาเอาที่บังแดดลงจนสุดก็ไม่ชนกับตัวกล้องแต่อย่างใดครับ
     

     

     

     
    สายไฟก็เก็บไม่ยาก ใช้นิ้วดันสายไฟให้เข้าไปในฝ้าหลังคา ส่วนเสา A เราก็ดึงขอบยางประตูออกมาก่อน แล้วเอามือค่อยๆ ดึงเสา A ออก จากนั้นก็เอาสายไฟหลบเอาไว้ข้างในครับ
     

     

     
    รถผมฟิลม์หน้ามืดพอสมควร ถ้ามองจากด้านนอกก็จะเห็นประมาณนี้ครับ ขออภัยที่ถ่ายมาแล้วเป็นภาพสะท้อนหลังคาติดมาด้วย พยายามหาเหลี่ยมถ่ายแล้วแต่ยังไงก็หาไม่ได้ครับ
     

     
    ทดสอบการใช้งาน
     
    ผมทดสอบการใช้งานจริงทั้งกลางวันและกลางคืน โดยกล้องจะแยกบันทึกไฟล์ออกเป็น 3 โฟลเดอร์ตามเหตุการณ์ต่างๆ (ภาษาเกาหลีอีกเช่นเคย แต่อย่าได้แคร์ครับ) ได้แก่
     

     
    - Motion recording
     
    บันทึก "ความเคลื่อนไหว" เมื่อกล้องตรวจพบความคลื่นไหวในขณะที่เราจอดรถทิ้งเอาไว้ได้ โดยต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อใช้ไฟโดยตรงจากแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งผมจะไม่สามารถทดสอบความสามารถนี้ได้ เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์เสริมครับ
     
    - Normal recording
     
    บันทึกเหตุการณ์ทั่วไป โดยกล้องจะสร้างโฟลเดอร์ตามปีเดือนวันและเวลา โดยในหนึ่งโฟลเดอร์จะมีไฟล์ได้ 100 ไฟล์ เมื่อครบ 100 ไฟล์แล้วกล้องจะสร้างโฟลเดอร์ให้ใหม่ครับ
     

     

     

     
    - Event recording
     
    แยกบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยใช้ G Sensor ที่อยู่ในตัวกล้องเมื่อเกิดแรง G ขึ้น เช่น เบรคกระทันหัน เกิดการชนขึ้น โดยจะตัดเวลาก่อนเกิดแรง G 10 วินาที และหลังเกิดแรง G 10 วินาที (แต่ละไฟล์จึงยาวแค่ 20 วินาที) ไปเก็บเอาไว้ในโฟลเดอร์นี้ เพื่อให้สะดวกในการย้อนกลับมาดูเหตุการณ์ในภายหลัง โดยกล้องจะเก็บไฟล์เหตุการณ์ได้สูงสุด 100 ไฟล์ครับ ซึ่งข้อเสียของกล้องรุ่นนี้จุดหนึ่งก็คือ G Sensor มันไวไปหน่อย ขับรถเร็วหน่อยแล้วโยกหลบหลุม, โดดคอสะพาน, เบรคแรงหน่อยก็ตัดมา Event แล้ว
     

     
    โดยไฟล์ที่ได้จะเป็นนามสกุล (container) .avi เข้ารหัส (encoding) วิดีโอด้วย MPEG4 เข้ารหัสเสียงด้วย AAC ไฟล์นึงยาวไม่เกิน 2 นาที ใช้พื่นที่ประมาณ 30MB
     
    อ่านกันมาเยอะแล้ว มาดูของจริงกันบ้าง
     
    เริ่มจากตอนเช้าๆ บนทางด่วนวงแหวนรอบนอก
     


     
    ตอนสายๆ ในวันเมฆครึ้ม แดดไม่ค่อยมี กับ Civic Type R ขาวๆ
     


     
    ต่อด้วยลอดอุโมค์แยกอุดมสุขสักหน่อย
     


     
    มาดูตอนกลางคืนรถติดๆ หน้าด่านกันบ้าง
     


     
    ใช้ความเร็วบนทางด่วน ในยามค่ำคืน
     


     
    Seamless recording
     
    สิ่งหนึ่งที่ผมพึ่งมารู้ภายหลังจากที่ได้ใช้งานแล้วก็คือ P200 มี Seamless recording ด้วย!
     
    กล้องโดยทั่วไปจะเกิดการ "รั่ว" (leak) ของเหตุการ์ในระหว่างไฟล์ มากน้อยต่างกันไปขึ้นอยู่กับตัวกล้องและความเร็วของหน่วยความจำที่เราเลือกใช้ ซึ่งกล้องตัวก่อนหน้าที่ผมใช้กับ SanDisk Mobile Ultra microSD class 6 16GB ราคา 799 บาท (เมื่อเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา) จะ leak ไป 3 วินาที เมื่อนำไฟล์มาเปิดดูต่อกับไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นว่าเวลาหายไป 3 วินาที ถ้าหากเกิดเห็นการณ์ในระหว่างที่ leak แล้วละก็ เราก็จะไม่มีหลักฐานในช่วงเวลานั้นนั่นเอง
     

     
    ส่วนกล้อง P200 ผมใ้ช้ SanDisk Mobile Ultra microSD class 10 16GB ราคา 600 บาท (เมื่อต้นเดือนนี้) ซึ่งจากการใช้งานจริงพบว่าเป็น Seamless recording หากเราเอาไฟล์มาเปิดต่อกันก็จะไม่เห็นว่ามีวินาทีไหนหายไปเลย ไม่เว้นแม้กระทั่ง Event recording ผมทดลองเอาไฟล์จาก Normal กับ Event มาต่อกันก็ยังเป็น Seamless recoding ด้วย!
     
    มาลองดูของจริงกัน จบไฟล์ Normal แรกที่ 14:35:37
     

     
    เริ่มไฟล์ Event ที่ 14:35:37 หากดูภาพจะเหมือนไม่ต่อกัน แต่ถ้าเล่นไฟล์วิดีโอจะเห็นว่ามันต่อกัน ไม่มีส่วนไหนหายไปเลย กล้องตัดเข้า Event เพราะโยกซ้ายหลบถนนที่มันไม่เรียบครับ
     

     
    จบไฟล์ Event ที่ 14:36:17
     

     
    เริ่มไฟล์ Event ที่ 14:36:17 กล้องตัดเข้า Event เำพราะเบรคระหว่างทำความเร็ว เนื่องจากมีรถเข้ามาในเลนครับ
     

     
    จบไฟล์ Event ที่ 14:36:37
     

     
    เริ่มไฟล์ Normal ที่ 14:36:38 วินาทีเปลี่ยนพอดี แต่นั่งดูแล้วก็็ไม่มีส่วนไหนหายไปครับ
     

     
    จริงๆ แล้วผมใช้โปรแกรม Avidemux ต่อไฟล์แล้วเปิดดูว่าเป็น Seamless recording หรือไม่ครับ หากเปิดด้วยโปรแกรมดูหนังทั่วไปมันจะกระตุกตอนเปิดไฟล์ใหม่นิดนึง แต่ที่ผมใช้หน้าจอจากโปรแกรมดูหนังก็เพราะว่ามันเห็นชัดเจนว่าเริ่มไฟล์ไหนเมื่อไหร่ จบไฟล์ไหนเมื่อไร่ครับ
     

     
    สรุป
     
    ภาพที่ได้อาจไม่ชัดมากมายนัก แต่อย่างน้อยก็สามารถบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ใช้ในยามเกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งนั่นก็เพียงพอต่อความต้องการของผมแล้วครับ
     
    ข้อดี
     
    - ขนาดเล็ก กระทัดรัด
    - ไฟล์มีขนาดเล็ก microSD 16GB อัดวิดีโอได้ประมาณ 16 ชม.
    - Seamless recording ไม่มีหล่นหายไปไหน
     
    ข้อเสีย
     
    - G Sensor ไวไปหน่อย เบรคแรงหน่อยก็ตัดเข้า Event แล้ว
    - ภาพชัดในระดับกลางๆ เห็นป้ายทะเบียนชัดในระยะใกล้ๆ เท่านั้น
    - ใ้ช้งานในตอนกลางคืนต้องอาศัยแสงไฟจากไฟหน้าและถนน หากติดฟิลม์หน้ามืด ภาพอาจออกมามืดไปนิด
     
    ผมได้สร้าง playlist ไว้ใน YouTube ซึ่งมีไฟล์วิดีโอมากกว่าที่ลงเอาไว้ในรีวิวนี้ สามารถดูได้จาก link ด้านล่างครับ
     



    &list=PL02266F0993AF1D1D&feature=plpp_play_all 
    Provia P200 Season2 Seamless Recording


    &list=PL6C7948213F56CBF6&feature=plpp_play_all
  9. Like
    mnirun got a reaction from Dirty Bit in อยากรู้วิธี เปลี่ยนวาว์ลน้ำด้วยตัวเอง   
    ส่วนตัวไม่แนะนำวาล์วน้ำซิ่งครับ
     
  10. Like
    mnirun got a reaction from Endless in อยากรู้วิธี เปลี่ยนวาว์ลน้ำด้วยตัวเอง   
    ส่วนตัวไม่แนะนำวาล์วน้ำซิ่งครับ
     
  11. Like
    mnirun got a reaction from witarn in Gauge OBD ต่างๆ   
    ScanGaugeE เป็นอุปกรณ์ที่อ่านค่าต่างๆ ของรถยนต์จาก ECU (Engine Control Unit) ผ่านทางช่อง OBDII (On-Board Diagnostics, version II) ที่อยู่ระหว่างพวงมาลัยและคอนโซลกลางครับ
     

     
     
     
    ScanGaugeE เป็นอุปกรณ์จากบริษัท Linear Logic ประเทศสหรัฐอเมริกา เน้นกลุ่มเป้าหมายไปยังผู้ที่สนใจการขับขี่แบบประหยัดพลังงาน ซึ่งต่างจาก ScanGaugeII ที่สามารถวัดประสิทธิภาพของรถยต์ (Perfornamce Monitor) เช่น ควอเตอร์ไมล์, อัตราเร่งจาก 0-100 เป็นต้น
     
    จากตารางเปรียบเทียบความสามารถของ ScanGaugeII และ ScanGangeE ก็จะเห็นว่าความสามารถของ ScanGaugeE นั้น น้อยกว่า ScanGaugeII อยู่หลายอย่าง แต่หลายอย่างที่ขาดหายไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้สนใจการขับขี่แบบประหยัดพลังงานให้ความสำคัญมากนัก ราคาของ ScanGaugeE ก็ถูกกว่า ScauGaugeII ถึง 35% แถมสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใน ScanGaugeE ซึงเป็นจุดเด่นก็คือ fuel economy feedback graph ครับ
     
    ราคารวมภาษีประมาณ 4,100 บาทครับ
     

     
     
    ว่าจะเอาบทความเกี่ยวกับ ScanGaugeE มาลงบ้านนี้ แต่คอมเสีย ข้อมูลอยู่ในนั้นหมด ตอนนี้นั่งตอบผ่านคอมที่ทำงานครับ
     
     
    ใช้ Virus Mount for Galaxy Tab สิครับ
     


  12. Like
    mnirun got a reaction from l-Ae-l in เทาโพลิชเมทัล กับล้อ P1 QF 15"   
    ขอบคุณครับ
     
     
    ไม่ค่อยได้ update เพราะไม่มีอะไรใหม่เลย แต่ตอนนี้มีของเล่นใหม่แล้ว
     

     
     
    ขอบคุณครับ ไม่ได้เจอกันนานแล้ว สบายดีไหมครับ เอ็กซ์
  13. Like
    mnirun got a reaction from aud in การปรับระดับไฟหน้าพร้อมรูปประกอบแบบ Step-by-Step   
    อุปกรณ์ที่ใช้
    ไขควงปากแฉกด้ามยาว 10-12 นิ้ว ตลับเมตร เทปกาวย่น ไฟฉาย
     

     

     
    เวลาที่ใช้: ประมาณ 30 นาที
     
    ตำแหน่งที่ใช้ปรับระดับไฟหน้า
     
    ก่อนลงมือปรับ มาดูจุดที่เราจะทำการปรับกันก่อน
     
    เริ่มจากฝั่งคนขับ
     

     
    มองเข้าไปด้านหลังโคมก็จะเจอเฟืองปรับระดับ
     

     
    ดูกันให้ชัดๆ สักรูป จะได้รู้ว่าหน้าตาเฟืองปรับระดับเป็นอย่างไร สังเกตให้ดีก็จะเห็นว่าเว้นช่องเอาไว้ให้ไขควงเสียบเข้าไปได้
     

     

     
    มาดูฝั่งคนนั่งกันบ้าง
     

     
    เอามือดันถังพักน้ำไปทางด้านหลังรถแล้วส่องไฟดูก็จะเห็น
     

     
    ที่เราต้องใช้ไขควงยาวก็เพราะแบบนี้แหละครับ จะได้ปรับระดับโดยไม่ต้องถอดถังพักน้ำออกมาให้วุ่นวายครับ
     

     
    ขั้นตอนการปรับระดับไฟหน้า
     
    ทำความสะอาดโคมไฟหน้าทั้ง 2 ข้าง แล้วให้มองหาวงกลมกลางโคมไฟหน้า
     

     
    วัดความสูงจากจุดวงกลมกลางโคมไฟหน้าจนถึงพื้นถนน ซึ่งรถผมวัดได้ 25 นิ้ว เราจะใช้ค่านี้เพื่อคำนวนหาความสูงของ cutoff ไฟหน้า
     

     
    เราสามารถคำนวนหาความสูงของ cutoff ที่ต่ำลงมากจากความสูงของโคมไฟหน้าได้จากสูตรนี้
     
    12 * D * r
     
    D คือ ระยะจากจุดกลางโคมถึงกำแพง หน่วยเป็นฟุต โดยปกติเราใช้ระยะที่ 25 ฟุต
    r คือ มุมบ่ายเบน (Declination) โดยสเป็คของ Civic FD เราอยู่ที่ 1.0 %
     

     
    เมื่อนำค่าต่างๆ มาใส่สูตร ก็ได้ดังนี้
     
    12 * 25 * (1/100) = 3 นิ้ว
     

     
    หมายเหตุ: หากใครเคยเปิดดู service manual ของ Civic ก็จะพบว่าในนั้นระบุให้ใช้ระดับ cutoff ที่ 2.1 นิ้วก็เพราะว่า service manual นี้มาจาก US ที่ใช้มุมบ่ายเบน 0.7% ครับ
     
    และเรายังสามารถคำนวนระยะส่องสว่างของไฟหน้าได้จากสูตรนี้
     
    ความสูงโคมไฟน้า (หน่วย เซนติเมตร) / มุมบ่ายเบน (หน่วย %) = ระยะส่องสว่าง (หน่วย เมตร)
     
    เช่น รถผมวัดความสูงโคมไฟน้าได้ 63.5 (เซนติเมตร) / 1 (%) = 63.5 เมตร นั่นเอง
     
    จบภาคทฤษฎีแล้ว กลับมาภาคปฏิบัติกันต่อ
     
    นำรถไปจอดให้จุดกลางโคมหน้าห่างจากกำแพง 25 ฟุต (7.62 เมตร)
     

     
    ติดเทปกาวย่นเพื่อใช้เป็นจุดอ้างอิงในการปรับระดับ โดยความสูงของเทปกาวคำนวนได้จาก ความสูงโคม - ระยะ cutoff ที่ต่ำลงมา ซึ่งรถผมคำนวนได้ 22 นิ้ว (25-3) รถของแต่ละคนจะคำนวนได้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความสูงของโคมไฟหน้า
     
    เปิดไฟต่ำแล้วเริ่มปรับระดับไฟหน้าทีละข้าง โดยเริ่มจากฝั่งคนขับก่อน ก็ให้เราหาอะไรมาบังไฟหน้าฝั่งคนนั่งไว้ จะช่วยให้เราสังเกตระดับ cutoff ได้ง่ายขึ้น
     
    หมายเหตุ: รูปด้านล่างนี้ผมปรับระดับเสร็จแล้วครับ
     

     
    สังเกตเส้น cutoff ในแนวนอนว่าต่ำหรือสูงกว่าระดับ cutoff ที่ถูกต้อง หากสูงไปก็ให้ใช้ไขควงหมุนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อปรับระดับโคมให้ต่ำลง หากต่ำไปก็ให้ใช้ไขควงหมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อปรับระดับโคมให้สูงขึ้น ปรับจนกระทั่งเส้นด้านบน cutoff ในแนวนอน สูงอยู่ในระดับที่เราติดเทปกาวเอาไว้ครับ
     

     
    เมื่อปรับระดับฝั่งคนขับเสร็จแล้วก็ย้ายไปปรับฝั่งคนนั่งต่อ โดยใช้ขั้นตอนเดียวกัน
     
    ปรับเสร็จแล้วก็นำรถไปวิ่งดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง
     

     

     

     
    มีรถกำลังวิ่งออกจากในซอย ระยะห่างออกไปประมาณ 50 เมตรได้ครับ
     

     
    เห็นไหมครับว่าการปรับระดับไฟหน้านั้น ไม่ได้ยากอย่างที่คิดครับ
  14. Like
    mnirun got a reaction from gulfocean in การเปลี่ยนหลอดไฟต่ำพร้อมรูปประกอบแบบ Step-by-Step   
    อุปกรณ์ที่ใช้
    หลอดไฟต่ำแบบ HB4
    ไขควงปากแบนที่ติดมากับรถ
    ไฟฉาย หากยังไม่มีติดรถหามาไว้สักอันนะครับ

    เวลาที่ใช้: ประมาณ 15 นาที
     
    ขั้นตอนการเปลี่ยนหลอดไฟ
     
    เริ่มแรกก็ไปหยิบไขควงปากแบนมาจากชุดเครื่องมือหลังรถก่อนเลยครับ ใครไม่เคยใช้ หรือไม่เคยเห็นหน้าตาชุดเครื่องมือหลังรถ วันนี้ได้เห็นแล้วครับ
     

     

     
    เราจะเริ่มเปลี่ยนหลอดไฟหน้าขวาก่อน ก็ให้เราสตาร์ทรถยนต์ หักพวงมาลัยไปทางซ้ายให้สุดแล้วดับเครื่อง จากนั้นให้มองหาหมุดยึดซุ้มล้อตรงตำแหน่งที่ลูกศรชี้ไว้ครับ
     

     
    รูปหมุดยึดซุ้มล้อแบบชัดๆ (ผมใช้รูปจากล้อซ้ายนะครับ เพราะรูปจากล้อขวาถ่ายย้อนแสงดูไม่ชัดครับ) เราจะเห็นช่องที่สามารถเสียบไขควงปากแบนเข้าไปได้ หากมองไม่เห็นสามารถหมุนหมุดยึดซุ้มล้อได้ครับ
     

     
    เสียบไขขวงปากแบนเข้าไป
     

     
    บิดไขควงเบาๆ หมุดก็จะหลุดออกมาอย่างง่ายดาย ไม่ต้องงัดครับ
     

     

     
    ใช้มือง้างพลาสติกซุ้มล้อออกมา แล้วมองเข้าไปข้างใน ก็จะเห็นปลั๊กหลอดไฟหน้า (ปลั๊กรถผมจะเลอะน้ำยากันสนิมสีน้ำตาลหน่อยนึง)
     

     
    ใช้มือบีบปลั๊กแล้วค่อยๆ ดึงหัวปลั๊กลงทางด้านล่าง จากนั้นเอาหัวปลั๊กหลบออกไปจะได้ดึงหลอดไฟออกอย่างสะดวก แล้วจึงบิดฐานหลอดไฟทวนเข็มนาฬิกาประมาณ 90 องศา ดึงหลอดออกมาช้าๆ อย่าเอามือหรือสิ่งอื่นใดไปโดนตัวหลอดอย่างเด็ดขาด ให้จับที่ฐานหลอดเท่านั้น เพราะหากมีคราบน้ำมันหรือเหงื่อติดอยู่ที่หลอด เมื่อเปิดไฟหน้าซึ่งเกิดความร้อนสูง สิ่งสกปรกที่อยู่ที่ผิวหลอดจะทำให้หลอดแตกหรือเสียหายได้ครับ
     

     
    นำหลอดไฟใหม่มาใส่เข้าไปที่โคมไฟ หลอดไฟติดรถจะเป็นหลอด Sylvania ฐานหลอดสีน้ำตาล ส่วนหลอดใหม่ของผมเป็น Philips VisionPlus ฐานหลอดสีขาว
     

     
    ใส่หลอดกลับเข้าไปแล้วก็บิดหลอดตามเข็มนาฬิกาประมาณ 90 องศา เสียบปลั๊กกลับเข้าไปให้แน่น
     

     
    อย่าพึ่งรีบดันพลาสติกซุ้มล้อกลับเข้าไป ให้เราเปิดไฟหน้ารถ (ไม่ต้องสตาร์ทรถก็เปิดไฟหน้าได้) แล้วดูว่าไฟหน้าสว่างหรือไม่ หากไฟหน้าสว่างก็ค่อยดันพลาสติกซุ้มล้อกลับเข้าไปให้เหมือนเดิม อาจใช้วิธีง้างกันชนบ้างนิดหน่อย จะช่วยให้ดันกลับเข้าไปง่ายขึ้นครับ
     

     
    ส่วนไฟหน้าอีกข้างก็ทำตามขั้นตอนเดียวกันเลยครับ
     
    สำหรับหลอดเดิมที่ติดมากับรถก็ให้เราเก็บเอาไว้ในกล่องหลอดไฟที่เราซื้อมาใหม่ ติดสติกเกอร์ให้เรียบร้อย แล้วเก็บเอาไว้ในรถจะได้มีหลอดไฟสำรองเอาไว้ใช้งานยามที่หลอดไฟหน้าขาดลงครับ หากสงสัยว่าทำไมต้องเก็บหลอดไฟหน้าเอาไว้ในรถด้วย ลองอ่านกระทู้นี้ดูแล้วก็จะเข้าใจครับ -> มาคุยกันเรื่องหลอดไฟหน้ากัน
     

     

     

     
    เห็นไหมครับว่าการเปลี่ยนหลอดไฟหน้านั้นไม่ได้ยากเลยครับ
  15. Like
    mnirun got a reaction from Dirty Bit in [Review] เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ CTEK MXS 5.0   
    เกร็ดความรู้
     
    สาเหตุหลักที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม
     
    การเกิดซัลเฟชัน (Sulfation)
     
    การทิ้งรถไว้นานๆ โดยไม่นำไปใช้, การประจุไฟที่น้อยเกินไป (Under Charging), แผ่นธาตุโผล่พ้นระดับน้ำกรด เป็นสาเหตุำให้เกิดผลึกของตะกั่วซัลเฟตเกาะอยู่ที่บริเวณแผ่นธาตุ ทำให้ความจุของแบตเตอรี่ลดลง
     

     
    การแบ่งชั้นของกรด (Acid Stratification)
     
    เมื่อตั้งแบตเตอรี่ทิ้งไว้นานๆ กรดที่มีองค์ประกอบของโลหะหนักจะแยกตัวออกจากน้ำลงไปนอนก้น ทำให้สมรรถนะของแบตเตอรี่ลดลง ความเข้มข้นของน้ำกรดก็จะไม่เท่ากัน โดยด้านล่างมีความเข้มข้นสูงทำให้แผ่นธาตุที่ด้านล่างของแบตเตอรี่เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ส่วนด้านบนที่เจือจางจะเกิดปฏิกริยาเคมีน้อยทำให้จ่ายกำลังได้น้อยกว่า อายุการใช้งานก็จะสั้นตามไปด้วย
     

     
    การสูญเสียน้ำกลั่น (Desiccation)
     
    การประจุไฟมากเกินไปจนอุณหภูมิสูงขึ้นมากทำให้แผ่นธาตุเสื่อมสภาพ งอโค้ง น้ำกลั่นแปรสภาพเป็นไอแล้วระบายออกนอกแบตเตอรี่ทำให้ระดับน้ำกลั่นลดลง
     

  16. Like
    mnirun got a reaction from natapol_kub in [Review] เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ CTEK MXS 5.0   
    ทำไมต้องชาร์จแบตเตอรี่บ่อยๆ ทุกสัปดาห์ไม่ถี่เกินไปหรือ ?
     
    ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ปัจจัยหลักสำหรับอายุของแบตเตอรี่ก็คือ Depth of Discharge (DOD) เปอร์เซ็นต์ของความจุแบตเตอรี่ที่ถูกใช้งานออกไป หรือคายประจุออกไป
     
    เรามาลองดูกราฟด้านล่างกัน
     

     
    จากกราฟเมื่อเราใช้แบตเตอรี่ไป 30% (30% DOD) แล้วจึงทำการชาร์จ เราจะสามารถ Charge -> Discharge กลับไปกลับมาได้ถึง 1200+ ครั้ง
     
    แต่ถ้าหากเราใช้แบตเตอรี่ไป 50% (50% DOD) แล้วจึงทำการชาร์จ เราจะสามารถ Charge -> Discharge กลับไปกลับมาได้น้อยลง เหลือเพียง 600+ ครั้ง
     
    และถ้าหากเราใช้แบตเตอรี่ไป 100% (100% DOD) แล้วจึงทำการชาร์จ เราจะสามารถ Charge -> Discharge กลับไปกลับมาได้แค่ 300+ ครั้งเท่านั้น
     
    * ตัวเลข Cycle อาจต่างกันไปบ้างในแบตเตอรี่แต่ละยี่ห้อ, ประเภท แต่ก็เป็นไปในทางเดียวกันครับ
     
    โดยธรรมชาติแล้วเมื่อปล่อยแบตเตอรี่ไว้โดยไม่มีการใช้งาน แบตเตอรี่จะมีการคายประจุด้วยตัวเอง (Self Discharge) อยู่แล้ว การจอดรถทิ้งไว้นานๆ โดยไม่มีการใ้ช้รถ จึงทำให้เกิด DOD สูง ทำให้อายุแบตเตอรี่สั้น ต่างกับคนที่ใช้รถอยู่เสมอๆ มีโอกาสได้วิ่งจนสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างเพียงพอ ก็จะทำให้ DOD ต่ำ อายุแบตเตอรี่ก็จะยาวนานขึ้นครับ
     
    นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า หากเราต้องการยืดอายุแบตเตอรี่ได้อยู่กับเราไปนานๆ เราต้องลด DOD ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ การชาร์จแบตเตอรี่ทุกสัปดาห์ด้วยเครื่องชาร์จดีๆ จึงช่วยลด DOD และทำให้อายุแบตเตอรี่ยาวนานมากขึ้นครับ
  17. Like
    mnirun got a reaction from natapol_kub in [Review] เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ CTEK MXS 5.0   
    ขอทยอยเอา review เก่าของผมมาลงในบ้านหลังนี้ ให้พีๆ เพื่อนๆ อ่านกันนะครับ
     
    ผมเริ่มจาก CTEK ก่อน เนื่องจากเห็นกระทู้นี้ เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ แล้วรถวิ่งดีขึ้นมากๆ เลยนึกถึง review ชิ้นนี้ขึ้นมาครับ
     
    [Review] เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ CTEK MXS 5.0
     
    สืบเนื่องจากแบตเตอรี่ติดรถเสื่อมภายในระยะเวลา 1 ปีครึ่งจนต้องเปลี่ยนลูกใหม่ ก็เลยอยากจะหาวิธียืดอายุแบตเตอรี่ให้นานกว่าเดิม และส่วนตัวเห็นคนใช้รถน้อย จอดเกือบทั้งสัปดาห์ ใช้แค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ยิ่งทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก ทางเลือกที่ดีสำหรับผมก็คือ "เครื่องชาร์จแบตเตอรี่"
     
    จากการนั่งหาข้อมูลมาสักระยะ สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือก CTEK MXS 5.0 จากประเทศสวีเดน
     

     
    เหตุผลที่เลือก CTEK ก็เพราะเป็นเครื่องชาร์จที่ได้รับการยอมรับให้เป็นอุปกรณ์ OEM ของรถยนต์ยี่ห้อดังๆ เช่น Ferrari, Lamborghini, Porsche ฯลฯ, มีระบบป้องกันการต่อขั้วผิด, ไฟฟ้าลัดวงจร, สะเก็ดไฟ, มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP65, จดจำโหมดการใช้งานล่าสุดได้ และเหตุผลที่สำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ ราคาที่สมเหตุสมผล 3,500 บาทครับ
     

     
    8 สเตปการชาร์จแบตเตอรี่
     

     
    4 โหมดการชาร์จแบตเตอรี่
    มอเตอร์ไซค์ (14.4V/0.8A) เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ขนาดเล็ก ความจุ 1.2 - 14Ah
    รถยนต์ (14.4V/5.0A) เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ขนาดทั่วไป ความจุ 14 - 160Ah
    สภาพอากาศหนาวเย็น (14.7V/5.0A) หรือใช้ชาร์์จแบตเตอรี่ชนิด AGM (Absorb Glass Material) เช่น Optima, Odyssey ความจุ 14 - 160Ah
    ฟื้นฟูสภาพแบตเตอรี่ (15.8V/1.5A) ความจุ 14 - 160Ah

    อุปกรณ์ในกล่อง
    เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK MXS 5.0
    สาย Comfort Connect แบบหัวแคลมป์ (Clamp) ยาว 40cm



    สาย Comfort Connect แบบห่วงตาไก่ (Eyelet M6 - 6.4mm) ยาว 40cm



    ถุงใส่เครื่องชาร์จแบตเตอรี่
    คู่มือ

    บนตัวเครื่อง CTEK MXS 5.0 ประกอบไปด้วย
    ไฟ Error สีส้ม มุมซ้ายบน
    ไฟ Power สีเขียว มุมซ้ายล่าง
    ไฟ Charging Program 8 ดวง แสดงขั้นตอนการชาร์จแบตเตอรี่ในแต่ละสเตป
    ไฟ Mode สีส้ม 4 ดวง
    ปุ่มเลือก Mode


     
    ถึงเวลาลองของใหม่แล้ว การใช้งานก็ง่าย แค่บีบหัวแคลมป์เข้ากับขั้วแบตเตอรี่ให้ถูกต้อง เสียบปลั๊ก เลือกโหมด ที่เหลือก็ปล่อยให้เครื่องทำงาน แบตเตอรี่เต็มเมื่อไหร่ เครื่องก็จะหยุดทำงานเองโดยอัตโนมัติ
     

     
    หัวปลั๊กแบบ Europlug
     

     
    สาย Comfort Connect แบบหัวแคลมป์ (Clamp)
     

     
    ที่ต่อ Comfort Connect เข้ากับตัวเครื่อง
     

     
    มาลองสาย Comfort Connect อีกแบบนึงกัน ก่อนอื่นก็ถอดปลั๊ก CTEK ก่อน แล้วบีบแถบสีส้มเพื่อถอดเปลี่ยนสาย
     

     
    สาย Comfort Connect แบบห่วงตาไก่ ติดถาวรเอาไว้ในห้องเครื่องพร้อมฝาปิด เพิ่มความสะดวกในการชาร์จ
     

     
    หุ้มกระดูกงูให้เรียบร้อย แล้วใช้ cable tie ยึดสายไว้กับที่รัดแบตเตอรี่
     

     
    ชูมดูใกล้ๆ หน่อย
     

     
    ติดตั้งสาย Comfort Connect เสร็จเรียบร้อยก็กลับมาชาร์จกันต่อ
     

     
    เริ่มชาร์จไฟติดที่สเตป 3 Bulk แสดงว่าเหลือไฟอยู่ไม่ถึง 80%
     

     
    ชาร์จสักพักก็อยู่ที่สเตป 4 Absortion แสดงว่าแบตเตอรี่มีไฟอยู่ 80% พร้อมใช้งานแล้ว ตัวเครื่องอุ่นๆ ไม่ร้อนมาก
     

     
    ผมใช้แบตเตอรี่ GS Super Diamond Double Lid 45Ah ใช้เวลาประมาณ 5 ชม. ในชาร์จจากสเตป 4 Bulk (ไฟ 80%) จนถึงสเตป 7 Float (ไฟ 100%)
     
    หมายเหตุ CCTH: ผมชาร์จอยู่ทุกสัปดาห์ น่าจะใช้เวลา 1.5-2 ชม. ก็เต็มแล้วครับ ไม่นานเหมือนชาร์จครั้งแรกตอนที่ review ครับ
     

     
    ถึงสเตป 7 Float เครื่องจะหยุดชาร์จโดยอัตโนมัติ จับที่เครื่องก็จะรู้สึกได้ว่าไม่ร้อน ถอดปลั๊กออกได้เลย แต่ถ้าเราไม่ถอดปลั๊กออกแล้วแบตเตอรี่คลายประจุจนไฟลดลงมาต่ำกว่า 95% หลอดไฟที่สเตป 8 Pulse ก็จะติดขึ้น เครื่องก็จะเริ่มชาร์จเติมส่วนที่ลดไปให้เราใหม่จนเต็ม 100% เหมือนเดิมครับ
     
    หมายเหตุ CCTH: ผมชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืนหลายครั้ง ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดครับ
     
    ถามว่าจำเป็นไหมที่ต้องมีเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ คุ้มไหมกับค่าตัว 3,500 บาท ?
     
    สำหรับผมมองว่าจำเป็นครับ เพราะอย่างที่บอกตอนแรกว่าผมใช้รถน้อยทำให้ประจุไฟแบตเตอรี่น้อยเกินไป แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติ
     
    คุ้มไหม อันนี้ยังตอบไม่ได้แบบเต็มปากเต็มคำ แต่เท่าที่หาข้อมูลมาก็เห็นบอกกันว่าช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ 2-3 เท่า ที่บ้านผมมีรถ 3 คัน ถ้าช่วยได้อย่างที่อ่านมาจริงก็ถือว่าคุ้มมากครับ เพราะค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ 3 ลูก ก็มากกว่าค่าเครื่อง CTEK แล้วครับ
     
    หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านที่สนใจบ้าง ไม่มากก็น้อยครับ
  18. Like
    mnirun got a reaction from eieimetro in [Review] MONKEY Car Dash Mount   
    สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวของใช้(เล่น) ชิ้นใหม่ เป็น Car Dash Mount ครับ
     
    ก่อนอื่นลองมาดูวิดีโอสักนิด
     


     
    มาดูของจริงกันเลย
     

     
    หมุนได้ 360 องศา มีที่เกี่ยวสายไฟและหูฟัง Bluetooth มาให้ด้วย
     

     
    ด้านล่างเป็น gel pad ช่วยให้ยึดติดได้แน่น ที่เห็นขาวๆ นั่น ยังไม่ได้ลอกกระดาษออกครับ
     

     
    ลอกกระกาษออกมาแล้วเป็นแบบนี้ครับ
     

     
    เลื่อนสลักที่ฐานไปด้านหลังจะทำให้ตัวฐานเป็นสูญญากาศเหมือน Dash Mount ทั่วไป ขาจับเลือนเข้า-ออกได้ แต่ไม่สามารถปรับสูง-ต่ำได้
     

     
    คอนโซลของ Civic FD ไม่ได้เรียบสนิท แต่ก็สามารถยึดติดได้แน่นด้วยการออกแรงกดตัวฐานลงไปแล้วเลื่อนสลักไปทางด้านหลัง แค่นี้ก็ติดแน่นแล้วครับ
     

     
    ผมเลื่อนขาจับออกมาด้านหน้า จะได้เห็นจอมือถือเล็กๆ ของผมได้ชัดหน่อย
     

     
    เอาโทรศัพท์ไปลองใส่ดู
     

     
    ภาพมุมสูง
     

     
    ภาพหน้าตรง
     

     
    ซื้อมาเพื่อการนี้
     

     
    GPS มันดูแนวนอนได้นะ แต่ดูแนวนี้แล้วมันเห็นภาพไกลดี
     

     
    สรุป
     
    ข้อดี
    - งานประกอบดี
    - ยึดได้แน่นด้วย gel pad
     
    ข้อเสีย
    - ไม่สามารถปรับสูง-ต่ำได้
     
    ผมได้มาในราคา 619.09 บาทจาก eBay ท่านใดสนใจ ลองดู link จากใน YouTube ด้านบนนะครับ
  19. Like
    mnirun got a reaction from Endless in [Review] MONKEY Car Dash Mount   
    สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวของใช้(เล่น) ชิ้นใหม่ เป็น Car Dash Mount ครับ
     
    ก่อนอื่นลองมาดูวิดีโอสักนิด
     


     
    มาดูของจริงกันเลย
     

     
    หมุนได้ 360 องศา มีที่เกี่ยวสายไฟและหูฟัง Bluetooth มาให้ด้วย
     

     
    ด้านล่างเป็น gel pad ช่วยให้ยึดติดได้แน่น ที่เห็นขาวๆ นั่น ยังไม่ได้ลอกกระดาษออกครับ
     

     
    ลอกกระกาษออกมาแล้วเป็นแบบนี้ครับ
     

     
    เลื่อนสลักที่ฐานไปด้านหลังจะทำให้ตัวฐานเป็นสูญญากาศเหมือน Dash Mount ทั่วไป ขาจับเลือนเข้า-ออกได้ แต่ไม่สามารถปรับสูง-ต่ำได้
     

     
    คอนโซลของ Civic FD ไม่ได้เรียบสนิท แต่ก็สามารถยึดติดได้แน่นด้วยการออกแรงกดตัวฐานลงไปแล้วเลื่อนสลักไปทางด้านหลัง แค่นี้ก็ติดแน่นแล้วครับ
     

     
    ผมเลื่อนขาจับออกมาด้านหน้า จะได้เห็นจอมือถือเล็กๆ ของผมได้ชัดหน่อย
     

     
    เอาโทรศัพท์ไปลองใส่ดู
     

     
    ภาพมุมสูง
     

     
    ภาพหน้าตรง
     

     
    ซื้อมาเพื่อการนี้
     

     
    GPS มันดูแนวนอนได้นะ แต่ดูแนวนี้แล้วมันเห็นภาพไกลดี
     

     
    สรุป
     
    ข้อดี
    - งานประกอบดี
    - ยึดได้แน่นด้วย gel pad
     
    ข้อเสีย
    - ไม่สามารถปรับสูง-ต่ำได้
     
    ผมได้มาในราคา 619.09 บาทจาก eBay ท่านใดสนใจ ลองดู link จากใน YouTube ด้านบนนะครับ
  20. Like
    mnirun got a reaction from Ohm in [Review] MONKEY Car Dash Mount   
    สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวของใช้(เล่น) ชิ้นใหม่ เป็น Car Dash Mount ครับ
     
    ก่อนอื่นลองมาดูวิดีโอสักนิด
     


     
    มาดูของจริงกันเลย
     

     
    หมุนได้ 360 องศา มีที่เกี่ยวสายไฟและหูฟัง Bluetooth มาให้ด้วย
     

     
    ด้านล่างเป็น gel pad ช่วยให้ยึดติดได้แน่น ที่เห็นขาวๆ นั่น ยังไม่ได้ลอกกระดาษออกครับ
     

     
    ลอกกระกาษออกมาแล้วเป็นแบบนี้ครับ
     

     
    เลื่อนสลักที่ฐานไปด้านหลังจะทำให้ตัวฐานเป็นสูญญากาศเหมือน Dash Mount ทั่วไป ขาจับเลือนเข้า-ออกได้ แต่ไม่สามารถปรับสูง-ต่ำได้
     

     
    คอนโซลของ Civic FD ไม่ได้เรียบสนิท แต่ก็สามารถยึดติดได้แน่นด้วยการออกแรงกดตัวฐานลงไปแล้วเลื่อนสลักไปทางด้านหลัง แค่นี้ก็ติดแน่นแล้วครับ
     

     
    ผมเลื่อนขาจับออกมาด้านหน้า จะได้เห็นจอมือถือเล็กๆ ของผมได้ชัดหน่อย
     

     
    เอาโทรศัพท์ไปลองใส่ดู
     

     
    ภาพมุมสูง
     

     
    ภาพหน้าตรง
     

     
    ซื้อมาเพื่อการนี้
     

     
    GPS มันดูแนวนอนได้นะ แต่ดูแนวนี้แล้วมันเห็นภาพไกลดี
     

     
    สรุป
     
    ข้อดี
    - งานประกอบดี
    - ยึดได้แน่นด้วย gel pad
     
    ข้อเสีย
    - ไม่สามารถปรับสูง-ต่ำได้
     
    ผมได้มาในราคา 619.09 บาทจาก eBay ท่านใดสนใจ ลองดู link จากใน YouTube ด้านบนนะครับ
  21. Like
    mnirun got a reaction from l-Ae-l in [Review] MONKEY Car Dash Mount   
    สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวของใช้(เล่น) ชิ้นใหม่ เป็น Car Dash Mount ครับ
     
    ก่อนอื่นลองมาดูวิดีโอสักนิด
     


     
    มาดูของจริงกันเลย
     

     
    หมุนได้ 360 องศา มีที่เกี่ยวสายไฟและหูฟัง Bluetooth มาให้ด้วย
     

     
    ด้านล่างเป็น gel pad ช่วยให้ยึดติดได้แน่น ที่เห็นขาวๆ นั่น ยังไม่ได้ลอกกระดาษออกครับ
     

     
    ลอกกระกาษออกมาแล้วเป็นแบบนี้ครับ
     

     
    เลื่อนสลักที่ฐานไปด้านหลังจะทำให้ตัวฐานเป็นสูญญากาศเหมือน Dash Mount ทั่วไป ขาจับเลือนเข้า-ออกได้ แต่ไม่สามารถปรับสูง-ต่ำได้
     

     
    คอนโซลของ Civic FD ไม่ได้เรียบสนิท แต่ก็สามารถยึดติดได้แน่นด้วยการออกแรงกดตัวฐานลงไปแล้วเลื่อนสลักไปทางด้านหลัง แค่นี้ก็ติดแน่นแล้วครับ
     

     
    ผมเลื่อนขาจับออกมาด้านหน้า จะได้เห็นจอมือถือเล็กๆ ของผมได้ชัดหน่อย
     

     
    เอาโทรศัพท์ไปลองใส่ดู
     

     
    ภาพมุมสูง
     

     
    ภาพหน้าตรง
     

     
    ซื้อมาเพื่อการนี้
     

     
    GPS มันดูแนวนอนได้นะ แต่ดูแนวนี้แล้วมันเห็นภาพไกลดี
     

     
    สรุป
     
    ข้อดี
    - งานประกอบดี
    - ยึดได้แน่นด้วย gel pad
     
    ข้อเสีย
    - ไม่สามารถปรับสูง-ต่ำได้
     
    ผมได้มาในราคา 619.09 บาทจาก eBay ท่านใดสนใจ ลองดู link จากใน YouTube ด้านบนนะครับ
  22. Like
    mnirun got a reaction from bigheads in [Review] MONKEY Car Dash Mount   
    สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวของใช้(เล่น) ชิ้นใหม่ เป็น Car Dash Mount ครับ
     
    ก่อนอื่นลองมาดูวิดีโอสักนิด
     


     
    มาดูของจริงกันเลย
     

     
    หมุนได้ 360 องศา มีที่เกี่ยวสายไฟและหูฟัง Bluetooth มาให้ด้วย
     

     
    ด้านล่างเป็น gel pad ช่วยให้ยึดติดได้แน่น ที่เห็นขาวๆ นั่น ยังไม่ได้ลอกกระดาษออกครับ
     

     
    ลอกกระกาษออกมาแล้วเป็นแบบนี้ครับ
     

     
    เลื่อนสลักที่ฐานไปด้านหลังจะทำให้ตัวฐานเป็นสูญญากาศเหมือน Dash Mount ทั่วไป ขาจับเลือนเข้า-ออกได้ แต่ไม่สามารถปรับสูง-ต่ำได้
     

     
    คอนโซลของ Civic FD ไม่ได้เรียบสนิท แต่ก็สามารถยึดติดได้แน่นด้วยการออกแรงกดตัวฐานลงไปแล้วเลื่อนสลักไปทางด้านหลัง แค่นี้ก็ติดแน่นแล้วครับ
     

     
    ผมเลื่อนขาจับออกมาด้านหน้า จะได้เห็นจอมือถือเล็กๆ ของผมได้ชัดหน่อย
     

     
    เอาโทรศัพท์ไปลองใส่ดู
     

     
    ภาพมุมสูง
     

     
    ภาพหน้าตรง
     

     
    ซื้อมาเพื่อการนี้
     

     
    GPS มันดูแนวนอนได้นะ แต่ดูแนวนี้แล้วมันเห็นภาพไกลดี
     

     
    สรุป
     
    ข้อดี
    - งานประกอบดี
    - ยึดได้แน่นด้วย gel pad
     
    ข้อเสีย
    - ไม่สามารถปรับสูง-ต่ำได้
     
    ผมได้มาในราคา 619.09 บาทจาก eBay ท่านใดสนใจ ลองดู link จากใน YouTube ด้านบนนะครับ
  23. Like
    mnirun got a reaction from l-Ae-l in [Review] เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ CTEK MXS 5.0   
    ทำไมต้องชาร์จแบตเตอรี่บ่อยๆ ทุกสัปดาห์ไม่ถี่เกินไปหรือ ?
     
    ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ปัจจัยหลักสำหรับอายุของแบตเตอรี่ก็คือ Depth of Discharge (DOD) เปอร์เซ็นต์ของความจุแบตเตอรี่ที่ถูกใช้งานออกไป หรือคายประจุออกไป
     
    เรามาลองดูกราฟด้านล่างกัน
     

     
    จากกราฟเมื่อเราใช้แบตเตอรี่ไป 30% (30% DOD) แล้วจึงทำการชาร์จ เราจะสามารถ Charge -> Discharge กลับไปกลับมาได้ถึง 1200+ ครั้ง
     
    แต่ถ้าหากเราใช้แบตเตอรี่ไป 50% (50% DOD) แล้วจึงทำการชาร์จ เราจะสามารถ Charge -> Discharge กลับไปกลับมาได้น้อยลง เหลือเพียง 600+ ครั้ง
     
    และถ้าหากเราใช้แบตเตอรี่ไป 100% (100% DOD) แล้วจึงทำการชาร์จ เราจะสามารถ Charge -> Discharge กลับไปกลับมาได้แค่ 300+ ครั้งเท่านั้น
     
    * ตัวเลข Cycle อาจต่างกันไปบ้างในแบตเตอรี่แต่ละยี่ห้อ, ประเภท แต่ก็เป็นไปในทางเดียวกันครับ
     
    โดยธรรมชาติแล้วเมื่อปล่อยแบตเตอรี่ไว้โดยไม่มีการใช้งาน แบตเตอรี่จะมีการคายประจุด้วยตัวเอง (Self Discharge) อยู่แล้ว การจอดรถทิ้งไว้นานๆ โดยไม่มีการใ้ช้รถ จึงทำให้เกิด DOD สูง ทำให้อายุแบตเตอรี่สั้น ต่างกับคนที่ใช้รถอยู่เสมอๆ มีโอกาสได้วิ่งจนสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้อย่างเพียงพอ ก็จะทำให้ DOD ต่ำ อายุแบตเตอรี่ก็จะยาวนานขึ้นครับ
     
    นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า หากเราต้องการยืดอายุแบตเตอรี่ได้อยู่กับเราไปนานๆ เราต้องลด DOD ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ การชาร์จแบตเตอรี่ทุกสัปดาห์ด้วยเครื่องชาร์จดีๆ จึงช่วยลด DOD และทำให้อายุแบตเตอรี่ยาวนานมากขึ้นครับ
  24. Like
    mnirun got a reaction from l-Ae-l in [Review] เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ CTEK MXS 5.0   
    เกร็ดความรู้
     
    สาเหตุหลักที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม
     
    การเกิดซัลเฟชัน (Sulfation)
     
    การทิ้งรถไว้นานๆ โดยไม่นำไปใช้, การประจุไฟที่น้อยเกินไป (Under Charging), แผ่นธาตุโผล่พ้นระดับน้ำกรด เป็นสาเหตุำให้เกิดผลึกของตะกั่วซัลเฟตเกาะอยู่ที่บริเวณแผ่นธาตุ ทำให้ความจุของแบตเตอรี่ลดลง
     

     
    การแบ่งชั้นของกรด (Acid Stratification)
     
    เมื่อตั้งแบตเตอรี่ทิ้งไว้นานๆ กรดที่มีองค์ประกอบของโลหะหนักจะแยกตัวออกจากน้ำลงไปนอนก้น ทำให้สมรรถนะของแบตเตอรี่ลดลง ความเข้มข้นของน้ำกรดก็จะไม่เท่ากัน โดยด้านล่างมีความเข้มข้นสูงทำให้แผ่นธาตุที่ด้านล่างของแบตเตอรี่เสื่อมลงอย่างรวดเร็ว ส่วนด้านบนที่เจือจางจะเกิดปฏิกริยาเคมีน้อยทำให้จ่ายกำลังได้น้อยกว่า อายุการใช้งานก็จะสั้นตามไปด้วย
     

     
    การสูญเสียน้ำกลั่น (Desiccation)
     
    การประจุไฟมากเกินไปจนอุณหภูมิสูงขึ้นมากทำให้แผ่นธาตุเสื่อมสภาพ งอโค้ง น้ำกลั่นแปรสภาพเป็นไอแล้วระบายออกนอกแบตเตอรี่ทำให้ระดับน้ำกลั่นลดลง
     

  25. Like
    mnirun got a reaction from l-Ae-l in [Review] เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ CTEK MXS 5.0   
    ขอทยอยเอา review เก่าของผมมาลงในบ้านหลังนี้ ให้พีๆ เพื่อนๆ อ่านกันนะครับ
     
    ผมเริ่มจาก CTEK ก่อน เนื่องจากเห็นกระทู้นี้ เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ แล้วรถวิ่งดีขึ้นมากๆ เลยนึกถึง review ชิ้นนี้ขึ้นมาครับ
     
    [Review] เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ CTEK MXS 5.0
     
    สืบเนื่องจากแบตเตอรี่ติดรถเสื่อมภายในระยะเวลา 1 ปีครึ่งจนต้องเปลี่ยนลูกใหม่ ก็เลยอยากจะหาวิธียืดอายุแบตเตอรี่ให้นานกว่าเดิม และส่วนตัวเห็นคนใช้รถน้อย จอดเกือบทั้งสัปดาห์ ใช้แค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ยิ่งทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก ทางเลือกที่ดีสำหรับผมก็คือ "เครื่องชาร์จแบตเตอรี่"
     
    จากการนั่งหาข้อมูลมาสักระยะ สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือก CTEK MXS 5.0 จากประเทศสวีเดน
     

     
    เหตุผลที่เลือก CTEK ก็เพราะเป็นเครื่องชาร์จที่ได้รับการยอมรับให้เป็นอุปกรณ์ OEM ของรถยนต์ยี่ห้อดังๆ เช่น Ferrari, Lamborghini, Porsche ฯลฯ, มีระบบป้องกันการต่อขั้วผิด, ไฟฟ้าลัดวงจร, สะเก็ดไฟ, มาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่นระดับ IP65, จดจำโหมดการใช้งานล่าสุดได้ และเหตุผลที่สำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ ราคาที่สมเหตุสมผล 3,500 บาทครับ
     

     
    8 สเตปการชาร์จแบตเตอรี่
     

     
    4 โหมดการชาร์จแบตเตอรี่
    มอเตอร์ไซค์ (14.4V/0.8A) เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ขนาดเล็ก ความจุ 1.2 - 14Ah
    รถยนต์ (14.4V/5.0A) เหมาะสำหรับแบตเตอรี่ขนาดทั่วไป ความจุ 14 - 160Ah
    สภาพอากาศหนาวเย็น (14.7V/5.0A) หรือใช้ชาร์์จแบตเตอรี่ชนิด AGM (Absorb Glass Material) เช่น Optima, Odyssey ความจุ 14 - 160Ah
    ฟื้นฟูสภาพแบตเตอรี่ (15.8V/1.5A) ความจุ 14 - 160Ah

    อุปกรณ์ในกล่อง
    เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK MXS 5.0
    สาย Comfort Connect แบบหัวแคลมป์ (Clamp) ยาว 40cm



    สาย Comfort Connect แบบห่วงตาไก่ (Eyelet M6 - 6.4mm) ยาว 40cm



    ถุงใส่เครื่องชาร์จแบตเตอรี่
    คู่มือ

    บนตัวเครื่อง CTEK MXS 5.0 ประกอบไปด้วย
    ไฟ Error สีส้ม มุมซ้ายบน
    ไฟ Power สีเขียว มุมซ้ายล่าง
    ไฟ Charging Program 8 ดวง แสดงขั้นตอนการชาร์จแบตเตอรี่ในแต่ละสเตป
    ไฟ Mode สีส้ม 4 ดวง
    ปุ่มเลือก Mode


     
    ถึงเวลาลองของใหม่แล้ว การใช้งานก็ง่าย แค่บีบหัวแคลมป์เข้ากับขั้วแบตเตอรี่ให้ถูกต้อง เสียบปลั๊ก เลือกโหมด ที่เหลือก็ปล่อยให้เครื่องทำงาน แบตเตอรี่เต็มเมื่อไหร่ เครื่องก็จะหยุดทำงานเองโดยอัตโนมัติ
     

     
    หัวปลั๊กแบบ Europlug
     

     
    สาย Comfort Connect แบบหัวแคลมป์ (Clamp)
     

     
    ที่ต่อ Comfort Connect เข้ากับตัวเครื่อง
     

     
    มาลองสาย Comfort Connect อีกแบบนึงกัน ก่อนอื่นก็ถอดปลั๊ก CTEK ก่อน แล้วบีบแถบสีส้มเพื่อถอดเปลี่ยนสาย
     

     
    สาย Comfort Connect แบบห่วงตาไก่ ติดถาวรเอาไว้ในห้องเครื่องพร้อมฝาปิด เพิ่มความสะดวกในการชาร์จ
     

     
    หุ้มกระดูกงูให้เรียบร้อย แล้วใช้ cable tie ยึดสายไว้กับที่รัดแบตเตอรี่
     

     
    ชูมดูใกล้ๆ หน่อย
     

     
    ติดตั้งสาย Comfort Connect เสร็จเรียบร้อยก็กลับมาชาร์จกันต่อ
     

     
    เริ่มชาร์จไฟติดที่สเตป 3 Bulk แสดงว่าเหลือไฟอยู่ไม่ถึง 80%
     

     
    ชาร์จสักพักก็อยู่ที่สเตป 4 Absortion แสดงว่าแบตเตอรี่มีไฟอยู่ 80% พร้อมใช้งานแล้ว ตัวเครื่องอุ่นๆ ไม่ร้อนมาก
     

     
    ผมใช้แบตเตอรี่ GS Super Diamond Double Lid 45Ah ใช้เวลาประมาณ 5 ชม. ในชาร์จจากสเตป 4 Bulk (ไฟ 80%) จนถึงสเตป 7 Float (ไฟ 100%)
     
    หมายเหตุ CCTH: ผมชาร์จอยู่ทุกสัปดาห์ น่าจะใช้เวลา 1.5-2 ชม. ก็เต็มแล้วครับ ไม่นานเหมือนชาร์จครั้งแรกตอนที่ review ครับ
     

     
    ถึงสเตป 7 Float เครื่องจะหยุดชาร์จโดยอัตโนมัติ จับที่เครื่องก็จะรู้สึกได้ว่าไม่ร้อน ถอดปลั๊กออกได้เลย แต่ถ้าเราไม่ถอดปลั๊กออกแล้วแบตเตอรี่คลายประจุจนไฟลดลงมาต่ำกว่า 95% หลอดไฟที่สเตป 8 Pulse ก็จะติดขึ้น เครื่องก็จะเริ่มชาร์จเติมส่วนที่ลดไปให้เราใหม่จนเต็ม 100% เหมือนเดิมครับ
     
    หมายเหตุ CCTH: ผมชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืนหลายครั้ง ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดครับ
     
    ถามว่าจำเป็นไหมที่ต้องมีเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ คุ้มไหมกับค่าตัว 3,500 บาท ?
     
    สำหรับผมมองว่าจำเป็นครับ เพราะอย่างที่บอกตอนแรกว่าผมใช้รถน้อยทำให้ประจุไฟแบตเตอรี่น้อยเกินไป แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติ
     
    คุ้มไหม อันนี้ยังตอบไม่ได้แบบเต็มปากเต็มคำ แต่เท่าที่หาข้อมูลมาก็เห็นบอกกันว่าช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ 2-3 เท่า ที่บ้านผมมีรถ 3 คัน ถ้าช่วยได้อย่างที่อ่านมาจริงก็ถือว่าคุ้มมากครับ เพราะค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ 3 ลูก ก็มากกว่าค่าเครื่อง CTEK แล้วครับ
     
    หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านที่สนใจบ้าง ไม่มากก็น้อยครับ
×
×
  • Create New...