zarya

คำตอบก็ตามนี้เลยครับ
 
1. ไม่ต้องเปลี่ยนบัลลาสต์ครับ ใช้อันเดิมได้เลย เปลี่ยนแต่หลอดก็พอ
 
2. อันนี้อยู่ที่ไฟหน้าครับ ถ้าไฟหน้า 6000K ไฟตัดหมอกก็ควรต้องซีนอน 6000K เหมือนกัน แต่ส่วนตัวแล้วผมไม่แนะนำครับเพราะแสงมันจะฟุ้งมาก ลองหาหลอด LED มาใส่แทนดีกว่า แต่มันจะไม่สว่างนะครับ สิ่งที่จะได้คือ สีของแสงมันจะขาวเหมือนๆกัน ส่วนไฟหรี่ก็เปลี่ยนเป็น LED ได้เลยครับ

ถ้าในแง่การใช้งาน ผมว่าหลอด 2.0 เดิมๆที่ 4300K ดีที่สุดแล้วครับ ส่วนโคม MC นำมาใส่ก่อน MC ได้ไหม ถ้าเป็นรุ่น 2.0 อยู่แล้วก็ใส่ได้แบบไม่ต้องแปลงอะไรเลยครับ
 
ของผมรุ่น 1.8 ก่อน MC ก็เอาโคม 2.0 MC มาใส่ ไม่มีการแปลงอะไรของโคมทั้งสิ้นครับ แปลงแค่สายไฟจากขั้วสายไฟเดิมเข้าบัลลาสต์เท่านั้นครับ

ค่า k คือค่าสีครับ ตรงข้ามกับความสว่างเลย k สูง สว่างน้อยครับ
ค่าความสว่างมีหน่วยเป็นลูเมน
ค่า k ที่ให้ค่าความสว่างสูงสุดคือ 4300k ครับ แต่ จขกท คงไม่ชอบเพราะแสงมันจะออกเหลืองๆอยู่ ถ้าเอาสีออกฟ้าต้องมากกว่า 8000k ขึ้นไปครับ
 
ความเห็นส่วนตัว เอาไม่ให้เกินขาวดีกว่าครับ สีฟ้าและยิ่งถ้าใช้กับโคมเดิมด้วยแยงตามากครับ อาจเจอตำรวจเรียกได้ง่ายๆอีกครับ ตอนนี้ผมเองใช้โคม 2.0และไฟแค่ 4100-4300k นี่แหละครับ

ลูกหมากเสื่อมสภาพ มันจะปวดท้องลึกๆน่ะครับ เอ้ย คนละลูกหมากแล้วม้าง ล้อเล่นครับ
 
รถผมเองก็รู้สึกว่ามันไม่แน่นเท่าไหร่แล้วครับ ไว้ว่างๆจะไปเช็คเหมือนกัน

หลักๆเลยนะครับ
 
1. ตรงจุดที่ใส่หลอดด้านท้ายโคม จะมีพิมพ์ไว้ว่า D2R และจะมีคลิปโลหะเอาไว้กดท้ายหลอดกับโคม
 
2. หมวกบังหลอดจะมีขนาดใหญ่กว่าของ 1.8 และให้สังเกตตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกาของหมวกบังแสงที่ว่าให้ดี มันจะต้องไม่มีเชิงยื่นออกมา ลองดูโคมเดิมคุณก็ได้ครับ มันจะมีเชิงออกมา ถ้า 2.0 ต้องไม่มีนะครับ
 
3. ใต้โคม (ตรงจุดที่เอาไว้ยึดกับบัลลาสต์แท้) มันต้องมีรูเปิดไว้เพื่อให้สายไฟของชุดบัลลาสต์แท้สอดเข้ามาได้แต่ ถ้า 1.8 รูที่ว่านี่จะตันครับ
 
ปล. โคมรุ่น Minorchange สามารถนำมาใส่แทนโคมรุ่นก่อน Minorchange ได้เลยนะครับ ผมใช้อยู่ครับ

ค่า k คือค่าสีครับ ตรงข้ามกับความสว่างเลย k สูง สว่างน้อยครับ
ค่าความสว่างมีหน่วยเป็นลูเมน
ค่า k ที่ให้ค่าความสว่างสูงสุดคือ 4300k ครับ แต่ จขกท คงไม่ชอบเพราะแสงมันจะออกเหลืองๆอยู่ ถ้าเอาสีออกฟ้าต้องมากกว่า 8000k ขึ้นไปครับ
 
ความเห็นส่วนตัว เอาไม่ให้เกินขาวดีกว่าครับ สีฟ้าและยิ่งถ้าใช้กับโคมเดิมด้วยแยงตามากครับ อาจเจอตำรวจเรียกได้ง่ายๆอีกครับ ตอนนี้ผมเองใช้โคม 2.0และไฟแค่ 4100-4300k นี่แหละครับ

ข้อ 3 นี่ มันผิดยังไงเนี่ย เห็นจีน ญี่ปุ่น รัสเซีย เขาก็ใช้ภาษาตัวเองโพสต์ยูทูบกันเยอะแยะ พวกนั้นมันมหาอำนาจเลยนา แล้วผมก็ชอบที่เขาทำงั้นซะด้วย

ลูกหมากเสื่อมสภาพ มันจะปวดท้องลึกๆน่ะครับ เอ้ย คนละลูกหมากแล้วม้าง ล้อเล่นครับ
 
รถผมเองก็รู้สึกว่ามันไม่แน่นเท่าไหร่แล้วครับ ไว้ว่างๆจะไปเช็คเหมือนกัน

คำนวณยากจริงครับ เพราะใน กทม มันมีทั้งติดมาก, ติดหน่อยๆ, ติดอะไรอะไรของมันเนี่ย, ติดนรก สารพัดติดล่ะครับ แต่ละติดก็จะมีอัตราสิ้นเปลืองต่างกันไปอีกด้วย

รู้สึกว่ามาจากแถวๆนั้นเหมือนกันครับ เพื่อนร่วมอุดมการณ์เยอะเลยแฮะ

ผมว่านะครับ เอาจากง่ายไปยาก แบ่งเป็น 2 กรณีนะครับ
 
1. แอร์ตัดรอบตก ตอนใช้น้ำมันเป็นมั๊ย หรือเป็นแค่ตอนใช้แก๊ส ถ้าใช้น้ำมันไม่เป็น ลองจูนแก๊สใหม่ก่อนครับ แต่ถ้าใช้น้ำมันก็เป็น ก็ลองล้างลิ้นปีกผีเสื้อ + รีเซ็ต ECU ก่อนครับ แล้วค่อยจูนแก๊สใหม่
 
2. รถวิ่งมาเท่าไหร่แล้วครับ เอาระยะทางวิ่งรวมทั้งหมดเลยนะครับ ถ้าเกิน 60,000 km แล้ว ก็หาเวลาไปทำตามลำดับนี้ครับ
 
- ตั้งวาล์ว อันนี้จริงๆแล้วสัก 40,000 km ตามคู่มือก็ให้ตรวจเช็คอยู่แล้วครับ แต่ศูนย์ไม่ค่อยทำให้เพราะปกติรถใช้น้ำมัน ระยะวาล์วไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้าใช้แก๊ส ระยะห่างวาล์วจะเพิ่มเร็วขึ้น ไปหาอู่นอกทำก็ได้ ถูกกว่าและไม่ต้องรอคิวนาน
 
- ล้างลิ้นปีกผีเสื้อ + รีเซ็ต ECU ก็ตามด้านบนครับ ถ้าใช้น้ำมันก็มีอาการ ก็ไปทำ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องทำครับ แต่ถ้าไปตั้งวาล์วมาแล้ว ก็ไปทำดีกว่าครับ
 
- จูนแก๊สใหม่
 
ลองดูครับ

ลืมไป อาการเครื่องดับ ผมว่าลองดูก่อนครับว่าช่างที่ติดแก๊สเขาได้ตัดปั๊มติ๊กไหม ถ้าตัดปั๊มติ๊ก ช่างเขาจะใส่ timer ตั้งเวลาไว้ครับว่าหลังจากวาล์วแก๊สทำงานแล้ว นานเท่าไหร่ให้ตัดการจ่ายน้ำมันเพราะว่าการทำงานเมื่อใช้ระบบ auto จะมี 2 จังหวะครับคือ 1. จ่ายแก๊ส และ 2. หัวฉีดแก๊สทำงาน ทีนี้ถ้าหัวฉีดแก๊สไม่ทำงานก่อนที่ timer จะสั่งตัดการจ่ายน้ำมัน เครื่องก็จะดับครับ
 
ในรถของผมระบบมันทำงานแบบนี้ครับ
 
1. เงื่อนไขได้ (1. อุณหภูมิเครื่องถึงที่กำหนด 2. ระยะเวลาสตาร์ทเครื่อง และ 3. รอบเครื่องถึงที่กำหนดครั้งแรก) วาล์วจะเริ่มจ่ายแก๊ส และ timer ตัดปั๊มติ๊กทำงาน ตั้งเวลา 5 นาที
 
2. หัวฉีดแก๊สทำงาน เมื่อรอบเครื่องถึงที่กำหนดครั้งที่ 2 หรือเมื่อเราไม่ได้ผ่อนคันเร่งเลยหลังจาก step แรก ซึ่งขั้นนี้ผมต้องทำภายใน 5 นาทีครับ ไม่งั้นดับเหมือนกัน
 
ลองดูก่อนครับ ถ้าอยากรู้ว่าเขาตัดมั๊ย ก็โทรไปถามครับไม่งั้นก็ทำตามนี้ครับคือ เมื่อสตาร์ทเครื่องจนอุณหภูมิและระยะเวลาสตาร์ทได้เงื่อนไขของระบบแก๊สแล้ว ให้เร่งเครื่องทีเดียวแค่ให้วาล์วจ่ายแก๊สทำงาน (ไฟส้มๆตรงสวิทช์แก๊สจะติด แต่ไฟบอกระดับแก๊สจะยังกระพริบๆอยู่) แล้วปล่อยไว้อย่างนั้นครับ โดยทั่วๆไปผมว่าไม่เกิน 5 นาที ถ้ามีการตัดปั๊มติ๊กจริง timer ก็น่าจะสั่งตัดแล้วครับ ตอนนั้นเครื่องคุณก็จะดับเอง

ลูกหมากเสื่อมสภาพ มันจะปวดท้องลึกๆน่ะครับ เอ้ย คนละลูกหมากแล้วม้าง ล้อเล่นครับ
 
รถผมเองก็รู้สึกว่ามันไม่แน่นเท่าไหร่แล้วครับ ไว้ว่างๆจะไปเช็คเหมือนกัน

ลองดูห้องซื้อขายน่ะครับ มีคนขายอยู่แต่ผมจำราคาไม่ได้ จำได้แค่ว่าไม่แพงครับ ทั้ง 4 ต้นรวมกันไม่เกินหมื่น

ขอบคุณทุกความเห็นครับ เดี๋ยวไว้มีโอกาสจะลองดู เพราะอย่างน้อยแดมป์ประตูก็ช่วยลดเสียงรบกวนจากข้างนอกได้ด้วย

ภาษาไทยมันก็มีจังหวะฮาๆแบบนี้แหละครับ เหมือนกระทู้นึง จำไม่ได้แล้ว เขาเขียนว่า
 
"ช่วยด้วยครับ เครื่องเสียงดัง" นันดิ ดังแล้วไม่ดีเหรอเนี่ย เครื่องเสียง มันก็ต้องดังดิ (แต่เข้าไปอ่านแล้วปัญหาเขาก็ซีเรียสเหมือนกันแฮะ)
 
ขออนุญาต จขกท ที่นำมา ref นะครับ

เดี๋ยวนี้คนขับรถไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยวเยอะครับจะชนตูดหลายทีแล้วถ้าขับตามเร็วคงชนแน่ๆ แต่ยังไงก็ให้อภัยไปเถอะครับจะได้แล้วกันไป

ต้องอธิบายแบบนี้ครับ
 
โปรเจคเตอร์ คือ ประเภทของโคม (โคมแบ่งประเภทหลักๆมี โปรเจคเตอร์ กับ รีเฟลคเตอร์)
 
ซีนอน คือ ประเภทของหลอด (หลอด แบ่งประเภทหลักๆมีหลอดฮาโลเจนหรือหลอดไส้ กับหลอด HID หรือ ซีนอนครับ)
 
ทีนี้โคมทั้ง 2 แบบ ก็จะถูกออกแบบมาให้ใช้กับหลอด 2 แบบตามที่บอกไป แบบไหนก็แบบนั้นเลย แต่มันจะมีประเภทครับว่าโคมนั้นๆออกแบบมาให้ใช้กับหลอดไส้ หรือ หลอดซีนอน ถ้าใช้ผิดประเภท แสงจะเสีย pattern ครับ เป็นที่มาของแสงฟุ้ง แต่ถ้าใช้ตรงประเภท แสงจะไม่ฟุ้งครับ
 
ตัวอย่างเช่น โคมสะท้อน (รีเฟลคเตอร์) ในรุ่น 1.8 กับ 2.0 ที่ออกแบบมาให้ใช้กับหลอดไส้ และซีนอนตามลำดับ สังเกตว่าไฟรุ่น 2.0 เองที่เป็นซีนอนจากโรงงาน แสงจะไม่ฟุ้ง แต่ถ้าเอาซีนอนข้างนอกไปติดในโคม 1.8 แสงจะฟุ้งครับ นี่เพราะมันเป็นการเอาโคมไปใช้ผิดประเภท
 
หรือในซีวิค FB ที่ใช้โปรเจคเตอร์ทุกรุ่น ก็จะเห็นว่าในรุ่น 1.8 จะใช้หลอดไส้ แต่รุ่น 2.0 จะใช้หลอดซีนอน ซึ่งโปรเจคเตอร์ทั้ง 2 รุ่นนี้จะไม่เหมือนกันครับ ถ้าเอาชุดซีนอนไปใส่ในโปรเจคเตอร์ของ 1.8 ผมก็ว่าแสงจะฟุ้งนะครับ
 
สำหรับคำถามของเจ้าของกระทู้ ถ้าหมายถึงโคมโปรเจคเตอร์รุ่นที่ใช้กับซีนอน แล้วเอามาใช้กับหลอดซีนอน ถึงจะเป็นของไต้หวัน แสงก็จะมี pattern เป็นลำมากกว่าโคมรีเฟลคเตอร์ของหลอดไส้แต่เอาไปติดซีนอนครับ เพราะมันเอาไปใช้กับหลอดถูกประเภทแล้ว แต่ถ้าเอาโปรเจคเตอร์รุ่นที่ใช้กับหลอดไส้ ไปติดหลอดซีนอน แบบนี้ฟุ้งไม่มีแพทเทอร์นเหมือนกันครับ
 
ยาวไปหน่อยนะครับ แต่อาจจะตอบคำถามได้

ต้องอธิบายแบบนี้ครับ
 
โปรเจคเตอร์ คือ ประเภทของโคม (โคมแบ่งประเภทหลักๆมี โปรเจคเตอร์ กับ รีเฟลคเตอร์)
 
ซีนอน คือ ประเภทของหลอด (หลอด แบ่งประเภทหลักๆมีหลอดฮาโลเจนหรือหลอดไส้ กับหลอด HID หรือ ซีนอนครับ)
 
ทีนี้โคมทั้ง 2 แบบ ก็จะถูกออกแบบมาให้ใช้กับหลอด 2 แบบตามที่บอกไป แบบไหนก็แบบนั้นเลย แต่มันจะมีประเภทครับว่าโคมนั้นๆออกแบบมาให้ใช้กับหลอดไส้ หรือ หลอดซีนอน ถ้าใช้ผิดประเภท แสงจะเสีย pattern ครับ เป็นที่มาของแสงฟุ้ง แต่ถ้าใช้ตรงประเภท แสงจะไม่ฟุ้งครับ
 
ตัวอย่างเช่น โคมสะท้อน (รีเฟลคเตอร์) ในรุ่น 1.8 กับ 2.0 ที่ออกแบบมาให้ใช้กับหลอดไส้ และซีนอนตามลำดับ สังเกตว่าไฟรุ่น 2.0 เองที่เป็นซีนอนจากโรงงาน แสงจะไม่ฟุ้ง แต่ถ้าเอาซีนอนข้างนอกไปติดในโคม 1.8 แสงจะฟุ้งครับ นี่เพราะมันเป็นการเอาโคมไปใช้ผิดประเภท
 
หรือในซีวิค FB ที่ใช้โปรเจคเตอร์ทุกรุ่น ก็จะเห็นว่าในรุ่น 1.8 จะใช้หลอดไส้ แต่รุ่น 2.0 จะใช้หลอดซีนอน ซึ่งโปรเจคเตอร์ทั้ง 2 รุ่นนี้จะไม่เหมือนกันครับ ถ้าเอาชุดซีนอนไปใส่ในโปรเจคเตอร์ของ 1.8 ผมก็ว่าแสงจะฟุ้งนะครับ
 
สำหรับคำถามของเจ้าของกระทู้ ถ้าหมายถึงโคมโปรเจคเตอร์รุ่นที่ใช้กับซีนอน แล้วเอามาใช้กับหลอดซีนอน ถึงจะเป็นของไต้หวัน แสงก็จะมี pattern เป็นลำมากกว่าโคมรีเฟลคเตอร์ของหลอดไส้แต่เอาไปติดซีนอนครับ เพราะมันเอาไปใช้กับหลอดถูกประเภทแล้ว แต่ถ้าเอาโปรเจคเตอร์รุ่นที่ใช้กับหลอดไส้ ไปติดหลอดซีนอน แบบนี้ฟุ้งไม่มีแพทเทอร์นเหมือนกันครับ
 
ยาวไปหน่อยนะครับ แต่อาจจะตอบคำถามได้

ผมว่าต้องไปศูนย์น่ะครับ ไปวัดคงไม่ช่วยอะไร
 
ล้อเล่นน่ะครับ

ของผม SEC ครับ นอกตัวเลือกแน่นอน แต่แค่จะมาบอกว่าผมเลือกใช้ถังแคปซูล 64 ลิตร เพราะได้ความยาวพอดีท้ายรถเลยครับ
 
เติมเต็มแค่ตอนเดินทางไกล (น้ำมันครึ่งถัง แก๊สเต็มถัง จะหมดจนดับได้ก็ให้มันรู้ไป) ในเมืองผมเติมเต็มที่ไม่เกิน 30 ลิตรครับ

พี่โป่ง ผมมองไม่เห็นรูปน่ะ แต่ถ้าหมายถึงปลั๊กที่ต่อจากไฟต่ำเดิมเข้าขั้วบัลลาสต์แท้ เหมือนเห็นที่วรจักรจะมีน่ะครับ ผมเห็นเขาขายอยู่ 100 เดียว
 
 
โคมหน้ารุ่นก่อน MC ต่างกับ MC เท่าที่เห็นคือ รุ่น MC มุมโคมเป็นสีชาและชายหน้า reflector มีรมสีชาๆอยู่ครับ ส่วนก่อน MC จะมีมุมสีฟ้า ชายหน้าเป็นสีโครเมียมปกติ แต่จานฉายเหมือนกันครับ
 
เปลี่ยนหลอดไฟหน้าให้แสงขาวขึ้น สว่างขึ้น อันนี้ตอบแบบนี้ดีกว่าครับ แยกประเด็นขาว กับ สว่าง
 
ความขาว
 
หลอด HID (ซีนอน) ที่เราใช้ๆกันอยู่ จะมีค่า K เป็นค่า "สี" ของแสงที่ออกมา มีหน่วยเป็นเคลวิน ที่เห็นมากๆต่ำสุดจะเริ่มที่ 3000K ซึ่งแสงเป็นสีเหลือง (ประมาณไฟหน้าหลอดไส้ครับ แต่เหลืองกว่าหน่อย) และค่า K ที่สูงขึ้นจะให้สีขาวขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสีฟ้าในที่สุด
 
ความสว่าง
 
ค่าความสว่างมีหน่วยเป็นลูเมน โดยทั่วไปแล้ว ค่าความสว่างจะแปรผกผันกับค่าสี (K) อันนี้เน้นเลยครับ หลายคนคิดว่าค่า K สูงจะสว่าง แต่จริงๆแล้วมันหลอกตาเราว่าสว่างครับ ยิ่งค่า K สูงยิ่งมืด โดยค่า K ที่ให้ความสว่างมากที่สุดคือ 4300K ซึ่งก็คือ spec ของหลอดเดิมติดรถรุ่น 2.0 นั่นเองครับ (แต่ทำไมผมคิดว่ามันน้อยกว่าก็ไม่รู้แฮะ น่าจะราวๆ 4100K กว่าๆ) อันนี้แสงที่กระทบพื้นจะเป็นสีเหลืองอยู่ แต่ขาวกว่าหลอดฮาโลเจนของรุ่น 1.8
 
ดังนั้น สำหรับ จขกท ที่อยากได้แสงขาวขึ้น และสว่างขึ้น หลอดในตลาดทั่วๆไปที่่ไม่ใช่พวกรุ่นพิเศษ ผมว่าใช้หลอด 6000K ครับ แสงจะขาวขึ้น แต่ตามที่บอกครับ ค่าความสว่างจะลดลง แต่จะลดลงไม่มากเท่าไหร่นัก
 
หวังว่าคงช่วยได้ครับ
 
ปล. แต่เท่าที่ผมเห็นนะ หลอด 4300K นี่เหมาะสมกับการใช้งานที่สุดแล้วครับ แสงสีออกเหลืองจับถนนดีที่สุดแล้ว ยิ่งแสงขาวก็ยิ่งลำบากถ้าขับตอนฝนตก เจอถนนดำๆ บางทีเหมือนไม่ได้เปิดไฟเลยครับ

ปรากฏว่าสายยางใหญ่ไปและดูดแรงไป ผลุบเดียวเข้าไปติดคอแทนซะงั้น

ของผมที่ว่าตัวล็อคหัก คิดว่ามันหักตรงส่วนที่ล็อคสปริงน่ะครับ

ผมเห็นท่านบอกว่า ไม่ค่อยรู้เรื่องเครื่องเสียง ขอแนะนำต่างจากท่านอื่นเล็กน้อย ตามนี้นะครับ
งบน้อยและเห็นผลที่สุด แนะนำให้ใช้ลำโพงเดิม ตัวที่อยู่ในประตูนั้นแหละครับ
แดมป์ประตูเพิ่มเข้าไป ให้มันแน่นหนาครับ (การแดมป์คล้ายการทำตู้ให้ลำโพง)
หาทวีตเตอร์ใหม่ และย้ายออกมา ส่วนตัวอยากให้ลองคุยกับคุณ tor_geo ที่แนะนำอยู่ด้านบนครับ
 
ที่ผมแนะนำเช่นนี้ เพราะอยากให้ทำเป็นขั้นตอน แบบ step by step ครับ
หากท่านถูกใจ จ่ายแค่นี้จบ ผมก็ดีใจ และหากฟังแล้วยังไม่สุด การเปลี่ยนลำโพงคู่ล่างใหม่ ก็ไม่ถือว่าเป็นการเสียเงินซ้ำซ้อนครับ
เพราะท่าน ทำตู้ให้ลำโพงไว้แล้ว มันคือการอัพเกรด มันต่างกับ แนะนำให้ติดโน่น นี่ นั้น ไม่ถูกใจเปลี่ยน อย่างนั้นคือ เสียเงินซ้ำซ้อนครับ